ต้นกล้าลากเพื่อนมานั่งกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของคณะนิเทศศาสตร์เพราะได้ข่าวว่าน้องปีหนึ่งมีแต่คนน่ารัก พวกเขาไม่รอช้าทันที
“มึงๆ น้องคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ ว่ะ” ต้นกล้ามองสาวสวยสุดน่ารัก แต่หน้าคุ้นมาเขาไม่เคยเห็นสาวที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อน ขนาดไม่แต่งหน้ายังขนาดนี้ “เออ น่ารักว่ะคนนี้กูขอ” แอมป์เอ่ยขึ้นกำลังจะลุกไปทำความรู้จัก พันไมล์หันไปมองสาวสวยตามที่เพื่อนกำลังพูดถึง หมอนอิงเรียนคณะนี้หรือ เขาไม่รู้เพราะไม่ได้สนใจชื่อจริงยังไม่รู้เลย “กูเจอก่อนของกู” “ก็กูจะเอาคนนี้” ทั้งสองเถียงกันไปมาเพื่อแย่งกันจีบน้องปีหนึ่ง ปึก! ต้นกล้าและแอมป์หันไปมองพันไมล์ทันทีทั้งโต๊ะเงียบสนิท เมื่ออีกฝ่ายทำตัวไม่ปกติ “ไม่ได้!” เขาพูดเสียงดัง “อะไรของมึง” “อย่าบอกนะว่ามึงจะเอาน้องคนนี้?” พันไมล์รีบเปลี่ยนอารมณ์ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกน้ำขึ้นดื่ม ไม่หันไปมองหมอนอิงกลัว่าเพื่อนจะรู้ถึงความรักที่เขาซ่อนไว้ “น้องเขาเดินมาใกล้แล้วกูขอทักก่อน” ต้นกล้ารีบเขาไปทำความรู้จักทันที หมอนอิงไม่กล้าเข้าไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ ที่เขานั่งอยู่แต่ส้มโอลากเธอมาจนได้ และข้างไม่ไกลจากพันไมล์ไม่นานมีรุ่นพี่เดินเข้ามาทักทาย ทำให้คนทั้งโรงอาหารต้องหันมามอง “สวัสดีครับสาวๆ พี่ชื่อต้นกล้าน้องคงจะรู้จักพี่แล้ว” “สวัสดีค่ะส้มโอรู้จักดีเลย” ส้มโอเก็บอาการไม่อยู่แต่คนที่ชอบดันนั่งทำหน้าบึ้งจนไม่กล้าเข้าไปทักทาย “พี่ขอรู้จักชื่อคนสวยได้ไหมครับ” “ส้มโอค่ะ นี่หมอนอิง” “หมอนอิงชื่อเพราะจังเลยครับมีแฟนหรือยัง” ต้นกล้าเปิดฉากทันที ด้านได้อายอดของสวยๆ งามๆ มักมีคนหมายปองเป็นธรรมดา “ส้มโอโสดค่ะ” หญิงสาวรีบตอบทันที แต่ต้องหุบยิ้มเพราะรู้สึกหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ “พี่ถามน้องคนนี้น้องหมอนอิงมีแฟนหรือยังครับ” หมอนอิงเงยหน้าขึ้นมามองเขาบรรยากาศกดดัน เพราะทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ รวมถึงพันไมล์เขาย้ำเอเสมอว่าห้ามบอกใคร “ไม่มีค่ะ” เคล้ง! ทั้งสามคนหันไปมองโต๊ะที่พันไมล์นั่งอยู่ตอนนี้จานข้าวของเขา ตกกระจัดกระจายที่พื้นเหมือนว่ามีคนตั้งใจทำหล่น แอมป์หัวเราะออกมาเบาๆ “อะไรอีกวะมึงเป็นเหี้**ไร” “มือไปโดน” เขาตอบแบบไม่สบอารมณ์ หมอนอิงได้โอกาสรีบเดินออกไปจากโรงอาหารเพราะอึดอัด ทิ้งส้มโอไว้กับหนุ่มๆ กำลังจะเดินผ่านไปแต่กลับมีมือหนาคว้าเธอไว้ก่อนและลากเธอเข้าไปในห้องน้ำหญิงกดจะปิดล็อกประตู “คุณไนท์ทำอะไรของคุณ” “สวยนักเหรอ? ภูมิใจล่ะสิที่ผู้ชายมารุมจีบ” เขาดันตัวหมอนอิงไปชิดผนังและกักตัวเธอไว้ โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกชนกับแก้มเนียน “จะทำอะไรนี่มันในมหาลัย” เธอผลักเอาออกแต่ไม่เป็นผล “ในห้องน้ำก็เสียวดีนะตื่นเต้นดี” “อื้อ คุณไนท์อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” “ชอบมาสินะทำตัวสวยให้ผู้ชายตามจีบ” เขากำต้นคอเธอไว้แน่น “พูดบ้าอะไรของคุณ” เธอถูกเขากดลงในนั่งคุกเข่าต่อหน้า ใบหน้าของเธออยู่ใกล้กับเป้ากางเกงของเขาพอดี “อมมัน” “ไม่” เธอไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ “ฉันสั่งให้อมมัน ไม่อย่างนั้นจะกระแทกเธอในห้องน้ำ” เธอทำท่าจะร้องไห้ตอนนี้พันไมล์ปลดเข็มขัดและจับควักเอ้อร้อนออกมา เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นมันแบบเต็มตา กำลังจะหันใบหน้าหนีที่ถูกเขากระชากผมไว้เสียก่อน “หมอนอิงเธอรู้ว่าฉันความอดทนต่ำ” “ฮึก” “อมมันเข้าไป อ่าส์” เขาครางเสียงกระเส่าที่ปากนุ่มกำลังครอบครองเอ็นร้อนของเขา “ให้มือกำด้วยเลียๆ ดูดๆ ทำเป็นปะวะ” เขาสั่งเสียงเข้มเพราะขัดใจกับท่าทีไร้เดียงสาของหมอนอิง ยามที่ลิ้นร้อนเลียวนหัวสีชมพูทำเข้าเสียวจนอยากแตกใส่ปากของเธอไวๆ กลิ่นความเป็นตัวตนของเขาทำให้เธอรู้สึกขนลุก และไม่ได้รังเกียจ มือบางกำรอบๆ เอ็นร้อนๆ รูดขึ้นรูดลงปากบางอมเอ็ดร้อนจนถึงคอหอย “อ่าส์ ไม่ทนมันล่ะ” เขาจับท้ายทอยเธอไว้แน่น และกระแทกเอ็นร้อนเข้าไปในปากของหมอนอิง อย่างรุนแรงไม่สนว่าเธอจะเจ็บแค่ไหน ก่อนจะฉีดพ่นน้ำคาวเข้าไปในปากของเธอ หมอนอิงจะคายน้ำกามออกแต่ถูกเขาบังคับให้กลืนลงไป เธอฝืนกลืนน้ำเหนียวๆ ลงคอ หางตามีน้ำตาไหลออกมาเพราะรู้สึกอับอาย ในสิ่งที่เขาไม่ให้เกียรติเธอ “เมื้อกี้รุ่นพี่วิศวะหล่อมาก อยากเสียตัวให้เลย” เสียงสาวๆ ดังลอดเข้ามา หมอนอิงตกใจกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเธอกับพันไมล์เข้ามาทำอะไรกันในห้องน้ำ เธอทนฟังจนพวกเขาออกไปจึงรีบผลักเขาออกและวิ่งออกมาแต่ถูกเขาจับไว้เดสียก่อน “เช็ดซะ!” เขายื่นกนะดาษทิชชูให้ สภาพนี้ออกไปมีหวังคนรู้ทั้งมหาาลัย “อะไรอีก” “บอกให้เช็ด!” หมอนอิงหันไปมองตัวเองหน้ากระจก ใบหน้าเธอเริ่มแดงก่ำเพราะความอับอาย น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอ หมอนอิงรีบล้างหน้าและวิ่งออกมาจากห้องน้ำ . เสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้องไปทั่วสนามแข่งรถ ก่อนที่เสียงฝีเท้าหนักจะดังขึ้นตรงทางเดินด้านข้าง ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเอาเรื่อง ดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะ ขณะจ้องมองตรงไปยังพันไมล์ที่ยืนเช็ดมืออยู่ข้างรถแข่ง “คิดว่าเป็นใครถึงกล้ายุ่งกับเมียคนอื่น!” น้ำเสียงนั้นดังลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง “เมีย? แน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นอยากเป็นเมียคนเดียวของมึง" พันไมล์หันกลับมาช้าๆ รอยยิ้มมุมปากเย้ยหยัน คำตอบนั้นเหมือนน้ำมันราดลงบนไฟ อีกฝ่ายพุ่งเข้าชกทันที กำปั้นกระแทกเข้าที่แก้มพันไมล์อย่างจัง พันไมล์เซไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมือเช็ดมุมปากแววตาเย็นชา กลับกลายเป็นดุดัน เขาไม่รอช้าให้อีกฝ่ายกระทำคนเดียว เขาต่อยมันไปสุดแรงจนมันล้มลงที่พื้น และเขารีบกระทืบซ้ำหลายครั้ง จนเพื่อนเข้ามาห้าม “ช่วยไม่ได้ผู้หญิงมันอยากอ้าขาให้กูเอาเอง” เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะสวนหมัดกลับเต็มแรงอีกครั้ง “ไอ้ไนท์มึงเอาคืนกูใช่ไหมที่กูเคยแย่งผู้หญิงของมึง” เรียวมะตะโกนถามด้วยความโมโห “แค่ผู้หญิงกูจะเอาใครก็ได้” เขากับรียวมะไม่ถูกกันมานานหลายปี เพราะแย่งกันตามจีบผู้หญิงคนเดียวกันสุดท้ายต่างฝ่ายก็ไม่มีใครชนะ และเขาอยากเอาชนะจึงตามกลั่นแกล้งมัน แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่นอนด้วยคือเมียคนที่ร้อยของมัน เสียงประตูเพนท์เฮาส์ถูกเปิดออกในยามดึกสงัดพันไมล์เดินเข้ามาพร้อมแผลแตกที่มุมปากและรอยฟกช้ำที่คิ้ว เขาไม่ได้เมามากนัก แต่แววตาเต็มไปด้วยความว้าวุ่นและอารมณ์ที่หาที่ลงไม่ได้ ร่างสูงเดินตรงไปที่ห้องนอนเปิดไฟกลางดึกอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น หมอนอิงสะดุ้งตื่นยังไม่ทันได้ตั้งสติ เขาก็โยนกล่องยาเล็กๆ มาตรงหน้า “ลุกขึ้นมาทำแผลให้หน่อยสิ คนรับใช้ของฉัน” น้ำเสียงเยาะเย้ย และเย็นชาเหมือนเคย เธอลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆ เพียงแค่หยิบสำลีและน้ำยาฆ่าเชื้อออกมาอย่างเชื่องช้า พันไมล์จ้องเธอรอคำถามที่ไม่มา รอความห่วงใยที่ไม่มีในที่สุด เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “อยากรู้มั้ยว่าทำไมหน้าฉันถึงเป็นแบบนี้?” “...” เธอเงียบ “ผัวเขาต่อยมา เพราะฉันไปนอนกับเมียเขา” เขาหัวเราะเบาๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติ “ฉันหล่อรวยธรรมดาที่ผู้หญิงจะวิ่งเข้าหา เธอทำใจหน่อยแล้วกันหรือไม่ก็ไปหย่ากันพรุ่งนี้เลยก็ได้นะ” หมอนอิงไม่ได้หยุดมือหรือแม้แต่เงยหน้าขึ้น เธอแค่เป่าลมเบาๆ บนแผล ก่อนจะปิดปลาสเตอร์ลงไป “เสร็จแล้ว” เสียงของเธอเบา เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย “นี่เธอไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” “รู้สึกสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมามอง พันไมล์อมยิ้มเพราะคิดว่าเธอคงชอบเขาเข้าแล้ว แต่ประโยคถัดมาทำให้เขาหุบยิ้ม “รู้โล่งใจ และสมน้ำหน้าคุณ” “นี่เธอ!” พันไมล์ชะงักเล็กน้อยแววตาแข็งกระด้างของเขาเปลี่ยนไปชั่วขณะเขานั่งนิ่ง มองมือเธอที่เก็บกล่องยาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำแสงแดดยามเช้าอาบไล้ระเบียงบ้านอย่างอ่อนโยน ลมเย็นจากฤดูฝนต้นปีพัดโชยกลิ่นหญ้าเปียกและเสียงนกกระจิบร้องเบาๆ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การเริ่มต้นวันด้วยความสบายใจหมอนอิงสวมชุดเดรสกระโปรงยาวสีขาวเรียบผมยาวถูกรวบขึ้นเป็นมวยหลวมๆ ขณะยืนจัดชุดอาหารใส่บาตรหน้าบ้าน มือเรียวตักข้าวสวยร้อนใส่ปิ่นโตใบเล็กทีละถ้วย ดวงตาหวานทอแววสงบวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียของคุณพ่อ และเธอตื่นเช้ากว่าทุกวันเพื่อทำบุญให้ท่าน“จะใส่บาตรเหรอ” เสียงทุ้มงัวเงียดังขึ้นจากข้างหลังหมอนอิงหันไปเห็นพันไมล์ในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มยืนขยี้ตาอยู่ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ“อืม วันนี้วันครบรอบคุณพ่อ” เธอพูดเบาๆ พลางก้มหน้าลงตักข้าวต่อ“มีของใส่เผื่อไหม” พันไมล์เงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้“พี่ไนท์จะใส่ด้วยเหรอคะ” หมอนอิงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจ“ไม่เคยหรอก แต่อยากทำด้วย” เขาเกาหลังคอยังไม่ได้บอกพ่อตาเลย ว่าเขาเป็นใคร เธอยิ้มออกอย่างห้ามไม่ได้แล้วพยักหน้า“เดี๋ยวป่าเตรียมของให้ค่ะคุณไนท์ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยค่ะ คุณอิงไปดูคุณหรูดีกว่าค่ะป้าทำเอง”“ขอบคุณนะคะ”“ระวังร้อน” พระเดินมาแต่ไกลหมอนอิงยื่นกระโถนข้าวให้เขา
หมอนอิงที่ยืนอุ้มลูกน้อยไว้แนบอกรอยแดงจางๆ บนต้นขาเล็กแสดงถึงการเพิ่งผ่านเข็มวัคซีนมาเมื่อครู่“อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วคนเก่งของแม่” เธอกระซิบเสียงอ่อนโยนพลางลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ ขณะเดินออกมาจากห้องตรวจ พร้อมกับพันไมล์ที่เดินตามมาติดๆ สีหน้าเขาเคร่งขรึมและจับตามองทุกฝีก้าวอย่างระแวดระวังหมอนอิงกำลังจะเลี้ยวตรงทางเดินไปยังโถงลิฟต์ แต่ชั่ววินาทีนั้นเอง เธอก็ชะงัก“หมอนอิง” เสียงเขาดังขึ้นเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าประหลาดใจหรือดีใจกันแน่หมอนอิงเบือนหน้าหนีแทบจะทันทีที่สบตาร่างบางสะบัดจะเดินผ่านไปอย่างไร้คำพูด แต่คีรินทร์ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น“เดี๋ยวก่อนพี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” เขาก้าวเข้ามาใกล้โดยอัตโนมัติพันไมล์ที่ยืนอยู่ข้างเธอขยับตัวเข้ามาขวางโดยสัญชาตญาณ แววตาเย็นชาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ“ไม่มีอะไรต้องคุย” พันไมล์เอ่ยเสียงแข็งทันทีสีหน้าเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจที่เห็นอดีตคนรักของเมียตัวเองโผล่มาไม่ดูเวลาแบบนี้ หมอนอิงหันไปแตะแขนพันไมล์เบา ๆ“อิงอยากคุย” เธอพูดเสียงเรียบเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ทุกอย่างไม่ให้ปะทุออกมาผิดที่ผิดเวลา“แต่มัน...”“พี่ไนท์อุ้
ผับย่านใจกลางเมืองที่ประจำของพวกเขาสามคน วันนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเสียงดนตรี และแสงไฟสีส้มสลัวๆ ที่ตัดกับบรรยากาศของแก้วเหล้าบนโต๊ะอย่างลงตัว“มันจะมามั้ยวะ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกอยู่” แอมป์ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ แล้วสบตากับต้นกล้าที่กำลังหัวเราะเบาๆ“คนอย่างมันเนี่ยนะเปลี่ยนผ้าอ้อมพ่อบ้านใจกล้ามาก” ต้นกล้าลากเสียงยาวก่อนจะหัวเราะขำไม่ทันขาดคำประตูผับเปิดออก ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนพับกับกางเกงสแล็คก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ใบหน้าหล่อเหลานั่นมีหยาดเหงื่อนิดๆ พอให้รู้ว่าเขารีบมาขนาดไหน“โทษทีว่ะลูกเพิ่งนอนพึ่งแอบย่องออกมาได้” พันไมล์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหนังข้างเพื่อน ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “มึงยิ้มอะไรนักหนาวะ”“เฮ้ย ลูกกูนะยิ้มหวานมากเว้ยสวยเหมือนแม่ แก้มเป็นก้อนๆ เหมือนซาลาเปาเลยแถมขำเก่งอีกต่างหากยิ้มทีโลกหยุดหมุนอะเพื่อน คนอย่างพวกมึงไม่เข้าใจหรอก”แอมป์กับต้นกล้ามองหน้ากันแล้วก็ถอนใจเฮือก เบื่อพวกขี้อวดสภาพตอนที่เมียหายดูไม่ได้เลย“เหอะ มาไม่ทันเบียร์เย็นๆ ก็ยังพอเข้าใจ แต่เอาแต่อวดลูกแบบนี้กูก็หมดคำจะพูด” แอมป์แบะปากกลอกตามองบน“เออ สมัยก่อนมึงมันนักล่าปาร์ตี้พอมีเมียมีลูก
“หมอนอิง! แกจริงๆ ด้วย” ส้มโอรีบวิ่งมากอดเพื่อนจู่ๆ เพื่อนก็ลาออกจากมหาลัยและหายไปแบบไม่ติดต่อกลับมา “ส้มโอ” “แกหายไปไหนไม่ยอมติดต่อฉันเลย” ส้มโอมองเด็กที่นอนหลับในรถเข็น และมองหน้าหมอนอิงเหมือนมีคำถามจะถามว่าลูกใคร “นี่ลูกแกเหรอ” “อืม” หมอนอิงมองซ้ายมองขวาเพื่อมองว่าพันไมล์กลับมาหรือยัง วันนี้เขาพาเธอกับลูกออกมาชอปปิ้งซื้อของ “หมอนอิง” พันไมล์เรียกเธอเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นส้มโอเขาจึงไม่ไว้ใจ แต่หมอนอิงห้ามไว้ “พี่ไนท์พาน้องพิมพ์ดาวเข้าร้านไปก่อนเลยค่ะอิงขอคุยกับเพื่อนก่อน” “ก็ได้รีบตามมานะ” เขาเข็นรถเข็นเข้าไปในร้านของใช้เด็ก แต่ยังแอบมองหมอนอิงตลอดผู้หญิงคนนั้นไว้ใจไม่ค่อยได้ ส้มโอจับมือเพื่อนแสดงถึงความดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ไม่มีหมอนอิงเธอรู้สึกเหงาและขาดเพื่อน ที่ผ่านมาหมอนอิงคอยช่วยเหลือของงานส่งอาจารย์เสมอ “แกรู้อะไรไหม” “รู้อะไร” “พี่ไนท์ไม่บอกเหรอ” “เธอพูดอะไร” หมอนอิงไม่ได้ติดต่อใครเลย “คนที่ปล่อยข่าวแกคือไอ้คีรินทร์มันให้เงินแม่กับน้องเธอเพื่อเอาข่าวมา
กลิ่นไหม้จางๆ ลอยคลุ้งทั่วครัวตั้งแต่ตีห้าครึ่งพันไมล์ยืนอยู่หน้าเตา ใบหน้าเปื้อนเหงื่อและคราบน้ำมันบางส่วนไข่ดาวที่ไหม้เกรียมไปข้างหนึ่งถูกตักใส่จานอย่างระวังข้าวต้มที่เขาตั้งใจทำเองก็แห้งเกินไปนิด แต่เขาใส่หมูสับกับแครอทลงไปเยอะหน่อย เผื่อเธอจะกินได้มากขึ้นมือใหญ่ยกถาดข้าว เขาเปิดประตูห้องของหมอนอิงเบาๆพันไมล์วางถาดอาหารไว้ที่มุมโต๊ะเล็กข้างหน้าต่าง ก่อนจะหันมามองคนที่กำลังพลิกตัวบนเตียง“พี่ทำข้าวเช้าไว้ให้นะ” เขาพูดเสียงแผ่วเบากลัวลูกสาวจะตื่นขึ้นมาร้องไห้หมอนอิงลืมตาขึ้นช้าๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พลางขมวดคิ้วเมื่อเห็นเงาของเขายืนอยู่ในห้อง เธอหันไปมองถาดอาหาร ก่อนจะเหลือบมองหน้าเขา. ใบหน้าของพันไมล์เปื้อนเขม่าดำเลอะไปเกือบครึ่งทั้งหน้าผากแก้ม และปลายจมูก“คุณทำเอง?” เธอถามเสียงเรียบ“เลยอาหารเช้ามานานแล้วพี่กลัวอิงจะหิว” เขายิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “เอาออกไป” “แต่พี่...”เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบถาดอาหารในจังหวะช้าชัดเจนก่อนจะเดินไปที่ถังขยะ เสียงฝาถังเปิดขึ้นตามด้วยทุกอย่างถูกเทลงไปจนหมดถาดพันไมล์ยืนนิ่งไม่มีคำพูดมีเพียงแววตาเจ็บลึกที่พยายามเก็บซ่อนไว้“อย่าเสี
บนโต๊ะอาหารทุกคนต่างเงียบเหมือนไม่มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันพันไมล์มองเสี้ยวหน้าของหมอนอิง มองริมฝีปากเล็กที่เม้มแน่นมองคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยยามเธอได้ยินพ่อพูดถึงเรื่องงานประจำปี เขาอยากรู้ว่าในหัวเธอกำลังคิดอะไรอยู่คิดถึงเรื่องของเขาบ้างไหม หรือว่าตัดใจได้หมดแล้ว“กินแต่ปลาน่ะพักนี้ทำไมไม่ค่อยกินข้าว” ราชันหันมาทักเขาทำให้พันไมล์หลุดจากภวังค์“ครับ” เขากะพริบตา แล้วรีบหลบสายตาไปทางอื่นมือที่คีบเนื้อปลาหยุดค้างกลางอากาศ“พ่อพูดกับแกอยู่นะ” เขาว่าเสียงเรียบ“อ๋อ ผมกินครับ” เขาตอบกลบเกลื่อน แล้วรีบหันไปตักข้าวเข้าปาก แต่ไม่วายเหลือบมองหมอนอิงอีกครั้งหมอนอิงเหมือนรู้สึกได้เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย สบตากับเขาเพียงครู่เดียวก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอไม่ได้พูดอะไร แต่แววตานั้นบอกชัดเจนว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เขามองพันไมล์ได้แต่นั่งนิ่งพยายามซ่อนความรู้สึกที่ตีวนอยู่ในอกทั้งอยากถามอยากขอโทษ แต่กลับทำได้แค่นั่งมองอารมณ์ที่พลุกพล่านทำให้เขานั่งกัดฟันจนกรามเด่นขึ้นมา ตรงเป้ากางเกงเริ่มขยายตัวอีกครั้ง แค่ได้อยู่ใกล้หมอนอิงลูกชายของเขาก็พร้อมเสมอ“ไอ้ไนท์เป็นอะไรหน้าดำหน้าแดงหมด”“ผมไม่สบาย