“คุณเมย์รับอะไรไหมครับ” เสียงริชาร์ดถามขึ้น เมื่อมานั่งที่โต๊ะในไนต์คลับบรรยากาศดีแห่งหนึ่งที่มีเสียงเพลงสากลคลอมาเบา ๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ” เมษาปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม ชายหนุ่มจึงเลือกสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไป 2 – 3 อย่าง
“ดูคุณเมย์เครียด ๆ นะครับ เหนื่อยเพราะดูแลผมหรือเปล่าเอ่ย” ร่างสูงถามเสียงเย้า
“ไม่เลยค่ะ คุณริชาร์ดน่ารักมากค่ะ” หญิงสาวรีบโบกมือปฏิเสธ เพราะกลัวลูกค้าหนุ่มจะเข้าใจผิด “พอดี เมย์มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“เรื่องบางเรื่อง ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว แล้วมันเหนือการควบคุม แต่ถ้าคุณเมย์มั่นใจว่า ตัวเองทำดีที่สุดแล้ว” ริชาร์ดเอนหลังพิงโซฟานุ่ม พร้อมยักไหล่ “มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจนี่ครับ”
หญิงสาวนั่งนิ่ง คิดตามคำของริชาร์ด แล้วเม้มปากโดยไม่รู้ตัว
เขาพูดแทงใจหล่อน
เขาสามารถหลอมความคิดที่ฟุ้งซ่านให้สงบลงด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ
ก็จริงอยู่ว่า ระหว่างที่เธอกับกฤษณะเป็นแฟนกัน เธอทำหน้าที่แฟนอย่างเต็มที่ ดูแลและสนับสนุนเขาในทุกทาง ทั้งในเรื่องงานและครอบครัวของชายหนุ่ม
แม้ว่า ตัวเธอเองจะกำพร้าพ่อแม่ด้วยโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ตั้งใจเรียนจนสอบชิงทุนได้ เรียกได้ว่า ทุกอย่างที่เธอมีในวันนี้ ล้วนมาจากความพยายามของตัวเองทั้งสิ้น และความพยายามของเธอก็ส่งผลไปถึงครอบครัวของกฤษณะด้วยซ้ำ
ในบางครั้งบางครา เมษาก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือผ่านกฤษณะ โดยไม่ให้ที่บ้านเขารู้ เพราะเธอมองว่า อย่างไรก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แม้ที่บ้านของกฤษณะจะไม่รับรู้ แต่ก็เอ็นดูเธอเป็นอย่างดี
แล้วกฤษณะล่ะ คนที่รับรู้และตอบรับความหวังดีของเธอทุกอย่าง กลับตอบแทนความดีของเธอด้วยการนอกใจแบบนี้เหรอ
ใช่ คงมีแค่เรื่องเดียวที่เธอบกพร่องไปในฐานะแฟน ก็คงเป็นเรื่องบนเตียงที่เธอบ่ายเบี่ยงกฤษณะมาตลอด...
ความจริงแล้ว เมษาเองก็เป็นผู้หญิงยุคใหม่ เพียงแต่ในช่วงวัยรุ่นที่เพิ่งคบกัน เมษามีความตั้งใจที่จะทุ่มเทให้กับการเรียนก่อน ด้วยความที่เธอเป็นนักเรียนทุน และเมื่อได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก็ทำให้เป็นรักทางไกลเข้าไปอีก พอเรียนจบมา ก็เข้าทำงานที่บริษัท P&M ซึ่งต้องเร่งพัฒนาตัวเองจนกระทั่งมาถึงจุดนี้ได้
ในวันหนึ่งที่ทุกอย่างเริ่มอยู่ตัว เมษาเองก็มีความต้องการในเรื่องนั้นไม่ต่างกับกฤษณะ เพียงแต่ในวันที่เธอพร้อม กฤษณะก็คุกเข่าขอเธอแต่งงานพอดี หญิงสาวจึงมองว่า ให้ค่ำคืนแรกเป็นของขวัญแต่งงานแก่ชายหนุ่ม เพื่อเป็นความประทับใจในโอกาสพิเศษดีกว่า
พอเธอไม่ให้ ก็เลยต้องหาจากคนอื่นสินะ...
“ถ้าเรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้น คงมีอะไรให้คิดเยอะแยะสินะครับ” เสียงชายหนุ่มแทรกขึ้นมา ทำให้เมษาสะดุ้งออกจากความคิด “ถ้าไม่อยากคิดมาก แอลกอฮอล์ช่วยได้นะครับ”
“แต่ฉันไม่...” เมษาเตรียมตั้งท่าปฏิเสธ
เธอไม่ใช่คนคออ่อน แต่ก็ไม่แข็งขนาดนั้น อีกอย่าง ตอนนี้ เธอก็มองว่า ยังอยู่ในเวลางานอีกด้วย
“คนเราอะไรไม่เคย ก็ต้องลองดูนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนแก้วมาตรงหน้า เพราะเข้าใจว่า เมษาปฏิเสธเพราะไม่เคยดื่ม โดยพนักงานเอามาเสิร์ฟในระหว่างที่เมษากำลังจมอยู่ในความคิด “ผมสั่งแบบที่แอลกอฮอล์ต่ำมาเผื่อน่ะครับ แต่ถ้าคุณเมย์ไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรครับ”
“ฉัน... ไม่...” เมษาตั้งใจปฏิเสธอย่างแน่วแน่ เพราะคิดว่าอย่างไร หล่อนก็อยากทำงานตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อน
คนเราอะไรไม่เคย ก็ต้องลอง... คำพูดของชายหนุ่มลอยเข้ามาในหัว
ใช่ซี้ ก็คงลองจนพรุนหมดแล้วล่ะมั้ง ถึงขั้นต้องมาทำกันต่อที่บริษัทจนเธอเห็น...
ตอนนี้ ไม่ว่า จะคำพูดอะไรที่เข้าหู เมษาล้วนนำไปกระทบพาดพิงแฟนหนุ่มทั้งสิ้น ก่อเกิดเป็นความหงุดหงิดใจที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ได้ค่ะ” หญิงสาวคว้าแก้วที่ชายหนุ่มเลื่อนมาขึ้น แล้วยกกระดกทีเดียวหมดแก้ว “อ๊ะ!!”
ความขมปร่าแล่นผ่านลำคอ ส่งผลให้ไอร้อนตีขึ้น จนหญิงสาวต้องยู่หน้าพ่นลมหายใจร้อน ๆ ออกมา
“ฮ่า ฮ่า อย่าดื่มทีเดียวแบบนั้นสิครับ มันต้องค่อย ๆ ดื่ม” ริชาร์ดค่อย ๆ กระดกของเหลวในมือให้ดูเป็นตัวอย่าง
“แล้วทำไมไม่รีบบอกล่ะคะ” เมษากระเง้ากระงอด เพราะมันแสบคอมากจริง ๆ ก่อนจะคว้าอีกแก้วข้าง ๆ มาจิบเบา ๆ ตามชายหนุ่ม
“เดี๋ยวคุณเมย์ แก้วนั้น มันของผม!!!” ชายหนุ่มรีบยกมือจะไปคว้า แต่ไม่ทันมือบางที่คว้ายกดื่มไปแล้ว
“อ้าว ขอโทษค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบา เมษาเข้าใจว่า ชายหนุ่มอยากดื่มแก้วนี้ จึงบอกออกไป “เดี๋ยวฉันสั่งให้ใหม่นะคะ”
อืม ขมฝาดคอไปหน่อย แต่ก็กรึ้ม ๆ มึน ๆ ดีเหมือนกัน
เมษาคิดในใจ ก่อนจะยกจิบอีกที พร้อมโยกตัวเข้ากับจังหวะเพลง... ช้า
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ
แอลกอฮอล์ที่เขาสั่งมา 3 แก้ว แก้วแรก เขาสั่งมาเผื่อเมษา โดยเลือกแบบแอลกอฮอล์ต่ำสุด ส่วนอีก 2 แก้วเป็นแบบเพียว ๆ และแน่นอนว่า ตอนนี้ 1 ใน 2 แก้วนั้น อยู่ในมือเมษาเรียบร้อยแล้ว
“เรากลับกันเลยไหมครับ” ริชาร์ดเอ่ยถาม ขณะที่มองร่างบางยกจิบอย่างเป็นจังหวะ เขาพอมองออกว่า เมษาพอดื่มได้บ้าง แต่การที่ดื่มเพียวแบบนี้ น่าจะครองสติได้ยาก
“ทำไมล่ะคะ” เมษาเอียงคอถาม “ฉันกำลังสนุกเลย”
ตาเริ่มเยิ้ม แก้มแดงปลั่ง สียงพูดเริ่มอ้อแอ้ ตัวเซไปมา งานเข้าแล้วไง...
ชายหนุ่มเห็นสภาพเมษาแล้วรีบหันไปสั่งวิลเลียมให้จัดการคิดเงินและเตรียมรถด่วนเลย
“ผมอยากกลับไปพักแล้วล่ะครับ” ริชาร์ดพยายามดึงแก้วใสออกจากมือสาวให้หยุดดื่ม ซึ่งตอนนี้ หายไปแล้วครึ่งหนึ่ง “เดี๋ยวผมไปส่งคุณเมย์ที่คอนโดนะครับ”
“ค่า...” เมษายิ้มกริ่ม ก่อนจะกระดกแก้วอีกที ก่อนที่จะยอมปล่อยแก้วคืนเจ้าของ
เมื่อเธอเมาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งแอ๊บถามหาที่อยู่ของเธอ เพราะวิลเลียมสืบมารายงานเขาเรียบร้อยแล้ว
“ไปกันเถอะครับ” ริชาร์ดลุกขึ้นยืน พลางเตรียมตัว เมื่อเมษาค่อย ๆ ลุกขึ้น ร่างบางเซไปนิด ก่อนจะประคองตัวให้ยืนตั้งหลักได้ ดวงหน้าใสสะบัดหน้าไล่ความมึนงง
ท่ามกลางความลุ้นระทึกของชายหนุ่ม และไม่ต้องลุ้นนาน จังหวะก้าวเท้าแรก หญิงสาวที่เซเรียบร้อย จนริชาร์ดต้องรีบเข้ามาประคอง
“ทำไมมีคุณริชาร์ด 2 คนล่ะคะ” เมษาเงยหน้าถามเสียงหวาน พร้อมหรี่ตาเพ่งหน้าชายหนุ่มอีกที “อ๊ะ เหลือคนเดียวแล้ว ฮ่า ฮ่า”
เมื่อเหล้าเข้าปาก นิสัยเปลี่ยนทุกคนจริง ๆ ชายหนุ่มส่ายหน้า พร้อมรีบเดินประคองเมษาออกมาขึ้นรถหน้าไนต์คลับ
สภาพเขาตอนนี้ เหมือนคนมอมเหล้าสาวแล้วลากเข้าห้องจริง ๆ เถอะ ให้ตาย ถึงปกติ เขาจะลากสาวเข้าห้องเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็ล้วนมีสติครบถ้วน ต่างจากคนในอ้อมแขนเขาตอนนี้
ดูท่า เขาจะมีชื่อเสียเพิ่มอีกแล้วสินะ!!
ชายหนุ่มสะดุ้งไปกับประโยคนั้นใช่ เขาฝากแม่มาบอกผู้หญิงคนนั้น แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นคนที่เขารักสุดใจตรงหน้าแค่ทำให้เธอโกรธ เขายังไม่กล้าเลย นับประสาอะไรจะไปกลั่นแกล้งให้เธอรู้สึกทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น“ตกนรกสวาทไง ที่รัก” สัญชาตญาณความเป็นเสือผู้หญิงทำงานอย่างเร่งด่วน พร้อมมือหนาที่ประคองกอดอยู่ด้านหลังก็รูดซิปชุดเจ้าสาวอย่างรู้หน้าที่ ทำให้ชุดเกาะอกหล่นลงตามแรงโน้มถ่วง พอดีกับที่หญิงสาวยันตัวห่างจากชายหนุ่ม เผยให้เห็นเนินอกอวบเปลือยเปล่าเต็มสองตา“อ๊ะ ว้าย” เมษารู้สึกเหมือนโลกหมุน เพราะคนข้างล่างจัดการพลิกตัวให้เธอลงมานอนแผ่บนเตียงแทน ขณะที่อีกมือก็ดึงเกาะอกลงมา ก่อนจะก้มลงฝังหน้าที่ร่องอกเธออย่างคิดถึง“อึก อ๊ะ อื้อ~”มือหนาขยำอกอวบอย่างคิดถึง พร้อมดันให้เต้านุ่มสู้กับหน้าของตนเอง“หอมจัง” ชายหนุ่มสูดความหอมจากตัวหญิงสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นที่เขาคิดถึงอย่างที่สุด พลางเบียดแทรกกายเข้าระหว่างกลางเรียวขางามภายใต้กระโปรงหนานิ้วซุกซนเริ่มขยับมาบี้ยอดอกจนค่อย ๆ แ
ริชาร์ดนั่งรถคันหรูมากับเอวามาอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่รถจะเคลื่อนเข้าสู่บริเวณคฤหาสน์ของแม่ของเขา เมื่อรถจอดสนิท ชายหนุ่มก็ก้าวขายาว ๆ เดินลิ่วไปที่ห้องของตัวเองทันที เพราะทราบมาจากวินเซนต์แล้วว่า ราเชลจัดห้องนอนของเขาเป็นห้องหอร่างสูงก้าวเท้าเดินนำไปอย่างไม่ไยดีเจ้าสาว ในใจเอาแต่นับเวลาถอยหลังให้ครบ 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะได้เจอใครบางคน ขณะที่เขาจะก้าวไปถึง เสียงบิดาที่ก้าวตามมาติด ๆ เรียกไว้ก่อน“ริชาร์ด”“มีอะไรครับ พ่อ” ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหมุนตัวมามองบิดาที่ก้าวตามมา ทั้งคู่หยุดยืนที่หน้าบันไดกว้าง“มากับพ่อแปบหนึ่ง” วินเซนต์คว้ามือบุตรชาย ลากเข้าห้องทำงานที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ“เรื่องหนูเอวาน่ะ” พ่อของเขาเกริ่นขึ้น เมื่อเห็นลูกชายยังนิ่งเงียบ เขาจึงเอ่ยต่อ “เธอเป็นลูกสาวเพื่อนพ่อเอง แม่เธอเป็นคนไทยเพิ่งเสียได้ไม่นาน ยังไงก็ใจดีกับเธอหน่อย”“...” ริชาร์ดไม่ตอบรับคำใด เขาได้แต่นิ่งเงียบ“พ่อรู้ว่า แกน่ะโกรธแม่เขาที่ไม่เข้าใจแกเลย แต่หนูเอ
เสียงเพลงสากลหวาน ๆ ดังคลอขับกล่อมคนในงานที่พูดคุยทักทายกันอย่างยินดีกับคู่บ่าวสาวในพิธีมงคลสมรส เจ้าบ่าวร่างสูงในชุดสูทสีขาวยืนต้อนรับแขกอยู่ที่หน้างาน โดยมีวินเซนต์และราเชลคอยยืนประกบหลังจากวันนั้น ก็ไม่มีทีมงานออแกไนซ์หน้าไหนเข้ามาติดต่ออีกเลย จนเขาได้ทราบจากเบนจามินว่า มาดามราเชลจัดการเลือกทุกอย่างเองเสร็จสรรพ แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่ได้สนใจไยดีอะไรอยู่แล้วงานแต่งในวันนี้ มันก็เป็นแค่หน้าที่หนึ่งที่เขาตั้งใจทำให้มันเสร็จ ๆ ไป เพื่อรอเจอหน้าร่างบางที่เขาไม่เจอมานานนับ 2 เดือนตั้งแต่วันที่แม่ริบคนรักของเขาไป“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย” เสียงมารดาเขากระซิบแผ่วเบา“ผมก็ยิ้มให้แม่ได้เท่านี้แหละ” ชายหนุ่มกระซิบตอบกลับ ก่อนจะยกยิ้มฝืน ๆแม่ของเขาตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบงานแต่งใหม่ โดยให้มาทำพิธีที่โบสถ์แถวชานเมือง ใกล้คฤหาสน์ของพวกท่าน ส่วนแขกเหรื่อก็เชิญแต่คนสนิทไม่กี่สิบคนเท่านั้น ก่อนจะไปจัดงานเฉลิมฉลองพิธีมงคลสมรสที่โรงแรมหรูกลางเมืองในอีก 2 วันข้างหน้า“แล้วผมจะได้เจอเมย์ตอนไหนครับ แม่”“หลังเสร็จเข
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเบนจามินเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา หลังจากที่เคาะประตูขออนุญาต“คุณลิเดียพาทีมออแกไนซ์งานแต่งงานมาแล้วครับ”ลิเดียเดินเข้ามาในห้อง พร้อมทีมงานอีก 3 – 4 คน ริชาร์ดจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน ผายมือเชิญทุกคนนั่งที่ชุดโซฟารับแขก“สวัสดีครับ คุณริชาร์ด” โรเบิร์ต หัวหน้าทีมออแกไนซ์ยื่นมือมาทักทาย“สวัสดีครับ”“นี่ ทีมงานของผมครับ ฮันน่า นาตาลี และเจคอป ครับ” โรเบิร์ดผายมือแนะนำลูกทีมไปทีละคน ริชาร์ดกวาดสายตาทักทายผ่าน ๆ โดยเมินสายตายั่วยวนของนาตาลีไปอย่างไม่ใส่ใจ“ครับ” ชายหนุ่มรับคำสั้น ๆ“เอ่อ งั้นเราเริ่มกันเลยนะครับ” โรเบิร์ตเปิดบทสนทนา เมื่อเห็นว่าริชาร์ดตอบกลับสั้น ๆ “คุณริชาร์ดอยากได้ธีมงานประมาณไหนครับ”“ไม่รู้สิครับ”“เอ่อ เป็นแบบ Vintage แบบ Minimal หรือแบบเรียบหรูดีครับ” หัวหน้าทีมลองให้ตัวเลือกหลาย ๆ แบบ โดยมีฮันน่าเตรียมจดข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ“ไม่รู้สิครับ” ชายหน
ตั้งแต่กลับจากบ้านแม่ในคืนนั้น ริชาร์ดก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอน เขาครุ่นคิดอย่างหนัก ตั้งแต่แผนการแทรกซึมก็โดนจับได้อย่างไว ส่วนแผนการชิงตัวก็เหมือนว่าแม่เขาจะรู้อยู่ก่อนแล้ว ถึงได้ไปนั่งดักรออยู่แบบนั้น แถมยังรู้ทันเขาถึงแผนการที่จะไปดีลว่าที่เจ้าสาวไว้ล่วงหน้าอีกเขาแทบไม่สามารถทำอะไรได้เลย เหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งวนอยู่บนฝ่ามือแม่อย่างไรอย่างนั้นก็เอาเถอะ ใครเป็นคนเลี้ยงดูสั่งสอนเขามาล่ะ“ฮอตตี้ ผมควรทำยังไงดี”ริชาร์ดเงยศีรษะพิงโซฟานุ่มอย่างจนใจ ไม่ว่า จะทำอะไรก็ยิ่งเหมือนรัดตัวเขา และทำร้ายเมษาทางอ้อม เพราะทันทีที่เขากลับถึงบ้านคืนนั้น เขาก็ได้รับคลิปวิดีโอสั้น ๆ จากแม่ของเขาวิดีโอที่เมษากำลังยืนร้องไห้อย่างเงียบ ๆ พร้อมปาดน้ำตาที่ไหลมาไม่หยุด แม้ว่าจะเป็นเพียงคลิปสั้น ๆ ไม่ถึง 10 วินาที แต่ก็สร้างความทรมานใจให้เขาอย่างที่สุดเขาไม่สามารถรับรู้สาเหตุของความเสียใจนั้น ไม่สามารถปลอบโยนคนในโทรศัพท์มือถือได้เลย และนอกจากคลิปนั้น ยังมีข้อความเตือนการกระทำของเขาจากราเชลกำกับไว้อีกชายหนุ่มเลือกที่ค่อย ๆ ป
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องทำงานของประธานบริษัท ไคล์ ดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างเลขาสาวของมาดามราเชล“มาดามให้พามาส่งค่ะ” อิซาเบลเอ่ยขึ้นสิ้นเสียงพูด ริชาร์ดผุดลุกขึ้น เพื่อรอรับคนที่เขาอยากเจอมาตลอดสัปดาห์ เพราะนับตั้งแต่วันนั้น เขาก็จำต้องกลับบ้านคนเดียว ไม่สิ... มีคนกลับมากับเขาด้วย‘ลิเดีย ส่งแขก’ สิ้นคำพูดของแม่เขา ลิเดียก็เดินมาหาเขาทันที‘แม่...’ เขาร้องเรียกอีกฝ่ายอีกครั้งอย่างเว้าวอน‘อ่อ ถ้ากลับไปคนเดียวคงจะเหงาสินะ’ จู่ ๆ มาดามก็หันมาถาม ‘วินเซนต์ คุณกลับไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสักพักก็แล้วกัน’อยู่ดี ๆ หวยก็ดันมาออกที่พ่อเขาซะอย่างนั้น วินเซนต์ได้แต่มองตาปริบ ๆ ‘ทำไมล่ะ’‘คิดว่า ฉันไม่รู้หรือไง ที่ลูกหนีฉันได้ตลอด มันก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ’ ราเชลมองตาขวาง ‘เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ ไปอยู่กับลูกซะ’ใช่ คนที่เขาได้พากลับบ้าน คือ พ่อของเขาเอง อย่าคิดว่า พ่อเขาจะค้านแม่ได้ แค่แม่ปรายตาก็ปิดปากเงียบสนิทแล้ว เหอะ เหอะ...