ทางด้านนาวีที่กลับเข้าห้องทำงานของตนก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนอย่างหงุดหงิดไม่สบอารมณ์กับความร้อนระอุที่อัดแน่นอยู่ในกาย ซึ่งอาการเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ ยายคุณหนูขี้แย บุษกร... เด็กในปกครองของเขา คำคำนี้มันคือเส้นบางๆ ที่กางกั้นเขาไว้จากความรู้สึกทั้งมวลที่มีต่อเธอ..
“บ้าที่สุด...” ชายหนุ่มสบถเบาๆ ในลำคอแล้วหลับตาลงด้วยความเคร่งเครียดกับอารมณ์ที่เริ่มไม่มั่นคงของตนเอง แล้วภาพในอดีตก็แล่นเข้ามาในสมองเพียงแค่เขาหลับตาลง...
เมื่อสี่ปีก่อน
ในวันฉลองรับปริญญาโทของนาวี บิดามาดาและญาติสนิทไม่กี่คนเดินทางไปที่ที่รีสอร์ตญาติคนหนึ่งของบิดาในจังหวัดเชียงราย และในครั้งนั้นครอบครัวของบุษกรก็ไปร่วมยินดีกับนาวีด้วย การเลี้ยงฉลองวันแรกผ่านไปด้วยดีและวันต่อมาต่างก็พากันเดินสายไปทำบุญในที่ต่างๆ ซึ่งผู้สูงวัยต่างก็ชื่นชอบกันมาก ส่วนเด็กๆ ก็ติดตามไปทำบุญด้วย แต่จากการที่ไปปาร์ตี้ต่อกับเพื่อนๆ ในเมืองทำให้นาวีอ่อนเพลียเกินกว่าจะลุกจากที่นอนไปกับบิดามารดา เขาจึงขออยู่บ้านซึ่งนาวีเองก็ไม่รู้ว่าบุษกรอยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงนัดหญิงสาวสวยคนหนึ่งมาพบที่บ้านพักซึ่งปลูกห่างกันพอสมควรเพื่อความเป็นส่วนตัว แน่นอนว่าบรรยากาศฝนพรำๆ กับสาวสวยเซ็กซี่คงไม่มีอะไรดีไปว่าการทำกิจกรรมในร่มอันเร่าร้อน หากไม่ติดที่ว่าเสียงประตูหน้าบ้านหลังเล็กดังขึ้นรัวๆ ทำให้เขาจำต้องผละจากร่างงามพรั่งพร้อมของสาวเจ้าอย่างหงุดหงิด ร่างสูงสวมเพียงกางเกงยีนสีเข้มตัวเดียวโชว์แผงอกเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยกล้ามเนื้องดงามเยี่ยงบุรุษเพศ ที่ทำให้หญิงสาวมองตามเขาตาปรอยเลยทีเดียวนั้นเดินไปเปิดประตูอย่างหัวเสีย
“มีอะไร..” น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดของเขาทำให้ใบหน้าเรียวเล็กนั้นซีดขาวปากสั่นแววตาหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด นาวีถอนใจกอดอกมองเด็กสาวตรงหน้านิ่งเมื่อระลึกได้ว่าเธอเป็นเสมือนน้องสาวของเขาและท่าทางของเธอดูไม่สบายนัก
“เอาล่ะ มีอะไรก็ว่ามา ฝนตกแบบนี้เดินตากฝนมาทำไม”
“บูมปวดหัว เห็นว่าที่บ้านของคุณป้าเหมือนมีคนอยู่บูมเลยเดินมาขอยาทานค่ะ”
เธอก้มหน้าตอบแผ่วๆ ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาซึ่งเขาคิดว่าเจ้าหล่อนคงจะอายกับสภาพของเขานั่นเอง
“เข้ามาแล้วไปหาเอาเองในห้องคุณแม่”
“ค่ะ..” ร่างเล็กบางกว่าเขามากเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของมารดา นาวีส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดไม่หายและอารมณ์อยากต่างๆ ก็หมดไปทันที เขาเดินกลับไปบอกสาวสวยเซ็กซี่ให้กลับไปก่อนแม้ว่าเจ้าหล่อนดูจะไม่อยากกลับ แต่เพราะเงินก้อนโตที่ได้แทนการเสียเวลาก็ทำให้เธอกลับไปโดยดีแต่ไม่วายทิ้งโน้ตนัดหมายเพื่อไปสานต่อวิมานที่ล่มไปให้จบ
นาวีเดินมาหยุดที่ประตูห้องของมารดาก็เห็นว่าร่างเล็กยังจดๆ จ้องๆ อยู่กับกระเป๋าถือใบเล็กที่ว่างอยู่หน้ากระจกโต๊ะแต่งตัวของมารดา เมื่อเห็นเขาก็ทำหน้าตื่นๆ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ อยากกินไอศกรีมแต่ไม่กล้าหยิบ
“เธอนี่มันตัวยุ่งจริงๆ คุณอาเขาไม่เคยให้เธอหยิบยากินเองรึไงนะ” ทำเสียงดุหน้าดุใส่คนที่ถอยร่นไปทันที ที่เขาเดินเข้ามาเปิดกระเป๋าแล้วหยิบยาแก้ไข้หวัดให้เธอหนึ่งเม็ด
“จะต้องให้ป้อนด้วยมั้ย”
“มะ ไม่ต้องค่ะ บูมกินยาเองได้...”
แล้วบุษกรก็เดินลิ่วออกไป นาวีมองแผ่นหลังบางภายใต้ชุดนอนแบบกระโปรงผ้าฝ้ายลายการ์ตูนเหมือนเด็กหญิงของบุษกร แล้วก็นึกสงสัยว่าเธอมีอายุเท่าไหร่แล้ว ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้สุงสิงกับเธอนักเพราะวัยที่ค่อนข้างห่างกัน อีกทั้งเขาก็ไม่ชอบเด็กผู้หญิงที่ดูแล้วน่ารำคาญน่าปวดหัวไม่เหมือนสาวๆ ที่พร้อมจะไปกับเขาได้ทุกที่ เข้ากันได้ทุกท่า อีกทั้งส่วนใหญ่ครอบครัวของบุษกรจะอาศัยอยู่ที่อังกฤษมากกว่าเมืองไทยเพราะมารดาของเธอเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษและไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองไทยกับอังกฤษ เขาจึงไม่ค่อยได้พบหน้าบุษกรบ่อยนัก แต่มีช่วงหลังๆ มานี้ที่ได้ข่าวว่าครอบครัวของบุษกรจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยเป็นการถาวรเพียงแต่ยังเคลียร์งานที่อังกฤษไม่เรียบร้อย
“บ้าจริง ฝนมาตกอะไรตอนนี้นะ”
ชายหนุ่มสบถเบาๆ ในลำคอเมื่อจู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บุษกรที่กำลังจะเดินกลับบ้านพักของตนเองจำต้องถอยหลังกลับเข้ามาในบ้านแล้วไปทรุดนั่งที่โซฟารับแขก ในขณะที่นาวีเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มแล้วรินวิสกี้ยี่ห้อดังออกมาดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท้องฟ้าก็มืดครึ้มจนต้องเปิดไฟในบ้านแทบทุกดวง
“หิวรึเปล่า...” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นทำให้คนที่ทำท่าเหมือนจะหลับสะดุ้งหันมามองนาวีตาโต
“เอ้อ.. คือ หะ หิวค่ะ”
“ที่ถามนี่คือจะบอกว่าไปหากินเองในครัวนะ คุณแม่พี่ซื้ออาหารมาใส่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่วันที่มาแล้วไม่รู้มีอะไรบ้าง และจะให้ดีช่วยทำอะไรมาให้พี่กินเล่นด้วยก็ไม่เลวนะ” สั่งด้วยท่าทางราวเจ้าชายสั่งสาวใช้
“ค่ะ...” รับคำเบาๆ แล้วลุกขึ้นเข้าครัวอย่างว่าง่าย นาวียกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม แม้จะเริ่มรู้สึกมึนๆ เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่คิดว่าตนจะคออ่อนเมาได้ ไม่นานกลิ่นอาหารหอมกรุ่นก็ลอยมาแตะจมูกน้ำย่อยก็เริ่มทำงานขึ้นมาทันที นาวีปรายตามองคนที่ถือถาดใส่จานอะไรสักอย่างออกมา
“พอดีบูมเห็นมีแหนมเอ็นข้อไก่อยู่ในตู้เลยทอดมาให้พี่วีค่ะ”
เธอวางจานลายสวยไว้ตรงหน้าเขาแล้วก็จะเดินกลับเข้าไปในครัว แต่ทันใดนั้นเองไฟฟ้าที่สว่างไสวก็ดับพรึบตามมาด้วยเสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหวไปทั้งผืนฟ้าและยังสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนแม้อยู่ในบ้านหลังเล็กที่มิดชิดแข็งแรง
เปรี้ยงงงง...
“กรี๊ดดดด...” บุษกรกรีดร้องด้วยความตกใจและอารามตกใจทำให้สะดุดข้อเท้าตัวเองร่างเล็กเสียหลักเกือบจะล้มหัวฟาดพื้น แต่สุดท้ายกลับเซถลาเข้าสู่วงแขนแกร่งของนาวีที่ลุกขึ้นคว้าร่างเธอไว้ได้ก่อน
ตอนที่54.อวสานสามคนพ่อแม่ลูกกลับมาถึงบ้านคุณปู่คุณย่าก็ออกมารับหลานรักไปอาบน้ำอาบท่า น้องนาวาก็เล่าเรื่องราวที่ตนได้ไปพบเจอให้คุณปู่คุณย่าฟังอย่างตื่นเต้นด้วยคำพูดที่ชัดบ้างไม่ชัดบ้างแต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มด้วยความสุขเมื่อพ่อหนูน้อยเล่าขาน คุณปู่ก็คอยเสริมคำพูดที่ไม่ชัดให้กับหลานชาย“นาวาให้อาหางปาด้วยล่ะ ปาตัวหย้ายหย่าย”“อาหาร ครับเด็กดีไม่ใช่ อาหาง”“อาหาร” เด็กชายพูดตามคุณปู่แล้วยิ้มแป้นเมื่อคุณปู่ยกนิ้วโป้งขึ้นชื่นชมว่าเยี่ยมมาก “ย่าว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่า แล้วลงมาทานข้าว”“ดีคับ เดี๋ยวนาวาหอมแก้มคุงแม่บูมก่อง...”เด็กชายบอกแล้ววิ่งมาหามารดาซึ่งก็เอียงแก้มไว้รอท่า พอหอมแก้มคุณแม่แล้วก็ไม่ละเลยที่จะหอมแก้มคุณพ่อด้วย“แก้มคุงพ่อไม่หอมเลย”น้องนาวาทำทีเบะปากคุณพ่อจึงแกล้งกอดรัดร่างกลมๆ นั้นแล้วหอมแก้มใสของลูกชายแรงๆ น้องนาวาหัวเราะชอบใจก่อนจะดิ้นรนออกจากวงแขนคุณพ่อวิ่งไปหาคุณปู่คุณย่า“เจ้าตัวร้าย..” นาวีมองตามหลังลูกชายที่เดินร้องเพลงเจื้อยแจ้วไปกับคุณปู่คุณย่า“ความร้ายกาจคงได้มาจากคุณพ่อเต็มๆ ค่ะ” บุษกรย้อนสามียิ้มๆ“ก็ถ้าไม่ร้ายกาจ จะมีเมียสวยๆ ลูกน่ารักๆ เหรอครับ”“ค่า ร้ายกาจจน
ตอนที่53.“อื้ม พี่วี อย่าซนสิคะ พอแล้ว...” เสียงหวานห้ามปรามกระเส่าแผ่วพร่าเมื่อมือร้อนผ่าวของสามีไม่อยู่สุข“ก็พี่ยังไม่อิ่มนี่นา บูมสนใจแต่น้องนาวาไม่สนใจพี่นาวีเลย”ปากว่าแต่มือไม่หยุดยุ่มย่ามกับนวลเนื้อนุ่มมือของภรรยาที่นับวันยิ่งสวยผุดผาดบาดตาบาดใจจนเขาอดใจไม่ไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ตอนนี้น้องนาวีครบหนึ่งขวบแล้ว และวันนี้คุณปู่คุณย่าพาน้องนาวาไปซื้อของขวัญวันเกิดแบบพิเศษหลังจากที่ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านแล้วและเดินทางไปทำบุญเลี้ยงอาหาร พร้อมทั้งแจกทุนการศึกษาให้เด็กกำพร้า เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และเหมือนว่าคุณปู่คุณย่าจะวางแผนไว้ดี ตกค่ำก็หลอกล่อพาหลานชายไปนอนด้วยเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งนาวีอยากใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด“พี่วีน่ะมักมาก ต่อให้บูมสนใจพี่วีแค่ไหนก็ไม่พอหรอกค่ะ”หญิงสาวหันมามองสามีตาเขียวแล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อตัวตนของเขาที่ยังอยู่ในร่างสาวเหยียดขยายขึ้นมาอีกรอบพร้อมทั้ง
ตอนที่52.บุษกรรู้สึกสงสารชะตากรรมของธัญญาลักษณ์จนน้ำตาซึมกับเรื่องราวอันน่าหดหู่นั้น“ทีนี้น้องบูมเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมพี่ยังคบหากับแคทอยู่ แต่เธอก็คงจะอยู่กับเราได้ไม่นาน อาการของเธอแย่ลงทุกวัน”“ค่ะ บูมขอโทษที่คิดมากเรื่องนี้”“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกน้องบูม ก็เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังนัก แต่พี่ลืมไปว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เมียพี่เข้าใจผิดและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”“บูมยอมรับค่ะว่าหึงพี่วีกับพี่แคท...”บุษกรสารภาพเสียงอ่อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาโตที่ตนเผลอพูดออกไปแต่ทำให้คนฟังหัวใจพองโตรู้ได้ทันทีว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา“พี่รักบูม / บูมรักพี่วี...”หนุ่มสาวพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งตัวเช่นกัน“เอ่อ... พี่วีแย่งบูมพูดทำไมคะ คนเขาอุตส่าห์ว่าจะพูดก่อน” เธอทุบอกกว้างของเขาเขินๆ ในขณะที่นาวียิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอมใจ
ตอนที่51บุษกรย่องออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ขลุกอยู่ในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อทำใจ ร่างที่กลับมาบอบบางดังเดิมแต่ก็อวบอิ่มขึ้นในส่วนที่ควร หลบให้ร่างสูงที่เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำด้วยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ“สู้ๆ นะบูม เราต้องทำได้...”หญิงสาวบอกตนเองขณะเดินไปนั่งอ่านหนังสือรอสามีทำธุระส่วนตัว สิบนาทีผ่านไปนาวีก็ออกมาจากห้องน้ำร่างแกร่งที่กลับมาแข็งแรงทรงเสน่ห์ดังเดิมสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวตัวเดียวเท่านั้น ทำให้บุษกรเมินหน้าหนีด้วยใจที่เต้นแรง ไอ้ที่คิดๆ ไว้ว่าจะพูดกับเขาเริ่มตีกันสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว“น้องบูมอ่านอะไรอยู่เหรอครับ”ร่างสูงเดินมาหาคนที่ก้มหน้างุดอยู่กับหนังสือในมือ ท่าทางตื่นๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดู บุษกรก็ยังคงเป็นสาวขี้อายตื่นกลัวเขาอยู่เสมอ แต่ยามที่เจ้าหล่อนดื้อรั้นเย็นชาก็ทำให้เขาเกรงๆ เธออยู่ไม่น้อย“บูมกำลังจะไปนอนแล้วค่ะ”หญิงสาวรีบวางหนังสือแล้วลุกขึ้นคิดว่าจะหลบไปตั้งหลักก่อน เพราะตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกิน แต่
ตอนที่50.“ว้าว ลูกชายพ่อแต่งตัวหล่อจัง หล่อเหมือนพ่อเลย”บุษกรค้อนคุณพ่อสุดหล่ออย่างหมั่นไส้แล้วหน้าแดงกับแผงอกเปล่าเปลือยของเขา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน นาวีก็ยังทำให้ใจสาวหวั่นไหวได้ไม่เสื่อมคลาย ยิ่งเห็นเขาในสภาพที่ล่อแหลมเซ็กซี่ขยี้ใจแบบนี้เลือดในกายสาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าละอาย“ทำไมพี่วีไม่แต่งตัวเสียทีล่ะคะ”“อะไรนะ...” นาวีมัวแต่ยิ้มให้ลูกชายไม่ทันฟังที่เธอพูดและคิดว่าตนเองหูแว่วเมื่อได้ยินสรรพนามที่สนิทสนมของเธอ แต่หญิงสาวก็ลุกขึ้นอุ้มลูกออกไปเสียก่อน เขาจึงรีบแต่งตัวตามออกไปสามพ่อลูกเดินลงมาหาคุณปู่คุณย่าที่รอรับหลานรักไปเดินเล่น บุษกรยื่นร่างอวบของลูกชายให้ผู้เป็นย่าซึ่งยื่นแขนมารอรับเจ้าตัวเล็กก็รู้อ้อนรีบยื่นแขนอวบๆ ไปหาผู้เป็นย่าแล้วหอมแก้มเหี่ยวย่นด้วยไร้เดียงสาเพราะเด็กชายจำได้ดีเมื่อคุณย่า คุณปู่อุ้มจะต้องหอมแก้มตนดังนั้นน้องนาวาจึงเรียนรู้ที่จะทำตามซึ่งมันทำให้คุณปู่คุณย่าทั้งรักทั้งหลงหลานตัวน้อย“หนูบูมกับวีไปทานข้าวกันเถอะลูก
ตอนที่ 49.“ก็แล้วทำไมไม่พูดไม่บอกความจริงในใจให้น้องรับรู้ล่ะ มานั่งถอนหายใจทิ้งมันมีประโยชน์อะไร”“คุณพ่อรู้ได้ยังไงครับว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”“ก็สิ่งที่ลูกเป็น คือสิ่งที่พ่อเคยผ่านมาก่อนไงล่ะ” คุณบดินทร์วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองหน้าลูกชายจริงจัง“ฟังพ่อนะวี ตอนนี้ลูกทั้งสองคนเหมือนคนป่วย ป่วยทางจิตใจ ใจที่ขาดความรักก็เหมือนใจที่ตายแล้ว อะไรที่ตายแล้วก็ไร้ประโยชน์...”“แต่ผม... เธอคงเกลียดผม”นาวีไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะในใจของเขานั้นมันตื้อตันและสับสนไปเสียทุกอย่าง“นาวี ตอนนี้ลูกมีครอบครัวที่เกือบจะสมบูรณ์แล้วนะ มีเมียและลูกที่น่ารัก ตาหนูเป็นดังแก้วตาดวงใจของเราทุกคน ตาหนูคงไม่ต้องการเติบโตมาท่ามกลางความหวาดระแวงแคลงใจของพ่อแม่หรอกนะ”“ผม...”“วีควรบอกน้อง ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้สึก พ่อบอกได้เพียงเท่านี้” คุณบดินทร์ตบบ่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบ