รุ่งเช้า
“วันนี้นั่งรถไปพร้อมพ่อเลย ตอนเย็นก็ไปรอพ่อที่บริษัท รอกลับบ้านพร้อมกัน” ปราโมทย์เอ่ยบอกกับลูกสาวทันที เมื่อเจอหน้ากันที่โต๊ะอาหาร เพราะเมื่อคืนเห็นว่าลูกสาวเริ่มทำตัวมีพิรุธ เลยอยากจับตาดูพฤติกรรมของลูกสาว
“คะ”
มุกดารินทร์ได้เพียงแค่ตอบรับคำของบิดาสั้น ๆ แล้วเดินขึ้นไปแต่งตัว เพื่อที่จะออกไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับผู้เป็นบิดา
บ้านอัครไพบูลย์
“ต่างจังหวัดเหรอ? พ่อก็ไปมาหลายที่อยู่น่ะ ส่วนมากก็จะเป็นภาคอีสาน แต่ก็หลายปีมาแล้ว ภัทรถามพ่อทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยตอบลูกชายออกไป เมื่อวันนี้ลูกชายมาถามถึงเรื่องที่เขาเคยออกไปดูหน้างาน หรือไปคุมงานเองที่ต่างจังหวัดหรือไม่
พงษ์พิพัฒน์ อัครไพบูลย์ พ่อหม้ายเนื้อหอมในวัย 55 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทห้างหุ้นส่วนรับเหมาก่อสร้าง รายใหญ่ในพื้นที่ และยังเป็นหุ้นส่วนของบริษัทจัดจำหน่ายรถร่วมกับปราโมทย์อีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีหุ้นไม่เยอะเท่ากับปราโมทย์ก็ตาม
ชีวิตที่เคยแต่งงานเพราะถูกจับคลุมถุงชนของครอบครัว แต่ก็ไม่สามารถที่จะไปกันรอด จึงเลิกรากับภรรยาไปอย่างง่ายดายเพราะไม่มีบุตรร่วมกัน จนกลายมาเป็นพ่อหม้ายอยู่จนถึงทุกวันนี้ และได้ ธนภัทรมาเป็นบุตรบุญธรรม นับแต่วันที่หย่าร้างกับผู้เป็นภรรยา
“แล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนละครับ พ่อเคยไปมีความสัมพันธ์กับใครที่ไปคุมงานต่างจังหวัดบ้างหรือเปล่า” ธนภัทรถามผู้เป็นบิดาขึ้นมาอีก โดยที่ถามออกไปโต้ง ๆ เลย เพราะเขากับบิดามักใช้คำพูดที่ตรง ๆ กันอยู่แล้ว
“ภัทรถามอย่างกับว่าพ่อไปไข่ทิ้งไว้อย่างนั่นแหละ หรือว่าภัทรไปรู้อะไรมา” พงษ์พิพัฒน์เลิกคิ้วเอ่ยกับลูกชาย เพราะตัวเองก็มีความสัมพันธ์กับหญิงสาวอยู่หลายคน แต่ไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนอุ้มท้องมาหาเขาสักราย เพราะผู้หญิงทุกคนที่มีเคยความสัมพันธ์ด้วยต่างก็รู้จักสถานะของเขาดี
จะมีก็แค่... หญิงสาวชาวบ้านคนนั้น ที่เขาเคยมีความสัมพันธ์และมอบให้ใจไปด้วย จนมีความสัมพันธ์กันอยู่หลายครั้ง แต่เขากลับผิดสัญญาต่อเธอ มาแต่งงานตามที่ครอบครัวต้องการ และไม่ได้กลับไปหาหรือส่งข่าวเธออีกเลย จนเวลาล่วงเลยผ่านมาตั้งเกือบ 25 ปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยที่จะติดต่อมา ทั้งที่เธอเองก็รู้ว่าเขานั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน
และเขาก็เคยกลับไปหาเธออยู่หลายครั้งหลายครา เมื่อชีวิตเขาเป็นอิสระ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนั้นแล้ว...
“ผมเจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งครับ ตอนนี้อายุยี่สิบสามปี แต่หน้าตาเหมือนพ่อตอนยังหนุ่มเลย” ธนภัทรตอบผู้เป็นบิดาออกไปตามตรง
“ใคร? แล้วภัทรไปเจอที่ไหน?” พงษ์พิพัฒน์เลิกคิ้วถามอย่างสงสัยทันที เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะมีคนหน้าตาเหมือนเขาอยู่จริงหรือเปล่า
“น้องเขาชื่อเกื้อกูล เป็นคนบ้านเดียวกันกับชญานุชครับ” เขาจึงเล่าบอกบิดาออกไปอีกตามตรง ตามที่เขาได้รู้จากเลขาสาวมาเช่นกัน
“ชญานุช! เลขาของภัทรนะเหรอ?” พงษ์พิพัฒน์เลิกคิ้วถาม เมื่อได้ยินชื่อที่ลูกชายเอ่ยถึง
“ครับ”
“พ่อเคยมีความสัมพันธ์มีใจให้กับสาวชาวบ้านจริง แต่เท่าที่พ่อจำได้ ไม่ใช่คนในหมู่บ้านของชญานุชแน่ ที่บริษัทพ่อไปทำงาน...” เพราะเขาก็มั่นใจ ว่าไม่เคยรับงานที่หมู่บ้านของเลขาสาวลูกชายแน่
“เห็นนุชบอกว่า แม่ของเกื้อกูลย้ายมาจากอีกหมู่บ้านหนึ่งครับ เพราะทนคำดูถูกนินทาว่าท้องไม่มีพ่อไม่ไหว” ธนภัทรพูดออกไปเท่าที่ตัวเองทราบจากชญานุชมาอีกที
“ชื่อนามสกุลอะไร ภัทรพอจะรู้ไหม”
“เดี๋ยวผมจะถามนุชให้อีกทีครับ เหมือนนุชเคยบอกอยู่แต่ผมลืม แล้วตอนนี้เกื้อกูลได้งานทำที่บริษัทของอาโมทย์ครับพ่อ อยู่ฝ่ายช่าง”
“เดี๋ยวพ่อจะลองเข้าไปที่นั่นดู อยากไปเห็นด้วยตาของตัวเองเหมือนกัน” พงษ์พิพัฒน์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่ลูกชายเล่าบอก
“อีกอย่าง ตอนนี้เหมือนว่าน้องมุกดากับเกื้อกูลจะชอบกันด้วยครับ”
“รู้จักกันเหรอ แล้วคุณปราโมทย์รู้หรือเปล่า” ที่ถามออกไปแบบนั้น เพราะทราบดีว่าปราโมทย์ห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ผู้ชายที่จะเข้าใกล้ต้องเป็นคนที่ปราโมทย์กรองด้วยตัวเอง และไว้ใจที่สุด
“เป็นเรื่องบังเอิญของน้องครับ และอาโมทย์ก็ยังไม่ทราบด้วย เกิดอาโมทย์รู้ ผมว่าคงต้องถูกกีดกันแน่ ๆ” ธนภัทรบอกไป พร้อมกับใบหน้าที่มีความกังวล เมื่อนึกถึงอนาคตคุณพัฒน์
เพราะเขาก็ทราบดี ว่าปราโมทย์ไม่มีทางยอมรับแน่ ขนาดลูกท่านผู้ดีมีเงิน ยังถูกกีดกันห้ามไม่ให้จีบลูกสาวเลย นับประสาอะไรกับคุณพัฒน์เป็นเพียงชายหนุ่มต่างจังหวัดที่ฐานจะต่ำต้อย
“พ่อฝากภัทรด้วยน่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้พ่อจะสืบอีกที”
“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าเกื้อกูลเป็นลูกของพ่อจริง ผมก็ดีใจนะครับ ที่ได้เกื้อกูลมาเป็นน้องชาย เพราะเหมือนผมจะถูกชะตากับเด็กคนนี้มาก ๆ เลย แต่ถึงแม้ว่าเกื้อกูลจะไม่ใช่ลูกของพ่อ ผมก็อยากให้พ่อรับน้องเป็นลูกบุญธรรมอีกคนได้ไหมครับ เพราะตอนนี้น้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใคร”
“แล้วครอบครัวญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ล่ะ”
“นุชบอกว่า แม่น้องพึ่งเสียไป น้องไม่มีญาติที่ไหน เลยขึ้นมาหางานทำที่นี่แหละครับ และพึ่งได้ทำงานไม่กี่วันมานี้เอง”
“คำก็นุช สองคำก็นุช ลูกคิดอะไรกับเลขาสาวอยู่หรือเปล่า” พงษ์พิพัฒน์เอ่ยแซวลูกชายออกมาทันที เมื่อสังเกตเห็นว่าธนภัทรใบหน้ามีความสุขทุกครั้งที่ได้เอ่ยชื่อของหญิงสาว
“ก็...คิดครับ พ่อไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าผมจะคบกับนุช” เขายอมรับออกไปตามตรง แล้วถามผู้เป็นบิดาอย่างขออนุญาต เพราะว่าหญิงสาวนั้นไม่ได้มีหน้ามีตาทางสังคมอะไร เธอเป็นเพียงแค่หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“พ่อไม่ว่าอะไรหรอก ขอแค่ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของลูก เป็นคนที่จริงใจรักลูกของพ่อจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเข้ามาเพียงเพราะเงินตรา...”
เพราะชีวิตที่เคยแต่งงานกับหญิงสาวชาติตระกูลดี แต่ไม่สามารถที่จะไปกันรอดตลอดรอดฝั่ง เพราะต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
“ขอบคุณครับพ่อ ผมไปทำงานก่อน” ธนภัทรยกมือขึ้นไหว้บิดาอย่างขอบคุณ และเอ่ยลาทันที เพื่อที่ต้องออกไปทำงาน และแวะไปรับเลขาสาวด้วย
“ทำไมไม่ลองชวนเขามาพักอยู่ใกล้ ๆ ดู จะได้ไม่ต้องเทียวไปรับไปส่งทุกวันแบบนี้” แต่คนเป็นบิดาเมื่อรู้ทัน จึงลองถามเชิงดู เพราะเห็นลูกชายตตื่นแต่เช้าไปรับไปส่งหญิงสาวแทบทุกวัน
“ถ้านุชยอมมาก็ดีสิครับ”
“ลองขอดูยังละ”
“ยังครับ เดี๋ยวผมจะลองเธอขอดู แต่ไม่ใช่ขอเป็นแฟนน่ะ อายุปูนี้แล้วผมจะขอมาเป็นแม่ของลูกเลย พ่อเตรียมสินสอดไว้ด้วยนะครับ”
“หึ ให้มันสำเร็จก่อนเถอะ อย่ามัวแต่คุย พ่อเองก็อยากอุ้มหลานเหมือนกันนะ” พงษ์พิพัฒน์ได้แต่ยิ้มขำให้กับความมั่นใจของลูกชาย
ขนาดจะสารภาพรักขอหญิงสาวมาเป็นแฟน ลูกชายยังไม่กล้าเอ่ยเลย จนให้เวลาล่วงเลยมานานเป็นปี ๆ แต่นี่เจ้าลูกชายกะจะขอมาเป็นแม่ของลูกเอาเลย เขาคงต้องรอเตรียมตัวเป็นคุณปู่อย่างเต็มตัว เตรียมรับขวัญหลานแล้วสิน่ะ
“ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอนครับ”
“แต่อย่าไปขืนใจเขาล่ะ” พงษ์พิพัฒน์เอ่ยทิ้งท้าย ก่อนที่จะตะโกนเสียงไล่ไปตามหลังเมื่อลูกชายเดินออกไปแล้ว
“ครับ”
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท