เข้าสู่ระบบบทที่ 2 ปากหวาน
นอกจากนั้นร้านข้าวแกงแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นร้านอาหารที่ยกระดับขึ้นมาอีกนิด เหมาะสำหรับพวกคอเหล้า หรือครอบครัวที่ต้องการออกมาหาของอร่อยในตอนกลางคืน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของบิดาที่เกษียณตัวเอง จากการเป็นลูกเรือขุดเจาะน้ำมันที่ประเทศดูไบมาสิบกว่าปีแล้ว..
“แยมเป็นอะไรมากหรือเปล่า เย็นนี้ไม่ต้องไปญี่ปุ่นดีไหม เดี๋ยวพี่โทรไปบอกพี่หนาให้หาไกด์คนอื่นไปทำแทน” พิษนุถามคนรักด้วยความห่วงใยขณะทานข้าวด้วยกัน
“ไม่ต้องค่ะ แยมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น พอกินยาและได้นอนพักก็ดีขึ้นมากแล้ว”
“ดีขึ้นมากแล้วทำไมไม่ไปทำงานคะ หรืออยากแกล้งให้พี่เป็นห่วง”
หญิงสาวคลี่ยิ้มให้คนรัก “สงสัยจะเป็นอย่างหลังค่ะ” ความจริงที่เธอไม่เข้าบริษัทเพราะเห็นว่าไม่มีงานอะไร จึงให้นนทิยาที่เดินทางไปด้วยกัน เข้าไปจัดการเบิกเงินสำรองจ่ายและเตรียมเอกสารแทน
“แค่นี้ก็รักจะแย่แล้ว ยังอยากจะแกล้งอะไรอีกคะ” ชายหนุ่มพูดขณะตักต้มจืดเยื่อไผ่ใส่ถ้วยใบเล็ก
“ขอบคุณค่ะ” ดาวลดากล่าวขอบคุณเมื่อเขาวางถ้วยต้มจืดให้ตรงหน้า เขามักจะปากหวานและเอาใจเก่งแบบนี้เสมอจึงทำให้เธอไม่เคยเลิกรักเขา ถึงแม้จะจับได้หลายครั้งแล้วว่าเขาแอบนอกใจ แต่เขาก็มักจะมีคำพูดหวานๆ และวิธีเอาใจจนเธอโกรธไม่ลงและยอมอภัยให้เสมอ
“เดี๋ยวอิ่มข้าวแล้วพี่คงต้องขอตัวก่อน เพราะพี่ต้องไปธุระสำคัญ”
“ค่ะ” ดาวลดารับคำง่ายๆ แต่ในใจนั้นสงสัยมากเพราะเขาไม่กล้าสบตากับเธอเท่าไหร่นัก
“แยมไม่งอนพี่ใช่ไหมคะ” พิษนุส่งยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน พอดีกับโทรศัพท์ส่งเสียงดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมาดู “ลูกค้าโทรมาพอดีเลย”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าพี่เต้มีงานก็ไปทำเถอะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะคะ” เขาบอกเธอแล้วรีบลุกขึ้น เดินห่างออกไปไกลพอสมควรจึงกดรับสาย
ดาวลดาส่งสายตามองตามคนรักไปจนเขาสตาร์ทรถออกไป จึงเรียกให้คนงานในร้านมาเก็บถ้วยชามไปล้าง
“แฟนเราไปแล้วเหรอ”
“ค่ะป้าเดือน” ดาวลดาตอบป้าพร้อมรอยยิ้ม
“ทำไมรีบกลับนักล่ะ”
“พี่เต้เขามีธุระต้องไปทำค่ะ”
“แปลกคนนะแฟนเราคนนี้” ดวงเดือนบ่นขึ้นมาลอย ๆ แววตามีความลังเลปนอยู่
“แปลกยังไงหรือคะป้า พี่เต้เขามีสามหู สามตาหรือคะ” ดาวลดาล้อผู้เป็นป้าแล้วหัวเราะเบา ๆ
“เด็กคนนี้นี่ เดี๋ยวป้าตีตายเลย” ดวงเดือนเอ็ดหลานสาวไม่จริงจังนักแล้วนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “ป้ารู้สึกว่าเขาไม่อยากอยู่กับเรานาน ๆ ทุกครั้งที่มาหาหนูเขาจะต้องมีธุระไปทำต่อตลอดเลย”
ดาวลดานิ่งไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำพูดของป้าดวงเดือน ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านางจะสังเกตถึงขนาดนี้
“ป้าเดือนคิดมากไปหรือเปล่าคะ พี่เต้เขาเป็นเจ้าของบริษัทนะ ธุระก็ต้องมากเป็นธรรมดา” เพราะความรักที่มีต่อแฟนหนุ่มทำให้เธอแก้ตัวแทนเขา ถึงแม้จะเห็นด้วยกับคำพูดของป้า.. แต่เขาอาจจะยุ่งเรื่องงานจริง ๆ
“อย่างนั้นเองเหรอ ป้าก็หลงคิดมากอยู่ตั้งนาน” ดวงเดือนรู้ว่าหลานสาวแก้ตัวให้คนรัก แต่นางไม่อยากพูดจากระทบจิตใจหลานให้มากกว่านี้ จึงทำเป็นยอมคล้อยตาม “ป้าว่าหนูเข้าบ้านไปอาบน้ำนอนสักตื่นดีกว่านะ เย็นนี้ต้องไปญี่ปุ่นอีกไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะป้า แต่แยมอยากช่วยป้าขายของก่อนค่ะ”
“ไม่ต้องช่วยแล้วลูก เลยเที่ยงไปแล้วคนไม่ค่อยยุ่ง หนูไปนอนพักสักหน่อยดีกว่านะ” ดวงเดือนเกือบจะจับแก้มของหลานสาวอยู่แล้ว แต่เมื่อนึกได้ว่ามือของตัวเองอาจจะสกปรกและทำให้หน้าสวยใสของหลานเป็นสิว จึงเปลี่ยนเป็นลูบผมด้วยความรักใคร่แทน “เชื่อป้านะลูก ไปพักสักหน่อยเย็นนี้ได้มีแรงทำงาน”
“ก็ได้ค่ะ” ดาวลดาโอบเอวอวบๆ ของป้าอย่างรักใคร่ไม่ต่างกัน
“เข้าไปพักด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ ทางนี้ฉันจัดการเอง” ดวงดาวเดินออกมาจากหลังร้าน ได้ยินคำพูดของคู่แฝดกับหลานสาวจึงเอ่ยปากไล่ทั้งคู่
“ฉันว่าเธอนั่นแหละสมควรเข้าไปพักพร้อมหลาน ทำกับข้าวมาตั้งแต่เช้าแล้ว” ดวงเดือนไม่ยอม
“เธอนั่นแหละไป ทางนี้ฉันจัดการเอง ใครบอกว่าฉันเป็นคนทำฉันแค่ไปยืนคุมแล้วก็ชิมรสชาติแค่นั้นเอง ไม่เห็นจะเหนื่อยตรงไหน ไปเถอะไป ไปพักสักหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวก็เก็บร้านแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ แยมเอาป้าเดือนเข้าบ้านไปด้วยลูก” ดวงดาวบอกกับหลานสาว
“แยมว่าป้าทั้งสองเข้าไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ ปล่อยหน้าที่ทางนี้ให้แยมจัดการดีกว่า”
“ไม่ได้!” สองเสียงประสานขึ้นมาพร้อมกัน ไม่ยอมให้หลานสาวคนสวยที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวเพราะอีกคนแต่งงานไปแล้วต้องทำงานหนักเด็ดขาด
“ห้ามพูดคำนี้กับแยมเด็ดขาดค่ะ ไปเลยค่ะ เข้าบ้านไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้เลยค่ะ งานหมูๆ แค่นี้แยมจัดการเอง” หญิงสาวโอบบ่าของป้าฝาแฝดทั้งสองแล้วเดินไปยังทางเข้าบ้านซึ่งอยู่ทางด้านหลังของร้านเข้าไปประมาณห้าสิบเมตร..
