“สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า”
“มาลุงป้าอะไรกันจ๊ะหนู เรียกคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นจ่ะ” ดาริการีบส่ายมือไปมาด้วยท่วงท่าอารมณ์ดี ตั้งแต่เห็นลูกชายพาสาวสวยเข้าบ้านก็ยังหุบยิ้มไม่ได้
“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” จากตอนแรกที่เกร็งทำอะไรไม่ถูก พอเห็นว่าแม่ของชายหนุ่มไม่ได้เป็นแม่ผัวใจยักษ์แบบในละครขวัญเมษาก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ตัวจริงสวยกว่าที่แม่คิดอีกนะ ว่าไหมคุณ”
“คนที่โรงพยาบาลคุยกันให้แซดว่าตาเมธได้แฟนเด็กแล้วก็สวยมาก เห็นจะจริงอย่างที่เขาว่า” อาจารย์หมอพิพัฒน์ส่งยิ้มให้ว่าที่ลูกสะใภ้อย่างเป็นมิตรและเปี่ยมเมตตา
เพราะแบบนี้สินะ ลูกชายตัวดีถึงไม่ยอมกลับมานอนที่บ้านเลย ตอนแรกดาริกาก็กลุ้มใจ กลัวว่าลูกชายคนโตจะไม่ยอมเป็นฝั่งเป็นฝา ตอนนี้มาพร้อมกันทั้งลูกสะใภ้ทั้งหลาน
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอทำอะไรไม่ถูก บอกตามตรงว่าไอ้เรื่องคนชมว่าสวยเธอได้ยินมาบ่อยจนชาชิน แต่กับครั้งนี้มันต่างออกไป พ่อผัวแม่ผัวชมมันเป็นอะไรที่เธอใจฟูมากๆ
“ผมอยากขอโทษพ่อกับแม่ครับที่ทำเรื่องไม่เหมาะสม แล้วก็ไม่เหมาะกับการเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเลย อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าผมกับน้องเราสองคนรักกันแล้วเราก็กำลังจะมีตัวเล็กด้วยกัน ผมอยากรับผิดชอบน้องครับ” เมธากรเปิดเรื่องด้วยความจริงจัง เพราะเขาไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องปกติ ด้วยรู้ดีว่าขวัญเมษายังเด็กอยู่มาก คนเสียหายจริงๆ คือเธอต่างหาก และเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะรับผิดชอบและดูแลชีวิตลูกเมียให้ดีที่สุด
ผู้ใหญ่อย่างเขาเต็มใจที่จะรับผิดชอบเด็กสาวอย่างเธอทุกอย่างด้วยความรักและหวงแหน
คุณดาริกาผลิยิ้ม เธอมีลูกชายสามคน และหมอหล่อทั้งสามคนก็ดันทำสาวท้องก่อนแต่งทั้งหมด
นึกไว้แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้!
“แล้วหนูเมษ์ว่าไงจ๊ะ หนูอยากให้ลูกชายแม่รับผิดชอบหรือเปล่า” เรื่องที่กำลังจะมีหลานนั้นคุณดาริกาเธอทราบอยู่ก่อนแล้ว ก็หมอเขมกรลูกชายอีกคนของเธอเขาเป็นหมอสูติ เพื่อนหมอคนสนิทของเขมกรเป็นเจ้าของไข้ขวัญเมษา แล้วเรื่องนี้ก็มาถึงหูเขาตั้งแต่วันที่เมธากรจูงขวัญเมษาไปตรวจที่แผนกสูติแล้ว จากนั้นก็ฝากครรภ์เรียบร้อยเสร็จสรรพ
ลูกชายคนเล็กได้รายงานพฤติกรรมของลูกชายคนโตเป็นที่เรียบร้อย
นี่ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ลูกชายจะพาลูกสะใภ้เข้าบ้านเสียที และในที่สุดก็มา!
“แม่ครับ...”
“ชู่ส์ เงียบน่าเมธแม่จะคุยกับหนูเมษ์” ทุกคนหันไปจับจ้องขวัญเมษาเป็นสายตาเดียว
“เมษ์...ไม่อยากเรียกมันว่าการรับผิดชอบค่ะ เพราะลูกของเมษ์ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด แต่มันเกิดจากความรักของเรา เมษ์รักพี่เมธมาก รักตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขา รักตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าตัวจริงของเขาคือใคร ถึงเมษ์จะยังเป็นเด็กแล้วก็ดูไม่ได้เหมาะสมกับพี่เมธ แต่เมษ์ก็เชื่อมั่นในตัวเองมากๆ ค่ะ ว่าเมษ์จะเป็นแม่ที่ดี และเป็นคู่ชีวิตที่ดีให้พี่เมธได้” พอพูดจบขวัญเมษาก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ด้วยไม่มั่นใจว่าสิ่งที่พูดออกไปมันถูกควรแล้วหรือไม่
เอาน่า! ทุกถ้อยคำล้วนเอ่ยออกมาจากใจจริง
“พ่อก็เชื่อว่าอย่างนั้น...รู้ไหมว่าไอ้ลูกชายคนโตของพ่อไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนจริงจังมาก่อน แต่พอเป็นหนูเมษ์กลับเอาตาเมธอยู่หมัดขนาดนี้...หึ ขนาดที่ว่าปล่อยให้ท้องเพื่อมัดมือชก เรานี่ไม่ธรรมดานะ”
“แฮ่ม พ่อครับ” เมธากรกระแอมขัดขึ้นมา จนขวัญเมษาหันไปมองเขาด้วยความสงสัย
“มันก็ไม่ได้ขนาดนั้น พี่ก็แค่...อยากสร้างครอบครัวกับเมษ์ไวๆ แม่พี่ชอบบ่นว่าอยากเห็นพี่แต่งงานแล้วก็อยากอุ้มหลาน…”
“ลูกแม่น่ะร้ายจ้ะ หนูเมษ์ตามไม่ทันหรอกนะ” ดาริกามองหน้าลูกชายเจ้าเล่ห์อย่างรู้ทัน ความจริงเธอไม่ติดอะไรเลยกับการที่ลูกพาหญิงสาวคนนี้เข้ามาเป็นสะใภ้ ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้ต้องการชื่อเสียงหรือเกียรติยศจอมปลอมจากสังคม ดังนั้น ชีวิตคู่ของลูกชาย เธอก็อยากให้ลูกได้เลือกผู้หญิงที่ตัวเองรัก และผู้หญิงคนนั้นก็ต้องรักลูกเธอจากใจไม่ใช่เปลือกนอกเช่นกัน
เมธากรเป็นลูกชายคนโตที่มีความคิดความอ่านกว้างไกล ไม่ใช่จะโดนผู้หญิงคนไหนหลอกได้ง่ายๆ และการที่เขาเลือกขวัญเมษานั่นก็แปลว่าลูกชายเธอคิดมาดีแล้ว
มีหรือที่พ่อกับแม่จะปฏิเสธได้ลง
“แม่ดีใจนะจ๊ะที่หนูเมษ์จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา แถมมีหลานให้แม่ด่วนทันใจแบบนี้ บอกตามตรงว่าแม่ตื่นเต้นมากกกกก”
“แม่เขาเตรียมของรับขวัญหลานไว้แล้วด้วยนะ”
คำบอกกล่าวของพ่อแม่สามีทำขวัญเมษาน้ำตาคลอด้วยไม่คิดว่าพวกท่านจะเอ็นดูเธอขนาดนี้ ทุกอย่างมันเหมือนความฝันมากจริงๆ
“ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มากนะคะที่เอ็นดูเมษ์” คนตัวเล็กยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม โดยมีคนรักเอื้อมมือมาโอบที่ไหล่บางเบาๆ
“พ่อกับแม่ต่างหากที่ต้องขอบคุณหนู หนูทำให้ตาเมธลูกชายที่ทำท่าจะขึ้นคานของพ่อได้มีเมียเสียที เป็นลูกคนโตแต่แต่งงานคนสุดท้าย มาถึงวันนี้รอต่อได้เสียที่ไหน” ลูกชายบ้านนี้แต่งงานช้าทุกคน และคนนี้ก็จัดว่าช้าที่สุด ลูกคนเล็กแต่งคนแรก ส่วนลูกคนโตแต่งเป็นคนสุดท้าย
แต่งงาน? ขวัญเมษาคิดว่าตัวเองได้ยินไม่ผิดนะ
“แม่ให้ชินแสประจำตระกูลช่วยดูฤกษ์มาให้แล้ว อีกสองอาทิตย์เป็นฤกษ์ดีมากๆ ส่วนสถานที่แม่ให้เมษ์กับเมธตัดสินใจได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับคุณแม่” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมหันมายิ้มให้คนข้างกาย
“แต่งงานเหรอคะ” ตอนแรกเธอก็คิดว่าครอบครัวเขาจะอายที่ลูกชายมาทำสาวท้องก่อนแต่ง แต่นี่กลายเป็นตรงข้ามไปเสียหมด เพราะพวกท่านเต็มใจจัดงานแต่งให้เธออย่างสมศักดิ์ศรี
ไม่ใช่แค่งานหมั้น แต่เป็นงานแต่งเลย!
ครอบครัวของคุณหมอนักธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ
หากใครบอกว่าเธอเป็นซินเดอเรลล่า ขวัญเมษาก็ไม่ขัดข้องนะ
“ครับ เมษ์แต่งงานกับพี่นะ”
“ขอสาวแต่งงานแบบนี้ อย่าบอกใครเชียวว่าเป็นลูกพ่อ...” แหวนเพชรเม็ดโต ๆ กับช่อดอกไม้ก็ไม่มีมา
“แต่งค่ะ แต่ง!” นาทีนี้ขอแบบไหนก็เอาทั้งนั้น น้ำตาเริ่มไหลเอ่อคลอดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาวอย่างไม่อาจหักห้ามได้ และครั้งนี้ไม่ใช่แค่เธอที่ดีใจจนจะร้องไห้ แต่เมธากรก็เช่นกัน…
ได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนที่ใช่ คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
รอยสักแบบนี้เธอจำได้ดี มันไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน และเธอก็ชอบมันมาก ลวดลายมันยังคงติดตาเธอมาถึงตอนนี้“เอ่อ รอยสักของพี่ลายนี้ สวยจังเลยนะคะ” หญิงสาวเริ่มตะกุกตะกักเมื่อพบว่าเธอเคยเห็นรอยสักลวดลายแบบนี้มาก่อน“อืม พี่ออกแบบคิดค้นขึ้นมาเอง มีที่เดียวในโลก หนูไม่มีทางไปเจอมันบนตัวของผู้ชายคนไหนอีกอย่างแน่นอน” ภาคย์อมยิ้ม เขาอ่านประกายสายตาของเธอออก ต้องมนตร์ดูตกใจ เหมือนกำลังนึกบางอย่างขึ้นมาได้“ใช่…ใช่คนเดียวกันแน่ๆ” ทั้งดวงตาและใบหน้าที่เธอเคยประทับใจ ทั้งน้ำเสียงนุ่มๆ ทั้งความรู้สึกคุ้นเคยตอนเจอกันต้องมนตร์อยากจะเขกหัวตัวเองหนัก ๆ อีกรอบก็แล้วใครมันจะไปคาดคิดกันละว่าจะเป็นเขาคนนั้น ตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาเป็นพระ ส่วนครั้งต่อมาเขาดันไปปรากฏตัวบนเวทีในบาร์โฮส“หลวงพี่ แล้วทำไมหลวงพี่ถึง…”“พี่ไม่ได้เป็นพระแล้ว เรียกพี่ภาคย์ก็พอ”เธอจ้องหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นพระเหมือนกับตอนนั้น ความอบอุ่นวาบหวามแผ่ซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด“หลวงพี่เคยบอกหนูว่า…คนเราพอมีรักก็ย่อมมีทุกข์ แต่ว่าตอนนี้หนูมีความรักอีกแล้ว…. หนูควรจะทำตามหัวใจของตัวเองใช่ไหมคะ หลว
“ใจเย็นก่อนหนู” ภาคย์เอ่ยพลางอมยิ้ม เมื่อคนตัวเล็กเข้ามานั่งข้าง ๆ ในรถแล้วสวมกอดเขาในทันที….ใครจะไปใจเย็นไหว คิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย ต้องมนตร์เพียงแค่คิดแต่ไม่ได้พูด เธอยื่นสองมือไปโอบประคองสองข้างแก้มของเขาในท่วงท่ามันเขี้ยว ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “จูบหนูหน่อย จูบหนูหน่อยนะคะ…นะคะ”ต้องมนตร์นอนไม่หลับมาตั้งสามคืนเพราะเขา และเขาก็ต้องรับผิดชอบ“อื้อ” คนจูบเก่งรีบจัดให้โดยไม่อิดออด ทั้งขยับดูดเน้นย้ำ ๆ ทั้งสอดใส่ปลายลิ้นเข้าไปปั่นป่วนในโพรงปากเธออย่างซุกซน“หนูคิดถึงพี่มาก