Share

๘ แยกกันบ้าง

Penulis: Kaowsethong
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-05 14:20:55

แยกกันบ้าง

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพณณกรก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นและเมื่อเขาหลุดจากกุญแจมือเหล็กก็จัดการทบต้นทบดอกภรรยาตัวแสบทำเอาวันต่อมาลุกขึ้นแทบไม่ไหว แต่ก็คุ้มเพราะชายหนุ่มอนุญาตให้ไปสมัครงานที่ตัวอำเภอพร้อมนุ่มนิ่ม เพียงแค่ไปสมัครก็ผ่านการสัมภาษณ์อย่างง่ายดายจนยิ้มแก้มปรินำมาบอกกล่าวสามีด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจเหลือเกิน

การดำเนินชีวิตของคู่แต่งงานผ่านไปอย่างทุลักทุเล หลายเรื่องต้องปรับเข้าหากันนิสัยส่วนตัวที่ไม่พึงประสงค์ก็ต้องเปลี่ยนโดยเฉพาะการถอดเสื้อผ้าซึ่งร่างบางบ่นแทบทุกวัน

“มันยากนักหรือไงกับแค่เอาเสื้อไปลงตะกร้าเนี่ย” เดินไปหยิบเสื้อลายสก็อตแล้วโยนลงตะกร้าก่อนจะหันไปมองเขาตาเขียวเพราะอีกฝ่ายไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนเลย

“ก็เธอเก็บให้แล้วไง” เอนกายลงบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

จนหล่อนต้องรีบก้าวไปฉุดแขนหนาไว้เสียก่อนพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง แต่งงานกันมาเดือนกว่าแล้วชีวิตไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่

“ฉันไม่ใช่คนใช้ของนายนะ แล้วฉันก็บอกหลายรอบว่าถ้ายังไม่อาบน้ำห้ามนอนบนเตียงเดี๋ยวกลิ่นมันจะติดที่นอน ถามจริงเป็นเด็กสามขวบหรือไงต้องให้ย้ำตลอดเวลา” ทนไม่ไหวต้องร่ายยาวจนใบหน้าแดงก่ำ หายใจแทบไม่ทันนึกว่าตัวเองเป็นแร็ปเปอร์ที่ใช้ทักษะพูดเร็วมาบ่นสามีจอมขี้เกียจ

“บ่นมากจริง ถ้าอย่างนั้นมานอนด้วยกันดีกว่า” ใช้ข้อได้เปรียบในเรื่องพละกำลังดึงเธอจนมานั่งบนตักกว้างพร้อมวาดแขนกอดเอวเล็กเอาไว้ด้วยท่าทีสนิทสนม สูดดมความหอมที่แก้มนุ่มเสียงดัง

จนคนถูกล่วงเกินต้องตีเข้าที่แผงอกหนาพร้อมทำหน้างอใส่

“ไอ้บ้า หน้านายสกปรกมาหอมได้ไงเดี๋ยวฉันก็เป็นสิวหรอก”

พณณกรหัวเราะเล็กน้อยในความเรื่องมากของร่างเล็ก จุกจิกเสียเหลือเกินแต่แปลกที่เขากลับไม่นึกเบื่อสักนิดยามได้ฟังเสียงเล็กเจื้อยแจ้ว

จากที่เคยคิดว่าจะกลับบ้านดึก ตัดขาดจากผู้หญิงหน้าเงินทว่าพอได้สัมผัสกับความน่ารักที่แฝงอยู่สิ่งที่เคยนึกไว้ก็มลายหายไป เขากลับบ้านเร็วบางวันก็ไปรับบุลลาที่ไร่เพื่อรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ชอบที่จะกอดหรือร่วมรักกับเธอทุกค่ำคืนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ปฏิเสธการไปดื่มสุรายาดองกับกลุ่มคนงานจนบ่นระงมว่าเขาติดเมีย

ใครสนกันเล่า เมียเขาน่าเสน่หาขนาดนี้จะให้ไปดื่มเหล้าหรือ..เมินเสียเถอะ

“เดือนหน้าฉันต้องไปกรุงเทพฯ” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

..ไม่อยากไปเลยสักนิดถ้าเบี้ยวอีกคราจะเป็นอะไรไหมนะ

“ไปนานไหม” จากที่คิดจะดิ้นออกก็หยุดนิ่งแล้วเอี้ยวตัวไปมองใบหน้าคมซึ่งส่งยิ้มเพียงเล็กน้อยมาให้ แค่ได้ยินว่าเขาจะห่างกายก็รู้สึกวูบโหวงในหัวใจแปลกๆ

“สามสี่วัน”

ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

..ก็ไม่นานเท่าไหร่

“อื้อ” แล้วทั้งห้องก็ต้องอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรอีกราวตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง หล่อนรู้สึกใจหายเพราะตั้งแต่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาก็แทบไม่เคยห่างกันเลย เตียงที่มองดูว่ากว้างกลับแคบลงยามเห็นร่างหนานอนอยู่ด้วย ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแข็งแกร่งทำให้รู้สึกปลอดภัยจนต้องสอดกายเพื่อโอบกอดเขาทุกค่ำคืน

ถ้าหากพณณกรไม่อยู่..ก็รู้สึกแปลก

"ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ” การเคลื่อนไหวของมือหนาปลุกบุลลาให้ตื่นจากความคิด เขาลูบไล้เรียวขาสวยที่เปลี่ยนจากชุดทำงานมาเป็นเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นที่อวดเรียวขาขาวน่าหลงใหล

“อาบด้วยกันสิ ฉันก็อยากอาบพอดี”

หากอาบกับเขาก็คงไม่สิ้นสุดแค่การอาบน้ำหรอกคงลากยาวเป็นกิจกรรมโลดโผนมากกว่าจึงต้องส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

“ไม่เอาหรอก นายมันเจ้าเล่ห์อาบกับนายเปลืองตัวตลอดเลย”

คุณหมอสุดหล่อยกยิ้มมุมปากแล้วกระซิบข้างหูเธอ

“แต่ดูเหมือนเธอเองก็ชอบนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกร้องตั้งหลายรอบหรอก”

ใบหน้าหวานแดงก่ำจากประโยคล้อเลียนของอีกฝ่ายจนต้องรีบดิ้นให้หลุดจากตักแกร่งจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนก่อนหันมามองร่างหนาที่เอาแต่ส่งยิ้มร้ายกาจมาให้

“ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย ขี้ตู่” ว่าจบก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปข้างนอกด้วยหัวใจสั่นระรัว ได้ยินเสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังมาจากในห้องก็ยกมือขึ้นปิดแก้มพลางส่ายหน้าไปมาไม่อยากยอมรับว่าตนเองเสพติดการสัมผัสทางร่างกายจากคุณสามีที่ขยันเสิร์ฟความหวานให้เหลือเกิน

จากที่ไม่เคยเรียกร้องบางครั้งเธอก็เอากายไปแนบชิดเขากระตุ้นอารมณ์ดิบให้เกิดก่อนทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติ พณณกรมีเสน่ห์ล้นเหลือแค่มองตาก็อ่อนระทวยแล้ว และตอนนี้เขาทำให้เธอเสียคนเพราะเพียงแค่มองร่างกายหนาก็จินตนาการไปถึงค่ำคืนแสนหวานระหว่างกันเสียแล้ว

โฮ่ง

ดวงตากลมโตมองตามเสียงก็พบเจ้าตูบนั่งลิ้นห้อยอยู่หน้าบ้านจึงส่งยิ้มแล้วเดินออกไปหา เธอพึ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าคืนเข้าหอที่ได้ยินเสียงสุนัขก็มาจากเจ้าสี่ขาแสนรู้ซึ่งต้องการปลุกเจ้าของบ้านมาให้อาหาร และมันทำให้เธอเสียสาวครั้งแรกเพราะความกลัวโดยไม่มองหน้ามองหลังแท้ๆ

“ว่าไง อยากกินข้าวเหรอ” เธอลูบหัวเจ้าสุนัขหลังอานอย่างนึกเอ็นดู

“แฮ่ๆ” เจ้าสุนัขส่ายหางไปมา

ร่างบางจึงหัวเราะเล็กน้อยก่อนเข้าบ้านไปยังโซนครัว ล้างไม้ล้างมือเพื่อเตรียมอาหารสำหรับสุนัขหลังอาน พณณกรเดินออกจากห้องนอนเพื่อจะอาบน้ำเห็นภรรยาเตรียมวัตถุดิบก็ปล่อยให้หล่อนได้ทำโดยไม่รบกวน

แต่ละคนต่างทำธุระส่วนตัวกระทั่งชายหนุ่มได้กลิ่นหอมของอาหารจึงเดินมาดูพบว่าเป็นข้าวต้มใส่อกไก่สับของโปรดจึงยกยิ้มกอดเอวเล็กพลางสูดดมความหอมที่ผมยาวสวย

“รู้ได้ไงว่าฉันอยากกินข้าวต้มตอนเย็น” หล่อนหันมาเลิกคิ้วให้เขา

“อะไร ฉันไม่ได้ทำให้นาย อันนี้ของเจ้าตูบมัน”

คนฟังหุบยิ้มทันทีแล้วหันไปมองที่หน้าบ้านเห็นสุนัขพันธ์หลังอานนั่งกระดิกหางรอด้วยความหวังก็เกิดไม่สบอารมณ์

มันเป็นเพศผู้ซะด้วย

“ฉันไม่ให้มันกิน ถ้าจะกินก็ให้มันทำเองสิ”

ไม่นึกว่าร่างสูงจะพูดเอาแต่ใจขนาดนี้จนบุลลาต้องหันมามองเขาพลางถอนหายใจนึกระอากับอารมณ์แปรปรวนไม่สามารถคาดเดาได้

“มันเป็นหมานะนายจะให้ทำกินเองได้ยังไง นายนั่นแหละต้องทำเองมือก็มี สมองก็ไม่ได้ฝ่อ ลองเปิดกูเกิ้ลทำอาหารเองแล้วกัน” หล่อนว่าก่อนกลับไปจัดการยกหม้อข้าวต้มออกจากครัวเพื่อไปเทใส่ชามสำหรับสุนัขเพศผู้ มันส่ายหางดีใจยกใหญ่แต่เมื่อเห็นควันลอยคลุ้งจึงนั่งแลบลิ้นรอให้เย็นเสียก่อน

สัตวแพทย์หนุ่มเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบอารมณ์เขามองแผ่นหลังเล็กลูบหัวเจ้าตูบอย่างเอ็นดูก็เกิดความน้อยใจซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน จะว่าไปช่วงนี้เขาก็รู้สึกว่าตนเองค่อนข้างอ่อนไหวพอสมควร อะไรกระทบจิตใจหน่อยก็บ่อน้ำตาตื้นหวิดจะร้องไห้หลายครั้ง อีกทั้งมีความต้องการที่สูงกว่าปกติ ชอบกลิ่นกายของบุลลาจนอยากจะเอาเธอติดตัวไปด้วยทุกที่

เขาชักจะเป็นเอามากแล้ว..

“โอ๊ย” ด้วยความคิดอะไรเพลินไม่ทันระวังมือหนาก็ไปสัมผัสกับเตาแก๊สที่พึ่งถูกใช้งานจนต้องรีบเอามือออกห่าง

ภรรยาได้ยินเสียงคนตัวสูงก็รีบเข้ามาดูเห็นเขากุมมือก็นึกเป็นห่วง

“เป็นอะไรน่ะคุณ” จับมือหนาขึ้นมาดูพบว่ามันเริ่มพองและแดงจึงรีบพาเขาไปล้างน้ำสะอาด

“ไม่ต้อง ฉันดูแลตัวเองได้” จะเบี่ยงตัวหนีเพราะนึกน้อยใจ

แต่หล่อนก็ไม่ปล่อยให้เขาทำได้ตามต้องการยังคงจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะพาไปนั่งโซฟา คนตัวสูงก็ยื้อโดยใช้แรงเพียงน้อยนิดเพราะที่จริงใจก็อยากให้เธอดูแลเช่นเดียวกัน ยามใบหน้าหวานมองด้วยความตั้งใจทำให้หน้าอกข้างซ้ายทำงานแปลกๆ

มันเต้นเร็วขึ้นทั้งยังรู้สึกคันจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาเกา ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไรแต่เขาไม่อยากยอมรับ..

ว่าตอนนี้ตนเองตกหลุมรักผู้หญิงหน้าเงินเข้าเสียแล้ว

“ทีหลังก็หัดระวังบ้าง ดูสิมือแดงไปหมดแล้ว”

มองริมฝีปากจิ้มลิ้มบ่นให้อย่างไม่ละสายตา ปากเล็กเผยอขึ้นเล็กน้อยยามที่พูดก่อนเสียงที่เอ่ยวาจาจะถูกปิดด้วยฝีมือของคนบาดเจ็บ

ร่างสูงช่วงชิงลมหายใจจากหล่อนแล้วเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ เอียงองศาหน้าเพื่อให้ตอบรับสัมผัสได้อย่างถนัดโดยมีน้ำเชื่อมใสยืดออกยามผละห่างกัน จนกระทั่งทั้งคู่ละริมฝีปากออกจากการแต่หน้าผากยังแนบชิดอยู่ ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างมีความสุข ไม่คิดว่าชีวิตแต่งงานจะดีขนาดนี้

“ลองเรียกพี่เอิร์ธหน่อยสิ เหมือนที่เรียกวันนั้น” แค่เอ่ยถึงใบหน้าหวานก็แดงซ่านเพราะความเขินอาย จะเรียกเขาว่าพี่ยามที่ร่วมรักกันหรือไม่ก็ครั้งที่เคยแกล้งชายหนุ่มจนต้องยอมให้ไปทำงานพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหาร ทว่าเมื่ออยู่ในอารมณ์ปกติแทบไม่เรียกพณณกรว่าพี่เลย

“ไม่เอา” ปฏิเสธทั้งยังพยายามหันหน้าหนี

จนถูกชายหนุ่มจับใบหน้าเอาไว้ให้สบตากัน

“เรียกให้ฟังหน่อยนะ นะครับน้องบัว” เสียงทุ้มเอ่ยขอร้องพร้อมประโยคพิฆาตด้วยชื่อของหล่อน แม้จะอายแสนอายก็ต้องข่มความรู้สึกนั้นช้อนตาขึ้นมองเขาช้าๆ แล้วเอ่ยเรียกเสียงหวาน

“..พี่เอิร์ธ”

เพียงเท่านั้นร่างสูงก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาอุ้มร่างบางขึ้นแล้วมุ่งตรงไปยังห้องนอนหลังจากนั้นก็จัดการมอบรางวัลให้แก่เด็กดีที่ยอมเรียกชื่อของสามีพร้อมน้ำเสียงออดอ้อนในความรู้สึกของเขา อาหารเย็นถูกปัดไปเพราะตอนนี้เจ้าของบ้านขอชิมของหวานก่อน

แล้วดูท่าว่าจะชิมทั้งคืนเสียด้วย..

หลังจากเลิกงานในไร่บุลลาก็เข้าไปในตัวอำเภอกับนุ่มนิ่มเพื่อทำงานในร้านอาหาร จากประสบการณ์ที่เคยผ่านงานในบริการช่วยให้ร่างบางค่อนข้างควบคุมอารมณ์ได้ยามถูกแขกหนุ่มลวนลามทางสายตาและวาจา เธอยังไม่อยากมีประวัติเสียหรือถูกไล่ออกเพราะต้องการเงินเพื่อหมุนในแต่ละเดือน

พณณกรมักจะมารับทุกวันหลังงานเสร็จสิ้น ใบหน้าคมนิ่งขรึมจนพนักงานหนุ่มที่คิดจะเกี้ยวเพื่อนร่วมงานจำต้องล่าถอยไม่อยากมีเรื่องกับสัตวแพทย์หนุ่มผู้มือหนักเป็นที่เลื่องลือ เขาเคยลงแข่งชกมวยการกุศลและชนะน็อกมาแล้วชื่อเสียงกระจายไปไกลจนไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เว้นเสียแต่ว่า..

“นั่น ไอ้พณณกรหรือเปล่า” ร่างสูงในชุดสูทหรูหยุดเดินแล้วหันไปมองชายหนุ่มที่คุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดีซึ่งยืนพิงรถยนต์อยู่ข้างนอกร้านอาหาร

เสี่ยกรรชัย เจริญประมุข ผู้มีอิทธิพลประจำอำเภอ กิจการกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ทั้งโรงแรมร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าล้วนแต่เป็นของเขาทั้งสิ้น ไม่ใช่เพียงแค่ในตัวอำเภอแต่หมายรวมถึงทั้งจังหวัดชื่อของเสี่ยใหญ่ก็เลื่องลือไปไกล และอีกเรื่องที่ผู้คนต่างกล่าวขานเป็นเสียงเดียวกันคือความเจ้าชู้ แม้จะอายุขึ้นเลขสี่ทว่าไม่เคยมีหญิงเคียงกายเป็นตัวเป็นตน มีเล็กมีน้อยไปเรื่อยไม่ลงหลักปักฐานเสียที

“อ๋อ ครับ ภรรยาของเขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่”

ร้านอาหารแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในกิจการของเขาเช่นกันแต่ให้อยู่ในชื่อของน้าสาวส่วนตนขอเป็นเพียงหุ้นส่วนก็พอ แค่โรงแรมก็บริหารไม่ไหวแล้ว

“อย่างนั้นเหรอ เอาประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันด้วย” บอกผู้ติดตามของตนก่อนจะกอดอกมองผ่านผนังใสของร้านเห็นร่างบางเดินออกไปหาสามีก่อนรถจะเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

..มันแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาไม่เคยรู้เลย สงสัยจะทำงานหนักเกินไปจนลืมศัตรูคู่อาฆาต มันบังอาจมาแตะต้องผู้หญิงของเขาคราวนี้จะเล่นให้รู้สึกบ้างว่าการถูกแย่งของรักของหวงมันเป็นอย่างไร แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่..ไอ้พณณกร!

บนรถยนต์ที่ชายหนุ่มไปยืมมาจากเพื่อนสนิทเพราะไม่อยากให้ร่างบางนั่งรถมอเตอร์ไซค์ยามมืดค่ำ ใจก็อดสงสารหล่อนไม่ได้ต้องทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต หรือบางทีเขาควรจะบอกความจริงไปให้สิ้นเรื่อง ไม่ดีกว่าลองใจไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่านิสัยแท้จริงของกันและกันเป็นอย่างไร

แต่ที่แน่ๆ หล่อนไม่ได้เข้าหาเขาเพราะเงินอย่างแน่นอน

“นายกินอะไรหรือยัง” หันไปมองใบหน้าคมที่ซีดเซียวก็เอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง เมื่อเช้าเขาตัวรุมๆ จนต้องยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายแล้วก็ต้องตกใจเพราะตัวเขาร้อนราวกับไฟ

“นี่นายกินยาหรือยัง ทำไมตัวร้อนกว่าเมื่อเช้า” ถามเสียงตื่นซึ่งร่างสูงก็ทำเพียงส่ายหัวแทนการบอกกล่าว “ฉันอุตส่าห์วางไว้ให้ที่โต๊ะกินข้าวตาไม่มีหรือไง เฮ้อ จอดร้านขายยาแถวนี้ก่อนเดี๋ยวไปซื้อแผ่นเจลลดไข้แล้วก็ยาแก้ปวดหัว ที่บ้านหมดแล้ว”

มองหาร้านขายยาก่อนเขาจะจอดตามที่ร่างบางต้องการ เมื่อรถหยุดหล่อนก็รีบลงไปเพื่อเลือกซื้อยาสามัญประจำบ้านเกิดฉุกเฉินจะได้มีใช้

เพียงไม่นานก็กลับมาขึ้นรถมองเห็นแววตาคมเหนื่อยล้าก็นึกสงสาร เขาต้องทำงานหนักไหนจะขับรถมารับในตัวอำเภอแทบทุกวัน ใจดวงน้อยอ่อนยวบเมื่อรับรู้ถึงความเอาใจใส่ที่ชายหนุ่มมีให้ ก่อนแต่งงานเขาดูปากเสียชอบหาเรื่องทั้งยังฐานะยากจนแต่เมื่อได้รู้จักกันก็เห็นถึงอีกด้านของพณณกร

ความอ่อนโยนที่มีให้เธอ บางครั้งก็อ้อนราวเด็กน้อยหรือบางทีกลับมีความเป็นผู้นำจนรู้สึกปลอดภัย เพียงแค่อยู่ด้วยกันสองเดือนหัวใจที่เคยตั้งกำแพงสูงก็ค่อยถูกเซาะจนแทบจะพังลงมา

..ดูท่าเธอจะตกหลุมเสน่หาของเขาเข้าเสียแล้ว

และเมื่อรถยนต์จอดลงที่หน้าบ้านหลังเล็กร่างสูงก็ถูกภรรยาประคองเข้ามาในบ้านพาเขาไปนอนบนเตียงโดยตนเองก็ออกไปหากะละมังใบเล็กพร้อมผ้าขนหนูเพื่อเช็ดตัวให้คนไข้

“ก่อนไปนายอาบน้ำเหรอ” เห็นพื้นห้องน้ำยังเปียกจึงเอ่ยถามพลางบิดผ้าชุบน้ำให้หมาด

“อือ” ตอบขณะที่ยังหลับตาแน่น เขารู้สึกปวดหัวเหมือนมีคีมมาบีบขมับทั้งสองข้าง

“เป็นอะไร ปวดหัวมากเลยเหรอ” ขณะที่เอาผ้าเช็ดใบหน้าคมก็เห็นอีกฝ่ายมีเหงื่อผุดขึ้นตามไรผมทั้งยังหลับตาแน่นราวกำลังต่อสู้กับอาการที่จู่โจมตนเอง

“อือ” เขาแทบไม่อยากตอบอะไรเพราะกลัวว่าจะเผลออารมณ์เสียใส่คนตรงหน้า

และดูเหมือนว่าหล่อนจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาจึงไม่ถามอะไรอีกนอกจากเช็ดตัวให้อย่างเงียบเชียบ ถอดเสื้อยืดออกอย่างง่ายดายพยายามถอดกางเกงผ้าลินินเนื้อนุ่มออกโดยคนหลับตาก็ให้ความร่วมมือยกสะโพกขึ้น หลังจากนั้นก็ห่มผ้านวมผืนใหญ่คลุมกายสูงค่อยออกไปข้างนอก ไม่ลืมเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อรับลมธรรมชาติก่อนจะดึงประตูที่เป็นมุ้งลวดกันยุงเข้าปิดไว้อีกชั้น

กลิ่นอาหารลอยมากระทบจมูกจนคนนอนหลับต้องลืมตาตื่น

“กินข้าวก่อนสักคำสองคำนะ จะได้กินยา” หล่อนทำข้าวต้มปลามาให้เขาแม้เวลาจะเคลื่อนเข้าสู่วันใหม่แล้วก็ตาม

สัตวแพทย์ไม่ปฏิเสธลุกขึ้นมารับประทานอาหารโดยมีบุลลาป้อนจนจัดการไปได้ครึ่งหนึ่งก็ต้องยกมือยอมแพ้ เขาขมคอไปหมดไม่สามารถยัดเข้าไปมากกว่านี้

“นี่น้ำ แล้วก็ยาลดไข้ แก้ปวดหัวกินเข้าไปเลยนะ” ดูท่าทางแล้วเขาคงเป็นจำพวกกินยายากจึงต้องจ้องมองทุกการกระทำ

ใบหน้าคมแสดงสีหน้าเหม็นเบื่อพยายามกลั้นหายใจยัดยาลงไปอย่างรวดเร็ว

“อย่าพึ่งนอน ใส่เสื้อผ้าก่อน” บังคับเขาพร้อมยื่นเสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงบอลให้ซึ่งนายพณณกรก็กลายร่างเป็นเด็กชายตัวน้อยเชื่อฟังคำสั่งภรรยาทุกอย่างก่อนจะปิดท้ายด้วยการติดเจลลดไข้ที่หน้าผากขณะที่มือหนาพยายามจะแกะออกเพราะรู้สึกรำคาญ

“ห้ามแกะออก ไม่อยากหายหรือไง” ขู่เสียงแข็ง

คนตัวใหญ่ถอนหายใจเอามือแนบลำตัวก่อนหลับตาเพื่อพักผ่อน

..ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นไข้เพียงโหมงานหนักนิดเดียวดันมาตัวร้อนไม่สบายเสียอย่างนั้น ร่างกายเขาคงแปรสภาพตามอายุที่มากขึ้นเสียแล้วละมั้ง

หลังดูแลเขาเรียบร้อยก็กลับมาเก็บกวาดครัวไม่ลืมปิดประตูหน้าบ้านตรวจตราทุกอย่างค่อยเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใบหน้าหวานก้มมองหน้าท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อย ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองเจ้าเนื้อมากขึ้นจนมารดาทักอาจเพราะกินเยอะเนื่องจากสามีบังคับไม่อยากตามหาภรรยาหากพัดปลิวไปตามแรงลม

ผลที่ได้ก็คือเธออ้วนขึ้นจนอยากเฉ่งคนต้นเหตุ แต่เขาไม่สบายเนี่ยสิ รอให้หายก่อนเถอะจะบ่นให้หูชาเลย

หลังจากที่หายอาการไข้วันเสาร์สองหนุ่มสาวก็ช่วยกันปลูกพืชผักสวนครัวที่หลังบ้านตามคำสั่งของหญิงผู้ใหญ่สุดของบ้านหลังนี้ซึ่งก็คือบุลลา หล่อนปลุกเขาแต่เช้าให้มาขุดดินหลังบ้านติดกับลำธารเล็กส่วนตนเองก็ซักผ้า กวาดบ้าน วันพักผ่อนแทนที่จะได้นอนต้องมาใช้แรงงานตั้งแต่ตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า

“หิวข้าว อยากกินข้าวโว้ย” โวยวายเสียงดังจนคนที่กำลังตากผ้าหันมามอง"ได้ยินไหมว่าหิวข้าว” ถามทั้งที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการใช้แรงขุดดินทำเป็นแปลงผัก ไม่รู้แม่คุณเกิดคึกอะไรอยากทำการเกษตรทั้งที่แทบไม่มีเวลาดูแล

“รู้แล้วค่า เดี๋ยวไปทำให้นะคะคุณสามี”

เมื่อจัดการผ้าเรียบร้อยจึงเดินเข้าบ้านเตรียมอาหารเช้าหลายอย่างเป็นการตอบแทนร่างสูงที่ต้องลุกมาทำงานแต่เช้า ดวงตากลมโตมองปฏิทินแล้วก็ถอนหายใจ สัปดาห์หน้าเขาต้องไปกรุงเทพฯ แล้วรู้สึกใจหายแปลกๆ เห็นหน้าทุกวันตัวแทบติดกันตลอดเวลาจะให้แยกห่างก็โหวงในอก

อย่าคิดมากน่าบัว แค่แปบเดียวเท่านั้นเอง

เรียกสติตนเองก่อนเริ่มนำวัตถุดิบออกมาและทำอาหารเช้าสำหรับสองที่แต่ดูแล้วราวกำลังจะจัดงานเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน ร่างหนากินจุหากทำหนึ่งหรือสองอย่างคงไม่อยู่ท้องเขาแน่เผลอๆ จะกินเธอเข้าไปด้วยนี่สิจึงต้องทำอาหารกว่าสี่อย่างสำหรับสองที่เท่านั้น

ตืด ตืด ตืด

เสียงโทรศัพท์ของพณณกรดังขึ้นโดยเขาวางไว้โต๊ะหน้าทีวี ใบหน้าหวานหันมามองก่อนตะโกนเรียกสามี

“โทรศัพท์นายดังมารับหน่อยสิ” แล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าแทนแต่รอสักพักเจ้าของเครื่องก็ไม่มาจนต้องตัดสินใจปิดเตาแก๊สเดินไปล้างมือพร้อมเช็ดจนแห้งมาที่เครื่องมือสื่อสารยี่ห้อดัง

เคยถามเขาว่าเอาเงินอะไรไปซื้อก็ได้รับคำตอบเพียงว่าของตกทอดจากชลธีจึงไม่ได้ติดใจเอาความอะไร

“ไปรยาเหรอ” ชื่อที่โชว์บนหน้าจอสร้างความสงสัยให้แก่คนเป็นภรรยาจนต้องยกขึ้นมากดรับสาย

'กว่าจะรับนะคะ หนึ่งเกือบได้ขับรถไปหาที่ไร่แล้ว'

เสียงที่ตอบโต้หวานจนจินตนาการเห็นใบหน้าของปลายสายว่าต้องสวยอย่างแน่นอน หัวใจดวงน้อยสั่นไหวรุนแรงและก่อนตอบโต้ออกไปก็มีมือมาคว้าโทรศัพท์เอาไปก่อน

ร่างสูงมีสีหน้าเคร่งขรึมจนบุลลาไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป เขาเดินเลี่ยงไปหลังบ้านจึงทำให้ไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่

หล่อนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟา มือสั่นจนต้องกุมเอาไว้บนหน้าตัก ความกลัวแล่นเข้ามาหอบกุมใจทั้งที่พยายามไม่คิดอะไรมาก

อาจเป็นแค่เพื่อนของเขาเท่านั้น แค่เพื่อนน่าบัวอย่าคิดมากเลย..