“ป้าเดือน ป้าดาว อาบน้ำแล้วเข้าไปเปิดแอร์นอนให้สบายเลยนะคะ ถ้าแยมกลับเข้ามาเห็นป้าทั้งสองยังไม่นอนแยมงอนจริง ๆ ด้วย” ดาวลดาส่งป้าทั้งสองถึงหน้าบ้านแต่ไม่ได้เดินเข้าไปเพราะจะรีบกลับไปดูแลที่ร้าน
“แต่ป้าอยากให้หนูนอนมากกว่า” ดวงดาวดึงแขนหลานสาวไว้ ดวงเดือนพยักหน้าเห็นด้วย
“แยมยังเป็นสาวเป็นแส้ ยังแข็งแรงดีค่ะ ป้าเดือน ป้าดาวไม่ต้องห่วงแยมหรอกค่ะ” เธอตัดบทด้วยการหอมแก้มของป้าทั้งสองแล้ววิ่งเหยาะ ๆ ออกไปตามเส้นทางเดิมที่เดินเข้ามา..
“ฉันไม่อยากให้หลานแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นเลยดาว” ดวงเดือนพูดขึ้นขณะส่งสายตามองตามหลังหลานสาวที่วิ่งไปไกลเกือบถึงร้านแล้ว
“ทำไมล่ะ เขาก็รักกันมานานหลายปีแล้วนี่”
“ก็เพราะหลายปีนะสิถึงไม่อยากให้แต่ง”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอนะ แต่มันเป็นเรื่องของเขาสองคนนะพี่เดือน” ดวงดาวเข้าใจดีว่าเพราะอะไรพี่สาวคู่แฝดถึงคิดแบบนี้ เพราะหลายปีที่หลานสาวรู้จักกับพิษนุจนกลายเป็นแฟนกัน ผู้ชายคนนั้นไปมาหาสู่ที่บ้านหลังนี้แต่ละครั้งก็เหมือนไม่ได้ตั้งใจมา ส่วนมากจะแวะมากินข้าวที่ร้านแล้วก็ซื้อกับข้าวกลับไปฝากที่บริษัทครั้งละมาก ๆ แต่ก็ไม่เคยแวะมาคุยหรือกินข้าวร่วมโต๊ะแบบเป็นทางการสักครั้ง
“ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะ.. แต่ฉันรู้สึกว่าเขาดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้ เวลาฉันมองหน้าเขา เขามักจะหลบสายตาฉันเสมอ แม้กระทั่งกับหลานเราเขาก็เป็นนะดาว” ดวงเดือนเล่าเรื่องเดิม ๆ ให้น้องสาวฟังอีก
“เราอาจจะคิดมากกันไปเองก็ได้นะเดือน เพราะเรารักและเป็นห่วงหลานมากเกินไป”
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ”
“เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวหลานกลับมาเห็นเรายังไม่ขยับไปไหนจะโดนเขางอนใส่เอานะ" ดวงดาวพูดติดตลก เดินนำเข้าไปในบ้าน...
หญิงสาวเบี่ยงหน้าไปมองคนรัก ยื่นปากรับจูบที่เขาส่งมาแล้วยิ้มกว้าง ก่อนหันกลับไปมองบรรยากาศเบื้องหน้าที่มีต้นไม้ใหญ่และสนามหญ้า มันไม่มีอะไรพิเศษ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดสลัวที่มีแค่แสงไฟประปราย จึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมองดวงดาวที่ส่องแสง“คืนนี้ดาวเยอะดีนะคะ”“ครับ” เขาตอบและฝังจูบลงบนศีรษะเธอ “คืนนี้สระผมด้วยนะครับ”ดาวลดากลั้วหัวเราะเมื่อถูกเขาหยอกเอินเรื่องผม เอนหลังไปพิงกับแผ่นอกกว้างแสนอบอุ่นของเขา“ตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่สุดเลยค่ะเจสัน ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่หนีมารักษาแผลใจที่นี่”ชายหนุ่มโอบกอดคนรักไว้แน่น เกยคางกับศีรษะของเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มสุขใจ มองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างที่ประดับด้วยหมู่ดาวพราวระยับ“คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมครับแยม”“คุณว่าคู่ของเราเป็นพรหมลิขิตหรือคะ” เธอกอดแขนที่กอดเธอไว้เจสันโน้มหน้าลงไปใกล้หูของคนรัก “เมื่อก่อนลมหายใจ ก็คิดว่าเป็นของฉัน แต่พอได้พบเธอ เพิ่งรู้จริง ๆ ลมหายใจคือเธอเท่านั้น มีคนเป็นล้านคน ช่างไร
ฉันจะจ้างกลุ่มแอนตี้แฟนมาจัดการเธอ ผู้หญิงร้ายกาจ ผู้หญิงหน้าไม่อาย เซมีกร่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ส่งสายตาเรืองรองตามเธอไปไม่ลดละ เมื่อเล่นงานซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ ก็จะขอตามรังควานให้เธออยู่อย่างไม่มีความสุข ให้ความรักของเธอลุ่ม ๆ ดอน ๆ จนต้องเลิกกันไปเลยเซมีมองไปโดยรอบ เมื่อไม่เห็นใครมองมาทางนี้ก็รีบเดินตามดาวลดาไปใกล้ ๆ จงใจกระแทกอีกฝ่ายให้ล้มคะมำ แต่โชคไม่เข้าข้างเธอสักนิด เพราะหล่อนดันเบี่ยงตัวไปอีกทางพอดี คนที่เสียหลักจนล้มจึงกลายเป็นตัวเธอเองดาวลดายืนนิ่งอยู่กับที่ มองหญิงสาวที่กองอยู่กับพื้นด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาเรืองรองที่ค้อนใส่ก็ค่อย ๆ เข้าใจอะไรมากขึ้น หล่อนจงใจแกล้งเธอ แต่บังเอิญเหลือเกินที่โทรศัพท์เธอดังขึ้นพอดี จึงตั้งใจเดินไปอีกทางเพื่อหามุมคุยสาย หล่อนก็เลยพลาดเสียเองสินะ“เจ็บไหมคะคุณเซมี เดินระวังหน่อยสิคะ รีบลุกขึ้นเร็ว ๆ ค่ะ ก่อนที่คนอื่นจะเห็นเข้า จะได้ไม่ต้องอายมาก”เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยของอีกฝ่าย ก็รู้สึกโมโหมากกว่าอาย แต่อารมณ์อยากเอาชนะยังมีอยู่ จึงแสร้งทำเป็นยื่นมือไปหาเธอ“ช่วยดึงฉันขึ้นหน
“ทำเป็นเอาน้องมาอ้าง ความจริงอยากไปดูศิลปินค่ายอื่นมากกว่า ผมพูดถูกใช่ไหม” นอกเหนือจากที่พูดแหย่ไป เขารู้ว่าเธอผูกพันกับมินวูมากยิ่งขึ้นหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น“ถูก” หญิงสาวยิ้มกว้างให้คนรักที่มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก“ผมให้คุณไปอยู่แล้ว แต่คุณอย่าเอาแต่สนุก ไปกับพวกเขาจนลืมผมล่ะ”“ถึงฉันจะรักมินวูเขามากแค่ไหน แต่ก็ยังน้อยกว่าคุณอยู่เท่านี้” เธอยกมือขวา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กะระยะความต่างประมาณหนึ่งข้อนิ้ว“แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ขอแค่มากกว่าผมก็ไม่อิจฉามินวูเขาแล้ว” เขาตอบแบบคนใจป้ำ“คุณเป็นคนใจแคบตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”“ตั้งแต่มีคุณเป็นแฟนนี่แหละ”“นึกว่าตั้งแต่เกิด” เธอเลิกคิ้วค้างไว้ ชักสีหน้าอมยิ้มยียวน“พูดแบบนี้จูบโชว์คนในกองซะดีไหม”“ไม่ดี” ดาวลดารีบส่ายหน้าแล้วลดเสียงพูดให้เบาลงกว่าเดิมอีกหน่อย “ไว้จูบที่บ้านคืนนี้ดีกว่าค่ะ เผื่อจะได้มากกว่านั้น”เจสันหรี่ตา เอียง
“พวกเราเป็นห่วงพี่มากเลยครับ โทรมาถามอาการจากพี่เจสันทุกวันเลย” ดงโฮพูดขึ้นบ้าง“ตอนที่มินวูวิ่งออกไปกลางรายการพวกเราตกใจมากเลยครับ พอรู้ว่าพี่สาวประสบอุบัติเหตุพวกเราไม่มีกะจิตกะใจจะถ่ายต่อเลยครับ” ดงซิกเล่าบ้างดาวลดาคลี่ยิ้มมองชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยความซาบซึ้งใจ “พี่หายดีแล้วเราจัดปาร์ตี้กันนะ พี่เฮียวริ คุณฮานิด้วยนะคะ”“ครับผม” ชายหนุ่มทั้งสี่รีบตอบรับ“มินวูเข้ามาใกล้ ๆ พี่หน่อย ขอพี่กอดหน่อยสิ” เจสันบอกว่าเขาคือคนที่ช่วยต่อชีวิตให้เธอ เพราะเขามีกรุ๊ปเลือดพิเศษเหมือนกับเธอชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้กับหญิงสาวแล้วโน้มตัวลงไปหา ปล่อยให้เธอโอบกอดด้วยความเต็มใจ“ขอบใจนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเลือดของเธอ พี่อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาคุยอยู่แบบนี้”“ไม่ได้มีเฉพาะผมคนเดียวนะครับที่อยากช่วยพี่แยมมี่ มีอีกเป็นพันคนที่อยากช่วยพี่”“แต่อีกหลายพันคนที่ว่าฉันแค่แถลงข่าวขอบคุณเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องให้กอดแบบนาย” เจสันเข้ามาตอนไหนไม่มีใครเห็น แต่ทุกคนได้ยินน้ำเ
“ต่อให้มีอีกหมื่นข้อความหรือหมื่นของฝากผมก็ไม่รู้สึกดีหรอกพี่ ตราบใดที่คุณแยมเธอยังไม่ฟื้น” เขารู้สิ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายพีอาร์จัดการไปเดือนนภาแตะมือลงบนบ่าของเจสัน “เธอจะต้องฟื้น ตอนนี้เธอแค่นอนพักผ่อนเพื่อชาร์ตพลัง หลังจากที่ต้องเหนื่อยมานาน”“ครับพี่สะใภ้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ “พี่สะใภ้ครับเรื่องนี้คุณพ่อกับคุณป้าทั้งสองท่านทราบหรือยัง” เขาถามเมื่อนึกขึ้นได้“พี่ไม่อยากให้พวกท่านหัวใจวาย คุณหมอก็ยืนยันว่าแยมเขาปลอดภัยดีแล้ว พี่เลยตัดสินใจไม่บอกให้พวกท่านรู้จะดีกว่า”“จะดีหรือครับ ถ้าท่านรู้เข้าท่านอาจจะโกรธผมนะครับ” แค่นี้ท่านก็ไม่อยากได้เขยต่างชาติอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าทีหลังคงพาลูกสาวกลับไปแน่ ๆ“พี่เชื่อว่าแยมก็คิดแบบเดียวกับพี่.. หรือว่าเธอเบื่อน้องสาวพี่แล้วก็เลยเอาพ่อมาอ้าง พ่อพี่จะได้รีบมารับแยมเขากลับไป” เดือนนภาแกล้งทำสีหน้าจริงจังเจสันรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน “ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผมรักแยมมี่แทบตายพี่ก็น่าจะทรา
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะครับ” วูซองอาเป็นคนพูดขึ้นหลังจากทีมแพทย์ทั้งหมดเดินจากไปแล้ว“ครับ/ค่ะ”“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เอาไว้แยมมี่หายดีแล้วผมจะเลี้ยงอาหารตอบแทนน้ำใจนะครับ” เจสันพูดขึ้นมาบ้าง สบตากับน้องชายกำมะลอของคนรักด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนเดินเข้าไปกอด “โดยเฉพาะนายนะมินวู ขอบใจมากจริง ๆ”มินวูกอดตอบแล้วผละออก “เธอเป็นพี่สาวผมนะ พี่จะทำคะแนนคนเดียวได้ยังไง” ทำเป็นพูดติดตลกด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ความจริงผมอยากอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ แต่พรุ่งนี้พวกเราต้องไปแฟนมีตที่ญี่ปุ่นแต่เช้าเลยไม่สะดวก ฝากบอกพี่สาวด้วยว่าให้คอลหาเราด้วย เราอยากนัดเธอไปดูหนัง”“ฉันจะบอกเธอให้นะ” เจสันรับปากแล้วเดินไปส่งทุกคนที่ลิฟต์“คุณเจสันครับ ถ้าทราบหมายเลขห้องแล้วโทรบอกผมนะครับ ผมจะเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน” คังวูวานบอกกับเจ้านายก่อนเดินเข้าไปในลิฟต์“ขอบคุณมากครับคุณคัง”หนึ่งคืนกับหนึ่งวันผ่







