พันไมล์นั่งรอหมอนอิงที่ห้องนั่งเล่นปกติเขาจะกลับหลังหญิงสาวตลอด วันนี้เวลาล่วงเลยไปหนึ่งแต่หมอนอิงยังไม่โผล่หน้ามาสักที
“หรือจะมีคนอื่นจริงๆ วะ” ภาพความสนิทสนมของเธอกับผู้ชายคนอื่น ทำให้เขาเริ่มหายใจติดขัดแถมหลายวันมานี่ หมอนอิงเริ่มแต่งหน้าแต่งตัวไปมหาลัย
ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก กลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหอมผู้ชายลอยมากระทบจมูก หมอนอิงชะงักฝีเท้าไปชั่วครู่
พันไมล์กำลังยืนพิงเคาน์เตอร์ครัว แขนข้างหนึ่งถือแก้วน้ำ อีกข้างไขว้ไว้กับอก ใบหน้าเรียบนิ่งของเขาเงยขึ้นสบตากับเธอในทันทีที่เธอก้าวเข้ามาในห้อง
“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอถามเสียงเบา ปกติเขาจะกลับดึกไม่ก็กลับเช้า
“ขอโทษนะ อิงมัวแต่ซ้อมจนลืมดูเวลาเดี๋ยวจะรีบไปทำอาหารให้”
เธอพูดยังไม่ทันจบ เขาก็เดินเข้ามาหาอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่มือใหญ่จะคว้าข้อมือเธอไว้แน่นจนเธอชะงัก
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!”
ไม่ทันให้ตั้งตัวเขาก็โน้มตัวลงจูบริมฝีปากของเธอจูบที่ไม่อ่อนโยนไม่รีบร้อน แต่นานพอจะทำให้เธอลืมหายใจ
หมอนอิงพยายามตั้งสติ แต่แขนแกร่งของเขากลับโอบรั้งไว้แน่นขึ้น ใจของเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกช้าๆ แล้วทัดปอยผมข้างแก้มเธออย่างแผ่วเบา
“ช่วงนี้ดูจะสนใจตัวเองขึ้นเยอะเลยนะมีใครที่อยากเอาชนะใจอยู่หรือเปล่า?” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเหมือนกระซิบ แต่มันกลับมีพลังมากพอจะทำให้หัวใจเธอสั่นไหว
“ไม่มีค่ะ ไม่มีใครทั้งนั้น” เธอส่ายหน้า พึมพำเสียงเบา
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนริมฝีปากคม คิดว่าเธอจะแตกต่างจากคนอื่นๆ แต่เหมือนว่าเขาจะคิดผิด
“ดีเพราะฉันยังไม่อนุญาตให้เธอเป็นของใคร”
“อื้อออ”
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบเขาก็จูบเธออีกครั้ง คราวนี้ลึกซึ้ง รุนแรงกว่าเดิม ราวกับจะประกาศสิทธิ์ของเขาให้เธอรับรู้ทุกสัมผัส ล้วนเต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของที่ไม่ต้องการการอนุญาต
“ปล่อยอิง”
“ผู้หญิงหลายใจกลับดึกขนาดนี้เธอไปนอนกับมันมาใช่ไหม!” เขาจับหัวไหล่เธอเขย่าไปมา
“พูดบ้าอะไรของคุณ” เธอพยายามผลักเขาออก
“ไอ้คีรินทร์มันจีบเธอใช้ไหม!” เขาจำชื่อมันได้ดี เพราะครั้งหนึ่งคนรักของมันเคยมาติดพันเขา
“พี่คีย์เขามาเกี่ยวอะไรด้วย” เธอจะเดินหนีแต่ถูกเขากักตัวไว้
“พี่? เรียกมันเสียงเพราะเชียวตอบมาเธอไปนอนเอากับมันใช่ไหม” เขายังไม่หยุดความพยายามที่จะเอาคำตอบจากหมอนอิง
“อย่าคิดว่าทุกคนจะเหมือนคุณที่ชอบยุ่งกับเมียคนอื่น”
“หมอนอิงกูเพื่อนเล่นเหรอวะ!” ถูกเมียตอบกลับแบบนี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูก แต่ความจริงก็หนีไม่พ้นที่ผ่านมาเขารักสนุกไง ใครมีรูก็เอาหมด