'ฮัลโหลเอิร์ธได้ยินไหมคะ ฮัลโหล'

หันไปมองประตูหลังบ้านก็ไม่เห็นร่างบางเดินตามออกมาจึงโล่งใจยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

“ครับ ได้ยิน”

'แล้วก็ไม่ตอบ หนึ่งจะโทรมาย้ำว่าสัปดาห์หน้าเรามีนัดกันนะคะ ห้ามเบี้ยวด้วย'อันที่จริงเขามีนัดกับทางมหาวิทยาลัยต่างหากไม่ใช่หญิงสาวปลายสาย

“ไม่เบี้ยวหรอก” ทั้งที่ใจพร้อมจะปฏิเสธตลอดเวลาก็ตาม ไม่อยากกลับไปยิ่งตอนนี้มีบุลลาอยู่ด้วยเขาก็อยากตัวติดกับหญิงสาวทั้งวัน

หรือจะพาไปด้วยดี..

ไม่ได้หรอก ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครหากทุกคนรู้เข้าเรื่องก็จะยุ่งไปกันใหญ่อีกทั้งเขาไม่พร้อมจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนให้หล่อนรู้ ขอเวลาอีกสักหน่อยแล้วกันให้เขาแน่ใจเสียก่อนว่าบุลลาไม่ได้หวังเงินและรักเขาอย่างจริงใจ และวันนั้นชายหนุ่มจะบอกเธอเองว่าสถานะที่แท้จริงใคร

'หนึ่งบอกแม่คุณเรื่องที่จะกลับมาแล้ว ท่านเลยฝากบอกให้เอิร์ธไปงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดของคุณอาดลด้วย'

ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม เขาไม่อยากไปเลยสักนิดไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนทรยศแม้บรรดาพี่ๆ จะเพียรโทรหาพร้อมทั้งหว่านล้อมให้ยกโทษแก่กองทัพก็ไร้การตอบรับจากน้องชาย

เวลาอาจผ่านไปหลายปีแต่เหตุการณ์ยังเหมือนพึ่งเกิด เขาจดจำถึงความเลวระยำนั้นได้แม่นยำ

'เอิร์ธได้ยินไหมคะ'

“ครับ”

หลังจากนั้นเธอพูดอะไรเขาก็ไม่อาจทราบจนกระทั่งวางสายไป ร่างสูงทิ้งมือข้างลำตัวก่อนก้าวไปภายในบ้านเห็นบุลลากำลังลำเลียงอาหารออกไปวางที่โต๊ะข้างนอกก็เดินเข้าไปช่วยโดยไร้การพูดคุย ไม่มีแม้คำถามจากริมฝีปากเล็กทั้งที่ดวงตาฉายแววใคร่รู้

บนโต๊ะอาหารมีเพียงความเงียบที่แสนอึดอัด เธอไม่ถามเขาก็ไม่พูดนั่งกินข้าวกันโดยมีเพียงเสียงลมพัดผ่าน เจ้าตูบวิ่งมานั่งที่ของมันเห็นอาหารวางอยู่ในชามก็ก้มกินอย่างเอร็ดอร่อย

พณณกรรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกและมีหมอกสีดำปกคลุมไปทั่วบริเวณจนต้องเอ่ยทำลายบรรยากาศนั้น

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของฉัน เขาต้องไปงานที่มหาวิทยาลัยเหมือนกันเลยโทรบอก” ทั้งที่ยังไม่ได้ถามเขาก็บอกเป็นฉากราวรับรู้ความในใจของหล่อน

“"ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ถึงจะได้ยินอย่างนั้นแต่ความรู้สึกกลับไม่ได้คล้อยตามเท่าที่ควรราวกับว่ามีบางอย่างบอกเธอไม่ให้ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น

..ใครจะเอ่ยทักเพื่อนเสียงหวานแบบนั้นกัน

“แต่หน้าบูดเป็นตูดเชียว” เอื้อมไปหยิกแก้มนุ่ม

จนเธอต้องปัดออกแล้วมองเขาตาเขียว

“ฮึ่ยบอกว่าอย่าเอามือมาจับหน้าเดี๋ยวเป็นสิว” ดุเสียงไม่จริงจังนัก

แล้วบรรยากาศที่เคยอึมครึมก็พลันเปลี่ยน ท้องฟ้าเริ่มสว่างมีเสียงนกร้องประสานลมพัด ได้กลิ่นอายดินและใบหน้าคมก็ยิ้มออกมาหลังเห็นคนตัวเล็กมีท่าทีผ่อนคลายกว่าเมื่อสักครู่

“ครับ เข้าใจแล้วครับคุณผู้หญิง”

อาหารมื้อเช้าผ่านพ้นด้วยดีแล้วไปช่วยกันปลูกผักโดยนำเมล็ดพันธ์จากไร่มาหว่าน บุลลาเขียนป้ายชัดเจนว่าแปลงนี้คือผัดชนิดไหนกลัวจำสับสน พณณกรช่วยไม่ห่างนำความรู้ที่เคยลงเรียนวิชาเลือกที่คณะเกษตรมาใช้และจากประสบการณ์ทำไร่ของตน

บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะโดยที่ทั้งสองก็ได้แต่คาดหวังว่าความรู้สึกแบบนี้จะอยู่กับพวกเขาไปอีกแสนนานไม่ได้คิดเอะใจหรือระแวงสักนิดว่าบางทีมันอาจจะใกล้เวลาสิ้นสุดทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น

ก่อนวันที่ร่างสูงจะไปกรุงเทพฯ หญิงสาวก็ตัดสินใจลางานละทิ้งรายได้เพื่อกลับมาเก็บกระเป๋าและใช้เวลากับร่างสูงให้มากที่สุดโดยไม่ยอมรับกับอีกฝ่ายว่าไม่อยากให้เขาไปเลย ไม่ต่างจากร่างสูงที่อยากยกเลิกนัดครั้งนี้เพียงแค่เห็นใบหน้าหวานหงอยเหงาจนต้องเดินไปกอดจากทางด้านหลังระหว่างที่หล่อนนั่งพับผ้าใส่กระเป๋าให้อยู่บนเตียง

“แค่สามวันเอง” กระซิบที่ข้างหูเสียงเบาพร้อมทั้งก้มลงหอมซอกคอขาว

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไปกี่วันก็เรื่องของนายสิ” แสร้งทำเสียงขึงขังทั้งที่ใจอ่อนยวบ อยากรั้งเอาไว้แต่ปากก็แข็งเกินกว่าจะเอ่ยออกไป

“ไม่คิดถึงกันหน่อยเหรอ”

แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่หญิงสาวจะละมือจากงานที่ทำแล้วหันหน้ามาหาเขาลุกขึ้นไปนั่งบนตักโอบรอบคอแกร่ง

“รีบกลับมานะ” เธอประทับริมฝีปากลงบนแก้มเขาก่อนจะส่งยิ้มแสนอ่อนหวานให้

ทำเอาหัวใจแข็งแกร่งละลายเป็นน้ำจับใบหน้าหวานมอบรางวัลเป็นจูบแสนพิเศษให้ก่อนจะดันตัวเธอให้นอนลงกับเตียงปัดกระเป๋าและสิ่งของที่เกะกะสายตาจนตกพื้น เริ่มกิจกรรมแสนหวานส่งท้ายเพราะต้องไปหลายวันคงคิดถึงเป็นแน่และคนตัวเล็กก็ยินยอมพร้อมใจไม่ปฏิเสธสักนิด

คืนนั้นพณณกรแทบสำลักความสุขตายเสียแล้ว

เขาขับรถยนต์ที่อ้างว่าเป็นของชลธีทั้งที่จริงคือของตนเองมุ่งตรงสู่นครหลวง หวนนึกถึงเมื่อเช้าที่บุลลาเตรียมของให้และเรื่องราวที่เอ่ยถามกัน

“ฉันต้องไปงานเลี้ยงของอาที่รู้จัก ฉันไม่อยากไป” คิดว่าอย่างไรมารดาก็คงบังคับแน่ หากเขาหนีท่านคงตัดออกจากกองมรดกซึ่งเรื่องนั้นไม่กลัวสักนิดเพราะหาเลี้ยงตนได้อยู่แล้วแต่ไม่อยากเห็นร่องรอยความเสียใจจากดวงตาของบุพการีจำต้องไปอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้

“ทำไมล่ะ” หันมาถามด้วยความสงสัย

“ฉันเคยมีแฟนคนหนึ่ง คบกันตั้งแต่มอห้าจนถึงปีสามแล้ววันหนึ่งตอนที่ฉันกลับจากค่ายอาสาแล้วแวะไปหาแฟนก็เห็นว่าเธออยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ตอนที่ฉันเห็นหน้ามันตัวชาไปหมดเลยเพราะมันเป็นเพื่อนสนิทแล้วก็เป็นญาติที่รู้จักตั้งแต่เด็ก” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้บอกเรื่องนี้แก่หล่อน ดวงตาคมเหม่อลอยไปถึงเหตุการณ์ในอดีต

จนร่างบางต้องเข้ามาจับมือเอาไว้ด้วยความเข้าใจ

..ไม่นึกว่าคนหน้าตาดีแบบนี้จะผิดหวังเรื่องความรักเหมือนกัน

“โกรธเขาไหม”

“มากเลยละ ฉันอยากต่อยมัน กระทืบมัน ยิงมันทิ้งด้วยซ้ำ..แต่ก็ทำไม่ลง มันเป็นเพื่อน เพื่อนคนเดียวที่โคตรสนิท”

..รู้จักกันมานานเห็นไส้เห็นพุงทุกเรื่องใครจะคิดว่าจะหักหลังกันได้ลงคอ

"แล้วตอนนี้ยังโกรธอยู่ไหม”

คำถามนั้นทำให้เขาเงียบไปพักใหญ่แล้วเอ่ยเสียงเบา

“โกรธ”

บุลลาเข้าไปใกล้เขาแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาคมที่พยายามหลบสายตา

“เอาความจริงสิ ยังโกรธเขาไหม” ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมาแต่ก็เหมือนเหตุการณ์พึ่งเกิดขึ้น เขายังรู้สึกโกรธอยู่แต่นอกเหนือจากนั้นก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกอยากปลดปล่อยก็มีมากไม่แพ้กัน แค่เรื่องงานก็เครียดแล้วเขาจะเอาเรื่องนั้นมารบกวนจิตใจทำไมอีก

“ถ้าปล่อยแล้วทำให้เบาขึ้นก็ลองทำดู เรื่องมันเกิดขึ้นมานานแล้วไม่ใช่เหรอ ป่านนี้แผลก็ตกสะเก็ดแล้วแหละ ถ้าเขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวก็แสดงว่าเขามีค่ากับนายมาก แล้วนายก็คงมีค่ากับเขามากเหมือนกัน”

..ไม่คิดว่าคนที่รู้เล่นไปวันๆ จะพูดจามีสาระได้ด้วย

พณณกรมองภรรยานิ่งราวไม่เคยรู้จักคนตรงหน้ามาก่อน

“ชั่งใจแล้วกันว่าจะเอาเรื่องอดีตมารั้งชีวิตของนายหรือเปล่า” บอกเขาทั้งที่ตนเองก็เจอเรื่องหนักหนาไม่แพ้กัน เธอโดนแฟนหนุ่มหักหลังไปคบกับพริตตี้รุ่นพี่ทั้งยังหลอกให้กู้เงินจนต้องเป็นหนี้ธนาคารอีก

..หึ น่าสมเพชสิ้นดีเพราะความหน้ามืดตามัวหลงผู้ชายและใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายโดยแท้

“เมียใครทำไมแสนรู้จังเลย” คว้าร่างบางมากอดเอาไว้ก่อนสูดความหอม ที่แก้มเนียนโดยที่เธอไม่ขัดสักนิด

“แสนรู้มันใช้กับหมาไม่ใช่เหรอ”

เสียงหัวเราะดังก้องก่อนร่างบางจะพยายามทุบตีคนตัวหนา

ใบหน้าคมหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงหล่อน

..หากพามาด้วยก็ดีน่ะสิแต่เอาไว้ก่อนแล้วกันให้เขามั่นใจในตัวอีกฝ่ายก่อนแล้วจะพาเข้าบ้านไปแนะนำในฐานะคุณผู้หญิงคนเล็กของตระกูลวิจิตรประภาก็แล้วกัน

รถยนต์เคลื่อนตัวสู่เมืองหลวงของประเทศไทยในยามบ่ายคล้อย เขาเลือกจะแวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของขวัญให้คุณอาผู้เป็นที่รัก

ไม่ได้มาเสียนานดูเหมือนตึกรามจะเยอะขึ้นจนแทบหลง ชายหนุ่มจอดรถยังช่องวีไอพีสำหรับตระกูลวิจิตรประภาเหมาจ่ายรายปีก่อนยื่นบัตรประชาชนให้ผู้รักษาความปลอดภัยแล้วเดินตัวปลิวเข้าไปในอาคารสูง มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นตา ปกติจะเห็นทุ่งหญ้า ท้องฟ้าและเหล่าสัตว์แต่วันนี้มีเสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพงโชว์หราจนนึกถึงคนตัวเล็กที่ชอบใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่แต่เมื่อออกไปทำงานต้องหยิบยืมเสื้อสก็อตเขาทุกทีเพราะกลัวว่าชุดตนเองจะเปื้อน

“เอิร์ธใช่ไหม เอิร์ธจริงด้วย!”

เสียงเรียกทำให้เขาหันไปมองผู้มาใหม่ก็ต้องตกใจเพราะเธอคือผู้ที่อยู่ในความทรงจำอันเลวร้ายของตน

“ไม่เจอกันนานเลย เป็นอย่างไรบ้าง” คำถามที่เอ่ยพร้อมใบหน้าหวานยิ้มแย้มราวไม่เคยทำเรื่องขุ่นข้องหมองใจให้กัน

สร้างความโกรธแก่ร่างสูงจนต้องกำมือแน่น เขาจะเดินผละออกเพราะรังเกียจแม้แต่จะมองใบหน้าใสซื่อที่คอยแทงข้างหลังอยู่ตลอดเวลา

“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกับเราก่อนไม่ได้เหรอ” มือเล็กคว้าแขนหนาเอาไว้

จนเขาต้องรีบสลัดออกราวเจอของร้อน

“แค่หน้าเธอฉันยังไม่อยากจะมองใช้สมองอันน้อยนิดคิดหน่อยสิว่าฉันจะอยากคุยกับคนอย่างเธอเหรอ” เหยียดยิ้มให้ร่างบางนึกรังเกียจคนตรงหน้าเหลือเกิน

“ยังไม่หายโกรธเราอีกเหรอ” ถามเสียงอ่อนก่อนน้ำตาจะคลอเต็มเบ้า

..ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย

“ฉันนับถือเธอจริงๆ นะ ผ่านไปหลายปีก็ไม่เปลี่ยน ดูสิตอแหลยังไงก็ตอแหลอย่างนั้น อยากปรบมือให้เลย” แล้วชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นปรบเสียงดังจนคนที่เดินผ่านหันมองอย่างสนใจ

ปลายฟ้านึกอายจนต้องรีบเช็ดน้ำตาที่พยายามบีบเค้นมองใบหน้าคมที่เปลี่ยนไปหน้ามืดเป็นหลังมือ หนุ่มที่อ่อนโยนกับเธอได้หายไปมีเพียงคนแข็งกร้าวพร้อมปะทะทุกเมื่อ

“เอิร์ธ” กดเสียงต่ำเรียกชื่อเขาในใจก็เริ่มเดือดเมื่อเห็นแววตาสมเพช

“ส่วนเรื่องของเราฉันอโหสิกรรมให้แล้วกัน เกิดชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก” ร่างสูงปล่อยให้คนตัวเล็กยืนอึ้งส่วนตนก็เดินออกมาจากที่ตรงนั้นไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาอีก แค่ลงมากรุงเทพฯ ไม่ถึงวันก็พบผู้หญิงที่ไม่เคยเจอมาหลายปี

เฝ้าถามตนเองมาตลอดว่ายังรักอีกฝ่ายหรือไม่จนกระทั่งวันนี้เขาได้คำตอบแล้ว..ไม่เลยสักนิด แม้แต่ความสงสารก็ไม่มีให้

..หมดเวรหมดกรรมกันไปซะก็ดี เจอกันแค่ชาตินี้ก็เกินพอแล้ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซ่อนเสน่หา   ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย

    ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย กำหนดการงานแต่งของลูกสาวเจ้าของไร่มีขึ้นสองเดือนข้างหน้า หล่อนตื่นเต้นยกใหญ่เตรียมงานแต่เนิ่นโดยมีมารดาคอยให้คำแนะนำ ต่างจากบิดาที่มักพูดว่าถ้ามันยากมากก็ไม่ต้องแต่งหรอกลูก พ่อไม่ได้อับอายสักนิดถ้าจะยกเลิก ทำเอาทั้งลูกทั้งแม่ต้องเล่นงานคนเป็นพ่อจนแทบไม่สามารถเข้าบ้านได้ ภูตะวันออกมาทำงานแต่เช้า เห็นว่าวันนี้มีกองละครมาถ่ายทำที่ไร่ ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงได้จองทั้งไร่รุ่งอรุณและรีสอร์ทของไร่ที่สร้างมาสิบกว่าปี เป็นบ้านหลังเล็กอยู่ได้ประมาณสี่ถึงห้าคน ยาวเรียงกันกว่าสิบหลังทำให้เพียงพอต่อความต้องการ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อม่อฮ่อมและกางเกงขาดเข่า หมวกสานปีกกว้างป้องกันใบหน้าคมจากแดดทำเอาคนมองแทบไม่รู้ว่าเป็นลูกชายเจ้าของไร่ที่จะมารับกิจการต่อจากบิดา การต้อนรับคนจากข้างนอกไม่ใช่งานของตนเองอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจคนที่มาจากกองละครมากนัก ช่วงนี้ส้มกำลังออกผลเต็มต้นต้องเร่งตัดส่ง ส่วนมากจะวางขายในห้างสรรพสินค้าและส่งออกต่างประเทศ มีขายหน้าไร่บ้างและก็นำไปแปรรูป จะไม่มีผลไม้ตกค้างในสวนให้เน่าทิ้งหรือเสียเปล่า

  • ซ่อนเสน่หา   ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์

    ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์ เอกสารขออนุญาตถ่ายละครที่ไร่รุ่งอรุณถูกยื่นให้ร่างสูงซึ่งก้าวเข้ามาในสำนักงาน มือหนาคว้าไปอ่านอย่างละเอียดค่อยจรดปลายปากกาลงไปแล้วส่งกลับพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาสาวเจ้าเขินม้วนไม่ชินกับความอบอุ่นที่ลูกชายเจ้าของไร่มอบให้สักที ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน ช่างแตกต่างจากคนเป็นพ่อเหลือเกิน ราวกับว่าได้ลุงธีมาเต็มๆ เสียแต่ว่าการแต่งตัวที่ออกจะมอซอไปสักเล็กน้อย หากเป็นคนนอกก็คงคิดว่าชายหนุ่มคือคนงานทั่วไป ไม่ใช่ทายาทเจ้าของไร่แสนใหญ่โตแห่งนี้ เดินไปหยิบเอกสารสำหรับจัดงานฉลองประจำปีของไร่ เขาต้องไปพูดคุยกับนายอำเภอ ทั้งไปหาเกษตรอำเภอสอบถามเกี่ยวกับการปลูกผลไม้เมืองหนาวทั้งที่อากาศจังหวัดนี้ร้อนแทบทั้งปี “พี่ตะวัน!” สะดุ้งเมื่อมีมือมาจับที่ไหล่พร้อมตะโกนเสียงดังข้างหู พอหันไปก็พบน้องชายตัวแสบที่ยิ้มหน้าแป้นแล้น ภูตะวัน วิจิตรประภา ชายหนุ่มรูปงามแห่งไร่รุ่งอรุณ ใบหน้าคมคายได้พ่อมาเต็มๆ ส่วนนิสัยนั้นอ่อนโยนจนคนงานผู้หญิงพากันทอดสะพานให้เต็มที่ หวังเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ โดนขายขนมจีบไม่เว้นวันก

  • ซ่อนเสน่หา   พิเศษ...ไปรยา ชนาธิป

    พิเศษ...ไปรยา ชนาธิปความรักสำหรับคนอื่นคือใครเขาไม่รู้ แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยมีใครมองจนได้เพียงแค่หวังว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงมองเห็นตัวเองบ้าง และวันที่เข้ากิจกรรมของคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ครั้งแรกหัวใจที่เคยสงบนิ่งกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นร่างบางเดินผ่านวินาทีนั้นเหมือนมีแสงสว่างส่องไปทั่วร่างของเธอจนสายตาเขาพร่าไปหมด ออร่าที่แสบตาจนไม่อาจมองได้ต้องหันหน้าไปทางอื่น พลันหล่อนกลับเดินมานั่งข้างเขาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง“สวัสดี อืม ชื่อฟลุ๊คเหรอ เราหนึ่งนะ” ใบหน้าหวานก้มมองป้ายชื่อของเขาแล้วส่งยิ้มทักทาย“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากนั้นเธอก็หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นปล่อยเขาแอบมองอยู่ฝ่ายเดียว และสังเกตเห็นว่าดวงตากลมโตมักจะชอบวนเวียนอยู่ที่ผู้ชายมาใหม่คนหนึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอและเป็นชายซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ เป็นที่หมายปองของหญิงสาวคนอื่นพณณกร วิจิตรประภาทายาทตระกูลดัง นอกจากจะหน้าตาดียังฐานะร่ำรวยอีกต่างหาก เขาได้แต่เก็บความอิจฉาไว้ภายในใจเฝ้ามองไปรยาที่แอบรักข้างเดียวด้วยความเสียใจ อยากจะเข้าไปปลอบยามหญิงสาวร้องไห้ก็ไม่กล้าจนกระทั่งฟ้าเป็นใจงานเลี้ยงสายรหัส

  • ซ่อนเสน่หา   ๗

    ๗หลังจากที่ผ่านค่ำคืนแสนหวานคู่สามีภรรยาก็นอนกอดกันอยู่ภายในมุ้ง แขนแกร่งกระชับเอวบางจนแผ่นหลังเธอชิดอกเขา ดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มสลวยก่อนที่บุลลาจะพลิกตัวมาเพื่อซบใบหน้าที่แผงอกหนาพร้อมพรมจูบไปทั่วและนั่นทำให้สัญชาตญาณเสือร้ายผุดออกมาทันที เขาขึ้นคร่อมเธอเอาไว้จับกดพร้อมกับพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นผืนน้ำ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่ชายหญิงคู่นี้กลับผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่ยอมแพ้กันและกันไม่บ่อยนักที่จะได้ทำอะไรตามใจตัวเอง ปลดปล่อยอารมณ์โดยไม่ต้องกลัวลูกได้ยินหรือตื่นตอนดึก พวกเขาทำตามใจปรารถนาไม่สนว่าใครจะได้ยินหรือไม่ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้เก็บเสียง ยิ่งเมื่อคืนที่พณณกรโยกตัวจนเตียงเกือบหัก บ้านแทบพังทำเอาบุลลาต้องตีเขาไปหลายรอบในความบ้าระห่ำ จนชายหนุ่มถามกลับว่าใครเล่าที่เรียกร้องหล่อนจึงปิดปากเงียบก็เธอเป็นคนร้องขอให้เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกแท้ๆ จะว่าได้อย่างไรเล่า“อือ พอแล้วค่ะ” ลุกขึ้นมาทำอาหารยามสายไว้รับประทานกันสองคนโดยมีร่างสูงคลอเคลียอยู่ด้านหลังไม่ห่าง เสื้อยืดตัวเล็กและกางเกงขาสั้นที่เตรียมมาถูกสวมบนร่างกายทว่าไม่มีชั้นในปกปิดเลยสักชิ้นและตอนนี้มือหนาก็กำลังเลื้อยเข้าไปภายใต

  • ซ่อนเสน่หา   ๖

    ๖การไปพักผ่อนครั้งนี้แม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็ยังไม่รู้จนกระทั่งรถยนต์จอดเทียบท่าเรือก่อนคุณลุงคนขับรถจะลงไปยกกระเป๋าด้านหลังออกมา ดวงตากลมโตมองเรือที่เทียบท่าก็ตาลุกวาวเพราะเคยเห็นจากในละครเท่านั้นไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ด้วยตาของตนเอง แถมที่หัวเรือยังเขียนชื่อของบริษัทใหญ่ ตระกูลดังเอาไว้อีกด้วย พณณกรถือกระเป๋าเดินมาคว้ามือภรรยาเอาไว้แล้วบังคับให้เดินตามมาไม่บอกกล่าวอะไรสักนิด“มีแต่เรือหรูๆ ทั้งนั้นเลย” พึมพำเสียงเบาขณะที่คิดได้ว่าสามีของตัวเองก็เป็นคนในตระกูลดังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเรือของบ้านเขาจอดไว้น่ะสิคิดพลางยิ้มกริ่มเมื่อวาดภาพว่าตัวเองจะต้องได้นั่งจิบไวน์อยู่บนเรือหรู มองท้องฟ้าสีคราม ผืนน้ำสีน้ำเงินด้วยความสุขแน่นอุรา ยอมเดินตามแรงดึงจนกระทั่งผ่านพ้นเรือหรูมาลำแล้วลำเล่าก็เหมือนจะไม่ถึงสักที ใบหน้าหวานเริ่มบูดบึ้งตามอารมณ์“จะเดินไปถึงมาเลเซียเลยไหมคะ” อดประชดไม่ได้จนคนนำหน้าหันมายิ้มที่ภรรยาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะตั้งเมื่อคืนหล่อนเอาแต่กอดเขาแน่นทั้งยังตอนเช้าที่มองตามตาละห้อย ต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลากลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายอย่างไม่

  • ซ่อนเสน่หา   ๕

    ๕บุลลากำลังเล่นกับฝาแฝดทั้งสองโดยมีเหล่าแม่บ้านคอยช่วยเหลือเนื่องจากหลงเสน่ห์ของเด็กน้อย อันที่จริงคุณดาริกาก็ชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองกรุงแต่เพราะงานรัดตัวที่ไร่ ทั้งยังเป็นห่วงมารดาที่เริ่มแก่ตัวลงทุกวันจำต้องปฏิเสธไป ตอนนี้เธอติดไร่มากกว่าแสงสีในเมืองหลวงเสียแล้วแต่ถ้าพณณกรจะกลับมาอยู่ที่นี่หล่อนก็คงตามมาด้วยเพราะไม่สามารถแยกจากสามีได้อีกแล้ว ในขณะที่กำลังมองดูบุตรสาวสิ่งไล่กับพี่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์แปลกที่โชว์หราทำให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที หลังจากที่ลาออกจากงานก็ไม่ค่อยมีใครโทรมาทำให้เกิดความสงสัยขึ้นว่าปลายสายคือใครร่างบางแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ "สวัสดีค่ะ"'ว่าไงบัว ไม่เจอกันนานสบายดีไหม' เสียงเข้มที่เอ่ยทักทายทำเอาหล่อนยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเพราะจำน้ำเสียงไม่ได้"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ" ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หรือจะเป็นลูกน้องเก่าที่โรงแรม ไม่อย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณรวี ทว่าฝ่ายนั้นแทบไม่ได้ติดต่อมาเลยตอนนี้เห็นว่าโดนทางบ้านจับแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย'อะไรกัน จำเสียงแฟนเก่าไม่ได้หรือไง' เอ่ยเพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ชัดวาบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status