ๆ เลย” หญิงสาวรีบสารภาพ“แล้วพี่ล่ะ คิดถึงหนูบ้างไหมคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ต้องมนตร์ก็ยิงคำถามต่อไปใส่ทันที“คืนนี้ให้พี่ดูแลหนูอีกนะ” สำหรับต้องมนตร์แล้วทั้งน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาที่ดูโหยหาเธอนั้นใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี “ไปบ้านพี่ไหม….”“ไปค่ะ…ถ้า….” แววตาของเธอมีความลังเลปะปนอยู่ในนั้น “ถ้าอะไร”“ถ้าพี่ยังโสด…”ภาคย์คลี่ยิ้มลุ่มลึกก่อนจะออกรถ ในขณะที่หญิงสาวก็คิดว่าความลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในความเปิดเผยจริงใจของเขานี่แหละคือเสน่ห์เฉพาะตัวของชายหนุ่ม “หนูชอบพี่ สองสามวั
ตัดภาพไปที่ต้องมนตร์ เธอโมโหตัวเองจริงๆ เธอบอกหมายเลขห้องให้เขาไปอย่างละเอียด แต่ดันไม่ขอเบอร์ติดต่อของเขาหรือแลกไลน์กันเนี่ยนะ! จะบ้าตาย!เอาน่า…. ถึงยังไงก็ต้องทำใจ มันก็แค่การอ๊อฟหนุ่มโฮสมาเดทแค่ชั่วคราว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดค่าตัวแล้วก็ออกเงินเลี้ยงเธอทุกอย่างก็ตามเถอะ!พรุ่งนี้พอตื่นเช้ามาทุกอย่างก็กลับสู่โลกของความเป็นจริงแล้ว หากวันหลังเกิดเหงาขึ้นมาก็ค่อยไปเที่ยวที่บาร์โฮสแห่งนั้นอีกครั้งก็ได้คิดแล้วเธอก็อาบน้ำนอน กอดหมอนข้างฝันหวานถึงรสจูบอันหวานซึ้งของเขาอย่างพร่ำเพ้อ…งือ….ถ้ามีเขาคอยนอนกอดทั้งคืนก็คงจะดีหลังจากสองคืนที่เธอคิดถึงเขาแทบบ้าผ่านพ้นไป ต้องมนตร์ก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าบาร์โฮสแห่งนี้อีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็มาคนเดียวหัวใจดวงน้อยเรียกร้องให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปข้างใน และถึงแม้ว่าจะมีหนุ่มหล่อเดินผ่านตาไปมา ทว่าหญิงสาวก็ไม่ว่อกแว่ก เพราะคนที่เธอต้องการมาพบในคืนนี้นั้นคือเขาแค่คนเดียว“วันนี้จะรับกี่ดื่มดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มของพีอาร์หนุ่มลอยมาเข้าหูหญิงสาวทันทีที่เธอหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ทว่าแววตาของเธอกลับล่องลอยเหม่อมองไปบนเวทีพี่เขาไม่อยู่ที่นั่น ไม่มีแม้แ
บนที่นั่งที่ดีที่สุดในโรงภาพยนตร์วีไอพี หนังรอบดึกเริ่มฉาย และหลายคู่รักก็เริ่มพลอดรักกันอย่างสวีทหวานชื่น บางคู่ก็เริ่มลูบหัวกันอย่างรักใคร่เอ็นดู บางคู่ก็เริ่มล้วงควักกอดจูบกันนัวเนียต้องมนตร์เองก็เริ่มเอนกายซบหนุ่มโฮสต์รุ่นใหญ่ที่ตัวเองอ๊อฟมา หญิงสาวเลือกดูหนังรักโรแมนติกที่มีฉากเลิฟซีนค่อนข้างเยอะ และวินาทีนี้….สำหรับต้องมนตร์แล้ว พระเอกฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ขวัญใจสาว ๆ ทั่วโลกที่กำลังยิ้มกว้างอยู่บนจอก็ไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับเจ้าของบ่าอุ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“ชอบรุ่นใหญ่เหรอเราน่ะ” ภาคย์เหลือบมองคนตัวเล็กที่ยิ้มพริ้มซบบ่าเขาอยู่ เธอดื่มไวน์จนพวงแก้มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ แถมยังหาวยาว ๆ เพราะง่วงนอน พอมองไปมองมาภาพที่เธอเคยนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ในศาลาวัดก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวจนเขาต้องกลั้นขำ“จะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ อายุก็เป็นเพียงตัวเลขทั้งนั้นแหละค่ะ” ต้องมนตร์เอ่ยพร้อมกับช้อนสายตาหวานเยิ้มขึ้นมองเขา“ไหนบอกจะดูหนัง แล้วทำไมถึงเอาแต่จ้องหน้าพี่” ภาคย์ดูหนังไม่รู้เรื่อง เพราะหน้าหล่อ ๆ โดนสาวสวยที่ควงมาจ้องเอา ๆ“เอ่อ….” ต้องมนตร์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก พยายามดึงตัวเองให้หลุดออกมาจา
“พอ ๆ พอได้แล้ว รีบไปกันเถอะ” ภาคย์ตัดสินใจดับบุหรี่ ส่วนต้องมนตร์ก็ควงแขนเขาเดินไปยังรถยนต์คันเล็กๆ ของเธอ และพอไปถึงภาคย์ก็ดึงกุญแจรถจากมือเธอมาไว้ในมือตัวเองทันที“เดี๋ยวพี่ขับให้เอง หนูกินเหล้าไปตั้งขนาดนั้น นั่งฟังเพลงในรถเฉย ๆ ก็พอ จะเริ่มจากชอปปิง กินข้าวแล้วก็ดูหนังรอบดึกใช่ไหม”“ค่ะ” ต้องมนตร์อมยิ้มพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก พอภาคย์เปิดประตูรถให้เธอก็รีบเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว หลังจากขยับเลื่อนเบาะตรงที่นั่งคนขับให้พอดีตัวแล้ว ภาคย์ก็ออกรถอย่างช้าๆ ไม่ลืมดึงมือเธอมากุมไว้ในแบบที่หนุ่มโฮสเขาชอบทำกันต้องมนตร์รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนหน้าแดง พอนึกแล้วก็อยากจะรวยมากๆ เพราะหากซื้อตัวเขามาเป็นเพื่อนเที่ยวได้ทุกคืนแบบนี้ก็คงจะดภาคย์ขับรถไปยังห้างหรูที่มีทำเลตั้งอยู่ใกล้บาร์โฮสของเขามากที่สุด เพราะจะได้ชอปปิง กินข้าวและดูหนังเสร็จสรรพจบครบในที่เดียวต้องมนตร์ควงแขนภาคย์เดินเล่นในห้าง และอาการเมาไม่สร่างก็ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีและกล้าหาญชาญชัยในการเต๊าะผู้ชาย พอเห็นเงาสะท้อนจากบานกระจกหญิงสาวก็นึกขำ ผู้ชายที่เธอออฟมาดูไม่เหมือนหนุ่มโฮสเลยสักนิด เขาดูรวย ดูเหมือนกับป๋า ที่ควงเ
“เอา!!! คืนนี้ฉันจะออฟด้วย แกก็ไปหาผู้ชายของแก ส่วนฉันก็ไปหาผู้ชายของฉัน พอได้ผู้ชายแล้วก็แยกย้ายเลยละกัน” ต้องมนตร์หันไปกระซิบเพื่อน ในขณะที่สายตายังคงวนเวียนอยู่ที่หนุ่มใหญ่บนเวทีนี่เธอก็เข้าใจผิดมาตลอดว่างานนี้เขาจำกัดอายุ ไม่นึกเลยว่าเขาจะรับทุกรุ่น แล้วเธอก็ดันชอบรุ่นใหญ่เนี่ยนะ…“ถูกใจคนไหนก็รีบเลยนะแก ก่อนที่จะโดนแย่ง” เพื่อนรีบเอียงคอมากระซิบบอก“เอา…เอาคนนี้แหละ” ต้องมนตร์ยิ้มเขิน ชูมือขึ้นทำเป็นปืนแล้วเล็งไปทางเขา จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นซดอย่างครึกครื้น“ไหน…ไหนแกเล็งคนไหนเอาไว้”“ก็คนนั้นไง คนแก่ ๆ นั่นน่ะ” ดูเหมือนว่าคนที่อยู่บนเวทีนั้นจะยังไม่รู้ตัว ว่ามีสาวน้อยน่ารักหมายตาอยากได้เขามาเอาอกเอาใจตัวเองในคืนนี้ภาคย์ที่ตอนแรกกะจะมาตรวจงาน ตอนนี้กลับแฝงตัวเป็นหนุ่มโฮสรุ่นใหญ่ที่เต้นอย่างสนุกสนานอยู่บนเวที พอมาเห็นบรรยากาศแล้วก็พอใจ เดี๋ยวพอลงจากเวทีแล้วกะว่าจะไปนั่งจิบไวน์ชิลล์ ๆ ที่ผับอีกแห่งต่อ….แต่ทว่า พอลงจากเวทีก็มีสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักมายืนดักทางเอาไว้ในทันที“คืนนี้หนูออฟพี่นะคะ”ภาคย์ตกใจ ใบหน้าคมคายชะงักงันไปชั่วครู่ วินาทีแรกก็ตกใจด้วยไม่นึกว่าจะมีสาวน้อยมาสน
ต้องมนตร์นั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ที่ร้านกาแฟของเพื่อนสนิท เพื่อนเปิดร้านกาแฟข้างทางชื่อร้านว่า ‘พ่อไม่รู้ว่าหนูเป็นตุ๊ด’ และตอนนี้สภาพจิตใจของคนเคยอกหักก็ดีขึ้นมาก มากจนเรียกว่าหายเป็นปกติแล้วก็ว่าได้“คืนนี้ว่างไหม ไปกินเหล้ากัน” หญิงสาวเอ่ยเจื้อยแจ้ว ตั้งแต่เมาแล้วเลี้ยวรถเข้าวัดในวันนั้น ต้องมนตร์ก็ไม่ได้แตะเหล้าอีกเลย “แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงนึกอยากกินเหล้า” เพื่อนสาวสองที่ชงกาแฟให้ลูกค้าหนุ่มหล่ออยู่หันมาถาม “ก็ฉลองที่ตัดใจได้ ไม่เหลือความเศร้าอะไรแล้วไง” ดวงตาทอประกายมีความสุขก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเพื่อนแล้วบอกว่า “นะ นะ แกคืนนี้พาไปเที่ยวหน่อย”“ไม่ว่าง นัดผู้ชายเอาไว้”“หูย! ทำไมตอบกันแบบไม่มีเยื่อใยอย่างนี้” หญิงสาวย่นจมูกให้เพื่อน ก่อนจะพุ่งเข้าไปโอบกอดเขาอย่างออดอ้อนอีกครั้ง “ไปด้วยกันนะแก ถ้าฉันเมาแล้วใครจะดูแล”“หล่อนน่ะกระเป๋าหนักหรือเปล่า”“ถ้าหมายถึงมีเงินเยอะไหมล่ะก็…เยอะมาก นี่แหละสวยและรวยมากของแท้” ฐานะทางการเงินของต้องมนตร์จัดได้ว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี ครอบครัวของหญิงสาวเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะ หญิงสาวเป็นลูกคนเล็กของบ้าน มีนิสัยไม่ชอบอยู่ในกรอบ แตกต่า
“เดี๋ยวนี้หนุ่ม ๆ ไม่ค่อยมาบวชกันหรอก หลวงพี่นี่แหละเป็นพระที่อายุน้อยที่สุดในวัด ที่เหลือก็หลวงตาอีกสี่ห้ารูป” พระหนุ่มใหญ่ใจนักเลงหันไปพูดเสียงเข้ม ส่วนหญิงสาวที่กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่ห่างๆ ก็คลี่ยิ้มน้อยๆ“หลวงพี่มาบวชนานเหรอยังคะ อกหักเหมือนหนูแล้วมาบวชหรือเปล่า” คนตัวเล็กหันมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามด้วยความสงสัย “หึ!” พระภาคย์เอาแต่อมยิ้ม หากจะให้บอกไปว่าแม่สั่งให้มาบวชเพราะพระอาจารย์ทักว่าถ้าบวชแล้วจะเจอเนื้อคู่ก็กลัวว่าเธอจะมองเป็นเรื่องไร้สาระ“อาตมาไม่ได้อกหัก อาตมามาบวชเพราะอยากจะอยู่แบบสงบ ๆ สักพัก ส่วนโยมก็….รีบ ๆ ตัดใจแล้วหาแฟนใหม่ซะ” พระภาคย์ไม่ถนัดปลอบใจใคร ก็เลยแนะนำให้โยมสาวสวยมีรักใหม่ไปเสียให้มันจบๆ“จริงด้วยสิคะ! หนูคงต้องรีบหาแฟนใหม่ แต่หลวงพี่ก็พูดเหมือนกับว่ามันหาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ”“แฟนใหม่หาไม่ยาก แต่ที่หายากคือแฟนดีต่างหากล่ะโยม”“แล้วหลวงพี่มีเพื่อนดี ๆ แนะนำให้หนูรู้จักมั้ยคะ แบบที่ไม่ได้เป็นพระเหมือนกับหลวงพี่น่ะค่ะ”พระภาคย์กระตุกยิ้ม รุ่นนี้แล้ว… ส่วนใหญ่ถ้าไม่แต่งงานมีลูกมีเมียกันไปหมดก็เป็นเกย์“แล้วแฟนเก่าเขาทำไว้กับโยมยังไงบ้างเหรอ” ที่ถามนั้นไม่ได
“หนูชื่อต้องมนตร์ค่ะหลวงพี่ เมื่อคืนนี้ถ้าไม่ได้หลวงพี่ช่วยไว้ล่ะก็หนูแย่เลย”ต้องมนตร์ในสภาพเมาค้างคลี่ยิ้มให้พระภาคย์พร้อมยกมือขึ้นพนมไหว้ ดวงตายังคงเยิ้มและฉ่ำปรือ เมื่อคืนเมาแล้วร้องไห้จนตาบวม แถมยังลุกขึ้นส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายจนทางร้านรีบไล่ให้กลับเพราะรบกวนลูกค้าคนอื่น“ไม่เป็นไรหรอกโยม แล้วเมื่อคืนโยมนอนที่ศาลาวัดหลับสบายดีไหม”“ก็…มีตื่นขึ้นมาแล้วปวดหลังนิดนึงค่ะหลวงพี่”เมื่อคืนนี้พระภาคย์บอกให้เด็กวัดเอาหมอน เสื่อและผ้าห่มมาให้ต้องมนตร์ที่ศาลาวัด ตามด้วยพัดลมกับยากันยุง“เมื่อคืนนี้โยมเมามาก อาตมาเห็นโยมทะเลาะอยู่กับหมาวัดตั้งนานกว่าจะนอน โยมส่งเสียงดังโวยวาย อาตมาคิดว่าโยมน่าจะโกรธแค้นใครมาสักคนแล้วเอาอารมณ์มาลงที่หมาวัดของอาตมา”พระภาคย์กลั้นขำตอนพูด ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก“เอ่อ…” ต้องมนตร์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่คิดว่าเมื่อคืนไม่น่ากินเหล้าเข้าไปมากขนาดนั้นเลย“ว่าแต่ชื่อเพราะดีนะโยม ต้องมนตร์หรือว่าต้องคุณไสยกันแน่” พระหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะพยายามปั้นสายตาเปี่ยมเมตตามองหญิงสาว“ต้องมนตร์สิคะ ต้องคุณไสยอะไรกันคะหลวงพี่!” ต้องมนตร์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับพระ เลยเบนสายตาไป