“ไอ้ไนท์ไอ้ลูกเลว!” เสียงนั้นแผดลั่นจนสะเทือนผนัง ราวกับพายุกำลังถาโถมเข้ามากลางห้องนอน
พันไมล์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือสมองยังพร่ามัวจากฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
“อะ พ่อ” เขาขมวดคิ้ว เสียงแหบพร่าพูดออกมาเบาๆ แต่คำต่อไปของเขากลับถูก ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อฟาดลงบนแก้มซ้ายเต็มแรง!
เพียะ!!
เสียงตบดังสนั่น ร่างของพันไมล์เซหัวไปตามแรงกระแทก
“สติกลับมายัง! หรือจะให้ฉันตบซ้ำอีก!” เสียงของผู้เป็นพ่อดุดัน เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและผิดหวัง
พันไมล์ยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง รอยแดงฉาดเริ่มขึ้นทันตา ความเจ็บแปลบทะลุเข้าถึงเบื้องลึกของสติที่เคยขุ่นมัวเขาส่างเมาทันที ราวกับทุกอย่างถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดในพริบตาเดียว
“คุณพ่อมาตบผมทำไม” เขาพูดเสียงเบา ดวงตายังสับสน
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเมื่อคืนแกทำอะไรหนูอิง ห๊ะ!?” ราชันจ้องหน้าเขาเขม็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความคุกรุ่นที่ไม่ใช่แค่โกรธ แต่ปนผิดหวังอย่างรุนแรง
เขารีบหันไปมองข้างกายแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไม่รู้ว่าหมอนอิงออกไปจากห้องเขาตั้งแต่ตอนไหน พอหันกลับมาจะตอบพ่อกลับถูกตบซ้ำอีกรอบ
เพียะ
“ฉันไม่เคยสั่งสอนแกให้เป็นคนแบบนี้ไอ้ห่า!” เขาระเบิดอารมณ์ทันที คำสัญญาที่เคยไว้ให้กับเพื่อนตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะดูหมอนอิงไม่ดี
“พ่อนั่นแหละที่พาเมียน้อยเข้ามาในบ้านก่อน” เขาไม่ยอมแพ้เช่นกัน รู้ว่าหมอนอิงยังไม่เป็นของใคร
“หมอนอิงไม่ใช่เมียน้อย กูเลิกกับแม่ของมึงนานแค่ไหนแล้วตอนนี้กูยังโสดจะเอาใครก็ได้ไหม” เขาโกรธจะยกมือตบหน้าลูกอีกครั้ง แต่พันไมล์รีบยกมือขึ้นมาป้องกันไว้
“มึงแต่งตัวแล้วลงไปรอที่ห้องทำงาน!”
“พ่ออ่ะ”
“มึงจะลุกดีๆ หรือจะให้กูลากมึงลงไป”
พันไมล์รู้ว่าตอนนี้พ่อเอาจริง เขาจึงรีบแต่งตัวเวลาพ่อโกรธจะเป็นแบบนี้ พ่อของเขาเป็นคนเจ้าระเบียบมากไม่อย่างนั้นคงเอาเขาไม่อยู่ พออาบแต่งตัวเสร็จหันไปมองรอบๆ
“หนีไปตอนไหนวะ” เขาหัวเสียที่ตื่นมาแล้วไม่เจอหมอนอิงกับเจอกกับฝ่ามืออรหันของพ่อแทน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หมอนอิงเงยหน้าขึ้นมาหลังที่จากร้องไห้มานาน เอไม่กล้าไปเปิดประตูกลัวว่าจะเป็นผู้ชายใจร้ายคนนั้น เธอรีบหนีออกมาหลังจากที่เขาหลับไม่นาน
“หนูอิงลุงขอโทษแทนไอ้ไนท์ด้วย ลงไปคุยกันด้านล่างได้ไหม”
เงียบ หมอนอิงไม่ตอบแต่ราชันรู้ว่าเธอต้องเสียใจมากกับสิ่งเลวร้ายที่ลูกชายเขาทำ
“หนูรีบแต่งตัวแล้วลงมาคุยกันดีๆ ลุงจะจัดการไอ้ไนท์เอง” เขายอมถอยเพื่อนให้เวลากับหมอนอิง เรื่องนี้พันไมล์ต้องรับผิดชอบ
“ตรีวิทย์!”
“ครับนายใหญ่” ลูกน้องคนสนิทรีบวิ่งมาเมื่อเจ้านายเรียก
“ไปตามนายอำเภอมาเดี๋ยวนี้!”
“ตอน 7 โมงนี่เหรอครับ” ที่ว่าการอำเภอเข้าเปิดแปดโมงหรือเปล่า
“กูสั่ง!” คำสั่งของราชันถือว่าเด็ดขาด เขาเดินเข้าไปที่ห้องทำงาน เห็นลูกชายตัวดีนอนเหยียดขาอยู่บนโชฟาอย่างสบายใจ
“เมื่อวานมึงเล่นไปล่อเมียเขา เมื่อคืนมึงก็สร้างเรื่องอีก มึงเหี้ยได้ใครมาวะ”
“ได้พ่อไงครับ” เขาสวนกลับทันที
“ไอ้...”
“ถ้าตบผมอีกผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก” เขาจ้องหน้าพ่อไม่ลดละ แค่เอากับผู้หญิงคนเดียวทำไมพ่อของเขาต้องโกรธขนาดนี้
หมอนอิงเดินเข้ามาเงียบๆ เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตากับใคร สงบเสงี่ยมไม่อยากคุยกับพันไมล์ ขอบตาร้อนพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“มาครบแล้วเขาเรื่องเลยมึงต้องหมั้นกับหนูอิง”
“ได้ไงผมเอาผู้หญิงเป็นร้อยต้องหมั้นทุกคนไหม” เขาไม่ยอมเอาผู้หญิงจืดชืดไม่มีชีวิตชีวามาเป็นเมียเด็ดขาด เขาชอบอะไรที่มันตื่นเต้นๆ
“กูถามมึงใหม่จะเอายังไง” เขาให้โอกาสลูกชาย แต่คำตอบที่ได้รับอยากเอาลูกตะกั่วยัดปากมันจริงๆ
“จ่ายเงินให้แล้วก็จบเธอจะเอาเท่าไหร่” เขาหันไปมองอีกฝ่ายที่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมคุยกับเขา
“ไอ้ไนท์! กูถามมึงว่าจะหมั้นไหม” ราชันถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ไม่หมั้น!” เขายืนกร้านว่าจะไม่ยอมหมั้น
“ดีมึงพูดเองว่าไม่หมั้น ไอ้ตรีพาคนเข้ามา!”
ทั้งพันไมล์และหมอนอิงหันไปมองคนมาใหม่ ทั้งคู่สงสัยว่าราชันคิดจะทำอะไร แต่พันไมล์คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวเขาแน่ๆ
“อะไรของพ่อ”
“ไม่หมั้นก็จดทะเบียนสมรสไปเลย คุณเวชช์จัดการเรื่องเอกสารเลยครับ”
“เฮ้ย ไม่เอาไม่จดนี่เธอรีบพูดอะไรหน่อยสิวะ” ตอนนี้เขาถูกลูกน้องของพ่อจับล็อกตัวไว้ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงหันไปหาหมอนอิง
“คุณลุงคะอิงว่า”
“จดหนูต้องจดเท่านั้น”
“ไม่จดโว้ยย ขี้เกียจหย่าตามหลัง” เขาอายุยังน้อยไม่อยากมีเมียตอนนี้
“ถ้ามึงไม่รับผิดชอบ กูจะตัดออกจากกองมรดก!” และไม่ยอมให้เรื่องนี้กระฉ่อนไปถึงนักธุรกิจในเครือหรือพวกสมาคมสังคมชั้นสูง ว่าลูกชายเขามันไม่รักดี
“เออ ยอมแล้วๆ จดก็จดปล่อยก่อน!” เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมรีบเซ็นเอกสารทันที เพราะกลัวจะไม่ได้รับมรดก เขากลัวความลำบากเดี๋ยวค่อยหาทางหย่ากันทีหลัง
หมอนอิงร้องไห้ตลอดการเซ็นเอกสาร เธอไม่เข้าใจว่าชีวิตถึงต้องมาจบลงแบบนี้ ขณะที่พันไมล์ต้องยอมแบบไม่เต็มใจ เขาหันมามองเธอเย้ยๆ
“อย่าคิดจะบอกใครว่าเราเป็นอะไรกัน ฉันแค่ทำเพราะพ่อสั่งไม่ได้รักเธอสักนิดเดียว” คำพูดนั้นตอกย้ำความเจ็บในใจเธอมากกว่าคืนก่อนเสียอีก
เธอเองไม่อยากบอกใครเหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองมีสามีเป็นตัวเป็นตน เธอก้มมองแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย หลังจากที่จดทะเบียนสมรส พ่อของเขาก็ทำพิธีหมั้นเล็กๆ และสวมแหวนทันที
“ฉันรักสนุกชอบนอนไปเรื่อยหวังว่าเธอจะไม่ตามหึงหวงฉัน” เขาถอดแหวนออกมา หากคนอื่นรู้มีหวังเขาเรตติ้งตกทันทีแถมเพื่อนต้องล้อเขาแน่
“คุณสบายใจได้”
“ฉันไม่สวมแหวนและเจอหน้ากันห้ามเข้ามาทักทาย”
“ค่ะ”
พันไมล์กำลังจะเดินออกไปจากบ้านพ่อมาเรียกไว้เสียก่อน เขาหงุดหงิดเพราะวันนี้ถูกบังคับเกินไป
“พ่อมีอะไรอีก”
“พาหนูอิงไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ด้วย” ราชันอยากให้ลูกชายเปิดใจ หนุ่มสาวอยู่ใกล้กันคงหวั่นไหวกันบ้าง
“อะไรอ่ะพ่อบังคับเกินไปแล้ว” เขาต้องหุบปากเพราะกลัวว่าพ่อจะคิดทำอะไรขึ้นมาอีก
“...” ราชันกอดอกทำหน้าบึ้งบ่งบอกว่าในบ้านนี้เขาเป็นใหญ่ที่สุด
“เออๆ อยากไปอยู่ไหนก็ไป ไปเก็บของสิยืนบื้ออะไรอยู่วะ มีปากบ้างหรือเปล่า” เขาหงุดหงิดพาลใส่หมอนอิงทันที ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะกลายมาเป็นลูกรักของพ่อเขาแทน
“พันไมล์...” ราชันมองหน้าลูกชาย
“จำคำที่พ่อพูดไว้ผู้หญิงความอดทนมีขีดจำกัด พอหมดความอดทนเอาอะไรมารั้งก็ฉุดไม่อยู่” เขาเคยอาบน้ำร้อนมาร้อน มัวแต่ทำงานจนละเลยแม่ของลูกสุดท้ายฐิตารีก็ทิ้งเขาไปมีครอบครัวใหม่
“ผมไม่เดินตามรอยพ่อหรอก รู้งี้ไปอยู่กับไอ้เดย์แล้วไม่อยากอยู่กับพ่อ” เขาหันหลังและเดินออกไปไม่รอหมอนอิง อยากให้ไปอยู่ด้วยก็ไปส่งกันเอง
หมอนอิงทรุดตัวนั่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ทั้งที่มือยังสั่นแต่ก็พยายามสอดไม้แขวนชุดลงในกระเป๋าเดินทางอย่างลวกๆ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงลงเปียกเนื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว
สายตาเลื่อนมองไปที่ แหวนหมั้นบนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนวงเรียบดีไซน์หรูนิ้วเรียวสั่นน้อยๆ ขณะเธอใช้ปลายนิ้วแตะมันเบาๆ
ความทรงจำมากมายถาโถมเข้ามาราวคลื่นซัดฝั่ง เธอกำมันแน่นไว้สักครู่ราวกับยังลังเล แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจแผ่ว ยกมือขึ้น ถอดแหวนออกช้าๆ
หมอนอิงมองมันอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำใบเล็กที่เคยใช้เก็บแหวนนี้ไว้ เธอเปิดมันออกอย่างเบามือ แล้ววางแหวนลงไปในตำแหน่งเดิม
“มันคงไม่ใช่ของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...”
ลิฟต์หรูเปิดออกสู่เพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของตึกสูงใจกลางเมือง หมอนอิงเดินตามหลังเขาเข้ามาเงียบๆ ด้วยกล่องกระดาษใบเดียวในมือกล่องที่บรรจุของส่วนตัวทั้งหมดที่เธอมีมันไม่ได้มีค่าในสายตาใคร แต่สำหรับเธอมันคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่ยังเหลืออยู่พันไมล์เดินนำหน้า ไม่หันกลับมามองแม้แต่นิด และก่อนที่เธอจะก้าวพ้นประตูกระจกเข้ามาเต็มตัว เสียงเย็นชาของเขาก็กระแทกเข้าหู“เพราะเธอคนเดียว! ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้”เธอสะดุ้งก้มหน้ารับความผิดเงียบๆ ก่อนจะเดินต่อไปอย่างไม่กล้าสบตา “กะอีแค่เสียตัวแม่งทำเป็นร้องไห้จะเป็นจะตาย”ทันใดนั้นกล่องในมือเธอก็ถูกปัดกระเด็นด้วยแรงที่ไม่ออมมือพรึ่บ!ข้าวของในกระจายเกลื่อนพื้นหินอ่อน ตกกระแทกพื้นจนกระจัดกระจาย“ฮึก” เธอตกใจจนเผลอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้จนตัวสั่น ทำให้เขายิ่งขัดหูขัดตา“โว้ยยย ร้องหาแม่เธออะไรนักหนา!” เสียงคำรามดังลั่นภายในเพนท์เฮ้าส์หรูสะท้อนก้องไปทั่วผนังกระจกเขายกเท้าเหยียบกรอบรูปของเธอซ้ำราวกับเป็นของไร้ค่า เสียงแตกเป๊าะของกระจกเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นในลำคอของหญิงสาว“อย่าทำนะ” เธอมองรูปถ่ายของพ่อที่ถูกเขาเหยียบ ห้ามเขาก็แล้ว
“ไอ้ไนท์ไอ้ลูกเลว!” เสียงนั้นแผดลั่นจนสะเทือนผนัง ราวกับพายุกำลังถาโถมเข้ามากลางห้องนอนพันไมล์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือสมองยังพร่ามัวจากฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น“อะ พ่อ” เขาขมวดคิ้ว เสียงแหบพร่าพูดออกมาเบาๆ แต่คำต่อไปของเขากลับถูก ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อฟาดลงบนแก้มซ้ายเต็มแรง!เพียะ!!เสียงตบดังสนั่น ร่างของพันไมล์เซหัวไปตามแรงกระแทก“สติกลับมายัง! หรือจะให้ฉันตบซ้ำอีก!” เสียงของผู้เป็นพ่อดุดัน เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและผิดหวังพันไมล์ยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง รอยแดงฉาดเริ่มขึ้นทันตา ความเจ็บแปลบทะลุเข้าถึงเบื้องลึกของสติที่เคยขุ่นมัวเขาส่างเมาทันที ราวกับทุกอย่างถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดในพริบตาเดียว“คุณพ่อมาตบผมทำไม” เขาพูดเสียงเบา ดวงตายังสับสน“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเมื่อคืนแกทำอะไรหนูอิง ห๊ะ!?” ราชันจ้องหน้าเขาเขม็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความคุกรุ่นที่ไม่ใช่แค่โกรธ แต่ปนผิดหวังอย่างรุนแรงเขารีบหันไปมองข้างกายแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไม่รู้ว่าหมอนอิงออกไปจากห้องเขาตั้งแต่ตอนไหน พอหันกลับมาจะตอบพ่อกลับถูกตบซ้ำอีกรอบเพียะ“ฉันไม่เคยสั่งสอนแกให้เป็นคนแบบนี้ไอ
“อื้อ อ๊า พี่ไนท์” เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม รวมถึงเสียงพูดคุยของหนุ่มๆ ในห้องวีวีไอพี “อร้ายย พี่ไนท์อย่าทำแรง” “อ่าส์ เธอนี่ครางเสียงดังทำอย่างกับสาวบริสุทธิ์ความจริงหลวมยิ่งกว่าอะไร” พันไมล์รีบกระแทกเอ็นร้อนเข้าออกในโพรงนุ่ม ไม่สนว่าในห้องนี้ไม่ได้มีพวกเขาแค่สองคนแต่ยังมีเพื่อนๆ ของเขาอีก พร้อมกับลูกน้องของพวกเขาอีกสามคน ตอนนี้เขากำลังแสดงหนังสดให้พวกมันดูซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก “เนยจุกจริงของพี่ใหญ่ อื้ออ” เนยหวานยังครางไม่หยุด ไม่สนใจว่าใครจะหันมามอง แค่ได้ขึ้นสวรรค์กับหนุ่มในฝันก็พอ แอมป์กับต้นกล้าเหลือบไปมองเล็กน้อยและหันมาดื่มเหล้าต่อ พวกเขาทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เผลอๆ ใช้ผู้หญิงคนเดียวกันก็มี “อื้ออ พี่ไนท์เนยจะเสร็จ อ๊ะ อร้ายย” พรืบ จากเสียงหวานกลายเป็นเสียงร้องโอดโอย เมื่อพันไมล์ดึงเอ็นร้อนออกจากโพรงนุ่มและผลักเธอล้มลงไปที่พื้น ต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา “อะไรกันคะพี่ไนท์” สาวสวยงุนงงว่าเธอทำอะไรไม่พอใจหรือเปล่า เขารูดเครื่องป้องกันออกจากเอ็นร้อนและโยนลง
หลังจากที่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ชีวิตของหมอนอิงยิ่งทุกข์ไปกว่าเดิม ทุกคนในบ้านต่างรังเกียจเธอแต่เพราะเกรงใจเจ้าของบ้านจึงแกล้งทำดีกับเธอต่อหน้าเขา ราชันที่เอ็นดูเธอมักซื้อข้าวของมาให้จนคนในบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอเป็นเมียลับของเขา “เห็นไหมเด็กสมัยนี้รักความสบายจะตาย ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน”“อายุก็ห่างกันตั้งเท่าไร เขาคงเอ็นดูจนกลายเป็นเอ็น...” เสียงหัวเราะเบาๆ ตามมาก่อนจะกลายเป็นความเงียบเมื่อเห็นเงาใครบางคนเดินผ่านแม้ไม่มีใครพูดตรงๆ ต่อหน้าหมอนอิง แต่คำพูดเหล่านั้นก็เดินมาถึงเธอจนได้ ไม่ว่าจะผ่านน้ำเสียงหัวเราะแผ่วๆ ในครัว หรือแววตาที่ยากจะตีความผิด “หนูอิงจะเอาอะไรจ๊ะ” “อิงจะมาเอาน้ำค่ะ” “ป้าหยิบให้นะ” ป้านีรีบไปหยิบขวดน้ำให้ทันที และส่งยิ้มให้สาวรุ่นลูก หมอนอิงรู้ว่ารอยยิ้มนั้นเป็นการสมเพชเวทนามากกว่าเธอจึงไม่เหลือทางเลือกนอกจากหลบซ่อนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ราวกับโลกภายนอกเป็นสนามรบ ที่มีแต่คำพูดอาบยาพิษกับสายตาเย็นชาเป็นอาวุธเธอออกมาเพียงเมื่อคุณอธิปเรียกให้ไปทานข้าวเย็นและนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกโดดเดี่ย
เสียงสะอื้นแผ่วเบาเจือปนกับลมหายใจสั่นเทา ก้องอยู่ภายในห้องนอนเก่าโทรมของบ้านเช่าเล็กๆ กลางชุมชนแออัด“ทำไมต้องเป็นอิงทำไมแม่ถึงทำกับอิงแบบนี้...” เสียงของหมอนอิงรำพึงเบาๆ ดวงตาบวมแดงจากหยาดน้ำตาที่ไม่มีท่าทีจะหยุดไหลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอถูกเจ้าหนี้บุกมาถึงหน้าบ้าน ทวงเงินก้อนโตพร้อมเสียงตะโกนประจานให้คนทั้งซอย“แม่คุณติดหนี้นายผมเป็นแสนจะใช้คืนเมื่อไหร่!”ขณะที่เพื่อนบ้านยืนมุงมองบางคนก็ส่ายหน้า บางคนก็ซุบซิบเพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก หมอนอิงทำได้เพียงยืนตัวแข็ง สะอึกสะอื้นกลางแสงแดดจ้า หัวใจเหมือนถูกบีบจนแทบขาดหลังเหตุการณ์อัปยศ แม่ของเธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหมือนจะขายลูกกินเสียมากกว่า“ถ้ามึงยังรักครอบครัวอยากให้อิงฟ้ามันได้เรียนสูงๆ มึงก็ไปเป็นเมียเก็บพวกมาเฟีย” พรทิพย์ไม่สงสารลูกสาวคนโตเพราะเกลียดที่ลูกคนนี้เพราะไม่ได้รู้สึกรักในตัวของพ่อหมอนอิงเลยราชันนักธุรกิจหนุ่มผู้มีอิทธิพล เขาคือเจ้าหนี้คนใหม่ ของครอบครัว และเขาไม่ได้ต้องการเงินคืนสิ่งที่เขาต้องการคือเธอ“ไปอยู่เป็นเด็กในบำเรอเขาแค่ไม่กี่ปีหนี้หมด น้องก็ได้เรี