“ที่นี่มันร้อนมากน้าว่าเนสไปรอน้าที่ออฟฟิศดีไหม” นวพลบอกหลานสาวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูว่าจะไปซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้านข้างหน้าน้าเอาด้วยไหม”
“จะไปซื้อแล้วเอามาให้น้าที่นี่เหรอ””
“ใช่ค่ะ เอาไหมคะ”
“อย่าเลยขับรถกลางแดดเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“น้าคะ หนูไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะที่โดนแดดแล้วจะไม่สบาย”
“ถ้างั้นน้าเอากาแฟก็แล้วกันบอกที่ร้านว่าของน้าเดี๋ยวเขาจะทำให้เองไม่ต้องจ่ายตังค์นะให้เขาลงบัญชีน้าไว้”
“ได้ค่ะ หนูไปก่อนนะเดี๋ยวมาค่ะ”
“อย่าขับเร็วนะ ทางที่ไร่มันขรุขระ”
เนสิตาขับรถเอทีวีกลับมายังร้านเครื่องดื่มเธอสั่งกาแฟให้น้าชายหนึ่งแก้ว ชาเขียวของตัวเองหนึ่งแก้วและนั่งรอที่หน้าเคาน์เตอร์
“ขอกาแฟให้คุณฐาอีกหนึ่งแก้วนะคะ เดี๋ยวเนสจะเอาไปให้เขาแต่เนสไม่รู้ว่าคุณฐากินกาแฟแบบไหน”
“ของคุณฐาเป็นกาแฟดำค่ะ เดี๋ยวเราทำให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อได้กาแฟแล้วหญิงสาวก็จะชำระเงินเพราะไม่อยากลงบัญชีของนวพลตามที่เขาบอกไว้
“คุณฐาสั่งไว้ว่าทุกอย่างที่นี่ฟรีสำหรับคุณค่ะ”
“แน่ใจนะคะว่าคนที่สั่งคุณคุณฐาไม่ใช้น้าพล”
“แน่ใจค่ะ คุณจะเอาขนมอย่างอื่นไปกินด้วยก็ได้นะคะ บราวนี่พวกนี้เพิ่งอบเสร็จเมื่อเช้าเองนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่เอาไว้ก่อนก็แล้วกันนะคะ”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณพนักงานก่อนจะขับรถเอากาแฟไปให้น้าชายmu
“ขอบใจจ้ะ เอากาแฟให้น้าแล้วจะกลับไปรอที่ออฟฟิศก็ได้นะ เอาองุ่นนี่ไปกินด้วยก็ได้ แต่ต้องล้างก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะน้าพล แต่หนูจะเอากาแฟไปให้คุณฐาค่ะ”
“รู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“ก็คงอยู่ที่แปลงองุ่นใช่ไหม”
“ตอนนี้น่าจะอยู่ที่โรงคัดแยกองุ่น”
“แล้วมันอยู่ตรงไหนคะ”
“ขับรถจากที่นี่ไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวขวาก็จะเห็นเอง ถ้าไปไม่ถูกก็โทรมาหาน้านะ”
“ค่ะ หนูไปล่ะเดี๋ยวกาแฟจะละลาย”
หญิงสาวขับรถมาตามทางที่น้าชายบอกไม่นานก็เจอกับโรงคัดแยกองุ่นที่ตอนนี้คนงานกำลังช่วยกันคัดแยกองุ่นลงตะกร้า
“เหนื่อยมั๊ยคะคุณฐา เนสเอากาแฟมาให้ค่ะ”
“ขอบใจจะนะแต่ไม่น่ามาไกลถึงตรงนี้”
“ไม่ไกลเลยค่ะ นี่พวกเขากำลังแยกองุ่นเหรอคะ”
“ครับต้องเลือกผลที่เสียออกก่อน”
“ไม่มีเครื่องมือคัดแยกเหรอคะ”
“มีสิ แต่ผมว่าใช้คนจะดีกว่าน่ะ เดี๋ยวผมต้องไปดูคนงานอีกกลุ่มตัดแต่งกิ่งนะ คุณรออยู่ที่นี่หรือจะกลับไปรอที่ออฟฟิศก็ได้”
“เนสอยากไปกับคุณฐา”
“แต่มันร้อนมาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ เนสมีหมวกของคุณฐาแล้วเนสก็ทาครีมกันแดดเพิ่มแล้วค่ะ”
ฐากูรคิดว่าคงห้ามเธอไม่เลยเขาเลยพยักหน้ายอมตอบตกลงเมื่อเดินนำออกไปเนสิตารีบวิ่งตามไปติดๆ
ตลอดบ่ายเนสิตาก็กลายเป็นเงาตามตัวของฐากูรไปดูแปลงที่คนงานกำลังตัดแต่งกิ่ง เธอได้เห็นเขาพูดคุยกับคนงานอย่างจริงจัง ให้คำแนะนำและจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น มันดูมีเสน่ห์และเป็นธรรมชาติกว่าที่เคยเห็นในร้านอาหารของเธอหลายเท่า
เนสิตาสังเกตเขาอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นถึงความทุ่มเท ความเป็นผู้นำและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของเขาที่เขามีให้กับงานแล้วก็รู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก
แม้จะเหนื่อยกับการเดินตามเขาไปทั่วไร่ แต่เธอก็ไม่เคยปริปากบ่นตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขอย่างประหลาด ทุกครั้งที่ฐากูรหันมาอธิบายอะไรให้เธอฟังสั้นๆ หรือตอบคำถามของเธอหัวใจของเธอก็เหมือนจะละลาย เธอหลงใหลในความเงียบขรึมและสุขุมของเขา ยิ่งได้อยู่ใกล้ เขายิ่งน่าค้นหา และเธอก็อยากจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฐากูรให้มากขึ้นอีก
เวลาผ่านไปกระทั่งพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เนสิตาก็ขับรถตามเขาที่ออฟฟิศซึ่งน้าชายของเธอรออยู่แล้ว
“หายไปทั้งวันเลยเหนื่อยไหม”
“เหนื่อยค่ะน้าพล แต่หนูก็สนุกมากด้วย เราจะกลับกันเลยไหมคะ”
“ได้สิ ขอน้าเก็บของก่อนจะรีบไปส่ง”
“หนูออกไปรอข้างนอกนะคะ”
เนสิตาเดินออกจากออฟฟิศมานั่งรอน้าชายก็เห็นฐากูรเดินผ่านมาพอดี
“เนสนึกว่าคุณฐากลับไปแล้ว”
“ยังหรอกแล้วคุณล่ะทำไมยังไม่กลับอีก”
“เนสรอน้าพลเก็บของค่ะ แล้วคุณฐาจะไปไหนคะ”
“จะไปหาข้าวกินในเมือง”
“งั้นเนสขอไปด้วยได้ไหม น้าพลจะได้ไม่ต้องไปส่ง”
“ถ้าจะไปด้วยก็ไปบอกเขาก่อนหายไปเลยเดี๋ยวเขาจะตกใจ”
“ค่ะ อย่าแอบหนีไปก่อนนะคะ”
เนสิตารีบกลับเข้าไปที่ห้องทำงานของน้าชายที่กำลังจะเดินออกมาพอดี
“ขอโทษที่น้าเก็บของนาน”
“หนูไม่ได้เข้ามาเร่งนะคะแต่หนูจะมาบอกน้าว่าน้าไม่ต้องไปส่งหนูแล้วค่ะ หนูจะไปกับคุณฐา”
“คุณฐาจะเข้าเมืองเหรอ”
“ค่ะ หนูเพิ่งคุยกับเขาเมื่อกี้ตอนนี้เขารออยู่ข้างนอกค่ะ”
นวพลเดินตามหลานสาวออกมาก็เจอกับฐากูรที่รออยู่
“คุณฐาจะเข้าเมืองเหรอครับ” เขารู้ว่าเจ้านายมักเขาไปในเมืองเกือบทุกวันแค่ที่ถามก็เพื่อความแน่ใจ
“อือ จะไปหาอะไรกินหน่อย ไปด้วยกันไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ แต่พี่ขอฝากหลานสาวไปด้วย”
ฐากูรพยักหน้าแล้วเดินนำไปที่รถ
“หนูไปก่อนนะคะ”
“ถึงแล้วโทรบอกน้าหรือไลน์มาบอกก็ได้”
“ค่ะน้าพล บ๊ายบายค่ะ” เธอโบกมือให้น้าชายก่อนจะรีบวิ่งตามฐากูรไปที่รถ
“ไม่ลืมอะไรไว้นะ”
“คิดว่าไม่นะคะ แต่ถ้าลืมก็แค่กลับมาเอาเองค่ะ ขอบคุณนะคะคุณฐาตอนเช้าก็ให้เนสติดรถมาแล้วตอนเย็นก็ยังมาส่งเนสอีก เอาเป็นว่าเย็นนี้เนสขอเลี้ยงอาหารค่ำที่ร้านดีไหม” เธอพูดแล้วหันมายิ้มดวงตาของเธอสบเข้ากับดวงตาคมกริบของฐากูรแม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแต่หัวใจของเนสิตาก็เต้นรัวเธอกำลังตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจัง
สามวันแล้วที่เนสิตาไม่ติดต่อมาหาหลังจากวันที่เขาจูบกับเธอที่น้ำตกท้ายไร่ ฐากูรรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับเธอแต่ในตอนนั้นบรรยากาศและอารมณ์มันพาไป เขาอยากจะเจอเนสิตาและขอโทษเธอแต่จะโทรศัพท์ไปหาแต่ก็ละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นเขาคิดว่าบางทีตอนนี้เนสิตาอาจจะโกรธเขาจนไม่อยากจะคุยกับเขาแล้วก็ได้เพราะปกติเธอมักจะโทรศัพท์หาเขาในเวลาหัวค่ำทุกวัน แต่นี่มันก็ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยจากที่เป็นคนชอบความสันโดษชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเนสิตาเข้ามาในชีวิต เขารู้สึกชอบในความสดใสชอบเสียงคุยเจื้อยแจ้วที่คุยอยู่ข้างหูมันทำให้ความรู้สึกเหงาหายไปจนหมดสิ้นฐากูรต้องคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับเนสิตาให้รู้เรื่องเขาต้องขอโทษเธออย่างจริงจังต่อหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เขาจัดการเคลียร์งานทุกอย่างในไร่จนเสร็จจากนั้นก็ขับรถมาอย่างร้านอาหารของคุณนีรนุชเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับเนสิตาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะวันนี้หญิงสาวไม่ได้มาทำงานฐากูรนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ลูกค้าในร้านค่อนข้างเยอะทำให้เขาไม่มีโอกาสถามถึงเนสิตาเลย เมื่อมื้ออาหารจบลงเขาก็เดินออกจากร้านมาด้วยความผ
ทั้งสองเหมือนตกอยู่ในภวังค์เนิ่นนานกว่าจะผละออกจากกัน“ผมขอโทษ” เขาพูดอย่างสำนึกผิดก่อนจะประคองหญิงสาวกลับมาที่รถเนสิตานั่งเงียบมาตลอดทางเพราะกำลังสับสนกับความรู้สึกของตนเอง“จะกลับเลยเหรอ”“ค่ะเนสต้องรีบกลับไปอาบน้ำ”“เจ็บอยู่ไหมขับรถไหวหรือเปล่า” เขาถามอย่างห่วงใย“ไม่ค่ะ ไปก่อนนะคะ”“ขับรถดีๆ นะ” เขามองตามหลังรถคันเล็กของเธอไปจนสุดสายตาเนสิตาขับรถออกมาจากไร่ของฐากูรพอพ้นเขตรั้วได้ไม่นานหญิงสาวก็จอดรถข้างทาง ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิขับรถเลยเพราะสมองคิดถึงแต่จูบของฐากูรเมื่อครู่จูบแรกในชีวิตของเธอมันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งกับผู้ชายที่เธอรู้จักมาได้ไม่นานนัก แต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด ความรู้สึกที่เพิ่งได้รับนั้นไม่ใช่แค่การแตะต้องกันของริมฝีปาก แต่มันคือการเปิดโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักเป็นประตูสู่ความรู้สึกที่ซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคยเข้าใจตอนนี้ในใจของเนสิตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความสุขที่เอ่อล้นจนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้น ความกลัวที่อาจจะเกิดขึ้นกับการถูกรุกรานไม่มีอยู่เลย มีแต่ความรู้สึกปลอดภัยและอ่อนโยนที่แผ่ซ่านมาจากสัมผัสของเขา ความรู้สึกว่าโลกทั
วันนี้เนสิตาตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยวที่ไร่องุ่นของฐากูร เธอขับรถเก๋งคันเก่าของมารดาเข้าสู่ถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าสู่ไร่องุ่นของฐากูรอีกครั้ง กลิ่นหอมจางๆ ของดินและองุ่นที่คุ้นเคยลอยมาปะทะจมูกตั้งแต่ก่อนจะเห็นรั้วไร่เธอไม่ได้ติดรถเขามาอย่างเคย แต่การได้ขับรถมาด้วยตัวเองแบบนี้กลับให้อิสระและรู้สึกเหมือนตัวเองโตขึ้นกว่าเดิมเมื่อรถจอดสนิทที่หน้าออฟฟิศทางด้านหลังของร้านอาหารนวพลก็เดินออกมาต้อนรับหลาน“น้านึกว่าเนสจะหลงไปที่อื่นแล้ว ทำไมถึงช้าจัง”“ก็สองข้างทางวิวดีมากนี่คะหนูเลยขับช้า วันนี้น้าพลยุ่งไหมคะ”“ไม่เท่าไหร่ อยากดูเขาทำไวน์ใช่ไหม”“ใช่ค่ะแต่หนูไม่รบกวนน้าพลหรอกค่ะหนูนัดกับคุณฐาไว้แล้ว” เนสิตาบอกกับน้าชายเพราะเมื่อวานเธอโทรศัพท์มานัดกับฐากูรไว้แล้ว“แน่ใจนะว่านัดไว้แล้ว”“แน่ค่ะ แล้วตอนนี้คุณฐาอยู่ที่ไหนคะ”“อยู่ในห้องทำงาน ห้องนั้นไง” นวพลชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่อีกด้านของออฟฟิศ“หนูขอตัวก่อนนะคะ”“อย่าไปกวนเขามากล่ะ” เขากำชับหลานสาวแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะฟังคำเตือนของเขาหรือเปล่าหญิงสาวเคาะประตูพอเขาอนุญาตก็รีบเปิดเข้าไป เธอยิ้มทักทายเจ้าของห้องที่นั่งทำงานเอกสารกองโตอยู
เช้าวันใหม่เนสิตาตื่นตั้งแต่เช้า เธอเลือกสวมชุดที่เน้นความสบายคล่องตัวแต่ยังคงความน่ารักอย่างที่ชอบ เสื้อกล้ามคอกลมผ้าคอตตอนสีขาวซึ่งเป็นสีโปรดจากนั้นสวมทับคาร์ดิแกนสีเบจตัวบางเหมาะสำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ท่อนล่างกางเกงผ้าลินินสีเบจขาสั้นเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขาสวยรับกับรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดที่เธอสวมอยู่เป็นประจำผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าสูงปล่อยปอยผมบางส่วนหลุดลุ่ยลงมาข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ เผยผิวหน้าใสรับริมฝีปากที่เจือสีระเรื่อจากลิปออยด์สีหวานทำให้เธอดูมีเสน่ห์ตามวัยอย่างน่ามอง หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกจนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมาช่วยมารดาเอาแซนด์วิชลงกล่อง“ถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก”“ได้ค่ะแม่หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วง”เมื่อรถของฐากูรเล่นเข้ามาหน้าบ้านสองแม่ลูกก็จัดแซนด์วิชลงกล่องเสร็จพอดีฐากูรดับเครื่องและเดินลงมาจากรถวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสบายๆ เหมือนกับทุกวันจะต่างก็ตรงรองเท้าเพราะวันนี้เขาสวมรองเท้าผ้าใบแทนที่จะเป็นรองเท้าบูตเหมือนตอนที่อยู่ในไร่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้กดออดที่หน้าบ้านคุณนีรนุชและลูกส
แม้ตอนนี้เนสิตาจะหายจากอาการไข้แล้วแต่มารดาของเธอก็ยังไม่ให้ไปช่วยงานที่ร้านด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้เธอได้พักผ่อน แต่ดูเหมือนเนสิตาจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลย สองวันมานี้เธออยู่บ้านและรู้สึกเหงามากแม้ตอนกลางวันจะโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนและดูซีรี่ส์เรื่องโปรดแต่มันก็ไม่สนุกเลยเมื่อเทียบกับการออกไปที่ไร่องุ่นของฐากูรเมื่อวานหญิงสาวโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยในเวลาหัวค่ำแต่ก็คุยได้ไม่นานเพราะฐากูรขอตัวไปทำงานก่อนหญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเขายังจะต้องทำงานอะไรกลางคืนอีกแต่ถ้าเจอกันครั้งหน้าเธอจะต้องถามเขาให้ได้ว่าที่เขาชอบพูดว่าขอตัวไปทำงานนั้นเพราะเขาไม่อยากจะคุยกับเธอหรือเพราะเขามีงานที่จะต้องทำจริงๆเหตุผลที่ไม่ถามทางโทรศัพท์ก็เพราะอยากจะเห็นสีหน้าและท่าทางของเขาขณะตอบคำถามของเธอด้วยว่ามันมีความจริงใจหรือกำลังโกหกถึงกันแน่เนสิตานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกระทั่งได้ยินเสียงรถของมารดาที่ขับเข้ามาในบริเวณบ้านในเวลาเกือบจะสี่ทุ่มหญิงสาวรีบเปิดประตูต้อนรับทันที“เหนื่อยไหมคะแม่วันนี้ลูกค้าเยอะไหม”“เยอะจ้ะลูกค้าเต็มทุกโต๊ะเลย”“กินน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะแม่ กินข้าวมาหรือยังคะ” เนสิตารีบเอาน้ำในตู้เย็นมาให้มารดาแล้
หลังจากจัดการงานทุกอย่างที่ไร่เสร็จแล้วฐากูรก็ยกลังไวน์ขึ้นหลังรถกระบะก่อนจะขับรถเข้ามาในเมืองวันนี้เขาต้องส่งไวน์ให้กับร้านอาหารของคุณนีรนุชลูกค้าประจำ“สวัสดีค่ะคุณฐา คุณวันนี้มาส่งเองเหรอคะ”“สวัสดีครับคุณนุช ผมจะเข้ามาทานข้าวที่นี่อยู่แล้วก็เลยเอาไวน์มาส่งเองจะได้ไม่เสียเที่ยวครับ” เขาพูดขณะยกกล่องไวน์เข้าทางหลังร้าน“ขอบคุณนะคะที่เอาไวน์มาส่งก่อนเวลา ช่วงนี้ลูกค้าสั่งไวน์กันเยอะก็เลยต้องสั่งด่วน”“ไม่เป็นไรครับ ลูกค้าคุณนุชเยอะผมเองก็ขายไวน์ได้เยอะ” เขายิ้มก่อนจะยกไวน์ลังสุดท้ายเข้าไปวางในห้องครัวจากนั้นก็เดินออกมาด้านหน้าเลือกโต๊ะนั่งประจำของตนเองก่อนจะสั่งเมนูคุ้นเคยมาทานระหว่างรออาหารนีรนุชก็มาชวนคุย“เมื่อวานลูกสาวฉันไปกวนอะไรคุณฐาหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอกครับเธอก็เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป”“ถ้าลูกสาวของฉันไปกวนคุณฐาบอกมาได้เลยนะคะ เนสยังเด็กไม่ค่อยรู้กาลเทศะเท่าไหร่บางครั้งก็ติดจะพูดมากไปหน่อย ฉันกลัวคุณฐาจะรำคาญค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับแล้วนี่เจ้าตัวไปไหนล่ะ ปกติผมจะเห็นมาคอยรับออเดอร์”“ไม่สบายค่ะ”“อ้าวเป็นอะไรล่ะครับ”“ก็คงตากแดดทั้งวันน่ะค่ะก็เลยเป็นไข้”“ผมขอโทษนะครับที่พาล