“ผมไปส่งนะครับ” มินวูรีบเสนอตัวแล้วลุกขึ้น มีอาการเสียหลักอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่จะกลับกับท่านประธาน เธออยู่ดื่มกับเพื่อน ๆ เถอะ ถึงโรงแรมแล้วพี่จะโทรหานะ” ดาวลดารีบปฏิเสธเพราะไม่อยากเห็นเขาล้มระหว่างทาง
“ตกลงครับ ถึงแล้วอย่าลืมโทรบอกผมนะครับพี่สาว” มินวูย้ำอีกครั้งพร้อมคว้าตัวเธอเข้ามากอดแนบอก “ผมรักพี่สาวนะครับ”
“จ้ะ” ดาวลดารีบผละจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม เพราะยังไม่คุ้นเคยกับการกระทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอได้เจอกับเขาบ่อย ๆ มันคงกลายเป็นเรื่องปกติ
“ทำอะไรของนายน่ะมินวู”
เสียงเครียดขรึมที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทุกคนหันไปมองและนิ่งเงียบไปชั่วขณะ สายตาดุดันดุจเหยี่ยวคู่นั้นที่มองมินวูไม่กะพริบ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยราวทะเลไร้คลื่นลมเหมือนปกติ
“ทำไมถึงมาช้านักล่ะเจสัน” ซองอาเป็นคนแรกที่เอ่ยถามชายหนุ่ม ซึ่งเป็นญาติที่สนิทกันมาก
“เพิ่งถ่ายละครเสร็จครับ วันนี้อากาศไม่เป็นใจเสียเวลาไปหลายชั่วโมง สวัสดีครับพี่สะใภ้” เจสันทักทายเดือนนภาอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีจ้ะ เจสันนี่น้องสาวพี่นะคะ ชื่อแยมหรือจะเรียกแยมมี่แบบคนอื่นก็ได้ แยมนี่เจสันญาติของซองอาเขา หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทน่ะ” คำว่าหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเธอกระซิบเบา ๆ เพราะชายหนุ่มไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้
“สวัสดีครับ” เจสันไม่ได้ยิ้มต้อนรับเธอเหมือนยิ้มให้เดือนนภา เพียงแค่ทักด้วยประโยคง่าย ๆ เพราะเขาไม่ค่อยพอใจที่เธอตีสนิทกับผู้ชายง่ายเกินไป หรือเธอเป็นพวกบ้าดารา สงสัยจะใช่ เขาคิดอยู่ในใจ
“สวัสดีค่ะ” ดาวลดาทักกลับด้วยประโยคเดียวกัน ไม่สนใจกับท่าทางของเขาเพราะเข้าใจว่าคงเหนื่อยจากเรื่องงาน
“แยมเขาอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ถ้านับแบบคนเกาหลีก็อายุยี่สิบแปด เธอเรียกเขาว่าพี่สาวก็ได้นะเพราะเธออ่อนกว่าแยมสองปี” เดือนนภาบอกกับชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าผมเรียกเธอว่าพี่สาว คนอื่นก็ต้องรู้สิครับว่าเธอแก่แล้ว” เขาจงใจจิกเธอโดยไม่ให้เธอรู้ตัว ด้วยการแสร้งหัวเราะไปด้วยขณะพูดกับเดือนนภา
“คุณเจสันอย่ามาว่าพี่สาวผมแก่นะครับ ถึงพี่สาวจะอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว แต่หน้าตาของพี่สาวยังดูอ่อนกว่าคุณเจ..ดงซิกอีก” มินวูโพล่งคำว่าเจสันออกไปได้ครึ่งประโยค ก็รีบเปลี่ยนไปเป็นดงซิกแทนทันที
“พี่สาว? เธอเป็นพี่สาวนายเหรอ” เจสันไม่ได้มองดาวลดา แต่มองตรงไปที่มินวูด้วยสายตานิ่งสงบดุจเดิม มีเพียงปากเท่านั้นที่ยิ้มบาง ๆ
“ครับ เธอเป็นพี่สาวของผม” มินวูรับคำเสียงดังชัดเจน ทำปากยื่นใส่อีกฝ่าย
“นายเป็นญาติกับพี่สะใภ้ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอมินวู” ทำไมเขารู้สึกหมั่นไส้มินวูนักนะ
“สามวันแล้วครับคุณเจสัน”
“อ้อ.. ฉันตกข่าวสินะ”
“เลิกเล่นกันได้แล้ว พี่จะกลับแล้วนะเจสัน ต้องไปส่งแยมเขาที่โรงแรมอีก” ซองอาชี้ไปที่น้องสาวของภรรยา
“ไม่ต้องไปส่งค่ะพี่เขย เดี๋ยวแยมขับรถพาพี่กลับบ้านแล้วจะนั่งแท็กซี่ต่อไปเอง พี่เขยเมาแล้วนะคะ” ดาวลดาเตือน กฎหมายเรื่องเมาแล้วขับของที่นี่โหดจะตาย ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็เรื่องใหญ่แน่ ๆ
“ไม่ได้ ดึกดื่นแบบนี้จะกลับแท็กซี่คนเดียวได้ไง เดี๋ยวพี่เขยกับพี่สาวจะไปส่งเธอก่อนแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน”
“ถ้าอย่างนั้นพี่พาพี่สะใภ้กลับไปก่อน เดี๋ยวฉันต้องไปส่งฮานิอยู่แล้ว ให้เธอไปกับเราก็ได้” เฮียวริเสนอขึ้นมาหลังจากเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอด
“คุณพักอยู่ที่โรงแรมไหน แล้วทำไมไม่นอนค้างที่บ้านพี่สาวคุณเลยล่ะจะได้จบเรื่อง” เจสันถาม
“ฉันพักอยู่ที่เบสต์โฮเต็ลค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานแต่เช้าก็เลยค้างกับพี่สาวไม่ได้ คือฉันเป็นไกด์น่ะค่ะ ต้องดูแลลูกทัวร์”
“ถ้าอย่างนั้นไปกับผมก็ได้ ผมจะกลับบ้านพอดี”
“วันนี้เธอไม่นอนที่นี่เหรอ” เดือนนภาถามชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ ปกติเขาจะพักที่นี่รวมกับนักร้องวงพลีส มากกว่ากลับไปพักที่บ้านที่เป็นของครอบครัว
“ผมก็แค่อยากกลับไปหาพ่อกับแม่บ้าง หลังจากไม่ได้ไปมาสองเดือนแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากน้องสาวด้วยนะคะ แยมกลับกับเจสันก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไม่ต้องห่วงมาก บ้านเขาผ่านเส้นนั้นพอดี ไม่ต้องรบกวนเฮียวริเธอด้วย เพราะคอนโดเธออยู่คนละทางกับแยม”
“ค่ะพี่เยล” เธอตอบรับพี่สาวแล้วหันไปหาเจสัน “คุณเจสันคะ เดี๋ยวฉันจะขับรถไปส่งพี่เขยกับพี่สาวฉันก่อน แล้วฉันจะรออยู่ที่หน้าบ้านพวกเขานะคะ” ถึงยังไงเขาก็ต้องผ่านตรงนั้นอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่อยากให้พี่เขยขับรถกลับเพราะเป็นห่วงพี่สาว ครั้นจะให้พี่สาวขับกลับก็เป็นห่วงเพราะกำลังท้อง
“ครับ” เจสันพยักหน้าเล็กน้อยขณะตอบรับ
เมื่อทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปแล้ว เขาจึงยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้เจ้าของวันเกิดพร้อมคำอวยพรสั้น ๆ และพูดคุยกับสมาชิกวงพลีสอีกสองสามประโยคก่อนขอตัวกลับ
“นายจะไม่ทักทายฮานิเขาหน่อยเหรอเจสัน” เฮียวริถามขึ้นเมื่อเขาทำท่าจะไปแล้วจริง ๆ
เจสันหยุดนิ่ง เอียงหน้าไปมองเล็กน้อย ไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงสายตาดุดันเหมือนตาเหยี่ยว “เธอสองคนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ ทำไมฉันเพิ่งเห็น” จบประโยคเขาก็ก้าวเดินจากไปทันที...
