“ไอ้ไนท์ไอ้ลูกเลว!” เสียงนั้นแผดลั่นจนสะเทือนผนัง ราวกับพายุกำลังถาโถมเข้ามากลางห้องนอน
พันไมล์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือสมองยังพร่ามัวจากฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
“อะ พ่อ” เขาขมวดคิ้ว เสียงแหบพร่าพูดออกมาเบาๆ แต่คำต่อไปของเขากลับถูก ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อฟาดลงบนแก้มซ้ายเต็มแรง!
เพียะ!!
เสียงตบดังสนั่น ร่างของพันไมล์เซหัวไปตามแรงกระแทก
“สติกลับมายัง! หรือจะให้ฉันตบซ้ำอีก!” เสียงของผู้เป็นพ่อดุดัน เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและผิดหวัง
พันไมล์ยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง รอยแดงฉาดเริ่มขึ้นทันตา ความเจ็บแปลบทะลุเข้าถึงเบื้องลึกของสติที่เคยขุ่นมัวเขาส่างเมาทันที ราวกับทุกอย่างถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดในพริบตาเดียว
“คุณพ่อมาตบผมทำไม” เขาพูดเสียงเบา ดวงตายังสับสน
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเมื่อคืนแกทำอะไรหนูอิง ห๊ะ!?” ราชันจ้องหน้าเขาเขม็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความคุกรุ่นที่ไม่ใช่แค่โกรธ แต่ปนผิดหวังอย่างรุนแรง
เขารีบหันไปมองข้างกายแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไม่รู้ว่าหมอนอิงออกไปจากห้องเขาตั้งแต่ตอนไหน พอหันกลับมาจะตอบพ่อกลับถูกตบซ้ำอีกรอบ
เพียะ
“ฉันไม่เคยสั่งสอนแกให้เป็นคนแบบนี้ไอ้ห่า!” เขาระเบิดอารมณ์ทันที คำสัญญาที่เคยไว้ให้กับเพื่อนตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะดูหมอนอิงไม่ดี
“พ่อนั่นแหละที่พาเมียน้อยเข้ามาในบ้านก่อน” เขาไม่ยอมแพ้เช่นกัน รู้ว่าหมอนอิงยังไม่เป็นของใคร
“หมอนอิงไม่ใช่เมียน้อย กูเลิกกับแม่ของมึงนานแค่ไหนแล้วตอนนี้กูยังโสดจะเอาใครก็ได้ไหม” เขาโกรธจะยกมือตบหน้าลูกอีกครั้ง แต่พันไมล์รีบยกมือขึ้นมาป้องกันไว้
“มึงแต่งตัวแล้วลงไปรอที่ห้องทำงาน!”
“พ่ออ่ะ”
“มึงจะลุกดีๆ หรือจะให้กูลากมึงลงไป”
พันไมล์รู้ว่าตอนนี้พ่อเอาจริง เขาจึงรีบแต่งตัวเวลาพ่อโกรธจะเป็นแบบนี้ พ่อของเขาเป็นคนเจ้าระเบียบมากไม่อย่างนั้นคงเอาเขาไม่อยู่ พออาบแต่งตัวเสร็จหันไปมองรอบๆ
“หนีไปตอนไหนวะ” เขาหัวเสียที่ตื่นมาแล้วไม่เจอหมอนอิงกับเจอกกับฝ่ามืออรหันของพ่อแทน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หมอนอิงเงยหน้าขึ้นมาหลังที่จากร้องไห้มานาน เอไม่กล้าไปเปิดประตูกลัวว่าจะเป็นผู้ชายใจร้ายคนนั้น เธอรีบหนีออกมาหลังจากที่เขาหลับไม่นาน
“หนูอิงลุงขอโทษแทนไอ้ไนท์ด้วย ลงไปคุยกันด้านล่างได้ไหม”
เงียบ หมอนอิงไม่ตอบแต่ราชันรู้ว่าเธอต้องเสียใจมากกับสิ่งเลวร้ายที่ลูกชายเขาทำ
“หนูรีบแต่งตัวแล้วลงมาคุยกันดีๆ ลุงจะจัดการไอ้ไนท์เอง” เขายอมถอยเพื่อนให้เวลากับหมอนอิง เรื่องนี้พันไมล์ต้องรับผิดชอบ
“ตรีวิทย์!”
“ครับนายใหญ่” ลูกน้องคนสนิทรีบวิ่งมาเมื่อเจ้านายเรียก
“ไปตามนายอำเภอมาเดี๋ยวนี้!”
“ตอน 7 โมงนี่เหรอครับ” ที่ว่าการอำเภอเข้าเปิดแปดโมงหรือเปล่า
“กูสั่ง!” คำสั่งของราชันถือว่าเด็ดขาด เขาเดินเข้าไปที่ห้องทำงาน เห็นลูกชายตัวดีนอนเหยียดขาอยู่บนโชฟาอย่างสบายใจ
“เมื่อวานมึงเล่นไปล่อเมียเขา เมื่อคืนมึงก็สร้างเรื่องอีก มึงเหี้ยได้ใครมาวะ”
“ได้พ่อไงครับ” เขาสวนกลับทันที
“ไอ้...”
“ถ้าตบผมอีกผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก” เขาจ้องหน้าพ่อไม่ลดละ แค่เอากับผู้หญิงคนเดียวทำไมพ่อของเขาต้องโกรธขนาดนี้
หมอนอิงเดินเข้ามาเงียบๆ เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตากับใคร สงบเสงี่ยมไม่อยากคุยกับพันไมล์ ขอบตาร้อนพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“มาครบแล้วเขาเรื่องเลยมึงต้องหมั้นกับหนูอิง”
“ได้ไงผมเอาผู้หญิงเป็นร้อยต้องหมั้นทุกคนไหม” เขาไม่ยอมเอาผู้หญิงจืดชืดไม่มีชีวิตชีวามาเป็นเมียเด็ดขาด เขาชอบอะไรที่มันตื่นเต้นๆ
“กูถามมึงใหม่จะเอายังไง” เขาให้โอกาสลูกชาย แต่คำตอบที่ได้รับอยากเอาลูกตะกั่วยัดปากมันจริงๆ
“จ่ายเงินให้แล้วก็จบเธอจะเอาเท่าไหร่” เขาหันไปมองอีกฝ่ายที่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมคุยกับเขา
“ไอ้ไนท์! กูถามมึงว่าจะหมั้นไหม” ราชันถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ไม่หมั้น!” เขายืนกร้านว่าจะไม่ยอมหมั้น
“ดีมึงพูดเองว่าไม่หมั้น ไอ้ตรีพาคนเข้ามา!”
ทั้งพันไมล์และหมอนอิงหันไปมองคนมาใหม่ ทั้งคู่สงสัยว่าราชันคิดจะทำอะไร แต่พันไมล์คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวเขาแน่ๆ
“อะไรของพ่อ”
“ไม่หมั้นก็จดทะเบียนสมรสไปเลย คุณเวชช์จัดการเรื่องเอกสารเลยครับ”
“เฮ้ย ไม่เอาไม่จดนี่เธอรีบพูดอะไรหน่อยสิวะ” ตอนนี้เขาถูกลูกน้องของพ่อจับล็อกตัวไว้ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงหันไปหาหมอนอิง
“คุณลุงคะอิงว่า”
“จดหนูต้องจดเท่านั้น”
“ไม่จดโว้ยย ขี้เกียจหย่าตามหลัง” เขาอายุยังน้อยไม่อยากมีเมียตอนนี้
“ถ้ามึงไม่รับผิดชอบ กูจะตัดออกจากกองมรดก!” และไม่ยอมให้เรื่องนี้กระฉ่อนไปถึงนักธุรกิจในเครือหรือพวกสมาคมสังคมชั้นสูง ว่าลูกชายเขามันไม่รักดี
“เออ ยอมแล้วๆ จดก็จดปล่อยก่อน!” เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมรีบเซ็นเอกสารทันที เพราะกลัวจะไม่ได้รับมรดก เขากลัวความลำบากเดี๋ยวค่อยหาทางหย่ากันทีหลัง
หมอนอิงร้องไห้ตลอดการเซ็นเอกสาร เธอไม่เข้าใจว่าชีวิตถึงต้องมาจบลงแบบนี้ ขณะที่พันไมล์ต้องยอมแบบไม่เต็มใจ เขาหันมามองเธอเย้ยๆ
“อย่าคิดจะบอกใครว่าเราเป็นอะไรกัน ฉันแค่ทำเพราะพ่อสั่งไม่ได้รักเธอสักนิดเดียว” คำพูดนั้นตอกย้ำความเจ็บในใจเธอมากกว่าคืนก่อนเสียอีก
เธอเองไม่อยากบอกใครเหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองมีสามีเป็นตัวเป็นตน เธอก้มมองแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย หลังจากที่จดทะเบียนสมรส พ่อของเขาก็ทำพิธีหมั้นเล็กๆ และสวมแหวนทันที
“ฉันรักสนุกชอบนอนไปเรื่อยหวังว่าเธอจะไม่ตามหึงหวงฉัน” เขาถอดแหวนออกมา หากคนอื่นรู้มีหวังเขาเรตติ้งตกทันทีแถมเพื่อนต้องล้อเขาแน่
“คุณสบายใจได้”
“ฉันไม่สวมแหวนและเจอหน้ากันห้ามเข้ามาทักทาย”
“ค่ะ”
พันไมล์กำลังจะเดินออกไปจากบ้านพ่อมาเรียกไว้เสียก่อน เขาหงุดหงิดเพราะวันนี้ถูกบังคับเกินไป
“พ่อมีอะไรอีก”
“พาหนูอิงไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ด้วย” ราชันอยากให้ลูกชายเปิดใจ หนุ่มสาวอยู่ใกล้กันคงหวั่นไหวกันบ้าง
“อะไรอ่ะพ่อบังคับเกินไปแล้ว” เขาต้องหุบปากเพราะกลัวว่าพ่อจะคิดทำอะไรขึ้นมาอีก
“...” ราชันกอดอกทำหน้าบึ้งบ่งบอกว่าในบ้านนี้เขาเป็นใหญ่ที่สุด
“เออๆ อยากไปอยู่ไหนก็ไป ไปเก็บของสิยืนบื้ออะไรอยู่วะ มีปากบ้างหรือเปล่า” เขาหงุดหงิดพาลใส่หมอนอิงทันที ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะกลายมาเป็นลูกรักของพ่อเขาแทน
“พันไมล์...” ราชันมองหน้าลูกชาย
“จำคำที่พ่อพูดไว้ผู้หญิงความอดทนมีขีดจำกัด พอหมดความอดทนเอาอะไรมารั้งก็ฉุดไม่อยู่” เขาเคยอาบน้ำร้อนมาร้อน มัวแต่ทำงานจนละเลยแม่ของลูกสุดท้ายฐิตารีก็ทิ้งเขาไปมีครอบครัวใหม่
“ผมไม่เดินตามรอยพ่อหรอก รู้งี้ไปอยู่กับไอ้เดย์แล้วไม่อยากอยู่กับพ่อ” เขาหันหลังและเดินออกไปไม่รอหมอนอิง อยากให้ไปอยู่ด้วยก็ไปส่งกันเอง
หมอนอิงทรุดตัวนั่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ทั้งที่มือยังสั่นแต่ก็พยายามสอดไม้แขวนชุดลงในกระเป๋าเดินทางอย่างลวกๆ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงลงเปียกเนื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว
สายตาเลื่อนมองไปที่ แหวนหมั้นบนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนวงเรียบดีไซน์หรูนิ้วเรียวสั่นน้อยๆ ขณะเธอใช้ปลายนิ้วแตะมันเบาๆ
ความทรงจำมากมายถาโถมเข้ามาราวคลื่นซัดฝั่ง เธอกำมันแน่นไว้สักครู่ราวกับยังลังเล แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจแผ่ว ยกมือขึ้น ถอดแหวนออกช้าๆ
หมอนอิงมองมันอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำใบเล็กที่เคยใช้เก็บแหวนนี้ไว้ เธอเปิดมันออกอย่างเบามือ แล้ววางแหวนลงไปในตำแหน่งเดิม
“มันคงไม่ใช่ของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...”
ตอนพิเศษ 2พิมพ์ดาวในวัยสิบห้าเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัวหน้าตาน่ารักเหมือนแม่ แต่แววตานิ่งๆ ซ่อนความลึกซึ้งแบบพ่อทั้งยังมีมุมติสต์ๆ ชอบอ่านชอบวาดรูปหมอนอิงรู้ทันทุกอย่างโดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในลูกสาวคนเดียว“วันนี้หนูรีบไปโรงเรียนเหรอคะ?” หมอนอิงถามพลางเหลือบตามองลูกสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน กระโปรงยาวพอดีเข่าผมถักเปียหลวมๆ สองข้างแถมยังทาลิปบาล์มบางๆ กับพ่นน้ำหอมกลิ่นผลไม้จางๆ“มีพรีเซนต์ค่ะดาวต้องรีบไปซ้อมหน่อย” พิมพ์ดาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่แกล้งทำเสียงนิ่ง“อื้ม แต่ไม่เห็นเอาอะไรไปเลย” หมอนอิงอมยิ้มมองลูกสาวที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ต้องถามอะไรต่อ“คือมีงานกลุ่มค่ะเพื่อนในห้องจะช่วยติวให้ก่อนเริ่มเรียน” พิมพ์ดาวอ้อมแอ้ม“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง?” หมอนอิงถามหน้าตาเฉยระหว่างที่กำลังป้อนข้าวเจ้าสองแสบ ลูกชายฝาแฝดวัยสองขวบ“ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มีค่ะ” แล้วก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องครัวหมอนอิงยิ้มมุมปากนิดๆ เด็กสาวคนนี้น่ะต่อให้ไม่พูดก็รู้ว่าเริ่มมีความรักแล้วแต่ตอนเย็นพอพันไมล์กลับบ้าน แล้วไม่เห็นพิมพ์ดาวตามเวลา เขาก็เอะใจ“ยังไม่กลับเหรอ?” เขาถามเมียทันที“ยังเลยค่ะเห็นบอกว่าทำรา
ตอนพิเศษ 1พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในสวนหลังบ้านหลังใหม่ของทั้งสองคน บ้านที่พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย และที่แห่งนี้เขาลงมือปลูกต้นไม้ตัดหญ้า และดูแลทุกกระเบียดนิ้วด้วยตัวเอง เพื่อวันนี้วันที่เธอจะเป็นเจ้าสาวของเขาไม่มีซุ้มดอกไม้อลังการมีเพียงเสียงนกร้องเบาๆ ลมเอื่อยที่พัดใบไม้ไหว และญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่มาร่วมเป็นพยานในความรักของพวกเขาเธอสวมเพียงชุดเดรสสีครีมเรียบๆ ที่ขับผิวให้ดูอ่อนหวาน ไม่มีเครื่องประดับราคาแพง ไม่มีสร้อยเพชรหรือแหวนเพชรเม็ดโต มีเพียงดอกไม้สดจากสวนที่เขาเพิ่งเด็ดมาตอนเช้า แนบกลีบอ่อนๆ ลงบนผมของเธออย่างแผ่วเบาและตั้งใจ“สวยแล้ว” เขาว่าพลางยิ้มเห็นแววตาของเธอวาววับขึ้นมาเล็กน้อยส่วนเขาเองก็แต่งตัวธรรมดาเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับกับกางเกงสแล็คเรียบๆ ดูไม่เหมือนเจ้าบ่าวในพิธีทั่วไป แต่ทุกอย่างกลับลงตัวและงดงามที่สุดสำหรับเธอ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือเขาผู้ชายที่เธอเลือกจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย“เราจะไม่พาหนูพิมพ์ดาวไปด้วยจริงๆ เหรอคะ” หมอนอิงมองลูกสาววัยหนึ่งขวบห้าเดือน สามีจะพาไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ แต่เธอเป็นห่วงลูกสาว“คุณ
เสียงร้องไห้กรีดร้องของนทีดังลั่นไปทั่วห้องโถง จนทำให้บ้านทั้งหลังแทบสั่นสะเทือน หมื่นลี้นั่งกอดอกเอนหลังอยู่บนโซฟา มองลูกชายแฝดสองคนที่กำลังแย่งของเล่นกันตาไม่กะพริบ“ปะป๊าบอกแล้วใช่มั้ย ว่าแค่ชั่วโมงเดียวจะไม่ห้ามจะให้ลูกเคลียร์กันเอง” เขาพึมพำกับตัวเองทั้งที่ในใจแทบอยากจะเข้าไปแยก แต่ก็ยังนั่งนิ่งเอาความใจแข็งเข้าข่มนาวินแฝดพี่กอดรถของเล่นแน่น แถมยังยักคิ้วยียวนใส่น้องชายที่ร้องไห้เสียงดัง นทีทำหน้าบูดมือเล็กๆ ทุบกับพื้นไปด้วย ความไม่พอใจปะปนกับน้ำตาไหลพรากไม่หยุด“อ๊ะ…เอาคืน!” นทีพยายามคว้ารถคืน แต่ก็โดนพี่ชายหันหลังหนีไปอีกทางหมื่นลี้ถอนหายใจหนักๆ พลางเหลือบตามองยี่หวาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานผลไม้ เธอถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นสามีกอดอกนั่งเฉย“เดย์นี่จริงๆ เลยนะ ปล่อยให้เด็กสองขวบทะเลาะกันเป็นชั่วโมง” “ลูกผู้ชายต้องหัดแก้ปัญหากันเองบ้างสิ” เขายักไหล่ทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ยี่หวาเดินไปวางจานผลไม้ แล้วก้มลงอุ้มนทีขึ้นมากอดปลอบ เด็กน้อยยังสะอึกสะอื้นซบไหล่แม่ ส่วนนาวินเมื่อเห็นน้องถูกอุ้มก็เหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินเอารถไปวางใส่มือแม่แทน ก่อนจะยืนก้มหน้างอนๆ
ยี่หวากำลังควานหาของในกระเป๋า แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เธอถอนหายใจแล้วตัดสินใจเทของทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะ สิ่งที่เธอตามหาก็ยังไม่ปรากฏ จนกระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้น“มะมี้ขาาา~”เสียงใสๆ ของน้องฟ้าใสวัยสองขวบเรียกขึ้นมา ยี่หวาหันไปมองตามเสียงก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นใบหน้ากลมๆ ของลูกสาวเต็มไปด้วยรอยลิปสติกแดงสดที่เลอะจนทั่วแก้ม“ตายแล้วลูก! ทำอะไรของหนูเนี่ย” ยี่หวารีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาอย่างเอ็นดูปนขำ “หนูอยากสวยเหมือนมะมี้ค่ะ” น้องฟ้าใสยิ้มแป้นตากลมแวววาว “โอ๊ยย ลูกแม่สวยอยู่แล้วค่ะไม่ต้องแอบเอาลิปสติกมะมี้มาทาก็ได้” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วใช้ทิชชูค่อยๆ เช็ดแก้มเลอะๆ ของลูก “สวยๆ ~” เด็กน้อยทำตาใสปิ๊งแล้วย้ำเสียงใสๆยี่หวากอดลูกแน่นรู้สึกทั้งขำทั้งอบอุ่นในหัวใจความซนเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวยิ่งทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ“ปะป๊าไปไหนมะมี้จะตีทั้งปะป๊าทั้งลูกเลย” เธอทำเสียงดุทั้งที่ในใจอยากหัวเราะกับสภาพลูกสาวที่เลอะลิปสติกเต็มหน้า ไม่นานหมื่นลี้ก็โผล่มาจากครัว เขาถือจานข้าวในมือวิ่งหอบมาพร้อมใส่ผ้ากันเปื้อนสีอ่อน ผมถูกรวบมัดจุกไว้กันไม่ให้ปรกหน้า ภาพล
เสียงกระดิ่งหน้าร้านไอติมดังขึ้นเบาๆ เมื่อหมื่นลี้จูงมือยี่หวาเข้ามา กลิ่นหวานหอมของวานิลลาและสตรอว์เบอร์รีลอยอบอวลไปทั่ว“อยากกินรสไหนบอกมาเลยเบบี๋อยากกินอะไรเดย์จัดให้หมด” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมวางมือไว้บนเอวเธอเบาๆ อย่างห่วงใย“พูดเหมือนจะซื้อได้ทั้งร้านเลยนะ” เธอหัวเราะคิก“ก็ได้หมดแหละขออย่างเดียวกินแล้วลูกแข็งแรง คุณแม่อารมณ์ดีคุณพ่อก็แฮปปี้แล้ว”คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าแดงใจอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเลือกไอติมรสช็อกโกแลตมิ้นท์แก้วใหญ่ พอหมื่นลี้ตักป้อนให้ สายตาสาวๆ โต๊ะข้างๆ ก็แอบมองตามด้วยแววตาชื่นชม “อร่อยจังเลยค่ะคุณพ่อ ลูกคงอิ่มอารมณ์ดีทั้งวัน” เธอรีบโน้มตัวเข้าไปซบไหล่เขา แล้วพูดเสียงดังพอให้ได้ยิน “หวงขนาดนี้เลยเหรอ” หมื่นลี้ถึงกับหัวเราะออกมา เสียงดังลั่นร้าน“ก็ใช่น่ะสิ!” เธอแกล้งทำหน้าบึ้งแต่ตากลับเป็นประกายระยิบระยับ “ไม่ต้องหวงหรอก หัวใจเดย์มีเจ้าของแล้วทั้งแม่ทั้งลูกเต็มไปหมดแล้วเนี่ย” เขาโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวยิ่งหน้าแดงจัดรีบตักไอติมเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะละลายเหมือนไอติมตรงหน้า ผลของการทำข้อสอบได้ใ
แสงแดดสาดลงบนลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันของชุดครุยและรอยยิ้ม ยี่หวาสวมชุดครุยสีดำตัดทองยืนยิ้มกว้างอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดีไม่ขาดสายด้านหลังมีหมื่นลี้ในชุดเรียบหรูยังคงยืนอยู่ไม่ไกล สองมือหอบช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของขวัญสารพัดจนแทบล้น แต่สายตากลับจับจ้องอยู่เพียงหญิงสาวตรงหน้า ไม่ว่าจะมีใครรายล้อม ยี่หวาในสายตาเขาก็ยังโดดเด่นที่สุดเขามองเธอหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงใสที่เคยทำให้หัวใจเขาอุ่นซาบซ่านกลับมาอีกครั้ง ยี่หวากำลังมีความสุขความสุขที่เขาเฝ้าปรารถนาอยากเป็นคนมอบให้ตลอดมาเพื่อนๆ ผลัดกันหยอกล้อ แซวกันเสียงดังยี่หวายกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวตามลมก่อนจะยิ้มหวานจนดวงตาโค้งสวย หมื่นลี้มองภาพนั้นอย่างเงียบงัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงเธอที่ส่องสว่างอยู่ในใจเขาเขาอยากเดินไปกอดเธอต่อหน้าทุกคน อยากบอกว่า “เก่งที่สุดแล้วว่าที่ภรรยาของเดย์” แต่ก็ได้เพียงยืนมองอยู่ข้างหลัง รอคอยเวลาให้เธอหันกลับมาเห็นว่าไม่ว่าจะวันสำคัญแค่ไหน เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอหันมายกมือไหว้ให้ผู้มีพระคุณที่ช่วยส่งเสียเธอเรียนจนจบ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะ