LOGINในวันแห่งการโกหก ขวัญเมษานักร้องสาวแสนสวยได้พบกับ พี่หมอก เจ้าของผับหนุ่มใหญ่ผู้หล่อเหลาลุคแดดดี้ ทว่าแท้จริงแล้วเขาก็คือ อาจารย์หมอเมธากร หรือหมอเมธ หมอใหญ่ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างป้อนคำโกหกให้กัน เธอก็ดันตกหลุมรักเขาเข้าจริง ๆ เนื้อเรื่องสไตล์ฟีลกู้ด โนดราม่า ระหว่างสาวจบใหม่กับคุณลุงหมอคลั่งรักเด็ก ฉากอีโรติกเยอะฉ่ำ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
View More1 เมษายน วัน April Fool’s Day
@ผับ Falling in You
กลิ่นอายอบายมุขนี่มันหอมคละคลุ้งเยียวยาหัวใจได้ดีจริงๆ!
นั่นเป็นความคิดแรกของ ‘นายแพทย์เมธากร เขมาภิวัฒน์’ หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘อาจารย์หมอเมธ’ ทันทีที่ก้าวเข้ามายังผับสุดหรูของเพื่อนสนิทอย่าง ‘ภาคย์’ ใครจะคิดละว่านายแพทย์อย่างเขาที่ควรจะเข้านอนตั้งแต่สองทุ่ม รับประทานอาหารสุขภาพ และตื่นมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำที่บอกคนไข้ทุกราย แท้จริงแล้ว...วิธีผ่อนคลายที่ดีสุดๆ มันจะมีอะไรไปได้นอกเสียจาก ‘การร่ำสุรา’
ร่างสูงโปร่งดูสง่าดุดันแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท กางเกงยีนส์รัดรูปตัวโปรด ทรงผมเซ็ตเสยอย่างเป็นธรรมชาติ เดินตรงเข้าไปยังโต๊ะวีไอพีที่มีไอ้เจ้าของผับหน้าเข้มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มิวายข้างกายมันยังมีสาวสวยอีกสองคนนั่งขนาบข้าง ดูผ่านๆ ไม่ต่างจากแฮมเบอร์เกอร์ที่มีเนื้อชิ้นใหญ่แปะอยู่ตรงกลาง
“หึ” นายแพทย์หนุ่มใหญ่ยกยิ้มมองเพื่อนด้วยสายตาเคยชิน
“ไงไอ้หมอ! ลมอะไรหอบมึงมาหากูที่นี่คืนนี้วะ” ภาคย์ทักเพื่อนพลางหันไปหอมแก้มสาวๆ คนละฟอดอย่างเท่าเทียมกัน
“กูหิวเหล้า” เขาตอบนิ่งๆ หย่อนกายนั่งลงที่โซฟาตัวข้างกันกับภาคย์ เหล่มองสาวข้างกายของมันที่คอยแต่ทำสายตาเชื้อเชิญเขาทั้งที่กำลังนั่งอยู่ข้างไอ้เสือหิวตัวโตนั่นแท้ๆ
หากเป็นผู้ชายคนอื่นคงนึกอยากจะเรียกเธอมานั่งปรนนิบัติใกล้ๆ ทว่าไม่ใช่สำหรับอาจารย์นายแพทย์ผู้มั่งคั่งอย่างเขา! หลายคนอาจจะมองว่า ‘สุราและนารี’ นั้นเป็นของคู่กัน แต่สำหรับเมธากรแค่มี ‘สุรา’ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนนารี...ไว้จะมีเดี๋ยวก็คงมีเอง เพราะเขาไม่มีรสนิยมวันไนท์สแตนด์กับใคร!
“งานเยอะ?” เจ้าของผับชงเหล้าให้เพื่อนอย่างเชื่องช้าก่อนจะยื่นให้มัน เขากับเมธากรเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แม้เมธากรจะหลงรักการดื่มเป็นชีวิตจิตใจแต่มันกลับแยกแยะเรื่องงานออกจากชีวิตส่วนตัวได้เป็นอย่างดี เพื่อนรักเขาเลือกที่จะเป็นหมอและขยับขึ้นเป็นอาจารย์แพทย์ในเวลาต่อมา
ส่วนภาคย์น่ะหรือ...เขาหลงใหลในชีวิตกลางคืนและทุกสิ่งที่เป็น ‘สีเทา’ ไม่ว่าจะเป็นผับ บาร์ หรือแม้แต่บ่อนกาสิโน แต่ถึงอย่างนั้นธุรกิจของเขาก็ทำอย่างมีขอบเขตไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนใกล้ตัว ดังนั้นเขากับไอ้หมอหล่อคนนี้จึงยังคบหาเป็นเพื่อนกันมานานหลายสิบปี
“เออ กูเพิ่งเสร็จจากเคสผ่าตัดที่กินเวลาต่อเนื่องไปแปดชั่วโมง แถมเมื่อเช้าก็เพิ่งสอนนักศึกษาแพทย์ กลับมายังไม่ทันได้พักก็ต้องเคลียร์งานบริหารของโรงพยาบาลอีก จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้แดกอะไรเลย”
“แล้วก็เสือกแดกเหล้าก่อนข้าวด้วยนะ เยี่ยมจริงๆ ไอ้หมอเมธ” ภาคย์ขำให้กับการปฏิบัติตัวที่ต่างสุดขั้วกับหน้าที่การงานของเมธากร แต่ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจดีว่าด้วยภาระหน้าที่อันหนักอึ้งอาจจะทำให้มันเครียดจนอยากผ่อนคลายบ้าง
เมธากรเป็นทายาทคนโตของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนในเครือภิวัฒน์บำรุง โรงพยาบาลที่มีสาขากระจายอยู่หลายจังหวัด พอเรียนจบเขาเลยต่อแพทย์เฉพาะทาง กลายเป็นแพทย์ศัลยกรรมประสาทและสมอง ที่มีชื่อเสียงด้านฝีมืออันดับต้นๆ ของเมืองไทย เรียกได้ว่าหล่อ รวย คว-เลี่ยมทองของแท้ ทว่า...ไอ้หมอหนุ่มใหญ่คนนี้กลับยังโสดไร้สาวข้างกายเสียได้!
“ให้น้องๆ ดูแลหน่อยไหม” ภาคย์หยั่งเชิงอีกครั้ง ทว่ากลับได้รับเพียงสายตาดุดันที่มองมาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อนั้นเขาจึงรู้ได้ทันทีว่า…ต่อให้ยุยงให้ตาย ไอ้หมอคุณธรรมล้ำเลิศคนนี้มันก็ไม่คิดที่จะ ‘กิน’ ผู้หญิงไปเรื่อย
เมื่อนั้นเจ้าของบาร์จึงหันไปสั่งให้สาวสวยทั้งสองคนออกไปก่อนเพื่อใช้เวลาคุยกันตามประสาหนุ่มๆ
“อะไรกันวะ อยู่มาจะค่อนชีวิตแล้วมึงไม่คิดอยากลองวันไนท์กับใครสักคนเลยหรือไง” ภาคย์เอ่ยขึ้นมาลอย ๆ พร้อมสอดส่องสายตามองบรรดาลูกค้าสวย ๆ ในผับ
“กูไม่ชอบมึงก็รู้” เมธากรตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอย่างเมามัน ราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่าก็ไม่ปาน หากแต่เขารู้ลิมิตของตัวเองดี คนอย่างหมอเมธไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเมามายไร้สติจนกลับบ้านไม่ได้ต้องเป็นภาระของใคร
“มึงไม่ได้คบใครมาตั้งนานแล้ว ไม่อึดอัดบ้างเหรอวะ” เจ้าของบาร์หนุ่มยังคงสงสัยอยู่ เพราะหากเป็นเขา...แค่อาทิตย์เดียวที่ไม่ได้กอดก่ายผู้หญิงก็รู้สึกว่าจะขาดใจแล้ว
“แล้วมันมีวิธีระบายแค่นอนเอากับผู้หญิงหรือไง?” นายแพทย์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงอยู่ว่าเขาไม่นิยมนอนกับผู้หญิงที่รู้จักกันแค่คืนเดียว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะด้านชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องอย่างว่า ผู้ชายที่อยู่มาถึงอายุสี่สิบปี อย่างเขาย่อมมีวิธีปลดปล่อยด้วยตัวเองมากมายจนไม่จำเป็นต้องนอนกับใคร
“เออๆ แต่มึงมาคืนนี้ก็ดี เพราะคืนนี้มีวงดนตรีเพลงร็อคสไตล์ที่มึงชอบมาเล่นด้วย จะว่าไปก็คิดถึงสมัยเรียนเหมือนกันนะ มึงแม่งเป็นนักร้องนำวงมหาลัยที่สาวๆ กรี๊ดหนักสุดในรุ่นแล้วกูว่า นี่ถ้ามึงไม่อินดี้นะ…ป่านนี้มีเมียมีลูกไปแล้วไอ้หมอ” ภาคย์ยังคงจำได้แม่น ตอนนั้นไม่ว่าจะดาวคณะไหนต่างก็ให้ความสนใจเมธากรเสียจนหนุ่ม ๆ หลายคนต่างพากันอิจฉา รวมถึงเขาเองก็ด้วย เพราะไอ้เวรนี่ไม่ยอมคบหาใครเป็นจริงเป็นจัง จะมีก็แต่ลองคบดู พอผ่านไปสามเดือนก็เลิกราจนตอนนี้เขาเองก็ได้แต่ลุ้นว่าใครกันจะมาเป็นคู่ชีวิตของมัน
หรือจะโสดไปจนแก่ตายให้ผู้หญิงเสียดายเล่น?
“กูไม่รีบครับ ถ้ามึงรีบก็แต่งงานไปก่อนกูเลย” เมธากรตอบยิ้มๆ ไม่สะทกสะท้านใดๆ
“ไอ้เมธ! ถ้ากูรูปหล่อพ่อรวยแถมสมองอัจฉริยะอย่างมึงกูไม่โสดมาถึงวันนี้หรอกโว้ย อายุเราก็ล่อไปไกลแล้ว มึงไม่กลัวจะแก่ตายไปก่อนหรือไง นี่น้องชายสองคนของมึงก็ชิงแต่งงานมีลูกไปหมดแล้ว มึงไม่อยากมีบ้างเหรอวะ”
“นี่ไอ้ภาคย์ กูจะบอกอะไรมึงให้นะ สี่สิบนี่แหละเป็นช่วงชีวิตที่ผู้ชายมีเสน่ห์ดึงดูดที่สุด” นายแพทย์เมธากรตอบอย่างมั่นอกมั่นใจในเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเอง
แต่ก็จริงของภาคย์ที่ว่า ‘ณัฐกร’ กับ ‘เขมกร’ สองหมอผู้เป็นน้องชายในสายเลือดต่างแต่งงานมีลูกนำพี่ชายของมันไปหมดแล้ว แต่เมธากรกลับไม่รู้สึกกดดันอะไร เขามีความเชื่อว่าคนเราไม่จำเป็นต้องมีครอบครัวเสมอไป หากแต่ก็ไม่ได้ปิดใจเสียทีเดียวเพียงแต่เขายังไม่เจอผู้หญิงที่พร้อมจะมอบตำแหน่งแม่ของลูกให้ก็เท่านั้นเอง…
หลังจากหนึ่งเดือนผ่านพ้นไป แป้งหวานก็น้ำหนักลดฮวบจนคุณดาริกาเธออดเป็นห่วงไม่ได้ ว่างเมื่อไหร่จึงต้องรีบมาช่วยเลี้ยงหลาน วันนี้พอเข้ามาถึงก็เห็นแม่ของหลานนั่งสัปหงกอยู่ตรงโซฟา ส่วนเขมกรก็ต้องออกไปประชุมตั้งแต่เช้า “แป้งไปพักเถอะ เดี๋ยวแม่จะกล่อมยัยหนูนอนเอง” หลังจากบอกลูกสะใภ้ให้ไปพัก สองมือของผู้เป็นย่าก็กอดประคองหนูน้อย ‘เดียน่า’ เอาไว้พร้อมกับยิ้มพริ้มอย่างมีความสุข “โตขึ้นมาต้องสวยเหมือนย่าแน่นอนลูก” คุณดาริกามั่นใจ เขมกรหน้าเหมือนแม่ และลูกสาวเขาก็หน้าเหมือนเขา เพราะฉะนั้นหนูน้อยคนนี้จึงมีหน้าตาเหมือนคุณย่าเป๊ะ… คุณย่าผู้ซึ่งไปบนบานขอหลานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และตอนนี้ก็กำลังลุ้นให้ลูกชายอีกสองคนได้เมียในเร็ววัน“ไม่รู้เมื่อไหร่ตาเมธกับตาณัฐจะเจอเนื้อคู่ซะที!” คุณดาริกาบ่นกับแป้งหวานอยู่เป็นประจำ แป้งหวานเลยใช้วิธีให้พวกคุณลุงได้ช่วยเลี้ยงยัยหนูบ้าง เผื่อว่าจะรู้สึกอยากมีลูกเป็นของตัวเอง ส่วนพ่อกับแม่แท้ๆ ของแป้งหวานที่อยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่รู้เรื่องก็ไปป่าวประกาศทั่วหมู่บ้านว่าลูกสาวได้สามีเป็นถึงหมอไฮโซเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ลูกกตัญญูอย่างแป้งหวานไม่ถือสาหรอก หญิงสาวส่งเ
๒๒คุณแม่แป้งหวานนับตั้งแต่วันแรกที่แป้งหวานรู้ตัวว่ามีเจ้าตัวน้อยกำลังเติบโตอยู่ในท้อง เธอก็คิดเพียงว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด และวินาทีที่ได้ยินเสียงหัวใจดวงน้อยๆ อีกดวงกำลังเต้นอยู่ในตัวเธอ มันคือวินาทีมหัศจรรย์ที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เขมกรนั่งอมยิ้มมองใบหน้าแม่ของลูก สลับกับมองผลงานของตัวเองที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอด้วยความภาคภูมิใจ น้ำยาดีชะมัด ครั้งเดียวก็ติดเลย สิบเอ็ดสัปดาห์แล้ว… เจ้าตัวน้อยก็มีรูปร่างเหมือนทารกแล้ว และแป้งหวานก็ละสายตาไปจากภาพอัลตราซาวด์บนหน้าจอไม่ได้เลยจริงๆ น่ารักจัง… แม้ตัวจะยาวแค่เพียงหนึ่งนิ้วครึ่งก็เถอะ“ลูก… ลูกของเรา” เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา ทว่าเขมกรยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมา ก็มีใครบางคนเลื่อนบานประตูห้องตรวจขัดจังหวะเข้าซะก่อน ประตูห้องอัลตราซาวด์ถูกเปิดออกจนสุดด้วยฝีมือของ…. เจ้าของโรงพยาบาล“ป๊า” เขมกรหันไปดูผู้มาเยือนด้วยความตกใจ นี่พ่อของเขาโผล่มาที่นี่ได้ยังไงกัน “แม่” พ่อคนเดียวไม่พอ ตอนนี้คุณดาริกากำลังก้าวตามสามีเข้ามาติดๆ ใบหน้าที่โบกด้วยเครื่องสำอางราคาแพงของภรรยาเจ้าของโรงพยาบาลระบายไปด้วยรอยยิ้มชื่นมื่นประหนึ่งวันนี้ที่รอคอยมาถึงแล้ว “พ
ณ บ้านหลังเล็กๆ ทว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่น แป้งหวานนั่งร้องเพลงสากลที่เคยฮิตติดชาร์ตในอดีตพร้อมกับปั้นบัวลอยไปด้วย บัวลอยสีสวยจากธรรมชาติน่ากินสุดๆ สีเขียวจากใบเตย สีม่วงจากน้ำดอกอัญชัน สีเหลืองจากฟักทอง และสีส้มจากแครอทนึ่งสุก แถมยังใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปเพิ่มรสชาติความอร่อยหอมมัน สอบก็เสร็จแล้ว แบบนี้ก็ยิ่งว่างเพราะพ่อของลูกไม่ยอมให้ออกไปทำงาน งั้นก็ทำอาหารแก้เบื่อไปก่อนละกัน จากนั้นก็ค่อยไปงีบหลับหรือไม่ก็นอนอ่านหนังสือสำหรับคุณแม่มือใหม่ วันนี้ตอนไปเดินห้างแป้งหวานแวะซื้อหนังสือติดมือมาหลายเล่ม เน้นที่วิธีการเลี้ยงเด็กในช่วงวัยต่างๆ โดยเฉพาะช่วงทารก เพราะดูๆ ไปแล้วไม่น่าจะมีคุณย่าคุณยายมาช่วยเลี้ยงหลานสักคน หลังจากปั้นบัวลอยเสร็จก็พักไปตำน้ำพริกก่อน วันนี้แป้งหวานมีความสุขมากเพราะเพิ่งจะถอยครกใบใหม่เข้าบ้าน โชคดีที่มีแม่บ้านไปคอยช่วยถือ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะหิ้วของกลับบ้านไม่ไหวแน่ๆ ตอนที่คุณดาริกากับหมอณัฐกรขับรถมาจอดอยู่หน้าบ้าน แป้งหวานก็ดันไม่ได้ยินเสียงรถ เพราะเสียงตำน้ำพริกของเธอดังกลบทุกเสียง คนสองคนเดินเข้ามาในบ้านอย่างเงียบเชียบ เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเธอ คุณดาริ
๒๐ว่าที่ลูกสะใภ้อีกฟากฝั่งของโรงพยาบาล หมอณัฐกำลังรับโทรศัพท์จากคุณดาริกาผู้เป็นมารดาที่นัดหมายกันไว้ดิบดีว่าวันนี้จะออกไปสืบหาว่าที่สะใภ้เล็กของบ้านด้วยกันทุกคนอยากจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า แล้วเธอเป็นใครมาจากไหนกัน โดยเฉพาะคุณดาริกาที่มีลูกชายเป็นหมออินดี้ถึงสามคน อินดี้ในรูปแบบที่ไม่ยอมมีลูกมีเมียเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งๆ ที่อายุอานามก็มากโขแล้ว เพื่อนรุ่นเดียวกันหลายคนก็ส่งลูกเข้าโรงเรียนกันแล้ว เหลือแต่พวกลูกชายของเธอที่ไม่รู้ว่าจะหวงความโสดกันไปถึงไหน ในขณะที่แม่อยากอุ้มหลานใจจะขาด และพ่อก็อยากจะได้หลานมาสืบทอดธุรกิจของครอบครัวจะแย่ คุณดาริกาอยากมีหลานหลายๆ คน ทว่าแค่คนเดียวก็ยังไม่โผล่มาสักที เฮ้อ!! “ครับแม่ ตอนนี้เขมติดประชุมอยู่ ทางสะดวก เราไปกันเลยนะ” หมอณัฐเอ่ยบอกคนต้นสายพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดพรายอยู่บนใบหน้า เขาเป็นลูกชายคนกลางที่สนิทกับแม่มากที่สุด และพอแม่ชวนไปก็รีบรับปากทันที “โอเค ณัฐขับรถมารับแม่ที่บ้านได้เลย เราจะไปที่บ้านหลังนั้นกัน” คุณดาริกากดวางสายพร้อมกระตุกยิ้มแน่วแน่ ลูกชายคนเล็กของเธอรักๆ เลิกๆ กับไฮโซมาหลายคน จนผู้เป็นแม่เลิกหวัง