“ขอบคุณนะคะที่แวะมาส่ง ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” ดาวลดาลงจากรถยนต์คันหรูเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปกล่าวคำขอบคุณเจ้าของรถพร้อมรอยยิ้ม
เจสันยิ้มรับพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย แล้วขับรถจากไปทันที “เมื่อก่อนเคยเกิดเป็นนกหรือไงนะถึงได้พูดเก่งขนาดนี้” เขาพูดถึงหญิงสาวที่เพิ่งลงไป แล้วเลี้ยวรถกลับไปยังบ้านพักของบริษัท
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ถึงได้พูดไปว่ากำลังจะกลับบ้าน ทั้งที่ทีแรกตั้งใจว่าจะเอาของขวัญให้มินวู แล้วจะกลับเข้าห้องพักผ่อนเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน
เขานึกถึงใบหน้าสวยได้รูป กับเรือนร่างน่าหลงใหลที่อยู่ในชุดราตรีสีฟ้า ไม่ได้ผอมแห้งเหมือนดารานางแบบทั้งหลาย.. ภาพตอนงานแต่งงานของพี่สาวเธอกับญาติของเขา หวนกลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง เขาจำได้ดีว่าวันนั้นหัวใจเต้นรัวผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นเธอแวบแรก ถึงแม้มันจะผ่านมาสามปีแล้วแต่เขาก็ยังจำเธอได้ติดตา
ดังนั้นวันนี้.. ตอนที่เห็นมินวูกอดเธอ เขาถึงกับอารมณ์พุ่งไปด้วยความโมโหอย่างไร้เหตุผล
“ผมไปส่งนะครับ” มินวูรีบเสนอตัวแล้วลุกขึ้น มีอาการเสียหลักอย่างเห็นได้ชัด“ไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่จะกลับกับท่านประธาน เธออยู่ดื่มกับเพื่อน ๆ เถอะ ถึงโรงแรมแล้วพี่จะโทรหานะ” ดาวลดารีบปฏิเสธเพราะไม่อยากเห็นเขาล้มระหว่างทาง“ตกลงครับ ถึงแล้วอย่าลืมโทรบอกผมนะครับพี่สาว” มินวูย้ำอีกครั้งพร้อมคว้าตัวเธอเข้ามากอดแนบอก “ผมรักพี่สาวนะครับ”“จ้ะ” ดาวลดารีบผละจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม เพราะยังไม่คุ้นเคยกับการกระทำแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอได้เจอกับเขาบ่อย ๆ มันคงกลายเป็นเรื่องปกติ“ทำอะไรของนายน่ะมินวู”เสียงเครียดขรึมที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทุกคนหันไปมองและนิ่งเงียบไปชั่วขณะ สายตาดุดันดุจเหยี่ยวคู่นั้นที่มองมินวูไม่กะพริบ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยราวทะเลไร้คลื่นลมเหมือนปกติ“ทำไมถึงมาช้านักล่ะเจสัน” ซองอาเป็นคนแรกที่เอ่ยถามชายหนุ่ม ซึ่งเป็นญาติที่สนิทกันมาก“เพิ่งถ่ายละครเสร็จครับ วันนี้อากาศไม่เป็นใจเสียเวลาไปหลายชั่วโมง สวัสดีครับพี่สะใภ้&rdq
อย่าว่าแต่ดาวลดาเลยที่ตกใจ ทุกคนที่ออกันอยู่ตรงระเบียงชั้นลอยของบ้านเพื่อมองดูพี่สาวของมินวูต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขาไม่ได้ตกตะลึงกับการกระทำของมินวูเท่ากับตกตะลึงในความสวยของเธอ ไม่เสียแรงที่มินวูมาคุยไว้จริง ๆ ทุกคนต่างลงความเห็น โดยเฉพาะดงซิก“ฉันอยากจะเป็นลมค่ะที่รัก” เดือนนภาถึงกับกุมขมับอยู่ในอ้อมกอดของสามี“มินวูเขานิสัยเหมือนเด็กคุณก็รู้นี่ แล้วเขาก็โตที่อเมริกาด้วย ทักทายแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก”“แต่ผู้หญิงคนนั้นน้องสาวฉันนะคะ” เธอกระทุ้งศอกใส่ท้องสามีเบา ๆ“แต่คุณบอกผมว่าเขารับเป็นพี่เป็นน้องกันแล้วนี่ อย่าคิดมากเลยนะครับ เดี๋ยวลูกเครียดนะ” ซองอากระเซ้าภรรยาสุดที่รัก“ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่านั่นนางฟ้าหรือพี่สาวมินวูกันแน่” ดงซิกเหมือนคนตกอยู่ในอาการศรรักปักอก แต่มันไม่ใช่ครั้งแรก มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอผู้หญิงสวย ๆ“เฮ้พวกนาย! ทำอะไรเกรงใจพี่สะใภ้ฉันบ้างนะ คนที่นายกำลังพูดถึงเป็นน้องสาวของเธอนะ” เฮียวริซึ่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของซองอารีบพูดดักคอ ก่อนที่คำ
ดาวลดาชวนไกด์ร่วมงานอีกสองคนเดินไปที่ลิฟต์ เมื่อจัดการเรื่องห้องพักให้ลูกทัวร์เรียบร้อยแล้ว “แยม เมื่อกี้พนักงานโรงแรมบอกว่ามีข้อความฝากถึงหนูน่ะ” ศรันยูบอกกับไกด์สาวรุ่นน้อง “ขอบคุณค่ะพี่ยู น้องหนูขึ้นไปกับพี่ยูก่อนนะเดี๋ยวพี่ตามไป ฝากน้องขึ้นไปด้วยนะคะพี่ยู” “โอเค”... “สวัสดีค่ะ ฉันแยมมี่ค่ะ มีข้อความฝากถึงฉันหรือคะ” เธอเดาว่าน่าจะเป็นพี่สาว เพราะเป็นคนเดียวในเกาหลีที่รู้เบอร์โทรที่พักของเธอทุกแห่ง เพราะเมื่อเธอเดินทางมาที่นี่ทุกครั้ง เธอจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักไปให้พี่สาวเสมอ “นี่ค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” ดาวลดารับมาอ่าน มีข้อความสั้นๆ กับเบอร์โทรให้ติดต่อกลับด่วน “มินวูนี่นา” หญิงสาวฉีกยิ้มเมื่อนึกถึงน้องชายกำมะลอที่น่ารักคนนั้น เขายังไม่ลืมเธอ ดาวลดายืนรออยู่อีกครู่ใหญ่ กะเวลาให้สมฤดีเข้าห้องพักแล้วจึงบอกพนักงานให้ต่อเบอร์ห้องให้ เพื่อแจ้งให้หญิงสาวทราบว่าตัวเองจะไม่กลับขึ้นห้อง“ขอโทษนะที่ปล่อยให้นอนคนเดียวอีกแล้ว”(ไม่เป็นไรค่ะพี่แยม หนูเตรียมใจมาก่อนเดินทางแล้วค่ะ เพราะพี่ๆ ที่เขาเคยมากับพี่แยมเขาบอกให้หนูท
“ก็แค่ทานข้าวด้วยกันสี่ห้าสิบมื้อเอง” “แล้วเธอเห็นพี่เขยเธอว่างงานมากหรือจ๊ะไอ้ตัวแสบ” “ก็พี่เยลไม่ค่อยว่างนี่คะ แยมเลยต้องสอดส่องแทนให้” เพราะก่อนที่พี่สาวตนจะแต่งงานนั้น เธอมีอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เที่ยวบินหลักจะเป็นทางโซนเอเชียก็ตาม “รู้ไหมสามีพี่เขาว่ายังไง เขาบอกว่าหนึ่งเดือนเขาจะเจอกับพี่ประมาณสองครั้ง พอๆ กับที่เขาต้องไปเจอกับแยมมี่เลย น้องเขายังเคยแซวเลยว่าตกลงแฟนพี่ชายเขาคนไหนกันแน่” ดาวลดาหัวเราะด้วยความถูกใจ แล้วนึกสงสัยคำพูดของพี่สาว “พี่เฮียวริใช่ไหม แยมจำพี่เขาไม่ค่อยได้แล้วค่ะ เห็นกันแค่ตอนงานแต่งงานครั้งเดียว” “ใช่จ้ะ แต่คนที่แซวเขาไม่ใช่เฮียวรินะ เป็นเจสันน่ะ” “เจสันวูเหรอพี่เยล” ดาวลดาเบิกตาด้วยความตื่นเต้นเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น นักร้องนักแสดงขวัญใจสาวเอเชียแล้วยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทตัวจริงที่พี่เขยออกหน้าบริหารอยู่ และเขาก็เป็นญาติสนิทกับพี่เขยของเธอ “ซองอาเขาบอกว่าถ้าไม่ได้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทด้วย สงสัยโดนน้องชายไล่ออกไปแล้ว” “เขาเป็นญาติทางไห
บทที่ 5 พี่สาว พี่เขยดาวลดาหันไปทางบิดา คลี่ยิ้มกว้างก่อนวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มอีกหนึ่งทีด้วยความรัก“จริงด้วยค่ะ ยังมีอีกหนึ่งหนุ่มที่รักแยมมาก แยมลืมได้ไงกันเนี่ย”“แล้วรักป๋าเท่าป้าเขาไหมล่ะ” อาทิตย์หอมแก้มลูกสาวแรงๆ ด้วยความรัก เขาต้องไปทำงานอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เดือนนภาที่เป็นลูกสาวคนโตเริ่มเข้าประถม และดาวลดาซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กมีอายุแค่หนึ่งขวบ เหตุผลที่เขาไปครั้งนั้นก็เพื่อความอยู่รอดของปากท้อง และไปเพื่อลืมความเจ็บช้ำที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รัก เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินส่งกลับมาให้พี่สาวทั้งสองได้เลี้ยงดูลูกน้อยอีกสิบห้าปีต่อมาจึงกลับมาที่เมืองไทย ลงทุนร่วมหุ้นเปิดบริษัทรับเหมากับเพื่อนสนิท จนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจำนวนมหาศาลภายในระยะเวลาแค่สามปี แต่เงินทองไม่เคยเข้าใครออกใคร ในที่สุดเขาก็จับได้ว่าถูกเพื่อนสนิทที่รักมากที่สุดโกง จึงตัดสินใจถอนตัวออกมาโดยไม่ได้เครื่องมืออะไรมาสักอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจ เพราะตลอดเวลาสามปีเขาก็เก็บเกี่ยวมาได้เยอะพอสมควร จึงคิดเสียว่าของพวกนั้นมอบให้เพื่อนเพื่อเป็นการต่อทุนให้มันเมื่อแยกตัวกับเพื่อนแ
บทที่ 4 ต้องเป็นแบบนี้เพราะใครที่เธอต้องเป็นแบบนี้เพราะใครกัน.. ก็เพราะเขานั่นแหละ ถ้าเธอไม่ทะเลาะกับเขา เพราะจับได้ว่าเขานอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอก็คงไม่วิ่งเตลิดออกมาจนโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนจนสลบคาที่ แต่เธอก็หายโกรธเขาเป็นปลิดทิ้ง เมื่อฟื้นขึ้นมาในห้องนี้แล้วเห็นเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง พร่ำคำขอโทษไม่ขาดปาก และนอนเธอมาทั้งคืน เธอมีความสุขและหายโกรธเขาสนิทใจ จนกระทั่งดาวลดามาถึง ผู้หญิงคนเดียวที่เธอยอมหลีกทางให้ เพราะรู้ว่าพิษนุรักหล่อนมากเพียงใด“ไม่ได้หรอกคุณก้อย ถ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเป็นเจ้านายที่แย่ที่สุด”“ถ้าอย่างนั้นปีนี้ก็เพิ่มโบนัสให้พวกเราอีกสักเดือนสิคะ รับรองคุณเต้เป็นเจ้านายที่ดีมากที่สุดในโลกแน่ ๆ” ทุกคนต่างหัวเราะออกมาเมื่อวาสนาพูดจบ“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะเพิ่มโบนัสให้ทุกคน แต่หักโบนัสของพี่หนาออกดีไหม”“ถ้าอย่างนั้นขอรับเท่าเดิมก็ได้ค่ะ” วาสนาทำหน้างอก่อนหัวเราะออกมา เมื่อเห็นทุกคนหัวเราะด้วยความพอใจ“ก้อยแกเป็นยังไงบ้างวะ พอรู้ข่าวฉันกับป้าหนาก็รีบมาดูแกเลยนะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกแค่ไหน” ถึงแม้จะคลางแคลงใจ แต่มิตรภาพระหว่างเพื่อนสำคัญที่สุด ดาวลดาจึงทิ้งเรื่องส่วน