บทที่ 3 อุบัติเหตุ
สนามบิน
ดาวลดาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเดินทางถึงสนามบินแล้วพบว่าคนที่รออยู่ก่อนแล้วคือวาสนา
“ก้อยเป็นอะไรหรือเปล่าคะป้า”
“ทำไมถามอย่างนี้ล่ะน้องแยม” วาสนาเลิกคิ้ว ยู่ปากเล็กน้อย
“ก็ทัวร์นี้หนูต้องไปกับก้อยเขานี่คะ”
“ก็ไอ้ก้อยมันบอกพี่ว่าคุณเต้ให้มันไปดูแลทัวร์ที่เกาะช้าง แล้วให้ป้าไปทัวร์นี้แทนมันน่ะ มันยังบอกอีกว่าเรารู้เพราะคุณเต้จะบอกกับเราเอง” วาสนาทำหน้าแปลกใจ “สรุปว่าเราไม่รู้เรื่องเลยเหรอ แล้ววันนี้ได้เจอคุณเต้เขาหรือเปล่า”
“เจอค่ะป้า เขาแวะไปกินข้าวที่ร้านแต่ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย.. สงสัยจะลืม” ตอบแบบไม่ได้คิดอะไรมาก
“อือ สงสัยเขาคงลืมจริง ๆ นั่นแหละ ไปเถอะ ไปเตรียมตัวรอรับลูกทัวร์กันดีกว่า” วาสนาตัดบทเพียงเท่านั้น
“ค่ะ” ดาวลดารับคำแล้วเดินตามไกด์สาวรุ่นใหญ่ไปติดๆ
“ถ้าไม่แน่ใจจะโทรถามคุณเต้เขาก็ได้นี่แยม” วาสนาแนะนำขณะเดินคู่กันไป
“ไม่เป็นไรค่ะพี่หนา แยมยังไงก็ได้” ดาวลดาปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่...
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ดาวลดาเปิดประตูออฟฟิศเข้าไป ส่งยิ้มให้พนักงานทั้งหลายที่ทักทายมาอย่างเป็นกันเอง
“ของฝากจากญี่ปุ่นจ้ะ แบ่งกันนะ” เธอยื่นถุงลูกอมให้พนักงานสาวคนหนึ่งก่อนเดินไปที่แผนกและนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่โต๊ะประจำตำแหน่งของใคร ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้หมด
“มาแต่เช้าเลยนะหนูแยม” วาสนาเดินเข้ามาพร้อมกาแฟหอมกรุ่น ควันลอยฉุย
หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างและยกมือไหว้อีกฝ่าย “ก็ยังช้ากว่าป้าอยู่ดี”
“กาแฟสักถ้วยไหมหนู”
“ไม่เอาค่ะป้า ป้าก็รู้ว่าหนูไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟ”
“ดีแล้วที่ไม่ดื่ม ป้าขาดไม่ได้เลยหนูเอ๊ย มือไม้สั่น อาการวูบถามหาอย่างกะวัยทอง” วาสนาทำท่าทางให้ดู
“ถ้าหนูง่วงจริง ๆ นั่นแหละถึงจะเอาสักหน่อย แต่ต้องมีพวกขนมปังแกล้มด้วยนะคะ หรือไม่ก็ต้องกินข้าวตามไป ไม่งั้นปากสั่น มือสั่นไปหมดเลยค่ะ”
“สวัสดีค่ะป้าหนา พี่แยม” พนักงานสาวที่อายุน้อยที่สุดในบริษัทนามว่าหนึ่งฤทัยเยื้องกายเข้ามาทักทายด้วยการไหว้พร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีจ้ะ” ทั้งสองทักทายและยกมือไหว้รับเกือบพร้อมกัน
“น่ารักเนอะป้า” ดาวลดาพูดกับวาสนาเมื่อหนึ่งฤทัยเดินจากไปแล้ว
“อือ” วาสนาพยักหน้าเห็นด้วย
“ไอ้ก้อยยังไม่มาอีก” หญิงสาวถามถึงเพื่อนร่วมงานคนสนิทด้วยความเคยชิน
“มันจะมาได้ยังไง มันเพิ่งไปเกาะช้างเมื่อวานนี้เองนะ” วาสนาซึ่งมีหน้าที่ดูแลตารางงานของไกด์ทั้งหมดกล่าวขึ้น
ก๊อก ๆ ๆ
กระจกที่กั้นไว้ง่าย ๆ ระหว่างแผนกถูกเคาะให้สัญญาณเล็กน้อยก่อนที่จะมีเสียงถาม
“เที่ยงนี้แผนกเราจะออกไปเยี่ยมคุณก้อยพี่ทั้งสองจะไปด้วยไหมคะ”
“ก้อยเป็นอะไร!” ดาวลดาถามด้วยเสียงที่แสดงความแปลกใจ
“พี่ก้อยโดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมื่อวานนี้ค่ะ”
“ทำไมถึงโดนล่ะ ไหนบอกว่าไปเกาะช้างไง” วาสนาถามบ้าง
“โดนตอนเช้าค่ะพี่ก่อนเดินทาง”
“แล้วใครไปแทนไอ้ก้อยล่ะ” วาสนายังซักต่อ หยิบตารางงานขึ้นมาดูเพื่อเปลี่ยนรายชื่อ ทำสรุปผลตอนสิ้นเดือน
“พี่ปุ้มค่ะ แล้วพี่ทั้งสองจะไปกับพวกเราไหมคะ”
“พี่ไม่ไปจ้ะ เพราะอีกเดี๋ยวพี่จะออกไปเลย ขอบใจนะจ๊ะที่ส่งข่าว”
“ป้าก็ไม่ไป เพราะป้าจะไปพร้อมกับพี่แยมเขาเลย” ...
ก๊อกๆ ๆ
นนทิยามองไปที่ประตูห้องพักของโรงพยาบาลที่ตนนอนรักษาตัวอยู่เมื่อได้ยินเสียงเคาะ มันถูกเปิดออกช้า ๆ ก่อนที่ใครบางคนจะก้าวเข้ามา
“แยม!” นนทิยาอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด แทนที่จะดีใจเมื่อได้เจอเพื่อนสาวร่วมงานคนสนิท
“จ๊ะเอ๋!” วาสนาที่เดินตามดาวลดาอยู่ เอียงหน้าไปทักทายหญิงสาวเจ้าของห้อง
แอ๊ด.. ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับเสียงถาม
“ใครมาเหรอก้อย?”
จากอาการตกใจในตอนแรกกลายเป็นหน้าซีดขาว เหมือนคนที่ทำความผิดร้ายแรง แล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม เธอได้แต่นิ่งงัน
ดาวลดาและวาสนาก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นพิษณุที่นี่.. ในลักษณะที่ดูคล้ายสนิทชิดเชื้อมากเป็นพิเศษ มากกว่าเจ้านายกับลูกน้องแบบที่ควรจะเป็น
“แยม!” พิษนุอุทานชื่อคนรักออกมาเบาหวิวด้วยความตกใจ ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการคลี่ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปหา โอบบ่าของเธอหลวมๆ “ทำไมไม่โทรบอกพี่ก่อนคะ ว่าจะมาเยี่ยมคุณก้อยเขา พี่จะได้ไปรับ พี่ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน มาถึงก็ขอคุณก้อยเขาเข้าห้องน้ำนี่แหละ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มละมุน ส่งยิ้มให้เธออย่างรักใคร่.. ใครจะคาดคิดว่าจะมีคนมาเยี่ยมไข้แต่เช้าแบบนี้ พวกพนักงานในบริษัทที่รู้ข่าวน่าจะมาอย่างเร็วก็คือช่วงเที่ยงหรือตอนเลิกงานแล้ว
“ค่ะ” ดาวลดารับคำสั้นๆ ฉีกยิ้มเล็กน้อย แต่ในใจนั้นเจ็บปวด เธอมั่นใจว่าเขาโกหก เสื้อผ้าของเขามีรอยยับ.. เวลาพูดมีกลิ่นหอมของยาสีฟันลอยออกมา ใบหน้าของเขาก็เหมือนเพิ่งล้าง ตามไรผมยังมีน้ำเกาะอยู่ให้เห็นบ้าง
“ของฝากจากป้ากับไอ้แยมจ้ะ” วาสนาพูดแทรกด้วยเสียงแจ่มใสและดังกว่าปกตินิดหนึ่ง เพื่อให้คลายความตึงเครียดลงบ้าง ยื่นกระเช้ารังนกให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความสงสัยที่เกาะกินอยู่ในใจจะเป็นเรื่องจริง แล้วดาวลดาล่ะ.. กำลังคิดอะไรอยู่
“ขอบคุณค่ะป้า ขอบใจมากนะแยม ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาฝากเลย แค่มาเยี่ยมก้อยก็ดีใจแล้ว”
“ไม่ได้หรอก ต้องบำรุงเยอะ ๆ จะได้หายไว ๆ ตอนนี้ไกด์ยิ่งน้อย ๆ อยู่” ดาวลดาตอบเพื่อนสาวพร้อมรอยยิ้มก่อนหันไปทางคนรักอีกครั้ง “แล้วพี่เต้ล่ะคะซื้ออะไรมาเยี่ยมลูกน้องคะ” เธอถามออกไปเพราะแอบมองทั่วห้องแล้วยังไม่เห็นอะไรที่เป็นของฝากสักชิ้น ตอนนี้ความไม่สงสัยมันล้นปรี่อยู่ในอก แต่คนอย่างพิษนุถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาเขาไม่เคยยอมรับ
“... ไม่ได้ซื้อเลยค่ะ พอดีพี่ทราบข่าวก็รีบแวะมาเยี่ยมเพราะอยู่แถวนี้พอดี ตั้งใจว่าจะซื้อให้ทีหลัง ไม่ว่ากันนะครับคุณก้อย”
“คะ.. ค่ะ.. ไม่ต้องซื้อของมาเยี่ยมให้เปลืองเงินหรอกค่ะคุณเต้ แค่มาเยี่ยมก้อยก็ขอบคุณมากแล้ว” นนทิยาพยายามอย่างยิ่งที่จะพูดออกไปโดยไม่ให้เสียงสั่น น้อยใจในตัวชายหนุ่มเป็นอย่างมากที่ยังเห็นดาวลดาสำคัญกว่าเธออยู่เสมอ
ดาวลดาชวนไกด์ร่วมงานอีกสองคนเดินไปที่ลิฟต์ เมื่อจัดการเรื่องห้องพักให้ลูกทัวร์เรียบร้อยแล้ว “แยม เมื่อกี้พนักงานโรงแรมบอกว่ามีข้อความฝากถึงหนูน่ะ” ศรันยูบอกกับไกด์สาวรุ่นน้อง “ขอบคุณค่ะพี่ยู น้องหนูขึ้นไปกับพี่ยูก่อนนะเดี๋ยวพี่ตามไป ฝากน้องขึ้นไปด้วยนะคะพี่ยู” “โอเค”... “สวัสดีค่ะ ฉันแยมมี่ค่ะ มีข้อความฝากถึงฉันหรือคะ” เธอเดาว่าน่าจะเป็นพี่สาว เพราะเป็นคนเดียวในเกาหลีที่รู้เบอร์โทรที่พักของเธอทุกแห่ง เพราะเมื่อเธอเดินทางมาที่นี่ทุกครั้ง เธอจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักไปให้พี่สาวเสมอ “นี่ค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” ดาวลดารับมาอ่าน มีข้อความสั้นๆ กับเบอร์โทรให้ติดต่อกลับด่วน “มินวูนี่นา” หญิงสาวฉีกยิ้มเมื่อนึกถึงน้องชายกำมะลอที่น่ารักคนนั้น เขายังไม่ลืมเธอ ดาวลดายืนรออยู่อีกครู่ใหญ่ กะเวลาให้สมฤดีเข้าห้องพักแล้วจึงบอกพนักงานให้ต่อเบอร์ห้องให้ เพื่อแจ้งให้หญิงสาวทราบว่าตัวเองจะไม่กลับขึ้นห้อง“ขอโทษนะที่ปล่อยให้นอนคนเดียวอีกแล้ว”(ไม่เป็นไรค่ะพี่แยม หนูเตรียมใจมาก่อนเดินทางแล้วค่ะ เพราะพี่ๆ ที่เขาเคยมากับพี่แยมเขาบอกให้หนูท
“ก็แค่ทานข้าวด้วยกันสี่ห้าสิบมื้อเอง” “แล้วเธอเห็นพี่เขยเธอว่างงานมากหรือจ๊ะไอ้ตัวแสบ” “ก็พี่เยลไม่ค่อยว่างนี่คะ แยมเลยต้องสอดส่องแทนให้” เพราะก่อนที่พี่สาวตนจะแต่งงานนั้น เธอมีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เที่ยวบินหลักจะเป็นทางโซนเอเชียก็ตาม “รู้ไหมสามีพี่เขาว่ายังไง เขาบอกว่าหนึ่งเดือนเขาจะเจอกับพี่ประมาณสองครั้ง พอๆ กับที่เขาต้องไปเจอกับแยมมี่เลย น้องเขายังเคยแซวเลยว่าตกลงแฟนพี่ชายเขาคนไหนกันแน่” ดาวลดาหัวเราะด้วยความถูกใจ แล้วนึกสงสัยคำพูดของพี่สาว “พี่เฮียวริใช่ไหม แยมจำพี่เขาไม่ค่อยได้แล้วค่ะ เห็นกันแค่ตอนงานแต่งงานครั้งเดียว” “ใช่จ้ะ แต่คนที่แซวเขาไม่ใช่เฮียวรินะ เป็นเจสันน่ะ” “เจสันวูเหรอพี่เยล” ดาวลดาเบิกตาด้วยความตื่นเต้นเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น นักร้องนักแสดงขวัญใจสาวเอเชียแล้วยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทตัวจริงที่พี่เขยออกหน้าบริหารอยู่ และเขาก็เป็นญาติสนิทกับพี่เขยของเธอ “ซองอาเขาบอกว่าถ้าไม่ได้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทด้วย สงสัยโดนน้องชายไล่ออกไปแล้ว” “เขาเป็นญาติทางไห
บทที่ 5 พี่สาว พี่เขยดาวลดาหันไปทางบิดา คลี่ยิ้มกว้างก่อนวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มอีกหนึ่งทีด้วยความรัก“จริงด้วยค่ะ ยังมีอีกหนึ่งหนุ่มที่รักแยมมาก แยมลืมได้ไงกันเนี่ย”“แล้วรักป๋าเท่าป้าเขาไหมล่ะ” อาทิตย์หอมแก้มลูกสาวแรงๆ ด้วยความรัก เขาต้องไปทำงานอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เดือนนภาที่เป็นลูกสาวคนโตเริ่มเข้าประถม และดาวลดาซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กมีอายุแค่หนึ่งขวบ เหตุผลที่เขาไปครั้งนั้นก็เพื่อความอยู่รอดของปากท้อง และไปเพื่อลืมความเจ็บช้ำที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รัก เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินส่งกลับมาให้พี่สาวทั้งสองได้เลี้ยงดูลูกน้อยอีกสิบห้าปีต่อมาจึงกลับมาที่เมืองไทย ลงทุนร่วมหุ้นเปิดบริษัทรับเหมากับเพื่อนสนิท จนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจำนวนมหาศาลภายในระยะเวลาแค่สามปี แต่เงินทองไม่เคยเข้าใครออกใคร ในที่สุดเขาก็จับได้ว่าถูกเพื่อนสนิทที่รักมากที่สุดโกง จึงตัดสินใจถอนตัวออกมาโดยไม่ได้เครื่องมืออะไรมาสักอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจ เพราะตลอดเวลาสามปีเขาก็เก็บเกี่ยวมาได้เยอะพอสมควร จึงคิดเสียว่าของพวกนั้นมอบให้เพื่อนเพื่อเป็นการต่อทุนให้มันเมื่อแยกตัวกับเพื่อนแ
บทที่ 4 ต้องเป็นแบบนี้เพราะใครที่เธอต้องเป็นแบบนี้เพราะใครกัน.. ก็เพราะเขานั่นแหละ ถ้าเธอไม่ทะเลาะกับเขา เพราะจับได้ว่าเขานอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอก็คงไม่วิ่งเตลิดออกมาจนโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนจนสลบคาที่ แต่เธอก็หายโกรธเขาเป็นปลิดทิ้ง เมื่อฟื้นขึ้นมาในห้องนี้แล้วเห็นเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง พร่ำคำขอโทษไม่ขาดปาก และนอนเธอมาทั้งคืน เธอมีความสุขและหายโกรธเขาสนิทใจ จนกระทั่งดาวลดามาถึง ผู้หญิงคนเดียวที่เธอยอมหลีกทางให้ เพราะรู้ว่าพิษนุรักหล่อนมากเพียงใด“ไม่ได้หรอกคุณก้อย ถ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเป็นเจ้านายที่แย่ที่สุด”“ถ้าอย่างนั้นปีนี้ก็เพิ่มโบนัสให้พวกเราอีกสักเดือนสิคะ รับรองคุณเต้เป็นเจ้านายที่ดีมากที่สุดในโลกแน่ ๆ” ทุกคนต่างหัวเราะออกมาเมื่อวาสนาพูดจบ“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะเพิ่มโบนัสให้ทุกคน แต่หักโบนัสของพี่หนาออกดีไหม”“ถ้าอย่างนั้นขอรับเท่าเดิมก็ได้ค่ะ” วาสนาทำหน้างอก่อนหัวเราะออกมา เมื่อเห็นทุกคนหัวเราะด้วยความพอใจ“ก้อยแกเป็นยังไงบ้างวะ พอรู้ข่าวฉันกับป้าหนาก็รีบมาดูแกเลยนะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน” ถึงแม้จะคลางแคลงใจ แต่มิตรภาพระหว่างเพื่อนสำคัญที่สุด ดาวลดาจึงทิ้งเรื่องส่วน
บทที่ 3 อุบัติเหตุสนามบินดาวลดาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเดินทางถึงสนามบินแล้วพบว่าคนที่รออยู่ก่อนแล้วคือวาสนา“ก้อยเป็นอะไรหรือเปล่าคะป้า”“ทำไมถามอย่างนี้ล่ะน้องแยม” วาสนาเลิกคิ้ว ยู่ปากเล็กน้อย“ก็ทัวร์นี้หนูต้องไปกับก้อยเขานี่คะ”“ก็ไอ้ก้อยมันบอกพี่ว่าคุณเต้ให้มันไปดูแลทัวร์ที่เกาะช้าง แล้วให้ป้าไปทัวร์นี้แทนมันน่ะ มันยังบอกอีกว่าเรารู้เพราะคุณเต้จะบอกกับเราเอง” วาสนาทำหน้าแปลกใจ “สรุปว่าเราไม่รู้เรื่องเลยเหรอ แล้ววันนี้ได้เจอคุณเต้เขาหรือเปล่า”“เจอค่ะป้า เขาแวะไปกินข้าวที่ร้านแต่ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย.. สงสัยจะลืม” ตอบแบบไม่ได้คิดอะไรมาก“อือ สงสัยเขาคงลืมจริง ๆ นั่นแหละ ไปเถอะ ไปเตรียมตัวรอรับลูกทัวร์กันดีกว่า” วาสนาตัดบทเพียงเท่านั้น“ค่ะ” ดาวลดารับคำแล้วเดินตามไกด์สาวรุ่นใหญ่ไปติดๆ“ถ้าไม่แน่ใจจะโทรถามคุณเต้เขาก็ได้นี่แยม” วาสนาแนะนำขณะเดินคู่กันไป“ไม่เป็นไรค่ะพี่หนา แยมยังไงก็ได้” ดาวลดาปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่...หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปดาวลดาเปิดประตูออฟฟิศเข้าไป ส่งยิ้มให้พนักงานทั้งหลายที่ทักทายมาอย่างเป็นกันเอง“ของฝากจากญี่ปุ่นจ้ะ แบ่งกันนะ” เธอยื่นถุงลูกอมให้พนักง
บทที่ 2 ปากหวานนอกจากนั้นร้านข้าวแกงแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นร้านอาหารที่ยกระดับขึ้นมาอีกนิด เหมาะสำหรับพวกคอเหล้า หรือครอบครัวที่ต้องการออกมาหาของอร่อยในตอนกลางคืน ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของบิดาที่เกษียณตัวเอง จากการเป็นลูกเรือขุดเจาะน้ำมันที่ประเทศดูไบมาสิบกว่าปีแล้ว..“แยมเป็นอะไรมากหรือเปล่า เย็นนี้ไม่ต้องไปญี่ปุ่นดีไหม เดี๋ยวพี่โทรไปบอกพี่หนาให้หาไกด์คนอื่นไปทำแทน” พิษนุถามคนรักด้วยความห่วงใยขณะทานข้าวด้วยกัน“ไม่ต้องค่ะ แยมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้น พอกินยาและได้นอนพักก็ดีขึ้นมากแล้ว”“ดีขึ้นมากแล้วทำไมไม่ไปทำงานคะ หรืออยากแกล้งให้พี่เป็นห่วง”หญิงสาวคลี่ยิ้มให้คนรัก “สงสัยจะเป็นอย่างหลังค่ะ” ความจริงที่เธอไม่เข้าบริษัทเพราะเห็นว่าไม่มีงานอะไร จึงให้นนทิยาที่เดินทางไปด้วยกัน เข้าไปจัดการเบิกเงินสำรองจ่ายและเตรียมเอกสารแทน“แค่นี้ก็รักจะแย่แล้ว ยังอยากจะแกล้งอะไรอีกคะ” ชายหนุ่มพูดขณะตักต้มจืดเยื่อไผ่ใส่ถ้วยใบเล็ก“ขอบคุณค่ะ” ดาวลดากล่าวขอบคุณเมื่อเขาวางถ้วยต้มจืดให้ตรงหน้า เขามักจะปากหวานและเอาใจเก่งแบบนี้เสมอจึงทำให้เธอไม่เคยเลิกรักเขา ถึงแม้จะจับได้หลายครั้งแล้วว่า