LOGINหมอนอิงเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า จึงไม่ได้ทำอาหารไว้รอเขาเพราะทำไปก็เสียของเปล่าๆ ตอนกำลังจะเดินออกไปจากห้องกับเจอพันไมล์พอดี
“หลีกทางด้วยค่ะ” เธอไม่กล้าสบตาเขา หลายคืนที่ผ่านมาเขาใช้ร่างกายเธออย่างหนัก น่าอายที่เธอก็ไม่ยอมปฏิเสธเขาแบบจริงจัง “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” “เอาไว้ตอนเย็นไม่ได้เหรอคะ” “ฉันจะคุยตอนนี้” เขาจ้องมองหมอนอิง เพราะเธอทำให้เขาไปนอนกับคนอื่นไม่ได้ “ที่ฉันเอาเธอทุกคืนอย่าคิดว่าฉันรักก็แล้วกัน แค่จะเอาให้คุ้มกับเงินที่เสียไป อยู่มหาลัยไม่ต้องทำเป็นว่ารู้จักกันฉันให้เวลาอีก 2 เดือนเราไปหย่ากันเงียบๆ” เขาคิดว่าหญิงสาวจะโวยวายแต่เขาคิดผิด “ค่ะ” เขาว่าแบบไหนเธอก็ตามนั้น “แค่นี้เองเหรอวะ ฉันเปิดห้องให้เธอแล้วย้ายข้าวของออกไป ฉันจะได้พาสาวๆ มานอน” เขาอยากทำให้เอเจ็บจนทนไม่ได้ “ค่ะ” เธอไม่รู้ว่าจะต้องตอบเขายังไง “ปากอมตีนไว้หรือวะแม่ง!” เธอลงมารอรถเมล์แต่เห็นรถของพันไมล์ขับผ่านหน้าไป เธอไม่รู้ว่าเขามีเรียนเช้าหรือไม่ บางครั้งก็น้อยใจกับสิ่งที่เขาทำ แต่อีกใจก็คิดว่าดีแล้ว ในระหว่างที่ยืนรอส้มโอหมอนอิงจึงก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง แต่พอจะเงยหน้าขึ้นกลับชนกับใครบางคนจนเธอเซไปทางด้านหลัง แต่เขารับตัวเธอไว้ได้ทัน “โอ๊ย” “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” คีรินทร์มองสาวรุ่นน้อง เขาจำใบหน้าของน้องคนนี้ได้เป็นอย่างดี “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ช่วยไว้นะคะ” “น้องใหม่นั่นเองพี่ชื่อคีรินทร์ เรียกว่าพี่คีย์ก็ได้ครับพี่เรียนพี่สามสาขาเดียวกับเรา” เขายิ้มแบบอบอุ่นสนใจสาวน้อยคนนี้ “พี่คีย์ หมอนอิงค่ะ” “ไม่มีชื่อเล่นเหรอครับ” เขาส่งยิ้มแบบอบอุ่นให้ “หมอนอิงชื่อเล่นค่ะ” “น้องหมอนอิง” เขาเผลอสบตาสาวรุ่นน้องจนหัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้ง “สวยๆ แบบนี้รุ่นพี่ชวนไปประกวดดาวไหม” แต่ปีนี้มีแต่สาวสวยทั้งนั้น แต่เขาสนใจแค่คนตรงหน้า “ไม่มีค่ะมีคนสวยๆ อีกหลายคน” เธอพูดจาแบบเป็นกันเอง “น้องหมอนอิงถ้าพี่จะชวนไปเป็นนางเอกละครสั้นของพี่จะว่าอะไรไหมครับ มีค่าตอบแทนให้นะ” คนนี้ตรงสเปกทุกอย่างสาวน้อยอ่อนหวาน แต่ดูน่าค้นหา “จะดีเหรอคะอิงไม่เคยเล่นละคร” หากได้ค่าตอบแทนบางทีเธออาจจะพอมีเงินไปไถ่ตัวเอง ออกมาจากเขาก็ได้แต่ไม่รู้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไร “ปีหนึ่งก็ได้เรียนแล้วพี่ว่าสบายเลย” “ก็ได้ค่ะ” ทั้งสองเลยแลกเบอร์โทรกันระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น กับมีรถหรูคันสีแดงแล่นผ่านไปด้วยความเร็ว จนน้ำที่ขังอยู่ข้างถนนสาดโดนหมอนอิงอย่างจัง “รถไอ้พันไมล์มันกวนตีนพี่” คีรินทร์มองท้ายรถคันสีแดง เจอกันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที เพราะครั้งหนึ่งมันเคยแย่งคนรักของเขาไป “พี่คีย์รู้จักเขาเหรอคะ” เธอเช็ดหน้าตัวเองและมองดูชุดนักศึกษาที่เปียกเกือบทั้งตัว “ข่าวมันดังไปทั่วไม่รู้ว่าเป็นอะไรชอบยุ่งกับเมียคนอื่น” จะโทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ถ้าผู้หญิงไม่เล่นด้วยแต่เขาจะโทษมันคนเดียว “อิงจะเข้าเรียนแล้วค่ะ” “น้องหมอนอิงอยู่ให้ห่างจากมันเลยนะครับ มันตัวอันตราย พี่มีเสื้อคลุมเอาคลุมไว้ก่อน” “ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาไม่นานได้ยินเสียงส้มโอเรียก จึงเดินไปหาเพื่อน “แกไปตกน้ำที่ไหนมา” “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” เธอเลี่ยงที่จะตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากถูกส้มโอซักไซ้ . “น้องหมอนอิงทางนี้!” เสียงของเขาคีรินทร์ดังขึ้นพร้อมกับมือที่โบกเรียกอยู่มุมห้อง ข้างกายเขามีเพื่อนร่วมชั้นกลุ่มหนึ่งที่หันมามองเธออย่างสนใจ “นี่ทุกคนน้องหมอนอิง คนที่ฉันเล่าให้ฟังว่าจะมาแคสต์เป็นนางเอกหนังสั้นของฉัน” เขายิ้มกว้าง เด็กหนุ่มสาวอีกสี่ห้าคนยิ้มทักทายเธอ บางคนพยักหน้าให้ หมอนอิงยิ้มตอบเขินๆ พลางยกมือไหว้อย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” “ไม่ต้องเกร็งหรอกที่นี่ทุกคนบ้าๆ บอๆ เหมือนกันหมดนั่นแหละ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหญิงสาวร่างเล็กผมสั้นที่ยืนอยู่ด้านหลังกลุ่ม เธอก้าวออกมายิ้มกว้างให้ “เราเมเปิ้ลปีสองเรียนเอกเดียวกันนี่แหละ คอนเฟิร์มว่าคีย์มันขี้เว่อร์ แต่ถ้าเขาเลือกเธอมาเล่นหนังล่ะก็ แสดงว่าเธอต้องมีอะไรน่าสนใจจริงๆ” เมเปิ้ลเรียนช้ากว่าคีรินทร์หนึ่งปี แต่ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานาน “ค่ะ” หมอนอิงยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเผลอหลุดหัวเราะเบาๆ เมื่อเมเปิ้ลทำหน้าทะเล้นส่งให้ การเรียนแอ็กติ้งวันแรกผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะและความตื่นเต้น และได้ข้อคิดจากสาวรุ่นพี่เป็นผู้หญิงก็ต้องสวยตลอด เลยฝึกให้เธอแต่งหน้าและแต่งตัวให้เป็น พันไมล์ยืนพิงกรอบประตูห้องนั่งเล่น ดวงตาคมกริบใต้คิ้วเข้มจับจ้องร่างบางที่กำลังเดินสวนกลับจากระเบียง มือเธอยังถือโทรศัพท์ไว้แน่น รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้ารอยยิ้มที่ไม่ได้มีไว้ให้เขา เธอวางโทรศัพท์ลงอย่างรีบเร่งเมื่อเห็นเขาอยู่ตรงนั้น แววตาเธอเปลี่ยนทันที กลายเป็นความเรียบเฉยเฉกเช่นทุกวัน "คุยกับใคร?" เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงติดเย็นชากว่าปกติ “เรื่องงานค่ะ” หมอนอิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนตอบสั้นๆ “หัวเราะขนาดนั้นงานที่ไหนมันตลกนัก แล้วงานอะไรที่พ่อฉันให้เงินใช้มันไม่พอหรือไง” เขาไม่พอใจขึ้นมาแบบดื้อๆ หมอนอิงไม่ได้ตอบ เพียงแต่เดินผ่านเขาไปอย่างเงียบงัน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากเรือนกายเธอแผ่วพัดเข้าจมูกเขากลิ่นที่ไม่เคยมีมาก่อน พันไมล์หรี่ตาลงหมอนอิงเปลี่ยนไปเมื่อก่อน เธอเป็นแค่เด็กสาวเงียบๆ ตัวเล็กๆ ที่แทบจะกลืนหายไปกับบรรยากาศรอบตัว ไม่รู้จักแต่งหน้าหรือแต่งตัวให้สวยเหมือนผู้หญิงวัยเดียวกัน แต่ตอนนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ทาลิปสติกสีนู้ดหวาน ใส่เดรสสีพาสเทลที่ขับผิวจนดูสดใส แต่ที่ทำให้เขาขัดใจยิ่งกว่า คือพฤติกรรมของเธอต่อหน้าเขา ต่อหน้าเขาหมอนอิงเงียบไม่สนใจ ไม่แม้แต่สบตา ต่างจากเมื่อก่อนที่เธอจะรีบลุกขึ้นมาทำอาหารไว้รอเขา ถึงแม้จะไม่เคยกินเลยก็ตาม “ตกลงคุยกับใคร?” เขาถามอีกครั้ง เขาเดินตามเธอไปถึงห้องครัว ยืนมองเธอที่กำลังเทน้ำใส่แก้ว “กับรุ่นพี่ค่ะ” “มันเข้ามาจีบ?” เขาหายใจเริ่มติดขัด “เปล่าแต่คุยกันเรื่องถ่ายหนังสั้น” “แล้วเธอจะเอาเงินไปทำอะไรนักหนาถึงไปถ่ายหนังสั้น” แต่คำตอบที่เขาได้รับ ทำให้เขาไม่พอใจมากกว่าเดิม “อิงจะเอาไปไถ่ตัวเองค่ะ จะได้ไม่ต้องทรมานอยู่ด้วยกันถึง 2 เดือน” เธอบอกความจริงเขาไป “หึ ต่อให้เธอทำงานหาเงินไปจนตายก็ไม่มีวันหาเงินมาไถ่ตัวเองได้หรอก ถ้าไม่ไปเป็นอีหนูของคนแก่ๆ พ่อฉันจ่ายค่าสินสอดเธอไปตั้งสองล้าน!” หมอนอิงได้ยินแบบนั้นก็ตกใจที่ยอดเงินสูงลิบลิ่วชาตินี้ไม่มีทางหาเงินได้มากมายขนาดนั้น “อึ้งล่ะสิ แม่เธอเห็นแก่เงินแล้วอีกอย่าแต่งหน้าให้ฉันเห็นอีกน่าเกลียดชะมัดเลยวะ แก้มแดงเหมือนตูดลิง” เขาพูดแบบไม่รักษาน้ำใจคนฟังเลยสักนิด “…” พูดไม่ออกและเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมา “ฉันจะไปผับไม่กลับ และจะเอากับผู้หญิงคนอื่นไม่ต้องร้องไห้ล่ะเรื่องธรรมดาของผู้ชาย” หวังว่าจะให้หมอนอิงรั้งไว้ แต่เธอกลับไม่ “อย่าไปนอนกับเมียชาวบ้านนะคะ เดี๋ยวผัวเขาตามมายิงทิ้ง” พูดจบก็รีบปิดประตูห้องนอน กลัวว่าเขาจะพ้นคำหยาบใส่อีก ถามว่ารู้สึกไหมตอบเลยว่ารู้สึก แม้จะไม่พอใจแต่เธอกับเขาก็ตกลงกันแล้ว “นั่นปากหรือไงว่ะ แช่งผัวได้ลง” ตั้งแต่มีเมียในนามก็ไม่ได้ไปเอากับผู้หญิงคนอื่นเลย ได้กลิ่นน้ำหอมของพวกหล่อนแล้วชวนอาเจียน เสียงหัวเราะของเพื่อนในกลุ่มดังแทรกท่ามกลางบรรยากาศคึกคักในลานกลางคณะ พันไมล์เดินทอดน่องไปกับเพื่อนชายอีกสามสี่คนในกลุ่มประจำ เสียงพูดคุยเรื่องปาร์ตี้เมื่อวานยังไม่จบ แถมเสียงแซวกันไปมาก็ยังคงไม่ขาดสาย แต่จู่ๆ เขากลับหยุดฝีเท้ากะทันหัน สายตาเหมือนถูกดูดไปยังจุดหนึ่งในฝูงชนที่เดินสวนมา หมอนอิงกำลังเดินหัวเราะกับเพื่อนสาวหนึ่งคน และชายหนุ่มอีกคนที่เขาเคยเห็นหน้าอยู่บ้างในกิจกรรมมหาลัย ใบหน้าของเธอสว่างสดใสกว่าที่เขาเคยเห็นดวงตาที่เคยหม่นเศร้าราวกับไร้ชีวิต กลับกำลังยิ้มระยิบระยับเหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังสนุกกับชีวิต “นั่นน้องคนสวยที่กูอยากได้นี่” ต้นกล้ามองหมอนอิงไม่วางตา “ไอ้คีย์ผัวหลวงนี่หว่า อย่าบอกนะว่าคบกัน” แอมป์สงสัยที่เรียกว่าผัวหลวงเพราะฝ่ายนั้นเคยมาเอาเรื่องพันไมล์ เรื่องผู้หญิง “เอ๊ะ กูจำได้แล้วน้องคนสวยที่อยู่กับมึงคืนนั่นใช่ป่ะ มึงฟันน้องเขาแล้วเหรอ” ต้นกล้าจำได้แล้ว “ไอ้ไนท์มึงมันสุ้มเงียบว่ะ” แอมป์ด่าเพื่อนน้องอายุยังน้อย ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอย่างพันไมล์หรอก “เบื่อแล้ว” เขาตอบแบบไม่สบอารมณ์เท่าไร “เบื่อแล้วดีใจว่ะ กูจีบต่อน่ะ” ต้นกล้าทำท่าจะเอาจริง “ไม่รังเกียจหรือไงว่ะใช้ผู้หญิงคนเดียวกับกู” เขาหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อหมอนอิงกลายเป็นหัวข้อในบทสนทนา “กูไม่ถือพูดเหมือนไม่เคย เราก็เอาผู้หญิงคนเดียวกันบ่อยๆ” เขาไม่สนใจหรอก “ตามใจมึง” เขารีบเดินออกไปจากตรงนั้นแต่สายตายังคงหันไปมองหมอนอิงเป็นระยะ สวยมากหรือไงผู้ชายถึงพูดถึงบ่อยขนาดนั้นตอนพิเศษ 2พิมพ์ดาวในวัยสิบห้าเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัวหน้าตาน่ารักเหมือนแม่ แต่แววตานิ่งๆ ซ่อนความลึกซึ้งแบบพ่อทั้งยังมีมุมติสต์ๆ ชอบอ่านชอบวาดรูปหมอนอิงรู้ทันทุกอย่างโดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในลูกสาวคนเดียว“วันนี้หนูรีบไปโรงเรียนเหรอคะ?” หมอนอิงถามพลางเหลือบตามองลูกสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกวัน กระโปรงยาวพอดีเข่าผมถักเปียหลวมๆ สองข้างแถมยังทาลิปบาล์มบางๆ กับพ่นน้ำหอมกลิ่นผลไม้จางๆ“มีพรีเซนต์ค่ะดาวต้องรีบไปซ้อมหน่อย” พิมพ์ดาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่แกล้งทำเสียงนิ่ง“อื้ม แต่ไม่เห็นเอาอะไรไปเลย” หมอนอิงอมยิ้มมองลูกสาวที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ต้องถามอะไรต่อ“คือมีงานกลุ่มค่ะเพื่อนในห้องจะช่วยติวให้ก่อนเริ่มเรียน” พิมพ์ดาวอ้อมแอ้ม“เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง?” หมอนอิงถามหน้าตาเฉยระหว่างที่กำลังป้อนข้าวเจ้าสองแสบ ลูกชายฝาแฝดวัยสองขวบ“ผู้ชายก็มี ผู้หญิงก็มีค่ะ” แล้วก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องครัวหมอนอิงยิ้มมุมปากนิดๆ เด็กสาวคนนี้น่ะต่อให้ไม่พูดก็รู้ว่าเริ่มมีความรักแล้วแต่ตอนเย็นพอพันไมล์กลับบ้าน แล้วไม่เห็นพิมพ์ดาวตามเวลา เขาก็เอะใจ“ยังไม่กลับเหรอ?” เขาถามเมียทันที“ยังเลยค่ะเห็นบอกว่าทำรา
ตอนพิเศษ 1พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ในสวนหลังบ้านหลังใหม่ของทั้งสองคน บ้านที่พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย และที่แห่งนี้เขาลงมือปลูกต้นไม้ตัดหญ้า และดูแลทุกกระเบียดนิ้วด้วยตัวเอง เพื่อวันนี้วันที่เธอจะเป็นเจ้าสาวของเขาไม่มีซุ้มดอกไม้อลังการมีเพียงเสียงนกร้องเบาๆ ลมเอื่อยที่พัดใบไม้ไหว และญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่มาร่วมเป็นพยานในความรักของพวกเขาเธอสวมเพียงชุดเดรสสีครีมเรียบๆ ที่ขับผิวให้ดูอ่อนหวาน ไม่มีเครื่องประดับราคาแพง ไม่มีสร้อยเพชรหรือแหวนเพชรเม็ดโต มีเพียงดอกไม้สดจากสวนที่เขาเพิ่งเด็ดมาตอนเช้า แนบกลีบอ่อนๆ ลงบนผมของเธออย่างแผ่วเบาและตั้งใจ“สวยแล้ว” เขาว่าพลางยิ้มเห็นแววตาของเธอวาววับขึ้นมาเล็กน้อยส่วนเขาเองก็แต่งตัวธรรมดาเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับกับกางเกงสแล็คเรียบๆ ดูไม่เหมือนเจ้าบ่าวในพิธีทั่วไป แต่ทุกอย่างกลับลงตัวและงดงามที่สุดสำหรับเธอ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือเขาผู้ชายที่เธอเลือกจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย“เราจะไม่พาหนูพิมพ์ดาวไปด้วยจริงๆ เหรอคะ” หมอนอิงมองลูกสาววัยหนึ่งขวบห้าเดือน สามีจะพาไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ แต่เธอเป็นห่วงลูกสาว“คุณ
เสียงร้องไห้กรีดร้องของนทีดังลั่นไปทั่วห้องโถง จนทำให้บ้านทั้งหลังแทบสั่นสะเทือน หมื่นลี้นั่งกอดอกเอนหลังอยู่บนโซฟา มองลูกชายแฝดสองคนที่กำลังแย่งของเล่นกันตาไม่กะพริบ“ปะป๊าบอกแล้วใช่มั้ย ว่าแค่ชั่วโมงเดียวจะไม่ห้ามจะให้ลูกเคลียร์กันเอง” เขาพึมพำกับตัวเองทั้งที่ในใจแทบอยากจะเข้าไปแยก แต่ก็ยังนั่งนิ่งเอาความใจแข็งเข้าข่มนาวินแฝดพี่กอดรถของเล่นแน่น แถมยังยักคิ้วยียวนใส่น้องชายที่ร้องไห้เสียงดัง นทีทำหน้าบูดมือเล็กๆ ทุบกับพื้นไปด้วย ความไม่พอใจปะปนกับน้ำตาไหลพรากไม่หยุด“อ๊ะ…เอาคืน!” นทีพยายามคว้ารถคืน แต่ก็โดนพี่ชายหันหลังหนีไปอีกทางหมื่นลี้ถอนหายใจหนักๆ พลางเหลือบตามองยี่หวาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมจานผลไม้ เธอถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นสามีกอดอกนั่งเฉย“เดย์นี่จริงๆ เลยนะ ปล่อยให้เด็กสองขวบทะเลาะกันเป็นชั่วโมง” “ลูกผู้ชายต้องหัดแก้ปัญหากันเองบ้างสิ” เขายักไหล่ทำหน้าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ยี่หวาเดินไปวางจานผลไม้ แล้วก้มลงอุ้มนทีขึ้นมากอดปลอบ เด็กน้อยยังสะอึกสะอื้นซบไหล่แม่ ส่วนนาวินเมื่อเห็นน้องถูกอุ้มก็เหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินเอารถไปวางใส่มือแม่แทน ก่อนจะยืนก้มหน้างอนๆ
ยี่หวากำลังควานหาของในกระเป๋า แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เธอถอนหายใจแล้วตัดสินใจเทของทั้งหมดออกมากองบนโต๊ะ สิ่งที่เธอตามหาก็ยังไม่ปรากฏ จนกระทั่งได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้น“มะมี้ขาาา~”เสียงใสๆ ของน้องฟ้าใสวัยสองขวบเรียกขึ้นมา ยี่หวาหันไปมองตามเสียงก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นใบหน้ากลมๆ ของลูกสาวเต็มไปด้วยรอยลิปสติกแดงสดที่เลอะจนทั่วแก้ม“ตายแล้วลูก! ทำอะไรของหนูเนี่ย” ยี่หวารีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาอย่างเอ็นดูปนขำ “หนูอยากสวยเหมือนมะมี้ค่ะ” น้องฟ้าใสยิ้มแป้นตากลมแวววาว “โอ๊ยย ลูกแม่สวยอยู่แล้วค่ะไม่ต้องแอบเอาลิปสติกมะมี้มาทาก็ได้” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วใช้ทิชชูค่อยๆ เช็ดแก้มเลอะๆ ของลูก “สวยๆ ~” เด็กน้อยทำตาใสปิ๊งแล้วย้ำเสียงใสๆยี่หวากอดลูกแน่นรู้สึกทั้งขำทั้งอบอุ่นในหัวใจความซนเล็กๆ น้อยๆ ของลูกสาวยิ่งทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ“ปะป๊าไปไหนมะมี้จะตีทั้งปะป๊าทั้งลูกเลย” เธอทำเสียงดุทั้งที่ในใจอยากหัวเราะกับสภาพลูกสาวที่เลอะลิปสติกเต็มหน้า ไม่นานหมื่นลี้ก็โผล่มาจากครัว เขาถือจานข้าวในมือวิ่งหอบมาพร้อมใส่ผ้ากันเปื้อนสีอ่อน ผมถูกรวบมัดจุกไว้กันไม่ให้ปรกหน้า ภาพล
เสียงกระดิ่งหน้าร้านไอติมดังขึ้นเบาๆ เมื่อหมื่นลี้จูงมือยี่หวาเข้ามา กลิ่นหวานหอมของวานิลลาและสตรอว์เบอร์รีลอยอบอวลไปทั่ว“อยากกินรสไหนบอกมาเลยเบบี๋อยากกินอะไรเดย์จัดให้หมด” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมวางมือไว้บนเอวเธอเบาๆ อย่างห่วงใย“พูดเหมือนจะซื้อได้ทั้งร้านเลยนะ” เธอหัวเราะคิก“ก็ได้หมดแหละขออย่างเดียวกินแล้วลูกแข็งแรง คุณแม่อารมณ์ดีคุณพ่อก็แฮปปี้แล้ว”คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าแดงใจอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเลือกไอติมรสช็อกโกแลตมิ้นท์แก้วใหญ่ พอหมื่นลี้ตักป้อนให้ สายตาสาวๆ โต๊ะข้างๆ ก็แอบมองตามด้วยแววตาชื่นชม “อร่อยจังเลยค่ะคุณพ่อ ลูกคงอิ่มอารมณ์ดีทั้งวัน” เธอรีบโน้มตัวเข้าไปซบไหล่เขา แล้วพูดเสียงดังพอให้ได้ยิน “หวงขนาดนี้เลยเหรอ” หมื่นลี้ถึงกับหัวเราะออกมา เสียงดังลั่นร้าน“ก็ใช่น่ะสิ!” เธอแกล้งทำหน้าบึ้งแต่ตากลับเป็นประกายระยิบระยับ “ไม่ต้องหวงหรอก หัวใจเดย์มีเจ้าของแล้วทั้งแม่ทั้งลูกเต็มไปหมดแล้วเนี่ย” เขาโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวยิ่งหน้าแดงจัดรีบตักไอติมเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบจะละลายเหมือนไอติมตรงหน้า ผลของการทำข้อสอบได้ใ
แสงแดดสาดลงบนลานกว้างของมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันของชุดครุยและรอยยิ้ม ยี่หวาสวมชุดครุยสีดำตัดทองยืนยิ้มกว้างอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่เข้ามาแสดงความยินดีไม่ขาดสายด้านหลังมีหมื่นลี้ในชุดเรียบหรูยังคงยืนอยู่ไม่ไกล สองมือหอบช่อดอกไม้ ตุ๊กตา ของขวัญสารพัดจนแทบล้น แต่สายตากลับจับจ้องอยู่เพียงหญิงสาวตรงหน้า ไม่ว่าจะมีใครรายล้อม ยี่หวาในสายตาเขาก็ยังโดดเด่นที่สุดเขามองเธอหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงใสที่เคยทำให้หัวใจเขาอุ่นซาบซ่านกลับมาอีกครั้ง ยี่หวากำลังมีความสุขความสุขที่เขาเฝ้าปรารถนาอยากเป็นคนมอบให้ตลอดมาเพื่อนๆ ผลัดกันหยอกล้อ แซวกันเสียงดังยี่หวายกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวตามลมก่อนจะยิ้มหวานจนดวงตาโค้งสวย หมื่นลี้มองภาพนั้นอย่างเงียบงัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน เหลือเพียงเธอที่ส่องสว่างอยู่ในใจเขาเขาอยากเดินไปกอดเธอต่อหน้าทุกคน อยากบอกว่า “เก่งที่สุดแล้วว่าที่ภรรยาของเดย์” แต่ก็ได้เพียงยืนมองอยู่ข้างหลัง รอคอยเวลาให้เธอหันกลับมาเห็นว่าไม่ว่าจะวันสำคัญแค่ไหน เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอหันมายกมือไหว้ให้ผู้มีพระคุณที่ช่วยส่งเสียเธอเรียนจนจบ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะ







