“เอสเย็นไม่หวานของพี่ไนท์ค่ะ” สาวสวยแห่งคณะการจัดการวางกาแฟให้เขา ทั้งโต๊ะมีเพื่อนของเขานั่งอยู่ด้วยลิตาส่งยิ้มหวานให้พันไมล์
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้ มือบางเอื้อมไปวางบนหลังมือของเขาและลูบเบาๆ แต่เขากับรีบชักมือกลับ จนเธอไม่ค่อยพอใจ
“ไอ้ไนท์มึงทำหน้าดีๆ หน่อย แม่งพ่อไม่ให้เงินใช้เหรอว่ะ”
“สาระแน” เขาถอนหายใจออกมาเพราะคิดแต่เรื่องของหมอนอิง เมื่อเช้าเขายอมปล่อยให้เธอมาเรียน หลังจากที่กักขังไว้สองวันเต็มๆ ใบหน้าของเธอโกรธและรังเกียจเขามา แล้วใครเขาสนกัน
“เฮ้ย น้องคนสวยของกูนี่หว่า” ต้นกล้ามองไปที่หน้าร้าน รุ่นน้องที่หมายปองเดินมาพร้อมกับหนุ่มหล่อ คู่อริของพันไมล์
พันไมล์เงยหน้ามองคนที่เข้ามาใหม่ หมอนอิงยืนหัวเราะขำเบาๆ กับรุ่นพี่รอยยิ้มเธอดูสดใสจนแสบตา แววตาเธอดูมีชีวิตชีวาและเป็นธรรมชาติในแบบที่เขาไม่เคยได้เห็นในเวลาที่เธออยู่กับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาขบกรามแน่นโดยไม่รู้ตัว เขากำแก้วกาแฟแน่นขึ้นอย่างหงุดหงิด
“อะไรเป็นอะไรหึงน้องเขาเหรอวะ” แอมป์ยิ้มหวานให้ อาการออกเสียขนาดนี้
“เอ้า อย่านะมึงไหนบอกว่าของเล่น” ต้นกล้าส่ายหน้า
“มันเป็นใครคะ! พี่ไนท์” ลิตาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง เพื่อนของเขาพูดแบบนี้แสดงว่าพันไมล์เคยลากมันขึ้นเตียงแล้ว
“เรียกใครว่ามัน?”
“ก็มันไงคะ พี่ไนท์ชอบมันเหรอแล้วเอาลิตาไปไว้ไหน” เธอไม่ยอมพันไมล์ต้องเป็นของเธอเท่านั้น
“กูไม่เอาไว้ใต้ตีนก็ดีแค่ไหนแล้ว” พันไมล์ลุกขึ้นออกมาจากร้านเมื่อเห็นว่าหมอนอิงออกมาแล้ว เขาแอบตามไปเงียบๆ จนเห็นว่าทั้งสองกลับเข้าไปที่คณะอีกครั้ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอึกทึกของห้องซ้อมละคร หมอนอิงที่กำลังซ้อมบทอยู่กลางเวทีหยุดชะงัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่โชว์บนหน้าจอ ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“ฮัลโหล หมอนอิงพูดค่ะนั่นใครคะ” เงียบปลายสายไม่ยอมพูด เธอจึงถามย้ำไปอีกรอบ
“ถ้าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกไว้ก่อนว่าใรบัญชีไม่มีเงินหรอก” กำลังจะตัดสายแต่ปลายสายตอบกลับมา ทำให้เธอตัวแข็งทื่อ
“ฉันเองนี่เธอไม่เมมเบอร์ผัวตัวเองไว้เหรอ!”
“คุณไนท์โทรมาทำอะไร” เธอยังคงโกรธเขาที่ล่ามโซ่เธอไว้
“ออกมา” เขาพูดแค่นั้น
“ไปไหน”
“ออกมาฉันมารอรับแล้ว” เขาพูดแค่นั้นก็เงียบอีก
“อิงยังซ้อมละครไม่เสร็จและไม่ต้องรอค่ะ”
ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนไหนบอกว่าห้ามคนรู้ แต่ที่เขามารอรับเป็นการประกาศให้คนทั้งคณะรู้
“ฉันให้เวลา 5 นาทีไม่อย่างนั้นจะขึ้นไปรับถึงหน้าห้อง” เขาตัดสายทิ้งทันที ยังไงหมอนอิงต้องลงมาหาเขา
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์นิ่ง เสียงส้นสูงกระทบพื้นดังก้อง ผู้คนรอบข้างต่างพากันหันมองผู้หญิงหน้าตาสะสวย สวมแว่นกันแดดแบรนด์ดัง ชุดนักศึกษารัดรูปโชว์รูปร่างแบบไม่แคร์สายตาใคร ลิตาเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ทว่าแววตากลับแฝงไว้ด้วยความเดือดดาล
“หมอนอิง!” เสียงแหลมสูงเรียกชื่อเธออย่างไม่ไว้หน้า
หมอนอิงหันไปตามเสียงเรียก หยุดชะงักเมื่อเห็นเจ้าของเสียง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอคะ?”
