LOGINต้นกล้าลากเพื่อนมานั่งกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของคณะนิเทศศาสตร์เพราะได้ข่าวว่าน้องปีหนึ่งมีแต่คนน่ารัก พวกเขาไม่รอช้าทันที
“มึงๆ น้องคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ ว่ะ” ต้นกล้ามองสาวสวยสุดน่ารัก แต่หน้าคุ้นมาเขาไม่เคยเห็นสาวที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อน ขนาดไม่แต่งหน้ายังขนาดนี้ “เออ น่ารักว่ะคนนี้กูขอ” แอมป์เอ่ยขึ้นกำลังจะลุกไปทำความรู้จัก พันไมล์หันไปมองสาวสวยตามที่เพื่อนกำลังพูดถึง หมอนอิงเรียนคณะนี้หรือ เขาไม่รู้เพราะไม่ได้สนใจชื่อจริงยังไม่รู้เลย “กูเจอก่อนของกู” “ก็กูจะเอาคนนี้” ทั้งสองเถียงกันไปมาเพื่อแย่งกันจีบน้องปีหนึ่ง ปึก! ต้นกล้าและแอมป์หันไปมองพันไมล์ทันทีทั้งโต๊ะเงียบสนิท เมื่ออีกฝ่ายทำตัวไม่ปกติ “ไม่ได้!” เขาพูดเสียงดัง “อะไรของมึง” “อย่าบอกนะว่ามึงจะเอาน้องคนนี้?” พันไมล์รีบเปลี่ยนอารมณ์ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกน้ำขึ้นดื่ม ไม่หันไปมองหมอนอิงกลัว่าเพื่อนจะรู้ถึงความรักที่เขาซ่อนไว้ “น้องเขาเดินมาใกล้แล้วกูขอทักก่อน” ต้นกล้ารีบเขาไปทำความรู้จักทันที หมอนอิงไม่กล้าเข้าไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ ที่เขานั่งอยู่แต่ส้มโอลากเธอมาจนได้ และข้างไม่ไกลจากพันไมล์ไม่นานมีรุ่นพี่เดินเข้ามาทักทาย ทำให้คนทั้งโรงอาหารต้องหันมามอง “สวัสดีครับสาวๆ พี่ชื่อต้นกล้าน้องคงจะรู้จักพี่แล้ว” “สวัสดีค่ะส้มโอรู้จักดีเลย” ส้มโอเก็บอาการไม่อยู่แต่คนที่ชอบดันนั่งทำหน้าบึ้งจนไม่กล้าเข้าไปทักทาย “พี่ขอรู้จักชื่อคนสวยได้ไหมครับ” “ส้มโอค่ะ นี่หมอนอิง” “หมอนอิงชื่อเพราะจังเลยครับมีแฟนหรือยัง” ต้นกล้าเปิดฉากทันที ด้านได้อายอดของสวยๆ งามๆ มักมีคนหมายปองเป็นธรรมดา “ส้มโอโสดค่ะ” หญิงสาวรีบตอบทันที แต่ต้องหุบยิ้มเพราะรู้สึกหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ “พี่ถามน้องคนนี้น้องหมอนอิงมีแฟนหรือยังครับ” หมอนอิงเงยหน้าขึ้นมามองเขาบรรยากาศกดดัน เพราะทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ รวมถึงพันไมล์เขาย้ำเอเสมอว่าห้ามบอกใคร “ไม่มีค่ะ” เคล้ง! ทั้งสามคนหันไปมองโต๊ะที่พันไมล์นั่งอยู่ตอนนี้จานข้าวของเขา ตกกระจัดกระจายที่พื้นเหมือนว่ามีคนตั้งใจทำหล่น แอมป์หัวเราะออกมาเบาๆ “อะไรอีกวะมึงเป็นเหี้**ไร” “มือไปโดน” เขาตอบแบบไม่สบอารมณ์ หมอนอิงได้โอกาสรีบเดินออกไปจากโรงอาหารเพราะอึดอัด ทิ้งส้มโอไว้กับหนุ่มๆ กำลังจะเดินผ่านไปแต่กลับมีมือหนาคว้าเธอไว้ก่อนและลากเธอเข้าไปในห้องน้ำหญิงกดจะปิดล็อกประตู “คุณไนท์ทำอะไรของคุณ” “สวยนักเหรอ? ภูมิใจล่ะสิที่ผู้ชายมารุมจีบ” เขาดันตัวหมอนอิงไปชิดผนังและกักตัวเธอไว้ โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกชนกับแก้มเนียน “จะทำอะไรนี่มันในมหาลัย” เธอผลักเอาออกแต่ไม่เป็นผล “ในห้องน้ำก็เสียวดีนะตื่นเต้นดี” “อื้อ คุณไนท์อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” “ชอบมาสินะทำตัวสวยให้ผู้ชายตามจีบ” เขากำต้นคอเธอไว้แน่น “พูดบ้าอะไรของคุณ” เธอถูกเขากดลงในนั่งคุกเข่าต่อหน้า ใบหน้าของเธออยู่ใกล้กับเป้ากางเกงของเขาพอดี “อมมัน” “ไม่” เธอไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ “ฉันสั่งให้อมมัน ไม่อย่างนั้นจะกระแทกเธอในห้องน้ำ” เธอทำท่าจะร้องไห้ตอนนี้พันไมล์ปลดเข็มขัดและจับควักเอ้อร้อนออกมา เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นมันแบบเต็มตา กำลังจะหันใบหน้าหนีที่ถูกเขากระชากผมไว้เสียก่อน “หมอนอิงเธอรู้ว่าฉันความอดทนต่ำ” “ฮึก” “อมมันเข้าไป อ่าส์” เขาครางเสียงกระเส่าที่ปากนุ่มกำลังครอบครองเอ็นร้อนของเขา “ให้มือกำด้วยเลียๆ ดูดๆ ทำเป็นปะวะ” เขาสั่งเสียงเข้มเพราะขัดใจกับท่าทีไร้เดียงสาของหมอนอิง ยามที่ลิ้นร้อนเลียวนหัวสีชมพูทำเข้าเสียวจนอยากแตกใส่ปากของเธอไวๆ กลิ่นความเป็นตัวตนของเขาทำให้เธอรู้สึกขนลุก และไม่ได้รังเกียจ มือบางกำรอบๆ เอ็นร้อนๆ รูดขึ้นรูดลงปากบางอมเอ็ดร้อนจนถึงคอหอย “อ่าส์ ไม่ทนมันล่ะ” เขาจับท้ายทอยเธอไว้แน่น และกระแทกเอ็นร้อนเข้าไปในปากของหมอนอิง อย่างรุนแรงไม่สนว่าเธอจะเจ็บแค่ไหน ก่อนจะฉีดพ่นน้ำคาวเข้าไปในปากของเธอ หมอนอิงจะคายน้ำกามออกแต่ถูกเขาบังคับให้กลืนลงไป เธอฝืนกลืนน้ำเหนียวๆ ลงคอ หางตามีน้ำตาไหลออกมาเพราะรู้สึกอับอาย ในสิ่งที่เขาไม่ให้เกียรติเธอ “เมื้อกี้รุ่นพี่วิศวะหล่อมาก อยากเสียตัวให้เลย” เสียงสาวๆ ดังลอดเข้ามา หมอนอิงตกใจกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเธอกับพันไมล์เข้ามาทำอะไรกันในห้องน้ำ เธอทนฟังจนพวกเขาออกไปจึงรีบผลักเขาออกและวิ่งออกมาแต่ถูกเขาจับไว้เดสียก่อน “เช็ดซะ!” เขายื่นกนะดาษทิชชูให้ สภาพนี้ออกไปมีหวังคนรู้ทั้งมหาาลัย “อะไรอีก” “บอกให้เช็ด!” หมอนอิงหันไปมองตัวเองหน้ากระจก ใบหน้าเธอเริ่มแดงก่ำเพราะความอับอาย น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอ หมอนอิงรีบล้างหน้าและวิ่งออกมาจากห้องน้ำ . เสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้องไปทั่วสนามแข่งรถ ก่อนที่เสียงฝีเท้าหนักจะดังขึ้นตรงทางเดินด้านข้าง ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเอาเรื่อง ดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะ ขณะจ้องมองตรงไปยังพันไมล์ที่ยืนเช็ดมืออยู่ข้างรถแข่ง “คิดว่าเป็นใครถึงกล้ายุ่งกับเมียคนอื่น!” น้ำเสียงนั้นดังลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง “เมีย? แน่ใจเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นอยากเป็นเมียคนเดียวของมึง" พันไมล์หันกลับมาช้าๆ รอยยิ้มมุมปากเย้ยหยัน คำตอบนั้นเหมือนน้ำมันราดลงบนไฟ อีกฝ่ายพุ่งเข้าชกทันที กำปั้นกระแทกเข้าที่แก้มพันไมล์อย่างจัง พันไมล์เซไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมือเช็ดมุมปากแววตาเย็นชา กลับกลายเป็นดุดัน เขาไม่รอช้าให้อีกฝ่ายกระทำคนเดียว เขาต่อยมันไปสุดแรงจนมันล้มลงที่พื้น และเขารีบกระทืบซ้ำหลายครั้ง จนเพื่อนเข้ามาห้าม “ช่วยไม่ได้ผู้หญิงมันอยากอ้าขาให้กูเอาเอง” เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะสวนหมัดกลับเต็มแรงอีกครั้ง “ไอ้ไนท์มึงเอาคืนกูใช่ไหมที่กูเคยแย่งผู้หญิงของมึง” เรียวมะตะโกนถามด้วยความโมโห “แค่ผู้หญิงกูจะเอาใครก็ได้” เขากับรียวมะไม่ถูกกันมานานหลายปี เพราะแย่งกันตามจีบผู้หญิงคนเดียวกันสุดท้ายต่างฝ่ายก็ไม่มีใครชนะ และเขาอยากเอาชนะจึงตามกลั่นแกล้งมัน แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่นอนด้วยคือเมียคนที่ร้อยของมัน เสียงประตูเพนท์เฮาส์ถูกเปิดออกในยามดึกสงัดพันไมล์เดินเข้ามาพร้อมแผลแตกที่มุมปากและรอยฟกช้ำที่คิ้ว เขาไม่ได้เมามากนัก แต่แววตาเต็มไปด้วยความว้าวุ่นและอารมณ์ที่หาที่ลงไม่ได้ ร่างสูงเดินตรงไปที่ห้องนอนเปิดไฟกลางดึกอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น หมอนอิงสะดุ้งตื่นยังไม่ทันได้ตั้งสติ เขาก็โยนกล่องยาเล็กๆ มาตรงหน้า “ลุกขึ้นมาทำแผลให้หน่อยสิ คนรับใช้ของฉัน” น้ำเสียงเยาะเย้ย และเย็นชาเหมือนเคย เธอลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆ เพียงแค่หยิบสำลีและน้ำยาฆ่าเชื้อออกมาอย่างเชื่องช้า พันไมล์จ้องเธอรอคำถามที่ไม่มา รอความห่วงใยที่ไม่มีในที่สุด เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “อยากรู้มั้ยว่าทำไมหน้าฉันถึงเป็นแบบนี้?” “...” เธอเงียบ “ผัวเขาต่อยมา เพราะฉันไปนอนกับเมียเขา” เขาหัวเราะเบาๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติ “ฉันหล่อรวยธรรมดาที่ผู้หญิงจะวิ่งเข้าหา เธอทำใจหน่อยแล้วกันหรือไม่ก็ไปหย่ากันพรุ่งนี้เลยก็ได้นะ” หมอนอิงไม่ได้หยุดมือหรือแม้แต่เงยหน้าขึ้น เธอแค่เป่าลมเบาๆ บนแผล ก่อนจะปิดปลาสเตอร์ลงไป “เสร็จแล้ว” เสียงของเธอเบา เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย “นี่เธอไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” “รู้สึกสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมามอง พันไมล์อมยิ้มเพราะคิดว่าเธอคงชอบเขาเข้าแล้ว แต่ประโยคถัดมาทำให้เขาหุบยิ้ม “รู้โล่งใจ และสมน้ำหน้าคุณ” “นี่เธอ!” พันไมล์ชะงักเล็กน้อยแววตาแข็งกระด้างของเขาเปลี่ยนไปชั่วขณะเขานั่งนิ่ง มองมือเธอที่เก็บกล่องยาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำตอนพิเศษ 2พิมพ์ดาวในวัยสิบห้าเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัวหน้าตาน่ารักเหมือนแม่ แต่แววตานิ่งๆ ซ่อนความลึกซึ้งแบบพ่อทั้งยังมีมุมติสต์ๆ ชอบอ่านชอบวาดรูปหมอนอิงรู้ทันทุกอย่างโดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในลูกสาวคนเดียว“วันนี้หนูรีบไปโรงเรียนเหรอคะ?” หมอนอิงถามพลางเหลือบตามองลูกสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน กระโปรงยาวพอดีเข่าผมถักเปียหลวมๆ สองข้างแถมยังทาลิปบาล์มบางๆ กับพ่นน้ำหอมกลิ่นผลไม้จางๆ“มีพรีเซนต์ค่ะดาวต้องรีบไปซ้อมหน่อย” พิมพ์ดาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่แกล้งทำเสียงนิ่ง“อื้ม แต่ไม่เห็นเอาอะไรไปเลย” หมอนอิงอมยิ้มมองลูกสาวที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ต้องถามอะไรต่อ“คือมีงานกลุ่มค่ะเพื่อนในห้องจะช่วยติวให้ก่อนเริ่มเรียน” พิมพ์ดาวอ้อมแอ้ม“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง?” หมอนอิงถามหน้าตาเฉยระหว่างที่กำลังป้อนข้าวเจ้าสองแสบ ลูกชายฝาแฝดวัยสองขวบ“ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มีค่ะ” แล้วก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องครัวหมอนอิงยิ้มมุมปากนิดๆ เด็กสาวคนนี้น่ะต่อให้ไม่พูดก็รู้ว่าเริ่มมีความรักแล้วแต่ตอนเย็นพอพันไมล์กลับบ้าน แล้วไม่เห็นพิมพ์ดาวตามเวลา เขาก็เอะใจ“ยังไม่กลับเหรอ?” เขาถามเมียทันที“ยังเลยค่ะเห็นบอกว่าทำรา
ตอนพิเศษ 1พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในสวนหลังบ้านหลังใหม่ของทั้งสองคน บ้านที่พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย และที่แห่งนี้เขาลงมือปลูกต้นไม้ตัดหญ้า และดูแลทุกกระเบียดนิ้วด้วยตัวเอง เพื่อวันนี้วันที่เธอจะเป็นเจ้าสาวของเขาไม่มีซุ้มดอกไม้อลังการมีเพียงเสียงนกร้องเบาๆ ลมเอื่อยที่พัดใบไม้ไหว และญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่มาร่วมเป็นพยานในความรักของพวกเขาเธอสวมเพียงชุดเดรสสีครีมเรียบๆ ที่ขับผิวให้ดูอ่อนหวาน ไม่มีเครื่องประดับราคาแพง ไม่มีสร้อยเพชรหรือแหวนเพชรเม็ดโต มีเพียงดอกไม้สดจากสวนที่เขาเพิ่งเด็ดมาตอนเช้า แนบกลีบอ่อนๆ ลงบนผมของเธออย่างแผ่วเบาและตั้งใจ“สวยแล้ว” เขาว่าพลางยิ้มเห็นแววตาของเธอวาววับขึ้นมาเล็กน้อยส่วนเขาเองก็แต่งตัวธรรมดาเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับกับกางเกงสแล็คเรียบๆ ดูไม่เหมือนเจ้าบ่าวในพิธีทั่วไป แต่ทุกอย่างกลับลงตัวและงดงามที่สุดสำหรับเธอ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือเขาผู้ชายที่เธอเลือกจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย“เราจะไม่พาหนูพิมพ์ดาวไปด้วยจริงๆ เหรอคะ” หมอนอิงมองลูกสาววัยหนึ่งขวบห้าเดือน สามีจะพาไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ แต่เธอเป็นห่วงลูกสาว“คุณ
เสียงร้องไห้กรีดร้องของนทีดังลั่นไปทั่วห้องโถง จนทำให้บ้านทั้งหลังแทบสั่นสะเทือน หมื่นลี้นั่งกอดอกเอนหลังอยู่บนโซฟา มองลูกชายแฝดสองคนที่กำลังแย่งของเล่นกันตาไม่กะพริบ“ปะป๊าบอกแล้วใช่มั้ย ว่าแค่ชั่วโมงเดียวจะไม่ห้ามจะให้ลูกเคลียร์กันเอง” เขาพึมพำกับตัวเองทั้งที่ในใจแทบอยากจะเข้าไปแยก แต่ก็ยังนั่งนิ่งเอาความใจแข็งเข้าข่มนาวินแฝดพี่กอดรถของเล่นแน่น แถมยังยักคิ้วยียวนใส่น้องชายที่ร้องไห้เสียงดัง นทีทำหน้าบูดมือเล็กๆ ทุบกับพื้นไปด้วย ความไม่พอใจปะปนกับน้ำตาไหลพรากไม่หยุด“อ๊ะ…เอาคืน!” นทีพยายามคว้ารถคืน แต่ก็โดนพี่ชายหันหลังหนีไปอีกทางหมื่นลี้ถอนหายใจหนักๆ พลางเหลือบตามองยี่หวาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานผลไม้ เธอถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นสามีกอดอกนั่งเฉย“เดย์นี่จริงๆ เลยนะ ปล่อยให้เด็กสองขวบทะเลาะกันเป็นชั่วโมง” “ลูกผู้ชายต้องหัดแก้ปัญหากันเองบ้างสิ” เขายักไหล่ทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ยี่หวาเดินไปวางจานผลไม้ แล้วก้มลงอุ้มนทีขึ้นมากอดปลอบ เด็กน้อยยังสะอึกสะอื้นซบไหล่แม่ ส่วนนาวินเมื่อเห็นน้องถูกอุ้มก็เหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินเอารถไปวางใส่มือแม่แทน ก่อนจะยืนก้มหน้างอนๆ
ยี่หวากำลังควานหาของในกระเป๋า แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เธอถอนหายใจแล้วตัดสินใจเทของทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะ สิ่งที่เธอตามหาก็ยังไม่ปรากฏ จนกระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้น“มะมี้ขาาา~”เสียงใสๆ ของน้องฟ้าใสวัยสองขวบเรียกขึ้นมา ยี่หวาหันไปมองตามเสียงก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นใบหน้ากลมๆ ของลูกสาวเต็มไปด้วยรอยลิปสติกแดงสดที่เลอะจนทั่วแก้ม“ตายแล้วลูก! ทำอะไรของหนูเนี่ย” ยี่หวารีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาอย่างเอ็นดูปนขำ “หนูอยากสวยเหมือนมะมี้ค่ะ” น้องฟ้าใสยิ้มแป้นตากลมแวววาว “โอ๊ยย ลูกแม่สวยอยู่แล้วค่ะไม่ต้องแอบเอาลิปสติกมะมี้มาทาก็ได้” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วใช้ทิชชูค่อยๆ เช็ดแก้มเลอะๆ ของลูก “สวยๆ ~” เด็กน้อยทำตาใสปิ๊งแล้วย้ำเสียงใสๆยี่หวากอดลูกแน่นรู้สึกทั้งขำทั้งอบอุ่นในหัวใจความซนเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวยิ่งทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ“ปะป๊าไปไหนมะมี้จะตีทั้งปะป๊าทั้งลูกเลย” เธอทำเสียงดุทั้งที่ในใจอยากหัวเราะกับสภาพลูกสาวที่เลอะลิปสติกเต็มหน้า ไม่นานหมื่นลี้ก็โผล่มาจากครัว เขาถือจานข้าวในมือวิ่งหอบมาพร้อมใส่ผ้ากันเปื้อนสีอ่อน ผมถูกรวบมัดจุกไว้กันไม่ให้ปรกหน้า ภาพล
เสียงกระดิ่งหน้าร้านไอติมดังขึ้นเบาๆ เมื่อหมื่นลี้จูงมือยี่หวาเข้ามา กลิ่นหวานหอมของวานิลลาและสตรอว์เบอร์รีลอยอบอวลไปทั่ว“อยากกินรสไหนบอกมาเลยเบบี๋อยากกินอะไรเดย์จัดให้หมด” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมวางมือไว้บนเอวเธอเบาๆ อย่างห่วงใย“พูดเหมือนจะซื้อได้ทั้งร้านเลยนะ” เธอหัวเราะคิก“ก็ได้หมดแหละขออย่างเดียวกินแล้วลูกแข็งแรง คุณแม่อารมณ์ดีคุณพ่อก็แฮปปี้แล้ว”คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าแดงใจอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเลือกไอติมรสช็อกโกแลตมิ้นท์แก้วใหญ่ พอหมื่นลี้ตักป้อนให้ สายตาสาวๆ โต๊ะข้างๆ ก็แอบมองตามด้วยแววตาชื่นชม “อร่อยจังเลยค่ะคุณพ่อ ลูกคงอิ่มอารมณ์ดีทั้งวัน” เธอรีบโน้มตัวเข้าไปซบไหล่เขา แล้วพูดเสียงดังพอให้ได้ยิน “หวงขนาดนี้เลยเหรอ” หมื่นลี้ถึงกับหัวเราะออกมา เสียงดังลั่นร้าน“ก็ใช่น่ะสิ!” เธอแกล้งทำหน้าบึ้งแต่ตากลับเป็นประกายระยิบระยับ “ไม่ต้องหวงหรอก หัวใจเดย์มีเจ้าของแล้วทั้งแม่ทั้งลูกเต็มไปหมดแล้วเนี่ย” เขาโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวยิ่งหน้าแดงจัดรีบตักไอติมเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะละลายเหมือนไอติมตรงหน้า ผลของการทำข้อสอบได้ใ
แสงแดดสาดลงบนลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันของชุดครุยและรอยยิ้ม ยี่หวาสวมชุดครุยสีดำตัดทองยืนยิ้มกว้างอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดีไม่ขาดสายด้านหลังมีหมื่นลี้ในชุดเรียบหรูยังคงยืนอยู่ไม่ไกล สองมือหอบช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของขวัญสารพัดจนแทบล้น แต่สายตากลับจับจ้องอยู่เพียงหญิงสาวตรงหน้า ไม่ว่าจะมีใครรายล้อม ยี่หวาในสายตาเขาก็ยังโดดเด่นที่สุดเขามองเธอหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงใสที่เคยทำให้หัวใจเขาอุ่นซาบซ่านกลับมาอีกครั้ง ยี่หวากำลังมีความสุขความสุขที่เขาเฝ้าปรารถนาอยากเป็นคนมอบให้ตลอดมาเพื่อนๆ ผลัดกันหยอกล้อ แซวกันเสียงดังยี่หวายกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวตามลมก่อนจะยิ้มหวานจนดวงตาโค้งสวย หมื่นลี้มองภาพนั้นอย่างเงียบงัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงเธอที่ส่องสว่างอยู่ในใจเขาเขาอยากเดินไปกอดเธอต่อหน้าทุกคน อยากบอกว่า “เก่งที่สุดแล้วว่าที่ภรรยาของเดย์” แต่ก็ได้เพียงยืนมองอยู่ข้างหลัง รอคอยเวลาให้เธอหันกลับมาเห็นว่าไม่ว่าจะวันสำคัญแค่ไหน เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอหันมายกมือไหว้ให้ผู้มีพระคุณที่ช่วยส่งเสียเธอเรียนจนจบ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะ







