เข้าสู่ระบบคำตอบของเธอทำให้เขายิ้มได้ ก็แค่ดาราแล้วทำไม “แต่คุณเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผม เราเป็นคู่ที่เหมาะจะคบกันมากที่สุด”
“แล้วแฟนคลับคุณล่ะ ฉันหมายถึงว่าถ้าแฟนคลับคุณรู้”
“ผมบอกแล้วไงว่าเราเป็นคู่ที่เหมาะกันที่สุด ใครจะรู้เรื่องส่วนตัวของเรา ในเมื่อเราต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ดาราไปไหน ผู้ช่วย ผู้จัดการก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว มันไม่แปลกสักนิด.. มาเป็นแฟนผมนะแยม.. นะครับแยม” เห็นเธอครุ่นคิดนานก็ออดอ้อนนัยน์ตาละห้อย
ผู้ชายคนนี้จะทำตัวน่ารักไปถึงไหน แค่เขาเลิกทำหน้าเหวี่ยงเธอก็หวั่นไหวจะแย่อยู่แล้ว แต่นี่มาทำออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานใส่อีก
“แยมครับ ทำไมไม่ตอบผมล่ะครับ”
“อย่าใจร้อนสิเจสัน ฉันขอใช้สติก่อนนะ”
“แค่ตอบว่าโอเคแค่นี้ ต้องมีสติมากเลยเหรอครับแยม ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า”
“โอเค ๆ” ในที่สุดเธอก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มปนความขัดเขิน รีบยกนิ้วชี้จิ้มหน้าผากเขาไว้เมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาหา “ไปทำงานได้แล้ว คุณทำแบบนี้ฉันอายนะ”
เจสันส่งสายตาหวานฉ่ำจ้องต
หญิงสาวเบี่ยงหน้าไปมองคนรัก ยื่นปากรับจูบที่เขาส่งมาแล้วยิ้มกว้าง ก่อนหันกลับไปมองบรรยากาศเบื้องหน้าที่มีต้นไม้ใหญ่และสนามหญ้า มันไม่มีอะไรพิเศษ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืดสลัวที่มีแค่แสงไฟประปราย จึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมองดวงดาวที่ส่องแสง“คืนนี้ดาวเยอะดีนะคะ”“ครับ” เขาตอบและฝังจูบลงบนศีรษะเธอ “คืนนี้สระผมด้วยนะครับ”ดาวลดากลั้วหัวเราะเมื่อถูกเขาหยอกเอินเรื่องผม เอนหลังไปพิงกับแผ่นอกกว้างแสนอบอุ่นของเขา“ตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่สุดเลยค่ะเจสัน ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่หนีมารักษาแผลใจที่นี่”ชายหนุ่มโอบกอดคนรักไว้แน่น เกยคางกับศีรษะของเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มสุขใจ มองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างที่ประดับด้วยหมู่ดาวพราวระยับ“คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมครับแยม”“คุณว่าคู่ของเราเป็นพรหมลิขิตหรือคะ” เธอกอดแขนที่กอดเธอไว้เจสันโน้มหน้าลงไปใกล้หูของคนรัก “เมื่อก่อนลมหายใจ ก็คิดว่าเป็นของฉัน แต่พอได้พบเธอ เพิ่งรู้จริง ๆ ลมหายใจคือเธอเท่านั้น มีคนเป็นล้านคน ช่างไร
ฉันจะจ้างกลุ่มแอนตี้แฟนมาจัดการเธอ ผู้หญิงร้ายกาจ ผู้หญิงหน้าไม่อาย เซมีกร่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ส่งสายตาเรืองรองตามเธอไปไม่ลดละ เมื่อเล่นงานซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ ก็จะขอตามรังควานให้เธออยู่อย่างไม่มีความสุข ให้ความรักของเธอลุ่ม ๆ ดอน ๆ จนต้องเลิกกันไปเลยเซมีมองไปโดยรอบ เมื่อไม่เห็นใครมองมาทางนี้ก็รีบเดินตามดาวลดาไปใกล้ ๆ จงใจกระแทกอีกฝ่ายให้ล้มคะมำ แต่โชคไม่เข้าข้างเธอสักนิด เพราะหล่อนดันเบี่ยงตัวไปอีกทางพอดี คนที่เสียหลักจนล้มจึงกลายเป็นตัวเธอเองดาวลดายืนนิ่งอยู่กับที่ มองหญิงสาวที่กองอยู่กับพื้นด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาเรืองรองที่ค้อนใส่ก็ค่อย ๆ เข้าใจอะไรมากขึ้น หล่อนจงใจแกล้งเธอ แต่บังเอิญเหลือเกินที่โทรศัพท์เธอดังขึ้นพอดี จึงตั้งใจเดินไปอีกทางเพื่อหามุมคุยสาย หล่อนก็เลยพลาดเสียเองสินะ“เจ็บไหมคะคุณเซมี เดินระวังหน่อยสิคะ รีบลุกขึ้นเร็ว ๆ ค่ะ ก่อนที่คนอื่นจะเห็นเข้า จะได้ไม่ต้องอายมาก”เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยแววเยาะเย้ยของอีกฝ่าย ก็รู้สึกโมโหมากกว่าอาย แต่อารมณ์อยากเอาชนะยังมีอยู่ จึงแสร้งทำเป็นยื่นมือไปหาเธอ“ช่วยดึงฉันขึ้นหน
“ทำเป็นเอาน้องมาอ้าง ความจริงอยากไปดูศิลปินค่ายอื่นมากกว่า ผมพูดถูกใช่ไหม” นอกเหนือจากที่พูดแหย่ไป เขารู้ว่าเธอผูกพันกับมินวูมากยิ่งขึ้นหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น“ถูก” หญิงสาวยิ้มกว้างให้คนรักที่มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก“ผมให้คุณไปอยู่แล้ว แต่คุณอย่าเอาแต่สนุก ไปกับพวกเขาจนลืมผมล่ะ”“ถึงฉันจะรักมินวูเขามากแค่ไหน แต่ก็ยังน้อยกว่าคุณอยู่เท่านี้” เธอยกมือขวา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กะระยะความต่างประมาณหนึ่งข้อนิ้ว“แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ขอแค่มากกว่าผมก็ไม่อิจฉามินวูเขาแล้ว” เขาตอบแบบคนใจป้ำ“คุณเป็นคนใจแคบตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”“ตั้งแต่มีคุณเป็นแฟนนี่แหละ”“นึกว่าตั้งแต่เกิด” เธอเลิกคิ้วค้างไว้ ชักสีหน้าอมยิ้มยียวน“พูดแบบนี้จูบโชว์คนในกองซะดีไหม”“ไม่ดี” ดาวลดารีบส่ายหน้าแล้วลดเสียงพูดให้เบาลงกว่าเดิมอีกหน่อย “ไว้จูบที่บ้านคืนนี้ดีกว่าค่ะ เผื่อจะได้มากกว่านั้น”เจสันหรี่ตา เอียง
“พวกเราเป็นห่วงพี่มากเลยครับ โทรมาถามอาการจากพี่เจสันทุกวันเลย” ดงโฮพูดขึ้นบ้าง“ตอนที่มินวูวิ่งออกไปกลางรายการพวกเราตกใจมากเลยครับ พอรู้ว่าพี่สาวประสบอุบัติเหตุพวกเราไม่มีกะจิตกะใจจะถ่ายต่อเลยครับ” ดงซิกเล่าบ้างดาวลดาคลี่ยิ้มมองชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยความซาบซึ้งใจ “พี่หายดีแล้วเราจัดปาร์ตี้กันนะ พี่เฮียวริ คุณฮานิด้วยนะคะ”“ครับผม” ชายหนุ่มทั้งสี่รีบตอบรับ“มินวูเข้ามาใกล้ ๆ พี่หน่อย ขอพี่กอดหน่อยสิ” เจสันบอกว่าเขาคือคนที่ช่วยต่อชีวิตให้เธอ เพราะเขามีกรุ๊ปเลือดพิเศษเหมือนกับเธอชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้กับหญิงสาวแล้วโน้มตัวลงไปหา ปล่อยให้เธอโอบกอดด้วยความเต็มใจ“ขอบใจนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเลือดของเธอ พี่อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาคุยอยู่แบบนี้”“ไม่ได้มีเฉพาะผมคนเดียวนะครับที่อยากช่วยพี่แยมมี่ มีอีกเป็นพันคนที่อยากช่วยพี่”“แต่อีกหลายพันคนที่ว่าฉันแค่แถลงข่าวขอบคุณเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องให้กอดแบบนาย” เจสันเข้ามาตอนไหนไม่มีใครเห็น แต่ทุกคนได้ยินน้ำเ
“ต่อให้มีอีกหมื่นข้อความหรือหมื่นของฝากผมก็ไม่รู้สึกดีหรอกพี่ ตราบใดที่คุณแยมเธอยังไม่ฟื้น” เขารู้สิ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายพีอาร์จัดการไปเดือนนภาแตะมือลงบนบ่าของเจสัน “เธอจะต้องฟื้น ตอนนี้เธอแค่นอนพักผ่อนเพื่อชาร์ตพลัง หลังจากที่ต้องเหนื่อยมานาน”“ครับพี่สะใภ้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ “พี่สะใภ้ครับเรื่องนี้คุณพ่อกับคุณป้าทั้งสองท่านทราบหรือยัง” เขาถามเมื่อนึกขึ้นได้“พี่ไม่อยากให้พวกท่านหัวใจวาย คุณหมอก็ยืนยันว่าแยมเขาปลอดภัยดีแล้ว พี่เลยตัดสินใจไม่บอกให้พวกท่านรู้จะดีกว่า”“จะดีหรือครับ ถ้าท่านรู้เข้าท่านอาจจะโกรธผมนะครับ” แค่นี้ท่านก็ไม่อยากได้เขยต่างชาติอยู่แล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าทีหลังคงพาลูกสาวกลับไปแน่ ๆ“พี่เชื่อว่าแยมก็คิดแบบเดียวกับพี่.. หรือว่าเธอเบื่อน้องสาวพี่แล้วก็เลยเอาพ่อมาอ้าง พ่อพี่จะได้รีบมารับแยมเขากลับไป” เดือนนภาแกล้งทำสีหน้าจริงจังเจสันรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน “ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผมรักแยมมี่แทบตายพี่ก็น่าจะทรา
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยนะครับ” วูซองอาเป็นคนพูดขึ้นหลังจากทีมแพทย์ทั้งหมดเดินจากไปแล้ว“ครับ/ค่ะ”“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เอาไว้แยมมี่หายดีแล้วผมจะเลี้ยงอาหารตอบแทนน้ำใจนะครับ” เจสันพูดขึ้นมาบ้าง สบตากับน้องชายกำมะลอของคนรักด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนเดินเข้าไปกอด “โดยเฉพาะนายนะมินวู ขอบใจมากจริง ๆ”มินวูกอดตอบแล้วผละออก “เธอเป็นพี่สาวผมนะ พี่จะทำคะแนนคนเดียวได้ยังไง” ทำเป็นพูดติดตลกด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ความจริงผมอยากอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ แต่พรุ่งนี้พวกเราต้องไปแฟนมีตที่ญี่ปุ่นแต่เช้าเลยไม่สะดวก ฝากบอกพี่สาวด้วยว่าให้คอลหาเราด้วย เราอยากนัดเธอไปดูหนัง”“ฉันจะบอกเธอให้นะ” เจสันรับปากแล้วเดินไปส่งทุกคนที่ลิฟต์“คุณเจสันครับ ถ้าทราบหมายเลขห้องแล้วโทรบอกผมนะครับ ผมจะเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน” คังวูวานบอกกับเจ้านายก่อนเดินเข้าไปในลิฟต์“ขอบคุณมากครับคุณคัง”หนึ่งคืนกับหนึ่งวันผ่







