Mag-log in“เอสเย็นไม่หวานของพี่ไนท์ค่ะ” สาวสวยแห่งคณะการจัดการวางกาแฟให้เขา ทั้งโต๊ะมีเพื่อนของเขานั่งอยู่ด้วยลิตาส่งยิ้มหวานให้พันไมล์
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้ มือบางเอื้อมไปวางบนหลังมือของเขาและลูบเบาๆ แต่เขากับรีบชักมือกลับ จนเธอไม่ค่อยพอใจ
“ไอ้ไนท์มึงทำหน้าดีๆ หน่อย แม่งพ่อไม่ให้เงินใช้เหรอว่ะ”
“สาระแน” เขาถอนหายใจออกมาเพราะคิดแต่เรื่องของหมอนอิง เมื่อเช้าเขายอมปล่อยให้เธอมาเรียน หลังจากที่กักขังไว้สองวันเต็มๆ ใบหน้าของเธอโกรธและรังเกียจเขามา แล้วใครเขาสนกัน
“เฮ้ย น้องคนสวยของกูนี่หว่า” ต้นกล้ามองไปที่หน้าร้าน รุ่นน้องที่หมายปองเดินมาพร้อมกับหนุ่มหล่อ คู่อริของพันไมล์
พันไมล์เงยหน้ามองคนที่เข้ามาใหม่ หมอนอิงยืนหัวเราะขำเบาๆ กับรุ่นพี่รอยยิ้มเธอดูสดใสจนแสบตา แววตาเธอดูมีชีวิตชีวาและเป็นธรรมชาติในแบบที่เขาไม่เคยได้เห็นในเวลาที่เธออยู่กับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาขบกรามแน่นโดยไม่รู้ตัว เขากำแก้วกาแฟแน่นขึ้นอย่างหงุดหงิด
“อะไรเป็นอะไรหึงน้องเขาเหรอวะ” แอมป์ยิ้มหวานให้ อาการออกเสียขนาดนี้
“เอ้า อย่านะมึงไหนบอกว่าของเล่น” ต้นกล้าส่ายหน้า
“มันเป็นใครคะ! พี่ไนท์” ลิตาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง เพื่อนของเขาพูดแบบนี้แสดงว่าพันไมล์เคยลากมันขึ้นเตียงแล้ว
“เรียกใครว่ามัน?”
“ก็มันไงคะ พี่ไนท์ชอบมันเหรอแล้วเอาลิตาไปไว้ไหน” เธอไม่ยอมพันไมล์ต้องเป็นของเธอเท่านั้น
“กูไม่เอาไว้ใต้ตีนก็ดีแค่ไหนแล้ว” พันไมล์ลุกขึ้นออกมาจากร้านเมื่อเห็นว่าหมอนอิงออกมาแล้ว เขาแอบตามไปเงียบๆ จนเห็นว่าทั้งสองกลับเข้าไปที่คณะอีกครั้ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอึกทึกของห้องซ้อมละคร หมอนอิงที่กำลังซ้อมบทอยู่กลางเวทีหยุดชะงัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่โชว์บนหน้าจอ ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“ฮัลโหล หมอนอิงพูดค่ะนั่นใครคะ” เงียบปลายสายไม่ยอมพูด เธอจึงถามย้ำไปอีกรอบ
“ถ้าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกไว้ก่อนว่าใรบัญชีไม่มีเงินหรอก” กำลังจะตัดสายแต่ปลายสายตอบกลับมา ทำให้เธอตัวแข็งทื่อ
“ฉันเองนี่เธอไม่เมมเบอร์ผัวตัวเองไว้เหรอ!”
“คุณไนท์โทรมาทำอะไร” เธอยังคงโกรธเขาที่ล่ามโซ่เธอไว้
“ออกมา” เขาพูดแค่นั้น
“ไปไหน”
“ออกมาฉันมารอรับแล้ว” เขาพูดแค่นั้นก็เงียบอีก
“อิงยังซ้อมละครไม่เสร็จและไม่ต้องรอค่ะ”
ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนไหนบอกว่าห้ามคนรู้ แต่ที่เขามารอรับเป็นการประกาศให้คนทั้งคณะรู้
“ฉันให้เวลา 5 นาทีไม่อย่างนั้นจะขึ้นไปรับถึงหน้าห้อง” เขาตัดสายทิ้งทันที ยังไงหมอนอิงต้องลงมาหาเขา
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์นิ่ง เสียงส้นสูงกระทบพื้นดังก้อง ผู้คนรอบข้างต่างพากันหันมองผู้หญิงหน้าตาสะสวย สวมแว่นกันแดดแบรนด์ดัง ชุดนักศึกษารัดรูปโชว์รูปร่างแบบไม่แคร์สายตาใคร ลิตาเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ทว่าแววตากลับแฝงไว้ด้วยความเดือดดาล
“หมอนอิง!” เสียงแหลมสูงเรียกชื่อเธออย่างไม่ไว้หน้า
หมอนอิงหันไปตามเสียงเรียก หยุดชะงักเมื่อเห็นเจ้าของเสียง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอคะ?”
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังสนั่นกลางห้อง ทุกคนรอบข้างถึงกับชะงัก หมอนอิงตัวเอียงไปตามแรงฝ่ามือก่อนจะค่อยๆ หันหน้ากลับมา ใบหน้าแดงเป็นปื้นพร้อมรอยนิ้วอย่างชัดเจน
“เป็นบ้าอะไรของคุณ” เสียงเธอถามนิ่งๆ แต่แฝงความสั่นเล็กน้อย
“ยังกล้าถามอีกเหรอว่าฉันตบทำไม เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอแอบยุ่งกับพี่ไนท์ ทั้งที่เขาเป็นผัวของฉัน” ลิตาสบถอย่างเหลืออด
“ฉันไม่ได้ยุ่งกับเขา” หมอนอิงเม้มปากแน่น งุนงงว่าอีกฝ่ายรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับพันไมล์ได้อย่างไร
“ไม่ยุ่งแล้วเพื่อนเขาจะพูดทำไมว่าพี่ไนท์ชอบเธอ อย่าคิดว่าฉันโง่เธออาจจะยั่วเก่ง แต่เขาแค่เล่นๆ กับเธอเท่านั้นแหละจำไว้!” ลิตายิ้มเหยียด
คนที่ยืนดูเริ่มซุบซิบกันเบาๆ
หมอนอิงยืนนิ่งไม่แก้ตัว ไม่เถียงเธอไม่อยากสร้างเรื่อง หรือทำให้มันแย่ไปกว่านี้ เพราะเธอรู้ว่าในสายตาคนอื่น เธอคือฝ่ายผิดเสมอ
ลิตาก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความรังเกียจ
คีรินทร์เห็นแบบนั้นจึงเข้ามาขวางไว้ ตั้งแต่รู้จักกับรุ่นน้องมา ไม่เคยเห็นพันไมล์มาวุ่นวายด้วยเลย แต่คนที่รับสายเขาในวันนั้นทำให้เขาเริ่มคิดไม่ตก ว่าจะใช่พันไมล์หรือเปล่า
“ที่แท้ผู้ชายของตัวเองก็มาชอบหมอนอิง ทำไมไม่ล่ามโซ่ไว้” คีรินทร์ตอบกลับทันที
“เสือก! ถอยไปอยากปกป้องคนอื่นแต่เมียตัวเองยังปกป้องไม่ได้ จนหนีไปเอากับพี่ไนท์” ลิตาไม่ยอมเช่นกัน ตอนนั้นข่าวของทั้งดังไปทั่วมหาลัย
“นี่เธอ!!”
“ฟังให้ดีนะหมอนอิงต่อจากนี้ไปฉันไม่สนว่าเธอจะคิดอะไรกับพี่ไนท์มากแค่ไหน แต่เธอไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเขาอีกห้ามยุ่งเด็ดขาด!”
ก่อนที่หมอนอิงจะได้ตอบอะไร ลิตาก็หมุนตัวกลับอย่างเชิดๆ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งห้อง
หมอนอิงยืนนิ่งรู้สึกราวกับโดนถ่วงไว้ด้วยคำพูดเหล่านั้นน้ำตาไม่ไหล แต่ในใจกลับแน่นไปหมด
“หมอนอิงถอยให้ห่างจากผู้ชายคนนั้นดีกว่าถ้าเขามาจีบก็ปฏิเสธไปเลย” เมเปิ้ลเดินมาตบไหล่รุ่นน้อง คนน่ากลัวยิ่งกว่าผี
หมอนอิงเก็บของและเดินออกมาจากห้องซ้อม แต่คีรินทร์ตามมาและคว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน
“คนที่รับสายคือมันใช่ไหม” เขาตัดสินใจถามออกไป
“บอกพี่ได้นะ มันบังคับอิงเหรอ”
“อิง...” เธอไม่กล้าบอกใครถึงความสัมพันธ์อันน่าอึดอัด และเธออยากหนีไปให้พ้นจากพันไมล์
“พี่ยอมรับฟังอิงนะ ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร” เขาปล่อยมือและถอยเพื่อให้หมอนอิงเดินออกไป ทำไมชอบใครต้องมีผู้ชายที่ชื่อพันไมล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
รถของพันไมล์เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พยายามรวบรวมลมหายใจ และทำใจรับกับอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่เข้าใจนัก
สายตาของนักศึกษาแถวนั้นเริ่มหันมามอง บ้างกระซิบ บ้างแอบถ่ายรูป บ้างเลิกคิ้วสงสัยว่าทำไมหมอนอิงถึงขึ้นรถหรูของใครบางคนแบบนั้น
เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดใจเดินตรงไปยังรถหรูคันนั้น ประตูฝั่งข้างคนขับถูกเปิดออกอย่างลังเล
เธอเข้าไปนั่งนิ่งข้างเขา กลิ่นน้ำหอมของเขาลอยอบอวลในห้องโดยสารแคบๆ ใบหน้าคมยังคงเรียบนิ่ง สายตาไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย มีเพียงความเงียบที่กดทับจนบรรยากาศรอบตัวแทบแหลกสลาย
เสียงเกียร์ถูกดัน รถคันหรูเคลื่อนออกจากจุดจอดอย่างนิ่งสงบ แต่บรรยากาศภายในกลับเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำที่น่าหวาดหวั่น
เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่งพันไมล์กำลังจะต่อว่าหมอนอิง แต่เขาเห็นรอยช้ำแดงๆ ที่แก้มเสียก่อน
“ใครทำอะไร!” เขาเชยปลายคางเธอขึ้น แต่หมอนอิงกับหันไปหน้าหนี
“เรื่องเข้าใจผิดค่ะ คุณจะไปไหน”
“ฉันถามว่าใครทำ!” เขาถามย้ำอีกรอบ และเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี จึงกดเข้าป่านข้อความในแชทกลุ่มที่แอมป์ส่งเข้ามา
“เด็กมึงตบกันว่ะ”
เขากำหมัดแน่นโกรธอีกฝ่ายที่ไปทำร้ายหมอนอิง และยังมีไอ้ห่าคีรินทร์แกล้งทำเป็นคนดี ปกป้องหมอนอิงต่อหน้าทุกคน
“ลิตามันตบเธอใช่ไหม”
“เมียคุณเขาชื่อลิตาเหรอคะ” เธอไม่รู้อะไรเลย เห็นเขาสตาร์ทรถและขับออกไปทันที
“คุณจะไปไหน?”
“พาเธอไปตบมันคืน”
จนกระทั่งรถหรูเลี้ยวเข้าไปยังโซนคอนโดหรูใจกลางเมือง สถานที่ที่เธอเคยเห็นในสตอรี่อวดรวยของลิตา
เธอใจเต้นแรงรู้สึกประหลาดใจ และเริ่มรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“ลงไป” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนดับเครื่อง
“อิงไม่...” เธอหันมามองเขา สีหน้าสงสัยแต่แฝงความกลัว
“ลงไปหมอนอิง” เสียงเขานิ่ง แต่เด็ดขาดเกินกว่าเธอจะปฏิเสธ
ไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องหรูถูกเปิดออก ลิตาในชุดนอนแพงๆ ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมแววตาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นพันไมล์กับหมอนอิงยืนอยู่คู่กัน
“พี่ไนท์ มาหาลิตาเหรอคะ?” เสียงเธอหวานแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
พันไมล์ไม่ตอบ แต่หันมามองหมอนอิง
“ตบลิตาคืนซะ!”
“อะไรนะ” หมอนอิงถามเสียงเบา
“ฉันบอกให้เธอตบคืนผู้หญิงที่กล้าตบเธอต่อหน้าคนอื่น” เขาหันไปหาลิตา แววตาคมกริบเจือแรงกดดัน
“พี่ไนท์จะทำอะไร” ลิตาเริ่มกลัวเขาไม่คิดว่าเขาจะปกป้องหมอนอิงขนาดนี้
“อย่าเลย มันไม่จำเป็น”
“จำเป็น” เขาตัดบทเสียงเรียบ ก่อนโน้มหน้าเข้าใกล้เธอ “เธอจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาทำร้ายเธอ แล้วยืนยิ้มเหมือนไม่รู้สึกอะไรไปตลอดเหรอหมอนอิง”
หมอนอิงกำมือแน่นสูดลมหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบผิวหน้าดังชัด ลิตาหน้าหันไปตามแรงตบ สะอึกกับแรงที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ ดวงตาเธอเบิกกว้าง ทั้งเจ็บทั้งอับอาย และไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง
พันไมล์ยืนเฉยราวกับกำลังตัดสินลงโทษอย่างยุติธรรมที่สุดในแบบของเขา
“จำไว้นะลิตาอย่าแม้แต่จะคิดแตะต้องหมอนอิงอีก ไม่งั้นฉันจะไม่ยืนเฉยแบบวันนี้แน่” เสียงเขาเย็นเฉียบ
ลิตาเม้มปากแน่น ความอับอายและความแค้นทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนตัวสั่นมองประตูห้องที่ปิดลงตามหลังทั้งสองคน
ตอนพิเศษ 2พิมพ์ดาวในวัยสิบห้าเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัวหน้าตาน่ารักเหมือนแม่ แต่แววตานิ่งๆ ซ่อนความลึกซึ้งแบบพ่อทั้งยังมีมุมติสต์ๆ ชอบอ่านชอบวาดรูปหมอนอิงรู้ทันทุกอย่างโดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในลูกสาวคนเดียว“วันนี้หนูรีบไปโรงเรียนเหรอคะ?” หมอนอิงถามพลางเหลือบตามองลูกสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน กระโปรงยาวพอดีเข่าผมถักเปียหลวมๆ สองข้างแถมยังทาลิปบาล์มบางๆ กับพ่นน้ำหอมกลิ่นผลไม้จางๆ“มีพรีเซนต์ค่ะดาวต้องรีบไปซ้อมหน่อย” พิมพ์ดาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่แกล้งทำเสียงนิ่ง“อื้ม แต่ไม่เห็นเอาอะไรไปเลย” หมอนอิงอมยิ้มมองลูกสาวที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ต้องถามอะไรต่อ“คือมีงานกลุ่มค่ะเพื่อนในห้องจะช่วยติวให้ก่อนเริ่มเรียน” พิมพ์ดาวอ้อมแอ้ม“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง?” หมอนอิงถามหน้าตาเฉยระหว่างที่กำลังป้อนข้าวเจ้าสองแสบ ลูกชายฝาแฝดวัยสองขวบ“ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มีค่ะ” แล้วก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องครัวหมอนอิงยิ้มมุมปากนิดๆ เด็กสาวคนนี้น่ะต่อให้ไม่พูดก็รู้ว่าเริ่มมีความรักแล้วแต่ตอนเย็นพอพันไมล์กลับบ้าน แล้วไม่เห็นพิมพ์ดาวตามเวลา เขาก็เอะใจ“ยังไม่กลับเหรอ?” เขาถามเมียทันที“ยังเลยค่ะเห็นบอกว่าทำรา
ตอนพิเศษ 1พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในสวนหลังบ้านหลังใหม่ของทั้งสองคน บ้านที่พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย และที่แห่งนี้เขาลงมือปลูกต้นไม้ตัดหญ้า และดูแลทุกกระเบียดนิ้วด้วยตัวเอง เพื่อวันนี้วันที่เธอจะเป็นเจ้าสาวของเขาไม่มีซุ้มดอกไม้อลังการมีเพียงเสียงนกร้องเบาๆ ลมเอื่อยที่พัดใบไม้ไหว และญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่มาร่วมเป็นพยานในความรักของพวกเขาเธอสวมเพียงชุดเดรสสีครีมเรียบๆ ที่ขับผิวให้ดูอ่อนหวาน ไม่มีเครื่องประดับราคาแพง ไม่มีสร้อยเพชรหรือแหวนเพชรเม็ดโต มีเพียงดอกไม้สดจากสวนที่เขาเพิ่งเด็ดมาตอนเช้า แนบกลีบอ่อนๆ ลงบนผมของเธออย่างแผ่วเบาและตั้งใจ“สวยแล้ว” เขาว่าพลางยิ้มเห็นแววตาของเธอวาววับขึ้นมาเล็กน้อยส่วนเขาเองก็แต่งตัวธรรมดาเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับกับกางเกงสแล็คเรียบๆ ดูไม่เหมือนเจ้าบ่าวในพิธีทั่วไป แต่ทุกอย่างกลับลงตัวและงดงามที่สุดสำหรับเธอ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือเขาผู้ชายที่เธอเลือกจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย“เราจะไม่พาหนูพิมพ์ดาวไปด้วยจริงๆ เหรอคะ” หมอนอิงมองลูกสาววัยหนึ่งขวบห้าเดือน สามีจะพาไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ แต่เธอเป็นห่วงลูกสาว“คุณ
เสียงร้องไห้กรีดร้องของนทีดังลั่นไปทั่วห้องโถง จนทำให้บ้านทั้งหลังแทบสั่นสะเทือน หมื่นลี้นั่งกอดอกเอนหลังอยู่บนโซฟา มองลูกชายแฝดสองคนที่กำลังแย่งของเล่นกันตาไม่กะพริบ“ปะป๊าบอกแล้วใช่มั้ย ว่าแค่ชั่วโมงเดียวจะไม่ห้ามจะให้ลูกเคลียร์กันเอง” เขาพึมพำกับตัวเองทั้งที่ในใจแทบอยากจะเข้าไปแยก แต่ก็ยังนั่งนิ่งเอาความใจแข็งเข้าข่มนาวินแฝดพี่กอดรถของเล่นแน่น แถมยังยักคิ้วยียวนใส่น้องชายที่ร้องไห้เสียงดัง นทีทำหน้าบูดมือเล็กๆ ทุบกับพื้นไปด้วย ความไม่พอใจปะปนกับน้ำตาไหลพรากไม่หยุด“อ๊ะ…เอาคืน!” นทีพยายามคว้ารถคืน แต่ก็โดนพี่ชายหันหลังหนีไปอีกทางหมื่นลี้ถอนหายใจหนักๆ พลางเหลือบตามองยี่หวาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานผลไม้ เธอถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นสามีกอดอกนั่งเฉย“เดย์นี่จริงๆ เลยนะ ปล่อยให้เด็กสองขวบทะเลาะกันเป็นชั่วโมง” “ลูกผู้ชายต้องหัดแก้ปัญหากันเองบ้างสิ” เขายักไหล่ทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ยี่หวาเดินไปวางจานผลไม้ แล้วก้มลงอุ้มนทีขึ้นมากอดปลอบ เด็กน้อยยังสะอึกสะอื้นซบไหล่แม่ ส่วนนาวินเมื่อเห็นน้องถูกอุ้มก็เหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินเอารถไปวางใส่มือแม่แทน ก่อนจะยืนก้มหน้างอนๆ
ยี่หวากำลังควานหาของในกระเป๋า แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เธอถอนหายใจแล้วตัดสินใจเทของทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะ สิ่งที่เธอตามหาก็ยังไม่ปรากฏ จนกระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้น“มะมี้ขาาา~”เสียงใสๆ ของน้องฟ้าใสวัยสองขวบเรียกขึ้นมา ยี่หวาหันไปมองตามเสียงก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นใบหน้ากลมๆ ของลูกสาวเต็มไปด้วยรอยลิปสติกแดงสดที่เลอะจนทั่วแก้ม“ตายแล้วลูก! ทำอะไรของหนูเนี่ย” ยี่หวารีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาอย่างเอ็นดูปนขำ “หนูอยากสวยเหมือนมะมี้ค่ะ” น้องฟ้าใสยิ้มแป้นตากลมแวววาว “โอ๊ยย ลูกแม่สวยอยู่แล้วค่ะไม่ต้องแอบเอาลิปสติกมะมี้มาทาก็ได้” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วใช้ทิชชูค่อยๆ เช็ดแก้มเลอะๆ ของลูก “สวยๆ ~” เด็กน้อยทำตาใสปิ๊งแล้วย้ำเสียงใสๆยี่หวากอดลูกแน่นรู้สึกทั้งขำทั้งอบอุ่นในหัวใจความซนเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวยิ่งทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ“ปะป๊าไปไหนมะมี้จะตีทั้งปะป๊าทั้งลูกเลย” เธอทำเสียงดุทั้งที่ในใจอยากหัวเราะกับสภาพลูกสาวที่เลอะลิปสติกเต็มหน้า ไม่นานหมื่นลี้ก็โผล่มาจากครัว เขาถือจานข้าวในมือวิ่งหอบมาพร้อมใส่ผ้ากันเปื้อนสีอ่อน ผมถูกรวบมัดจุกไว้กันไม่ให้ปรกหน้า ภาพล
เสียงกระดิ่งหน้าร้านไอติมดังขึ้นเบาๆ เมื่อหมื่นลี้จูงมือยี่หวาเข้ามา กลิ่นหวานหอมของวานิลลาและสตรอว์เบอร์รีลอยอบอวลไปทั่ว“อยากกินรสไหนบอกมาเลยเบบี๋อยากกินอะไรเดย์จัดให้หมด” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมวางมือไว้บนเอวเธอเบาๆ อย่างห่วงใย“พูดเหมือนจะซื้อได้ทั้งร้านเลยนะ” เธอหัวเราะคิก“ก็ได้หมดแหละขออย่างเดียวกินแล้วลูกแข็งแรง คุณแม่อารมณ์ดีคุณพ่อก็แฮปปี้แล้ว”คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าแดงใจอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเลือกไอติมรสช็อกโกแลตมิ้นท์แก้วใหญ่ พอหมื่นลี้ตักป้อนให้ สายตาสาวๆ โต๊ะข้างๆ ก็แอบมองตามด้วยแววตาชื่นชม “อร่อยจังเลยค่ะคุณพ่อ ลูกคงอิ่มอารมณ์ดีทั้งวัน” เธอรีบโน้มตัวเข้าไปซบไหล่เขา แล้วพูดเสียงดังพอให้ได้ยิน “หวงขนาดนี้เลยเหรอ” หมื่นลี้ถึงกับหัวเราะออกมา เสียงดังลั่นร้าน“ก็ใช่น่ะสิ!” เธอแกล้งทำหน้าบึ้งแต่ตากลับเป็นประกายระยิบระยับ “ไม่ต้องหวงหรอก หัวใจเดย์มีเจ้าของแล้วทั้งแม่ทั้งลูกเต็มไปหมดแล้วเนี่ย” เขาโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวยิ่งหน้าแดงจัดรีบตักไอติมเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะละลายเหมือนไอติมตรงหน้า ผลของการทำข้อสอบได้ใ
แสงแดดสาดลงบนลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันของชุดครุยและรอยยิ้ม ยี่หวาสวมชุดครุยสีดำตัดทองยืนยิ้มกว้างอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดีไม่ขาดสายด้านหลังมีหมื่นลี้ในชุดเรียบหรูยังคงยืนอยู่ไม่ไกล สองมือหอบช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของขวัญสารพัดจนแทบล้น แต่สายตากลับจับจ้องอยู่เพียงหญิงสาวตรงหน้า ไม่ว่าจะมีใครรายล้อม ยี่หวาในสายตาเขาก็ยังโดดเด่นที่สุดเขามองเธอหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงใสที่เคยทำให้หัวใจเขาอุ่นซาบซ่านกลับมาอีกครั้ง ยี่หวากำลังมีความสุขความสุขที่เขาเฝ้าปรารถนาอยากเป็นคนมอบให้ตลอดมาเพื่อนๆ ผลัดกันหยอกล้อ แซวกันเสียงดังยี่หวายกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวตามลมก่อนจะยิ้มหวานจนดวงตาโค้งสวย หมื่นลี้มองภาพนั้นอย่างเงียบงัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงเธอที่ส่องสว่างอยู่ในใจเขาเขาอยากเดินไปกอดเธอต่อหน้าทุกคน อยากบอกว่า “เก่งที่สุดแล้วว่าที่ภรรยาของเดย์” แต่ก็ได้เพียงยืนมองอยู่ข้างหลัง รอคอยเวลาให้เธอหันกลับมาเห็นว่าไม่ว่าจะวันสำคัญแค่ไหน เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอหันมายกมือไหว้ให้ผู้มีพระคุณที่ช่วยส่งเสียเธอเรียนจนจบ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะ