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังสนั่นกลางห้อง ทุกคนรอบข้างถึงกับชะงัก หมอนอิงตัวเอียงไปตามแรงฝ่ามือก่อนจะค่อยๆ หันหน้ากลับมา ใบหน้าแดงเป็นปื้นพร้อมรอยนิ้วอย่างชัดเจน
“เป็นบ้าอะไรของคุณ” เสียงเธอถามนิ่งๆ แต่แฝงความสั่นเล็กน้อย
“ยังกล้าถามอีกเหรอว่าฉันตบทำไม เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอแอบยุ่งกับพี่ไนท์ ทั้งที่เขาเป็นผัวของฉัน” ลิตาสบถอย่างเหลืออด
“ฉันไม่ได้ยุ่งกับเขา” หมอนอิงเม้มปากแน่น งุนงงว่าอีกฝ่ายรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับพันไมล์ได้อย่างไร
“ไม่ยุ่งแล้วเพื่อนเขาจะพูดทำไมว่าพี่ไนท์ชอบเธอ อย่าคิดว่าฉันโง่เธออาจจะยั่วเก่ง แต่เขาแค่เล่นๆ กับเธอเท่านั้นแหละจำไว้!” ลิตายิ้มเหยียด
คนที่ยืนดูเริ่มซุบซิบกันเบาๆ
หมอนอิงยืนนิ่งไม่แก้ตัว ไม่เถียงเธอไม่อยากสร้างเรื่อง หรือทำให้มันแย่ไปกว่านี้ เพราะเธอรู้ว่าในสายตาคนอื่น เธอคือฝ่ายผิดเสมอ
ลิตาก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความรังเกียจ
คีรินทร์เห็นแบบนั้นจึงเข้ามาขวางไว้ ตั้งแต่รู้จักกับรุ่นน้องมา ไม่เคยเห็นพันไมล์มาวุ่นวายด้วยเลย แต่คนที่รับสายเขาในวันนั้นทำให้เขาเริ่มคิดไม่ตก ว่าจะใช่พันไมล์หรือเปล่า
“ที่แท้ผู้ชายของตัวเองก็มาชอบหมอนอิง ทำไมไม่ล่ามโซ่ไว้” คีรินทร์ตอบกลับทันที
“เสือก! ถอยไปอยากปกป้องคนอื่นแต่เมียตัวเองยังปกป้องไม่ได้ จนหนีไปเอากับพี่ไนท์” ลิตาไม่ยอมเช่นกัน ตอนนั้นข่าวของทั้งดังไปทั่วมหาลัย
“นี่เธอ!!”
“ฟังให้ดีนะหมอนอิงต่อจากนี้ไปฉันไม่สนว่าเธอจะคิดอะไรกับพี่ไนท์มากแค่ไหน แต่เธอไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเขาอีกห้ามยุ่งเด็ดขาด!”
ก่อนที่หมอนอิงจะได้ตอบอะไร ลิตาก็หมุนตัวกลับอย่างเชิดๆ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งห้อง
หมอนอิงยืนนิ่งรู้สึกราวกับโดนถ่วงไว้ด้วยคำพูดเหล่านั้นน้ำตาไม่ไหล แต่ในใจกลับแน่นไปหมด
“หมอนอิงถอยให้ห่างจากผู้ชายคนนั้นดีกว่าถ้าเขามาจีบก็ปฏิเสธไปเลย” เมเปิ้ลเดินมาตบไหล่รุ่นน้อง คนน่ากลัวยิ่งกว่าผี
หมอนอิงเก็บของและเดินออกมาจากห้องซ้อม แต่คีรินทร์ตามมาและคว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน
“คนที่รับสายคือมันใช่ไหม” เขาตัดสินใจถามออกไป
“บอกพี่ได้นะ มันบังคับอิงเหรอ”
“อิง...” เธอไม่กล้าบอกใครถึงความสัมพันธ์อันน่าอึดอัด และเธออยากหนีไปให้พ้นจากพันไมล์
“พี่ยอมรับฟังอิงนะ ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร” เขาปล่อยมือและถอยเพื่อให้หมอนอิงเดินออกไป ทำไมชอบใครต้องมีผู้ชายที่ชื่อพันไมล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
รถของพันไมล์เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พยายามรวบรวมลมหายใจ และทำใจรับกับอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจนัก
สายตาของนักศึกษาแถวนั้นเริ่มหันมามอง บ้างกระซิบ บ้างแอบถ่ายรูป บ้างเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไมหมอนอิงถึงขึ้นรถหรูของใครบางคนแบบนั้น
เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดใจเดินตรงไปยังรถหรูคันนั้น ประตูฝั่งข้างคนขับถูกเปิดออกอย่างลังเล
เธอเข้าไปนั่งนิ่งข้างเขา กลิ่นน้ำหอมของเขาลอยอบอวลในห้องโดยสารแคบๆ ใบหน้าคมยังคงเรียบนิ่ง สายตาไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย มีเพียงความเงียบที่กดทับจนบรรยากาศรอบตัวแทบแหลกสลาย
เสียงเกียร์ถูกดัน รถคันหรูเคลื่อนออกจากจุดจอดอย่างนิ่งสงบ แต่บรรยากาศภายในกลับเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำที่น่าหวาดหวั่น
เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่งพันไมล์กำลังจะต่อว่าหมอนอิง แต่เขาเห็นรอยช้ำแดงๆ ที่แก้มเสียก่อน
“ใครทำอะไร!” เขาเชยปลายคางเธอขึ้น แต่หมอนอิงกับหันไปหน้าหนี
“เรื่องเข้าใจผิดค่ะ คุณจะไปไหน”
“ฉันถามว่าใครทำ!” เขาถามย้ำอีกรอบ และเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี จึงกดเข้าป่านข้อความในแชทกลุ่มที่แอมป์ส่งเข้ามา
“เด็กมึงตบกันว่ะ”
เขากำหมัดแน่นโกรธอีกฝ่ายที่ไปทำร้ายหมอนอิง และยังมีไอ้ห่าคีรินทร์แกล้งทำเป็นคนดี ปกป้องหมอนอิงต่อหน้าทุกคน
“ลิตามันตบเธอใช่ไหม”
“เมียคุณเขาชื่อลิตาเหรอคะ” เธอไม่รู้อะไรเลย เห็นเขาสตาร์ทรถและขับออกไปทันที
“คุณจะไปไหน?”
“พาเธอไปตบมันคืน”
จนกระทั่งรถหรูเลี้ยวเข้าไปยังโซนคอนโดหรูใจกลางเมือง สถานที่ที่เธอเคยเห็นในสตอรี่อวดรวยของลิตา
เธอใจเต้นแรงรู้สึกประหลาดใจ และเริ่มรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“ลงไป” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนดับเครื่อง
“อิงไม่...” เธอหันมามองเขา สีหน้าสงสัยแต่แฝงความกลัว
“ลงไปหมอนอิง” เสียงเขานิ่ง แต่เด็ดขาดเกินกว่าเธอจะปฏิเสธ
ไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องหรูถูกเปิดออก ลิตาในชุดนอนแพงๆ ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมแววตาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นพันไมล์กับหมอนอิงยืนอยู่คู่กัน
“พี่ไนท์ มาหาลิตาเหรอคะ?” เสียงเธอหวานแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
พันไมล์ไม่ตอบ แต่หันมามองหมอนอิง
“ตบลิตาคืนซะ!”
“อะไรนะ” หมอนอิงถามเสียงเบา
“ฉันบอกให้เธอตบคืนผู้หญิงที่กล้าตบเธอต่อหน้าคนอื่น” เขาหันไปหาลิตา แววตาคมกริบเจือแรงกดดัน
“พี่ไนท์จะทำอะไร” ลิตาเริ่มกลัวเขาไม่คิดว่าเขาจะปกป้องหมอนอิงขนาดนี้
“อย่าเลย มันไม่จำเป็น”
“จำเป็น” เขาตัดบทเสียงเรียบ ก่อนโน้มหน้าเข้าใกล้เธอ “เธอจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาทำร้ายเธอ แล้วยืนยิ้มเหมือนไม่รู้สึกอะไรไปตลอดเหรอหมอนอิง”
หมอนอิงกำมือแน่นสูดลมหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบผิวหน้าดังชัด ลิตาหน้าหันไปตามแรงตบ สะอึกกับแรงที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ ดวงตาเธอเบิกกว้าง ทั้งเจ็บทั้งอับอาย และไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง
พันไมล์ยืนเฉยราวกับกำลังตัดสินลงโทษอย่างยุติธรรมที่สุดในแบบของเขา
“จำไว้นะลิตาอย่าแม้แต่จะคิดแตะต้องหมอนอิงอีก ไม่งั้นฉันจะไม่ยืนเฉยแบบวันนี้แน่” เสียงเขาเย็นเฉียบ
ลิตาเม้มปากแน่น ความอับอายและความแค้นทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนตัวสั่นมองประตูห้องที่ปิดลงตามหลังทั้งสองคน
แสงแดดยามเช้าอาบไล้ระเบียงบ้านอย่างอ่อนโยน ลมเย็นจากฤดูฝนต้นปีพัดโชยกลิ่นหญ้าเปียกและเสียงนกกระจิบร้องเบาๆ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การเริ่มต้นวันด้วยความสบายใจหมอนอิงสวมชุดเดรสกระโปรงยาวสีขาวเรียบผมยาวถูกรวบขึ้นเป็นมวยหลวมๆ ขณะยืนจัดชุดอาหารใส่บาตรหน้าบ้าน มือเรียวตักข้าวสวยร้อนใส่ปิ่นโตใบเล็กทีละถ้วย ดวงตาหวานทอแววสงบวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียของคุณพ่อ และเธอตื่นเช้ากว่าทุกวันเพื่อทำบุญให้ท่าน“จะใส่บาตรเหรอ” เสียงทุ้มงัวเงียดังขึ้นจากข้างหลังหมอนอิงหันไปเห็นพันไมล์ในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มยืนขยี้ตาอยู่ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ“อืม วันนี้วันครบรอบคุณพ่อ” เธอพูดเบาๆ พลางก้มหน้าลงตักข้าวต่อ“มีของใส่เผื่อไหม” พันไมล์เงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้“พี่ไนท์จะใส่ด้วยเหรอคะ” หมอนอิงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจ“ไม่เคยหรอก แต่อยากทำด้วย” เขาเกาหลังคอยังไม่ได้บอกพ่อตาเลย ว่าเขาเป็นใคร เธอยิ้มออกอย่างห้ามไม่ได้แล้วพยักหน้า“เดี๋ยวป่าเตรียมของให้ค่ะคุณไนท์ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยค่ะ คุณอิงไปดูคุณหรูดีกว่าค่ะป้าทำเอง”“ขอบคุณนะคะ”“ระวังร้อน” พระเดินมาแต่ไกลหมอนอิงยื่นกระโถนข้าวให้เขา
หมอนอิงที่ยืนอุ้มลูกน้อยไว้แนบอกรอยแดงจางๆ บนต้นขาเล็กแสดงถึงการเพิ่งผ่านเข็มวัคซีนมาเมื่อครู่“อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วคนเก่งของแม่” เธอกระซิบเสียงอ่อนโยนพลางลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ ขณะเดินออกมาจากห้องตรวจ พร้อมกับพันไมล์ที่เดินตามมาติดๆ สีหน้าเขาเคร่งขรึมและจับตามองทุกฝีก้าวอย่างระแวดระวังหมอนอิงกำลังจะเลี้ยวตรงทางเดินไปยังโถงลิฟต์ แต่ชั่ววินาทีนั้นเอง เธอก็ชะงัก“หมอนอิง” เสียงเขาดังขึ้นเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าประหลาดใจหรือดีใจกันแน่หมอนอิงเบือนหน้าหนีแทบจะทันทีที่สบตาร่างบางสะบัดจะเดินผ่านไปอย่างไร้คำพูด แต่คีรินทร์ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น“เดี๋ยวก่อนพี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” เขาก้าวเข้ามาใกล้โดยอัตโนมัติพันไมล์ที่ยืนอยู่ข้างเธอขยับตัวเข้ามาขวางโดยสัญชาตญาณ แววตาเย็นชาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ“ไม่มีอะไรต้องคุย” พันไมล์เอ่ยเสียงแข็งทันทีสีหน้าเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบใจที่เห็นอดีตคนรักของเมียตัวเองโผล่มาไม่ดูเวลาแบบนี้ หมอนอิงหันไปแตะแขนพันไมล์เบา ๆ“อิงอยากคุย” เธอพูดเสียงเรียบเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ทุกอย่างไม่ให้ปะทุออกมาผิดที่ผิดเวลา“แต่มัน...”“พี่ไนท์อุ้
ผับย่านใจกลางเมืองที่ประจำของพวกเขาสามคน วันนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเสียงดนตรี และแสงไฟสีส้มสลัวๆ ที่ตัดกับบรรยากาศของแก้วเหล้าบนโต๊ะอย่างลงตัว“มันจะมามั้ยวะ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกอยู่” แอมป์ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ แล้วสบตากับต้นกล้าที่กำลังหัวเราะเบาๆ“คนอย่างมันเนี่ยนะเปลี่ยนผ้าอ้อมพ่อบ้านใจกล้ามาก” ต้นกล้าลากเสียงยาวก่อนจะหัวเราะขำไม่ทันขาดคำประตูผับเปิดออก ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตแขนพับกับกางเกงสแล็คก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ใบหน้าหล่อเหลานั่นมีหยาดเหงื่อนิดๆ พอให้รู้ว่าเขารีบมาขนาดไหน“โทษทีว่ะลูกเพิ่งนอนพึ่งแอบย่องออกมาได้” พันไมล์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหนังข้างเพื่อน ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “มึงยิ้มอะไรนักหนาวะ”“เฮ้ย ลูกกูนะยิ้มหวานมากเว้ยสวยเหมือนแม่ แก้มเป็นก้อนๆ เหมือนซาลาเปาเลยแถมขำเก่งอีกต่างหากยิ้มทีโลกหยุดหมุนอะเพื่อน คนอย่างพวกมึงไม่เข้าใจหรอก”แอมป์กับต้นกล้ามองหน้ากันแล้วก็ถอนใจเฮือก เบื่อพวกขี้อวดสภาพตอนที่เมียหายดูไม่ได้เลย“เหอะ มาไม่ทันเบียร์เย็นๆ ก็ยังพอเข้าใจ แต่เอาแต่อวดลูกแบบนี้กูก็หมดคำจะพูด” แอมป์แบะปากกลอกตามองบน“เออ สมัยก่อนมึงมันนักล่าปาร์ตี้พอมีเมียมีลูก
“หมอนอิง! แกจริงๆ ด้วย” ส้มโอรีบวิ่งมากอดเพื่อนจู่ๆ เพื่อนก็ลาออกจากมหาลัยและหายไปแบบไม่ติดต่อกลับมา “ส้มโอ” “แกหายไปไหนไม่ยอมติดต่อฉันเลย” ส้มโอมองเด็กที่นอนหลับในรถเข็น และมองหน้าหมอนอิงเหมือนมีคำถามจะถามว่าลูกใคร “นี่ลูกแกเหรอ” “อืม” หมอนอิงมองซ้ายมองขวาเพื่อมองว่าพันไมล์กลับมาหรือยัง วันนี้เขาพาเธอกับลูกออกมาชอปปิ้งซื้อของ “หมอนอิง” พันไมล์เรียกเธอเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นส้มโอเขาจึงไม่ไว้ใจ แต่หมอนอิงห้ามไว้ “พี่ไนท์พาน้องพิมพ์ดาวเข้าร้านไปก่อนเลยค่ะอิงขอคุยกับเพื่อนก่อน” “ก็ได้รีบตามมานะ” เขาเข็นรถเข็นเข้าไปในร้านของใช้เด็ก แต่ยังแอบมองหมอนอิงตลอดผู้หญิงคนนั้นไว้ใจไม่ค่อยได้ ส้มโอจับมือเพื่อนแสดงถึงความดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ไม่มีหมอนอิงเธอรู้สึกเหงาและขาดเพื่อน ที่ผ่านมาหมอนอิงคอยช่วยเหลือของงานส่งอาจารย์เสมอ “แกรู้อะไรไหม” “รู้อะไร” “พี่ไนท์ไม่บอกเหรอ” “เธอพูดอะไร” หมอนอิงไม่ได้ติดต่อใครเลย “คนที่ปล่อยข่าวแกคือไอ้คีรินทร์มันให้เงินแม่กับน้องเธอเพื่อเอาข่าวมา
กลิ่นไหม้จางๆ ลอยคลุ้งทั่วครัวตั้งแต่ตีห้าครึ่งพันไมล์ยืนอยู่หน้าเตา ใบหน้าเปื้อนเหงื่อและคราบน้ำมันบางส่วนไข่ดาวที่ไหม้เกรียมไปข้างหนึ่งถูกตักใส่จานอย่างระวังข้าวต้มที่เขาตั้งใจทำเองก็แห้งเกินไปนิด แต่เขาใส่หมูสับกับแครอทลงไปเยอะหน่อย เผื่อเธอจะกินได้มากขึ้นมือใหญ่ยกถาดข้าว เขาเปิดประตูห้องของหมอนอิงเบาๆพันไมล์วางถาดอาหารไว้ที่มุมโต๊ะเล็กข้างหน้าต่าง ก่อนจะหันมามองคนที่กำลังพลิกตัวบนเตียง“พี่ทำข้าวเช้าไว้ให้นะ” เขาพูดเสียงแผ่วเบากลัวลูกสาวจะตื่นขึ้นมาร้องไห้หมอนอิงลืมตาขึ้นช้าๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พลางขมวดคิ้วเมื่อเห็นเงาของเขายืนอยู่ในห้อง เธอหันไปมองถาดอาหาร ก่อนจะเหลือบมองหน้าเขา. ใบหน้าของพันไมล์เปื้อนเขม่าดำเลอะไปเกือบครึ่งทั้งหน้าผากแก้ม และปลายจมูก“คุณทำเอง?” เธอถามเสียงเรียบ“เลยอาหารเช้ามานานแล้วพี่กลัวอิงจะหิว” เขายิ้มบางๆ พลางพยักหน้า “เอาออกไป” “แต่พี่...”เธอลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบถาดอาหารในจังหวะช้าชัดเจนก่อนจะเดินไปที่ถังขยะ เสียงฝาถังเปิดขึ้นตามด้วยทุกอย่างถูกเทลงไปจนหมดถาดพันไมล์ยืนนิ่งไม่มีคำพูดมีเพียงแววตาเจ็บลึกที่พยายามเก็บซ่อนไว้“อย่าเสี
บนโต๊ะอาหารทุกคนต่างเงียบเหมือนไม่มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันพันไมล์มองเสี้ยวหน้าของหมอนอิง มองริมฝีปากเล็กที่เม้มแน่นมองคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยยามเธอได้ยินพ่อพูดถึงเรื่องงานประจำปี เขาอยากรู้ว่าในหัวเธอกำลังคิดอะไรอยู่คิดถึงเรื่องของเขาบ้างไหม หรือว่าตัดใจได้หมดแล้ว“กินแต่ปลาน่ะพักนี้ทำไมไม่ค่อยกินข้าว” ราชันหันมาทักเขาทำให้พันไมล์หลุดจากภวังค์“ครับ” เขากะพริบตา แล้วรีบหลบสายตาไปทางอื่นมือที่คีบเนื้อปลาหยุดค้างกลางอากาศ“พ่อพูดกับแกอยู่นะ” เขาว่าเสียงเรียบ“อ๋อ ผมกินครับ” เขาตอบกลบเกลื่อน แล้วรีบหันไปตักข้าวเข้าปาก แต่ไม่วายเหลือบมองหมอนอิงอีกครั้งหมอนอิงเหมือนรู้สึกได้เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย สบตากับเขาเพียงครู่เดียวก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอไม่ได้พูดอะไร แต่แววตานั้นบอกชัดเจนว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เขามองพันไมล์ได้แต่นั่งนิ่งพยายามซ่อนความรู้สึกที่ตีวนอยู่ในอกทั้งอยากถามอยากขอโทษ แต่กลับทำได้แค่นั่งมองอารมณ์ที่พลุกพล่านทำให้เขานั่งกัดฟันจนกรามเด่นขึ้นมา ตรงเป้ากางเกงเริ่มขยายตัวอีกครั้ง แค่ได้อยู่ใกล้หมอนอิงลูกชายของเขาก็พร้อมเสมอ“ไอ้ไนท์เป็นอะไรหน้าดำหน้าแดงหมด”“ผมไม่สบาย