“โอ๊ยยย จะทำอะไร” เธอเริ่มกลัวเขาขึ้นมา
“กูจะลบสัมผัสกลิ่นหมาตัวผู้ออกไง!” เขากวาดทุกอย่างที่อยู่บนเค้าน์เตอร์หมด จับเธอยกขึ้นไปวางและกระชากชุดนักศึกษาจนกระดุมหลุดไปคนละทาง
เขาจับหมอนอิงอ้าขาจนกระโปรงทรงเอขาดเป็นทางยาว ปกติไม่เคยเห็นใส่กระโปรงสั้น เขาจ้องมองเสื้อชั้นในลายลูกไม้สีดำ
“กรี๊ดดด สาระเลวปล่อยอิง” เธอปัดป่ายไม่ยอมให้เขามองทรวงอก แต่ไม่สามารถสู้แรงเขาได้
พันไมล์กระชากบราเชียร์จนขาดวางมือลงตรงโหนกอูม และขย้ำเบาๆ ก่อนจะใช้ท้องนิ้วลูบไล้ไปมา ปากหนาบดจูบริมฝีปากนุ่มไม่ห่าง แทรกลิ้นเข้าไปกวาดชิมน้ำหวาน
แคว่ก
“อื้ออ อ๊ะ” เธอครางเสียงเบายามที่เขาดูดเลียทรวงอกอวบอย่างจาบจ้วง มือหนาบีบเคล้นเต้างามไม่ลืมแสดงความเป็นเจ้าของ
“ทำไมว่ะรังเกียจผัวหรือไง!” มองหน้าแล้วหมดอารมณ์ฉิบหาย
“ใช่อิงรังเกียจคุณ อ๊ะ”
“ดีกูจะทำให้ร้องขอชีวิตจากกู” เขาคุกเข่าที่พื้นจับสะโพกเธอไว้แน่น ในเมื่อเกลียดก็เกลียดให้ตายไปเลย ลิ้นหนาบดเลียที่โพรงนุ่ม เขาดันไปจนสุดและควงหมุนอยู่ในนั้น หัวแม่มือเคล้นคลึงเม็ดเสียวอย่างไม่ปรานี
“อ๊ะ อื้อออ” หมอนอิงปิดปากแน่นกลัวจะเผลอครางออกมา เขาเร่งจังหวะลิ้นจนเธอบิดตัวไปมาด้วยความซาบซ่าน
ลิ้นร้อนลากไล้ไปตามผิวเนื้อยังคงไม่ยอมผละออกมา จนเขารับรู้ถึงความอุ่นร้อนที่พุ่งออกมาจาก จึงลุกขึ้นยิ้มอย่างพอใจ
“รังเกียจจนฉี่พุ่งเลยเหรอ”
“อื้อ ไอ้บ้า อร้าย” เธออายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี เอ็นร้อนดันเข้ามาโดยไม่มีสิ่งป้องกัน แม้จะต่อต้านแต่สู้แรงเขาไม่ไหว ปล่อยให้พันไมล์รังแกเธอตามใจ
“ครางดิวะเรียกฉันพี่ไนท์แบบที่เธอเรียกไอ้เหี้ยนั่น” เขายังไม่พอใจ
“อื้อ ไม่อิงไม่มีพี่” เธอกัดปากตัวเองไว้แน่นหันหน้าหนีเขา แต่ถูกมือหนาบีบปลายคางไว้
“เออ กูไม่ได้อยากเป็นพี่หรอก”
อยากเอาชนะเขาเลยบังคับตัวเองให้รีบเสร็จ ครั้งนี้เขาตั้งใจไม่ยอมสวมถุงยางเพราะอยากแกล้งงหมอนอิง เอ็นร้อนกระแทกเข้าออกสุดแรง ก่อนจะปล่อยน้ำกามเข้าไปในโพรงนุ่มและค้างไว้แบบนั้นไม่ยอมดึงออก
“อื้อ ฮึก” เธอทำอะไรไม่ได้จึงร้องไห้ออกมา
“ดีใจมากหรือไงที่ผัวแตกใน”
เธอรีบผลักเขาออกและกระโดดลงจากเคาน์เตอร์ ก่อนจะฟาดมือลงที่แก้มของเขาอย่างแรง
“อึก”
“ฉันจะบอกให้นะตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจไม่อยากหย่าแล้ว” เขาบีบคอเธอไม่แรงหนัก ก้มกระซิบเบาก่อนจะกัดใบหูของหมอนอิง
“ฮือ คนเลว” เธอรีบวิ่งเข้าห้องนอนตัวไป เมื่ออยู่คนเดียวจึงทรุดตัวร้องไห้ออกมาอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าต้องทนเขาไปอีกนานแค่ไหน
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ของหมอนอิงดังขึ้นขณะที่เธอกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นชื่อบนหน้าจอที่ขึ้นว่าคีรินทร์ เธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้ามันไว้ในมือ ยังไม่ทันได้กดรับมีมือหนาคว้าไปเสียก่อน
พันไมล์มองชื่อบนหน้าจอด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะกดรับสายแล้วแนบโทรศัพท์แน่นกับหู
“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขากระด้างเย็นชา
เสียงจากปลายสายยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็แทรกขึ้นอย่างขวางหู
“น้องอิง...” ปลายสายไม่แน่ใจว่าโทรถูกหรือเปล่า
“อยากเป็นชู้กับเมียชาวบ้านมากเหรอวะ? หรือเห็นว่าฉันไม่อยู่เลยคิดจะสอดมือเข้ามา?”
“...” ปลายสายเงียบกริบ
พันไมล์กัดฟันกรอด ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยโทสะที่ปะทุขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ
“มึงนี่มันหน้าด้านไม่เลือกเวลาเลยนะ คิดว่าโทรมาหาผู้หญิงตอนกลางคืนมันดูปกติมากใช่มั้ย หรือว่ากะจะให้เธอแอบลงมาเจอมึงลับหลังผัว”
หมอนอิงยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่คิดว่าเขาจะคว้าโทรศัพท์ไปพูดแบบนั้น เธอรีบจะเข้าไปแย่งคืนแต่เขายกมือกันไว้
“มึงจำกูไว้ให้ดี” พูดจบพันไมล์ก็กดตัดสายทิ้งทันที พร้อมโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างแรง
“คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของอิง” หมอนอิงโพล่งขึ้น เสียงสั่น
เขาหันขวับมามองเธอ ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความหึงหวงที่ปกปิดไม่มิด
“แล้วรอให้หมาตัวไหนมันมีสิทธิ์! คิดว่าฉันจะโง่หรือไง หืม? หรือเธอชอบให้คนอื่นมาคอยตามตื๊อ”
“อิงกับพี่คีย์เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน” หมอนอิงเถียง น้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ผู้ชายที่โทรหาผู้หญิงตอนกลางคืน มันไม่ใช่ห่วงหรอก มันหิวมากกว่า!” เขาแค่นหัวเราะในลำคออย่างเยาะเย้ย
“พอได้แล้ว! อิงทนอยู่กับคนแบบคุณไม่ได้แล้ว!” เธอตะโกนกลับ ร่างเล็กสั่นเทาเต็มไปด้วยความโกรธ
หมอนอิงหมุนตัวหมายจะวิ่งออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันถึงประตู ข้อมือของเธอก็ถูกคว้ากระชากอย่างแรง
“จะหนีไปไหน” พันไมล์กดเสียงต่ำ เย็นยะเยือก
ก่อนที่เธอจะทันรู้ตัว เขาก็ลากเธอกลับเข้าไปในห้อง โยนเธอลงกับโซฟา แล้วเดินไปหยิบบางสิ่งจากลิ้นชักหัวเตียง โซ่เส้นบางที่เขาเคยสั่งทำไว้เพื่อเล่นสนุกแต่วันนี้กลับใช้ในทางตรงข้าม
“อย่านะคุณจะทำบ้าอะไรน่ะ!” เธอร้องลั่นพยายามดิ้นหนี
พันไมล์ไม่ฟัง เขากดข้อมือเธอลงกับพนักหัวเตียง แล้วล่ามโซ่ล็อกข้อมือเธอไว้กับหัวเตียงพร้อมกับอิสระของเธอที่ถูกพรากไป
“ถ้าเธอคิดจะหนีฉันก็จะขังเธอไว้ตรงนี้” ดวงตาของเขามืดดำ เต็มไปด้วยแรงหึงหวงและความบ้าคลั่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ปล่อยอิง อิงไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของคุณ” หมอนอิงร้องไห้ น้ำเสียงแผ่วเบา เจ็บลึกถึงใจ
“อยากทำตัวเป็นสัตว์ให้ฉันเลี้ยงเองทำไม” เขาบีบปลายคางเธอแน่น เมื่อหยกน้ำตาอุ่นๆ หยอดลงที่มือของเขา ทำให้พันไมล์เริ่มได้สติ
แต่สุดท้ายเขาแค่หันหลังเดินไปโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้เธอร้องไห้กับโซ่เส้นบางที่ไม่ใช่แค่พันกาย แต่กำลังพันหัวใจเธอให้จมดิ่งลงทุกที
แสงแดดยามเช้าอาบไล้ระเบียงบ้านอย่างอ่อนโยน ลมเย็นจากฤดูฝนต้นปีพัดโชยกลิ่นหญ้าเปียกและเสียงนกกระจิบร้องเบาๆ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การเริ่มต้นวันด้วยความสบายใจหมอนอิงสวมชุดเดรสกระโปรงยาวสีขาวเรียบผมยาวถูกรวบขึ้นเป็นมวยหลวมๆ ขณะยืนจัดชุดอาหารใส่บาตรหน้าบ้าน มือเรียวตักข้าวสวยร้อนใส่ปิ่นโตใบเล็กทีละถ้วย ดวงตาหวานทอแววสงบวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียของคุณพ่อ และเธอตื่นเช้ากว่าทุกวันเพื่อทำบุญให้ท่าน“จะใส่บาตรเหรอ” เสียงทุ้มงัวเงียดังขึ้นจากข้างหลังหมอนอิงหันไปเห็นพันไมล์ในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มยืนขยี้ตาอยู่ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ“อืม วันนี้วันครบรอบคุณพ่อ” เธอพูดเบาๆ พลางก้มหน้าลงตักข้าวต่อ“มีของใส่เผื่อไหม” พันไมล์เงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้“พี่ไนท์จะใส่ด้วยเหรอคะ” หมอนอิงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจ“ไม่เคยหรอก แต่อยากทำด้วย” เขาเกาหลังคอยังไม่ได้บอกพ่อตาเลย ว่าเขาเป็นใคร เธอยิ้มออกอย่างห้ามไม่ได้แล้วพยักหน้า“เดี๋ยวป่าเตรียมของให้ค่ะคุณไนท์ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยค่ะ คุณอิงไปดูคุณหรูดีกว่าค่ะป้าทำเอง”“ขอบคุณนะคะ”“ระวังร้อน” พระเดินมาแต่ไกลหมอนอิงยื่นกระโถนข้าวให้เขา
หมอนอิงที่ยืนอุ้มลูกน้อยไว้แนบอกรอยแดงจางๆ บนต้นขาเล็กแสดงถึงการเพิ่งผ่านเข็มวัคซีนมาเมื่อครู่“อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วคนเก่งของแม่” เธอกระซิบเสียงอ่อนโยนพลางลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ ขณะเดินออกมาจากห้องตรวจ พร้อมกับพันไมล์ที่เดินตามมาติดๆ สีหน้าเขาเคร่งขรึมและจับตามองทุกฝีก้าวอย่างระแวดระวังหมอนอิงกำลังจะเลี้ยวตรงทางเดินไปยังโถงลิฟต์ แต่ชั่ววินาทีนั้นเอง เธอก็ชะงัก“หมอนอิง” เสียงเขาดังขึ้นเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าประหลาดใจหรือดีใจกันแน่หมอนอิงเบือนหน้าหนีแทบจะทันทีที่สบตาร่างบางสะบัดจะเดินผ่านไปอย่างไร้คำพูด แต่คีรินทร์ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น“เดี๋ยวก่อนพี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” เขาก้าวเข้ามาใกล้โดยอัตโนมัติพันไมล์ที่ยืนอยู่ข้างเธอขยับตัวเข้ามาขวางโดยสัญชาตญาณ แววตาเย็นชาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ“ไม่มีอะไรต้องคุย” พันไมล์เอ่ยเสียงแข็งทันทีสีหน้าเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจที่เห็นอดีตคนรักของเมียตัวเองโผล่มาไม่ดูเวลาแบบนี้ หมอนอิงหันไปแตะแขนพันไมล์เบา ๆ“อิงอยากคุย” เธอพูดเสียงเรียบเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ทุกอย่างไม่ให้ปะทุออกมาผิดที่ผิดเวลา“แต่มัน...”“พี่ไนท์อุ้
ผับย่านใจกลางเมืองที่ประจำของพวกเขาสามคน วันนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเสียงดนตรี และแสงไฟสีส้มสลัวๆ ที่ตัดกับบรรยากาศของแก้วเหล้าบนโต๊ะอย่างลงตัว“มันจะมามั้ยวะ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกอยู่” แอมป์ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ แล้วสบตากับต้นกล้าที่กำลังหัวเราะเบาๆ“คนอย่างมันเนี่ยนะเปลี่ยนผ้าอ้อมพ่อบ้านใจกล้ามาก” ต้นกล้าลากเสียงยาวก่อนจะหัวเราะขำไม่ทันขาดคำประตูผับเปิดออก ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนพับกับกางเกงสแล็คก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ใบหน้าหล่อเหลานั่นมีหยาดเหงื่อนิดๆ พอให้รู้ว่าเขารีบมาขนาดไหน“โทษทีว่ะลูกเพิ่งนอนพึ่งแอบย่องออกมาได้” พันไมล์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหนังข้างเพื่อน ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “มึงยิ้มอะไรนักหนาวะ”“เฮ้ย ลูกกูนะยิ้มหวานมากเว้ยสวยเหมือนแม่ แก้มเป็นก้อนๆ เหมือนซาลาเปาเลยแถมขำเก่งอีกต่างหากยิ้มทีโลกหยุดหมุนอะเพื่อน คนอย่างพวกมึงไม่เข้าใจหรอก”แอมป์กับต้นกล้ามองหน้ากันแล้วก็ถอนใจเฮือก เบื่อพวกขี้อวดสภาพตอนที่เมียหายดูไม่ได้เลย“เหอะ มาไม่ทันเบียร์เย็นๆ ก็ยังพอเข้าใจ แต่เอาแต่อวดลูกแบบนี้กูก็หมดคำจะพูด” แอมป์แบะปากกลอกตามองบน“เออ สมัยก่อนมึงมันนักล่าปาร์ตี้พอมีเมียมีลูก
“หมอนอิง! แกจริงๆ ด้วย” ส้มโอรีบวิ่งมากอดเพื่อนจู่ๆ เพื่อนก็ลาออกจากมหาลัยและหายไปแบบไม่ติดต่อกลับมา “ส้มโอ” “แกหายไปไหนไม่ยอมติดต่อฉันเลย” ส้มโอมองเด็กที่นอนหลับในรถเข็น และมองหน้าหมอนอิงเหมือนมีคำถามจะถามว่าลูกใคร “นี่ลูกแกเหรอ” “อืม” หมอนอิงมองซ้ายมองขวาเพื่อมองว่าพันไมล์กลับมาหรือยัง วันนี้เขาพาเธอกับลูกออกมาชอปปิ้งซื้อของ “หมอนอิง” พันไมล์เรียกเธอเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นส้มโอเขาจึงไม่ไว้ใจ แต่หมอนอิงห้ามไว้ “พี่ไนท์พาน้องพิมพ์ดาวเข้าร้านไปก่อนเลยค่ะอิงขอคุยกับเพื่อนก่อน” “ก็ได้รีบตามมานะ” เขาเข็นรถเข็นเข้าไปในร้านของใช้เด็ก แต่ยังแอบมองหมอนอิงตลอดผู้หญิงคนนั้นไว้ใจไม่ค่อยได้ ส้มโอจับมือเพื่อนแสดงถึงความดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ไม่มีหมอนอิงเธอรู้สึกเหงาและขาดเพื่อน ที่ผ่านมาหมอนอิงคอยช่วยเหลือของงานส่งอาจารย์เสมอ “แกรู้อะไรไหม” “รู้อะไร” “พี่ไนท์ไม่บอกเหรอ” “เธอพูดอะไร” หมอนอิงไม่ได้ติดต่อใครเลย “คนที่ปล่อยข่าวแกคือไอ้คีรินทร์มันให้เงินแม่กับน้องเธอเพื่อเอาข่าวมา
กลิ่นไหม้จางๆ ลอยคลุ้งทั่วครัวตั้งแต่ตีห้าครึ่งพันไมล์ยืนอยู่หน้าเตา ใบหน้าเปื้อนเหงื่อและคราบน้ำมันบางส่วนไข่ดาวที่ไหม้เกรียมไปข้างหนึ่งถูกตักใส่จานอย่างระวังข้าวต้มที่เขาตั้งใจทำเองก็แห้งเกินไปนิด แต่เขาใส่หมูสับกับแครอทลงไปเยอะหน่อย เผื่อเธอจะกินได้มากขึ้นมือใหญ่ยกถาดข้าว เขาเปิดประตูห้องของหมอนอิงเบาๆพันไมล์วางถาดอาหารไว้ที่มุมโต๊ะเล็กข้างหน้าต่าง ก่อนจะหันมามองคนที่กำลังพลิกตัวบนเตียง“พี่ทำข้าวเช้าไว้ให้นะ” เขาพูดเสียงแผ่วเบากลัวลูกสาวจะตื่นขึ้นมาร้องไห้หมอนอิงลืมตาขึ้นช้าๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พลางขมวดคิ้วเมื่อเห็นเงาของเขายืนอยู่ในห้อง เธอหันไปมองถาดอาหาร ก่อนจะเหลือบมองหน้าเขา. ใบหน้าของพันไมล์เปื้อนเขม่าดำเลอะไปเกือบครึ่งทั้งหน้าผากแก้ม และปลายจมูก“คุณทำเอง?” เธอถามเสียงเรียบ“เลยอาหารเช้ามานานแล้วพี่กลัวอิงจะหิว” เขายิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “เอาออกไป” “แต่พี่...”เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบถาดอาหารในจังหวะช้าชัดเจนก่อนจะเดินไปที่ถังขยะ เสียงฝาถังเปิดขึ้นตามด้วยทุกอย่างถูกเทลงไปจนหมดถาดพันไมล์ยืนนิ่งไม่มีคำพูดมีเพียงแววตาเจ็บลึกที่พยายามเก็บซ่อนไว้“อย่าเสี
บนโต๊ะอาหารทุกคนต่างเงียบเหมือนไม่มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันพันไมล์มองเสี้ยวหน้าของหมอนอิง มองริมฝีปากเล็กที่เม้มแน่นมองคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยยามเธอได้ยินพ่อพูดถึงเรื่องงานประจำปี เขาอยากรู้ว่าในหัวเธอกำลังคิดอะไรอยู่คิดถึงเรื่องของเขาบ้างไหม หรือว่าตัดใจได้หมดแล้ว“กินแต่ปลาน่ะพักนี้ทำไมไม่ค่อยกินข้าว” ราชันหันมาทักเขาทำให้พันไมล์หลุดจากภวังค์“ครับ” เขากะพริบตา แล้วรีบหลบสายตาไปทางอื่นมือที่คีบเนื้อปลาหยุดค้างกลางอากาศ“พ่อพูดกับแกอยู่นะ” เขาว่าเสียงเรียบ“อ๋อ ผมกินครับ” เขาตอบกลบเกลื่อน แล้วรีบหันไปตักข้าวเข้าปาก แต่ไม่วายเหลือบมองหมอนอิงอีกครั้งหมอนอิงเหมือนรู้สึกได้เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย สบตากับเขาเพียงครู่เดียวก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอไม่ได้พูดอะไร แต่แววตานั้นบอกชัดเจนว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เขามองพันไมล์ได้แต่นั่งนิ่งพยายามซ่อนความรู้สึกที่ตีวนอยู่ในอกทั้งอยากถามอยากขอโทษ แต่กลับทำได้แค่นั่งมองอารมณ์ที่พลุกพล่านทำให้เขานั่งกัดฟันจนกรามเด่นขึ้นมา ตรงเป้ากางเกงเริ่มขยายตัวอีกครั้ง แค่ได้อยู่ใกล้หมอนอิงลูกชายของเขาก็พร้อมเสมอ“ไอ้ไนท์เป็นอะไรหน้าดำหน้าแดงหมด”“ผมไม่สบาย