ลิฟต์หรูเปิดออกสู่เพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของตึกสูงใจกลางเมือง หมอนอิงเดินตามหลังเขาเข้ามาเงียบๆ ด้วยกล่องกระดาษใบเดียวในมือกล่องที่บรรจุของส่วนตัวทั้งหมดที่เธอมีมันไม่ได้มีค่าในสายตาใคร แต่สำหรับเธอมันคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่ยังเหลืออยู่
พันไมล์เดินนำหน้า ไม่หันกลับมามองแม้แต่นิด และก่อนที่เธอจะก้าวพ้นประตูกระจกเข้ามาเต็มตัว เสียงเย็นชาของเขาก็กระแทกเข้าหู
“เพราะเธอคนเดียว! ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้”
เธอสะดุ้งก้มหน้ารับความผิดเงียบๆ ก่อนจะเดินต่อไปอย่างไม่กล้าสบตา
“กะอีแค่เสียตัวแม่งทำเป็นร้องไห้จะเป็นจะตาย”
ทันใดนั้นกล่องในมือเธอก็ถูกปัดกระเด็นด้วยแรงที่ไม่ออมมือ
พรึ่บ!
ข้าวของในกระจายเกลื่อนพื้นหินอ่อน ตกกระแทกพื้นจนกระจัดกระจาย
“ฮึก” เธอตกใจจนเผลอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้จนตัวสั่น ทำให้เขายิ่งขัดหูขัดตา
“โว้ยยย ร้องหาแม่เธออะไรนักหนา!” เสียงคำรามดังลั่นภายในเพนท์เฮ้าส์หรูสะท้อนก้องไปทั่วผนังกระจก
เขายกเท้าเหยียบกรอบรูปของเธอซ้ำราวกับเป็นของไร้ค่า เสียงแตกเป๊าะของกระจกเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นในลำคอของหญิงสาว
“อย่าทำนะ” เธอมองรูปถ่ายของพ่อที่ถูกเขาเหยียบ ห้ามเขาก็แล้ว
เพียะ
มือบางตบหน้าเขาเต็มแรงและรีบก้มลงไปเก็บภาพถ่ายของพ่อขึ้นมากอดไว้ โดยไม่รู้ว่าพายุกำลังก่อตัวอย่างน่ากลัว
“ใครสั่งใครสอนให้เธอตบหน้าฉันวะ!” เขาโกรธบดกรามแน่น
หมอนอิงยืนนิ่งน้ำตาไหลเงียบลงมาบนแก้ม เธอตัวสั่นเพราะไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อจากนี้
พันไมล์เดินเข้ามาใกล้มือใหญ่ยกขึ้นบีบแก้มเธอแน่น ดวงตาคมของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ร้องไห้ต่อไปแบบนั้นแหละ...” เขากระซิบเย็นเยียบ
“เพราะหลังจากนี้ ฉันจะทำให้เธอตกนรกทั้งเป็น”
เขาก็สะบัดมือออกอย่างแรงหญิงสาวเซถอยไปหนึ่งก้าวพันไมล์หันหลัง เดินเข้าห้องนอนปล่อยให้ประตูปิดลงอย่างไร้เยื่อใย
เหลือเพียงหญิงสาวที่ทรุดตัวลงบนพื้นหินเย็นเฉียบ มือสั่นเทาเก็บข้าวของที่แตกหักพร้อมกับหัวใจของเธอที่ถูกย่ำยีจนแทบไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้ว
สองวันที่ต้องทนอยู่กับพันไมล์ล็อกห้องไว้ทุกห้อง เพื่อไม่ให้เธอไปอยู่เขาบังคับให้เธอนอนที่พื้นทุกคืน ซึ่งหมอนอิงไม่ปริปากบ่น ยิ่งทำให้เขาอยากกลั่นแกล้ง
เสียงเพลงดังทะลุกำแพงเข้ามาในห้องเงียบของหมอนอิงจนเธอสะดุ้งตื่น แสงไฟกะพริบวูบวาบลอดเข้ามาทางประตูบานใหญ่เธอลุกขึ้นอย่างงัวเงีย เดินออกจากห้องนอนแล้วเปิดประตูแง้มดูอย่างแผ่วเบา
กลิ่นเหล้าผสมกับควันบุหรี่โชยเข้ามาทันที ห้องรับแขกของเพนท์เฮ้าส์ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นปาร์ตี้สุดเหวี่ยง ชายหนุ่มหญิงสาวแต่งตัวจัดจ้านนั่งเอนกายหัวเราะเสียงดัง บ้างก็สูบบุหรี่ บ้างก็เริ่มหยอกล้อกันอย่างเปิดเผย
เธอยืนนิ่งที่หลังบานประตูแคบๆ หัวใจเต้นแรงแต่ไร้เรี่ยวแรงจะก้าวไปไหน และในวินาทีนั้นเอง เพื่อนของพันไมล์คนหนึ่งหันมาเห็นเธอเข้า
“เฮ้ย นั่นใครอะ? สวยดีว่ะ” เสียงทักลอยข้ามห้องมาเบาๆ แต่เหมือนตบหน้าเธอจึงรีบปิดประตูล็อกห้องทันที
เขาเหลือบตามามองรอยยิ้มเยาะผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะพูดเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ
“ของเล่นแก้เบื่อ...”
“แก้เบื่อ? ปกติไม่พาใครมานอนที่นี่” แอมป์สงสัยเพราะสาวคนนั้นหน้าตาถือว่าน่ารักไม่น้อย
“เรียกน้องเขามานั่งด้วยดิ” ต้นกล้าเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างคนอย่างพันไมล์ ไม่ยอมให้ใครมานอนที่เพนท์เฮ้าส์ง่ายๆ
“เสือกเดี๋ยวสาวๆ เสียใจแย่” เขาหันไปโอบเอวสาวสวยและคลอเคลียที่ต้นคอ ก่อนจะขบเม้นเบาๆ ที่ต้นคอแต่กลิ่นน้ำหอมฉุนมากไม่เหมือนของใครบางคน
.
ชีวิตในเพนท์เฮ้าส์หรูไม่ได้สวยงามอย่างที่ใครคิดสำหรับหมอนอิง มันคือขุมนรกในคราบความหรูหรา ทุกเช้าเธอต้องตื่นก่อนฟ้าสาง ลุกขึ้นมาทำอาหาร เตรียมน้ำอุ่นในอ่างอาบสำหรับเขาขัดพื้น เช็ดกระจกจัดหมอนเก็บเสื้อผ้า
ทั้งที่ที่นี่มีแม่บ้านครบทีมแต่เขาสั่งห้ามไม่ให้ใครแตะต้องงานพวกนั้น
“ในเมื่อเธออยากอยู่ที่นี่นักก็ทำตัวให้มีประโยชน์ซะ”
เธอทำอาหารเช้าไว้ให้เขาแต่พันไมล์กลับไม่ยอมตื่นขึ้นมา เรียกว่าไม่เคยกินอาหารที่เธอทำ เขากลับเข้าและมักโวยวายเสียงดังจนเธอต้องหนีออกมานอนที่โชฟา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หมอนอิงเปิดประตูดิวะ” เขาเคาะประตูเสียงดัง เป็นเจ้าของห้องแต่ดันเข้าห้องตัวเองไม่ได้
“คุณไนท์” เธอมองไปข้างกายของเขาที่มีสาวสวยส่งยิ้มทักทายมา
พันไมล์ก้าวเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวในชุดรัดรูปสวยสะดุดตา ใบหน้าของหมอนอิงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า
“คืนนี้ฉันจะนอนข้างในห้ามรบกวน”
เธอรีบหอบผ้าห่มออกไปทันที เขาจะพาใครมานอนก็ตามสบายเธอไม่สนใจอยู่แล้ว ตอนนี้แค่คิดหาทางว่าจะหย่ากับเขายังไงดี
หลังจากที่กลับมาจากมหาลัยหมอนอิงนั่งทำรายงานจนดึก คิดว่าเขาคงไม่กลับมาแล้วแต่เธอคิดผิด
เสียงประตูห้องกระแทกเปิดออกด้วยแรงโมโห พันไมล์เดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้องนอน ดวงตาขุ่นมัวแดงก่ำจากฤทธิ์เหล้า
“สบายดีนี่หายหัวไปไหน!” เขาตะคอกลั่นห้องเมื่อไม่เห็นหมอนอิงมายืนรอตามเคย สายตาวาวโรจน์ไล่กวาดไปทั่ว ก่อนหยุดที่ร่างบาง
“อะไรของคุณ”
“อยู่สบายจนลืมหน้าที่ไปแล้วสินะ หรือว่าที่นี่มันสบายเกินไปสำหรับคนอย่างเธอ”
หมอนอิงสะดุ้งเฮือก พยายามลุกขึ้นแต่ไม่ทันพันไมล์เข้ามาจับแขนเธอ กระชากจนเซ
“คุณไนท์ปล่อยอิงนะ” เธอกลัวเขาจนตัวสั่นและได้กลิ่นเหล้าโชยออกมา
“พ่อฉันจ่ายค่าตัวเธอไปตั้งเยอะ อีกอย่างก็ยังมีทะเบียนสมรสให้ฉันใช้งานหน่อยดิวะ”
น้ำเสียงเขาเยียบเย็น เหมือนมีแต่ความแค้นขังอยู่ในใจหมอนอิงน้ำตาไหลพราก ไม่ใช่แค่เพราะความกลัว แต่เพราะหัวใจเธอแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ไม่ให้เอาอย่ามายุ่งกับอิง”
“ฉันจะเอา เงี่ย--นโว้ยย” เขากระชากร่างบางเข้ามาบดจูบ บีบปลายคางให้เธอยอมเผยปากให้เขาเข้าไปข้างใน มือหนาบีบเคล้นทรวงอกอย่างกักขฬะ
“อื้อ อึก” เธอพยายามต่อต้านแต่สู้แรงของเขาไม่ไหว
“ปล่อยอิงไปเถอะ ฮือ” เธอยกมือไหว้เขาอย่างน่าสงสาร
“ผัวจะเอาร้องไห้อะไรนักหนา! หุบปากและครางชื่อฉันพอ ถ้าครางชื่อคนอื่นเธอตายแน่” เขาผลักเธอลงบนเตียงกว้างและขึ้นคร่อม กระชากเสื้อผ้าจนขาดหลุดลุ่ย
หมอนอิงร้องไห้จนเหนื่อยยอมปล่อยให้เขากระทำได้อย่างตามใจ เธอกอดเขาด้วยความรังเกียจกับสิ่งที่เขาทำ แม้ว่าทุกสัมผัสเธอจะมีอารมณ์ก็ตาม
“อื้อ อ๊ะ หมอนอิงเอนี่มันแม่มดชัดๆ”
“อื้ออ”
“เรียกชื่อฉันดิวะ” เขาอารมณ์เสียเวลาเอ็นร้อนกระแทกเข้าไปแทนที่จะครางชื่อเขา กับได้ยินเสียงสะอื้นแทน
จนเขาต้องรีบเสร็จเพราะไม่มีอารมณ์ และผละออกจากตัวของเธอเข้าไประบายอารมณ์ในห้องน้ำ หากยังอยู่กับหมอนอิงมีหวังเธอได้เจ็บตัวแน่
“ฮือออ” เธอร้องไห้รีบเขาผ้าห่มมาปิดบังร่างกาย ปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร สิ่งแรกที่คิดถึงคือทำไมพ่อไม่พาเธอไปด้วย เธอเหนื่อยจนไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้
ตอนพิเศษ 2พิมพ์ดาวในวัยสิบห้าเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัวหน้าตาน่ารักเหมือนแม่ แต่แววตานิ่งๆ ซ่อนความลึกซึ้งแบบพ่อทั้งยังมีมุมติสต์ๆ ชอบอ่านชอบวาดรูปหมอนอิงรู้ทันทุกอย่างโดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในลูกสาวคนเดียว“วันนี้หนูรีบไปโรงเรียนเหรอคะ?” หมอนอิงถามพลางเหลือบตามองลูกสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน กระโปรงยาวพอดีเข่าผมถักเปียหลวมๆ สองข้างแถมยังทาลิปบาล์มบางๆ กับพ่นน้ำหอมกลิ่นผลไม้จางๆ“มีพรีเซนต์ค่ะดาวต้องรีบไปซ้อมหน่อย” พิมพ์ดาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่แกล้งทำเสียงนิ่ง“อื้ม แต่ไม่เห็นเอาอะไรไปเลย” หมอนอิงอมยิ้มมองลูกสาวที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ต้องถามอะไรต่อ“คือมีงานกลุ่มค่ะเพื่อนในห้องจะช่วยติวให้ก่อนเริ่มเรียน” พิมพ์ดาวอ้อมแอ้ม“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง?” หมอนอิงถามหน้าตาเฉยระหว่างที่กำลังป้อนข้าวเจ้าสองแสบ ลูกชายฝาแฝดวัยสองขวบ“ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มีค่ะ” แล้วก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องครัวหมอนอิงยิ้มมุมปากนิดๆ เด็กสาวคนนี้น่ะต่อให้ไม่พูดก็รู้ว่าเริ่มมีความรักแล้วแต่ตอนเย็นพอพันไมล์กลับบ้าน แล้วไม่เห็นพิมพ์ดาวตามเวลา เขาก็เอะใจ“ยังไม่กลับเหรอ?” เขาถามเมียทันที“ยังเลยค่ะเห็นบอกว่าทำรา
ตอนพิเศษ 1พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในสวนหลังบ้านหลังใหม่ของทั้งสองคน บ้านที่พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย และที่แห่งนี้เขาลงมือปลูกต้นไม้ตัดหญ้า และดูแลทุกกระเบียดนิ้วด้วยตัวเอง เพื่อวันนี้วันที่เธอจะเป็นเจ้าสาวของเขาไม่มีซุ้มดอกไม้อลังการมีเพียงเสียงนกร้องเบาๆ ลมเอื่อยที่พัดใบไม้ไหว และญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่มาร่วมเป็นพยานในความรักของพวกเขาเธอสวมเพียงชุดเดรสสีครีมเรียบๆ ที่ขับผิวให้ดูอ่อนหวาน ไม่มีเครื่องประดับราคาแพง ไม่มีสร้อยเพชรหรือแหวนเพชรเม็ดโต มีเพียงดอกไม้สดจากสวนที่เขาเพิ่งเด็ดมาตอนเช้า แนบกลีบอ่อนๆ ลงบนผมของเธออย่างแผ่วเบาและตั้งใจ“สวยแล้ว” เขาว่าพลางยิ้มเห็นแววตาของเธอวาววับขึ้นมาเล็กน้อยส่วนเขาเองก็แต่งตัวธรรมดาเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับกับกางเกงสแล็คเรียบๆ ดูไม่เหมือนเจ้าบ่าวในพิธีทั่วไป แต่ทุกอย่างกลับลงตัวและงดงามที่สุดสำหรับเธอ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือเขาผู้ชายที่เธอเลือกจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย“เราจะไม่พาหนูพิมพ์ดาวไปด้วยจริงๆ เหรอคะ” หมอนอิงมองลูกสาววัยหนึ่งขวบห้าเดือน สามีจะพาไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ แต่เธอเป็นห่วงลูกสาว“คุณ
เสียงร้องไห้กรีดร้องของนทีดังลั่นไปทั่วห้องโถง จนทำให้บ้านทั้งหลังแทบสั่นสะเทือน หมื่นลี้นั่งกอดอกเอนหลังอยู่บนโซฟา มองลูกชายแฝดสองคนที่กำลังแย่งของเล่นกันตาไม่กะพริบ“ปะป๊าบอกแล้วใช่มั้ย ว่าแค่ชั่วโมงเดียวจะไม่ห้ามจะให้ลูกเคลียร์กันเอง” เขาพึมพำกับตัวเองทั้งที่ในใจแทบอยากจะเข้าไปแยก แต่ก็ยังนั่งนิ่งเอาความใจแข็งเข้าข่มนาวินแฝดพี่กอดรถของเล่นแน่น แถมยังยักคิ้วยียวนใส่น้องชายที่ร้องไห้เสียงดัง นทีทำหน้าบูดมือเล็กๆ ทุบกับพื้นไปด้วย ความไม่พอใจปะปนกับน้ำตาไหลพรากไม่หยุด“อ๊ะ…เอาคืน!” นทีพยายามคว้ารถคืน แต่ก็โดนพี่ชายหันหลังหนีไปอีกทางหมื่นลี้ถอนหายใจหนักๆ พลางเหลือบตามองยี่หวาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานผลไม้ เธอถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นสามีกอดอกนั่งเฉย“เดย์นี่จริงๆ เลยนะ ปล่อยให้เด็กสองขวบทะเลาะกันเป็นชั่วโมง” “ลูกผู้ชายต้องหัดแก้ปัญหากันเองบ้างสิ” เขายักไหล่ทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ยี่หวาเดินไปวางจานผลไม้ แล้วก้มลงอุ้มนทีขึ้นมากอดปลอบ เด็กน้อยยังสะอึกสะอื้นซบไหล่แม่ ส่วนนาวินเมื่อเห็นน้องถูกอุ้มก็เหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินเอารถไปวางใส่มือแม่แทน ก่อนจะยืนก้มหน้างอนๆ
ยี่หวากำลังควานหาของในกระเป๋า แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เธอถอนหายใจแล้วตัดสินใจเทของทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะ สิ่งที่เธอตามหาก็ยังไม่ปรากฏ จนกระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้น“มะมี้ขาาา~”เสียงใสๆ ของน้องฟ้าใสวัยสองขวบเรียกขึ้นมา ยี่หวาหันไปมองตามเสียงก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นใบหน้ากลมๆ ของลูกสาวเต็มไปด้วยรอยลิปสติกแดงสดที่เลอะจนทั่วแก้ม“ตายแล้วลูก! ทำอะไรของหนูเนี่ย” ยี่หวารีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาอย่างเอ็นดูปนขำ “หนูอยากสวยเหมือนมะมี้ค่ะ” น้องฟ้าใสยิ้มแป้นตากลมแวววาว “โอ๊ยย ลูกแม่สวยอยู่แล้วค่ะไม่ต้องแอบเอาลิปสติกมะมี้มาทาก็ได้” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วใช้ทิชชูค่อยๆ เช็ดแก้มเลอะๆ ของลูก “สวยๆ ~” เด็กน้อยทำตาใสปิ๊งแล้วย้ำเสียงใสๆยี่หวากอดลูกแน่นรู้สึกทั้งขำทั้งอบอุ่นในหัวใจความซนเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวยิ่งทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ“ปะป๊าไปไหนมะมี้จะตีทั้งปะป๊าทั้งลูกเลย” เธอทำเสียงดุทั้งที่ในใจอยากหัวเราะกับสภาพลูกสาวที่เลอะลิปสติกเต็มหน้า ไม่นานหมื่นลี้ก็โผล่มาจากครัว เขาถือจานข้าวในมือวิ่งหอบมาพร้อมใส่ผ้ากันเปื้อนสีอ่อน ผมถูกรวบมัดจุกไว้กันไม่ให้ปรกหน้า ภาพล
เสียงกระดิ่งหน้าร้านไอติมดังขึ้นเบาๆ เมื่อหมื่นลี้จูงมือยี่หวาเข้ามา กลิ่นหวานหอมของวานิลลาและสตรอว์เบอร์รีลอยอบอวลไปทั่ว“อยากกินรสไหนบอกมาเลยเบบี๋อยากกินอะไรเดย์จัดให้หมด” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมวางมือไว้บนเอวเธอเบาๆ อย่างห่วงใย“พูดเหมือนจะซื้อได้ทั้งร้านเลยนะ” เธอหัวเราะคิก“ก็ได้หมดแหละขออย่างเดียวกินแล้วลูกแข็งแรง คุณแม่อารมณ์ดีคุณพ่อก็แฮปปี้แล้ว”คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าแดงใจอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเลือกไอติมรสช็อกโกแลตมิ้นท์แก้วใหญ่ พอหมื่นลี้ตักป้อนให้ สายตาสาวๆ โต๊ะข้างๆ ก็แอบมองตามด้วยแววตาชื่นชม “อร่อยจังเลยค่ะคุณพ่อ ลูกคงอิ่มอารมณ์ดีทั้งวัน” เธอรีบโน้มตัวเข้าไปซบไหล่เขา แล้วพูดเสียงดังพอให้ได้ยิน “หวงขนาดนี้เลยเหรอ” หมื่นลี้ถึงกับหัวเราะออกมา เสียงดังลั่นร้าน“ก็ใช่น่ะสิ!” เธอแกล้งทำหน้าบึ้งแต่ตากลับเป็นประกายระยิบระยับ “ไม่ต้องหวงหรอก หัวใจเดย์มีเจ้าของแล้วทั้งแม่ทั้งลูกเต็มไปหมดแล้วเนี่ย” เขาโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวยิ่งหน้าแดงจัดรีบตักไอติมเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะละลายเหมือนไอติมตรงหน้า ผลของการทำข้อสอบได้ใ
แสงแดดสาดลงบนลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันของชุดครุยและรอยยิ้ม ยี่หวาสวมชุดครุยสีดำตัดทองยืนยิ้มกว้างอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดีไม่ขาดสายด้านหลังมีหมื่นลี้ในชุดเรียบหรูยังคงยืนอยู่ไม่ไกล สองมือหอบช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของขวัญสารพัดจนแทบล้น แต่สายตากลับจับจ้องอยู่เพียงหญิงสาวตรงหน้า ไม่ว่าจะมีใครรายล้อม ยี่หวาในสายตาเขาก็ยังโดดเด่นที่สุดเขามองเธอหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงใสที่เคยทำให้หัวใจเขาอุ่นซาบซ่านกลับมาอีกครั้ง ยี่หวากำลังมีความสุขความสุขที่เขาเฝ้าปรารถนาอยากเป็นคนมอบให้ตลอดมาเพื่อนๆ ผลัดกันหยอกล้อ แซวกันเสียงดังยี่หวายกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวตามลมก่อนจะยิ้มหวานจนดวงตาโค้งสวย หมื่นลี้มองภาพนั้นอย่างเงียบงัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงเธอที่ส่องสว่างอยู่ในใจเขาเขาอยากเดินไปกอดเธอต่อหน้าทุกคน อยากบอกว่า “เก่งที่สุดแล้วว่าที่ภรรยาของเดย์” แต่ก็ได้เพียงยืนมองอยู่ข้างหลัง รอคอยเวลาให้เธอหันกลับมาเห็นว่าไม่ว่าจะวันสำคัญแค่ไหน เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอหันมายกมือไหว้ให้ผู้มีพระคุณที่ช่วยส่งเสียเธอเรียนจนจบ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะ