เข้าสู่ระบบคราวนี้ไพลินหัวเราะออกมาอีกครั้ง อันที่จริงเธออยากหยอกมาโปรดเล่นมากกว่า อยากรู้ว่าเขายังเป็น ‘อาโปรด’ ของเธอเหมือนเมื่อตอนที่เธอเป็นเด็กอยู่ไหม?
เอ๊ะ! เธอว่าอะไรนะ อาโปรดของเธองั้นหรือ
เธอส่ายหน้าขับไล่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรออกไปแล้วคุยกับเขาต่อ
“ขอโทษค่ะ เพลินแค่อยากหยอกอาเล่น ๆ แต่ไม่นึกว่าอาจะโกรธถึงเพียงนี้ แล้วเพลินต้องทำยังต่อไปดีคะ”
“เรื่องนี้ไม่ยาก เดี๋ยวอาจัดการให้เอง”
มาโปรดยิ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้คิดจะกลับไปคืนดีกับคู่หมั้นสารเลวนั่นอีก ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาจึงลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตูรับถุงเสื้อผ้ามาจากแม่บ้านแล้วเดินกลับมาพร้อมยื่นถุงส่งให้ไพลิน
“ตอนนี้” เขาพูดเสียงเรียบ “ถึงเวลาที่ต้องถอดเสื้ออาออกแล้ว”
“อะไรนะคะ!”
ท่ามกลางแสงอาทิตย์และสายลมโชยผ่าน ชายหนุ่มระบายยิ้มเจ้าเล่ห์สบนัยน์ตาตื่นตระหนกของหญิงสาว ใบหน้าที่เคยซีดเซียวกลับแดงระเรื่อขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกตนเองไว้แน่น
“ไม่ค่ะ” ไพลินส่ายหน้า หันรีหันขวางสอดส่ายสายตาเตรียมหาช่องหนีหากเกิดอะไรขึ้น
มาโปรดเม้มริมฝีปากแน่น ท่าทางตื่นตกใจราวลูกกวางน้อยที่กำลังตกเป็นเหยื่อของราชสีห์ของเธอทำให้เลือดในกายของเขาร้อนขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
“อาหมายถึงเพลินต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วถอดชุดของอาออกได้แล้ว คิดไปถึงไหนฮึเรา” เขาส่ายหน้าหัวเราะเบา ๆ
“แต่ไม่ใช่ตอนที่มีอาโปรดจ้องอยู่แบบนี้หรอกนะคะ” เธอทำดุแก้เขิน พวงแก้มขาวนวลขึ้นสีแดงระเรื่อบนใบหน้าชัดเจน เธอรีบก้มหน้าเพื่อหลบตาเขา กัดริมฝีปากล่างเพราะความรู้สึกประดักประเดิด
มาโปรดเห็นแล้วนึกมันเขี้ยว อยากดึงเธอมาหอมแก้มสักทีสองที
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ใกล้ชิดผู้หญิง เมื่อไหร่กันนะ...
“ถ้าอาออกไป แล้วเพลินเป็นลมจะทำยังไง” เขาแกล้งถาม แต่น้ำเสียงแหบพร่าลงอย่างไม่รู้ตัว พอนึกถึงเมื่อคืนที่ได้อุ้มร่างนุ่มนิ่ม ความรู้สึกท่อนล่างก็เคร่งเครียดขึ้นมา
“เพลินดูแลตัวเองได้ค่ะ ไม่ต้องให้อาโปรดช่วยหรอก” เธอพึมพำ รู้สึกประหลาดใจตัวเอง ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในช่องท้อง ร้อนรุ่ม ปั่นป่วน วูบไหว หรือเธอจะไม่สบายเข้าแล้วจริง ๆ
กว่าจะรู้สึกตัวมาโปรดก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ เธอจึงฉวยถุงใส่เสื้อผ้าจากมือชายหนุ่มแล้วรีบหมุนตัวเดินไปที่ห้องน้ำโดยเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงกริ๊ก! เสียงล็อกประตูห้องน้ำ มาโปรดก็กระตุกยิ้มร้ายกาจ เธอไม่ต้องล็อกประตูห้องน้ำหรอก ไม่มีความจำเป็นใดเลยที่จะต้องทำแบบนั้นเพราะเขาไม่ใช่คนฉวยโอกาส...มั้ง...
เขาเป็นแบบนั้นมาตลอด สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างดี ไม่เคยฉวยโอกาสกับผู้หญิงแม้ว่าจะเคยโดนอ่อยหรือยั่วยวนสารพัดรูปแบบ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้กับสาวน้อยไร่ข้าง ๆ คนนี้ เธอไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ความเป็นธรรมชาติของเธอกลับทำเขาเสียความควบคุมอยู่บ่อย ๆ จำต้องบังคับตัวเองไม่ให้มือไม้ไปแตะเนื้อต้องตัวมากเกินควร หรือแม้กระทั่งลอบสูดกลิ่นกายหอม ๆ แต่ก็ทำได้ยากเต็มที
อาการแบบนี้มันน่าหงุดหงิดมากแต่ก็เข้าใจได้ เขากับเธอเลยผ่านวัยเยาว์มาแล้ว บัดนี้เบื้องหน้าเขาคือหญิงสาววัยยี่สิบสี่ที่เสียน้ำตาให้กับความรัก ซึ่งไม่ใช่ความรักที่มีต่อเขา ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แววตาแข็งกร้าวราวกับกำลังจะเฉือนเนื้อใครออกมาเป็นชิ้น ๆ
“คุณประวิตร ผมมีเรื่องให้ช่วยสืบให้หน่อย อืม ประเดี๋ยวผมส่งรายละเอียดไป คุณจัดการให้ด้วย”
เจ้าของไร่รุ่งอรุณฟังปลายสายรับคำสั่งเป็นที่แน่ชัดแล้วจึงเก็บโทรศัพท์ เขายืนกอดอกครุ่นคิดถึงหญิงสาวที่อยู่ในห้องน้ำ แม้จะไม่ได้พบกันนานหลายปี แต่เขาก็คอยติดตามข่าวของเธออยู่เสมอ แต่ก่อนนั้นไพลินเป็นแค่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในความรู้สึกของเขา เจอกันอีกครั้งแม้ตอนแรกจะอยู่ในสภาพสะบักสะบอมราวลูกนกบาดเจ็บ แต่ไม่อาจปิดบังความจริงที่ว่าเธอกลายเป็นสาวสะพรั่งแล้ว
เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา ใบหน้าอ่อนหวานโผล่มาจากหลังบานประตู มาโปรดสบตากับดวงตาวาววับคู่นั้นเพียงครู่หนึ่งเหมือนหญิงสาวกำลังชั่งใจอะไรสักอย่าง เธอจึงค่อยก้าวออกมายืนเบื้องหน้าเขา ทำเอามาโปรดต้องสูดลมหายใจลึกสะกดความรู้สึกที่มีทั้งหมดไว้ภายใน
ภาพตรงหน้าเป็นเครื่องย้ำชัดว่าเวลานี้เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่คอยวิ่งตามเขาคนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างในตัวเธอปลุกเร้าความเป็นบุรุษของเขาจนแทบคลั่ง!
หลายปีก่อนที่อนันต์จะได้พบกับมุกดา ผู้หญิงที่เขารักและรู้สึกอบอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ แต่ก่อนหน้านั้น ชีวิตของเขาถูกปกคลุมด้วยเงาอดีตที่เขาไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เขายังอยู่กับโอปอล ความรักครั้งแรกที่เขาคิดว่ามันคือทั้งหมดของชีวิตเมื่อหลายปีก่อน อนันต์ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ทุ่มเทและมุ่งมั่น เขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก แต่วันหนึ่ง เขาได้พบกับโอปอล หญิงสาวที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป โอปอลเป็นคนสนุกสนาน มีชีวิตชีวา และเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ทุกคน อนันต์มองเธอจากระยะไกลอยู่นาน จนกระทั่งวันหนึ่ง โอปอลเดินเข้ามาหาเขา“เธอชื่ออนันต์ใช่ไหม?” โอปอลถามด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เขาใจเต้นแรง“ใช่...เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ?” อนันต์ถามด้วยความแปลกใจ“แน่นอนสิ เธอเป็นคนเดียวที่นั่งอ่านหนังสือตลอดเวลาในห้องสมุด ไม่มีใครไม่รู้จักเธอหรอก” โอปอลหัวเราะเบา ๆ “เราควรจะรู้จักกันไว้บ้างนะ”จากวันนั้นเป็นต้นมา โอปอลเข้ามาในชีวิตของอนันต์อย่างที่เขาไม่เคยคาดคิด พวกเขาเริ่มใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดด้วยกัน หรือการไป
พิธีส่งมอบเครื่องมือทางการแพทย์เสร็จสิ้นท่ามกลางรอยยิ้มดีใจของชาวบ้านในพื้นที่ พ่อเลี้ยงมาโปรดไม่ได้อยากถูกถ่ายรูป แต่ต้องทำเพื่อแสดงให้เห็นว่าทำทุกอย่างโปร่งใส และถือโอกาสนี้อวดไพลิน ภรรยาคนสวยไปพร้อมกัน นอกจากการส่งมอบเครื่องมือการแพทย์แล้ว ยังมีบริการตรวจสุขภาพฟรีอีกด้วย ชาวบ้านทำอาหารมารับประทานร่วมกัน จากงานเล็ก ๆ จึงกลายเป็นงานใหญ่ของหมู่บ้านทันทีแต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีคู่รักแค่คู่เดียว หมออนันต์ก็ขยันส่งสายตาหวานเยิ้มให้มุกดาที่ยืนถ่ายรูปคู่กับคนในครอบครัว ตั้งแต่ประกาศตัวคนรัก อนันต์ก็เดินหน้าเข้ามาสวัสดีพ่อแม่ของมุกดาอย่างเปิดเผย แรก ๆ ทั้งสองก็ตกใจอยู่บ้างไม่คิดว่าระดับเพื่อนพ่อเลี้ยงมาโปรดจะมาสนใจลูกสาวของตน แต่เมื่อเห็นว่าหมออนันต์มีความจริงใจก็ปล่อยให้หนุ่มสาวได้ลองศึกษาดูใจกันส่วนชัย พี่ชายของมุกดา เขาเป็นพี่ชายที่คนทั้งไร่รู้ว่าหวงน้องสาวมากกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อพ่อเลี้ยงมาโปรดเรียกไปพูดคุยให้ยอมเปิดทางให้เพื่อนซี้ก็ต้องจำใจยอมให้น้องสาวคบกับหมอหนุ่ม แต่ก็ยังอยู่ในสายตาของเขา แต่เพราะอายุของชัยน้อยกว่าหมออนันต์ เจอหน้ากันทีไร ชัยก็เป็นฝ่ายยกมือไหว้
“ให้ตายสิ!”มุกดาถอนหายใจยาว แล้วหยิบแว่นตาส่งให้หมออนันต์ ใบหน้ายังดูนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่เป็นไรนะคะคุณหมอ”“ผม...ผมไม่เป็นไร...มะ....เมื่อกี้...คุณมุกเตะผู้ชายคนนั้น...” อนันต์ยังคงอึ้ง สรรหาคำพูดไม่ถูก เขายกมือแตะมุมปากตัวเองที่ยังเจ็บเล็กน้อยจากแรงกระแทกเมื่อสักครู่“ก็เขาเริ่มก่อน มุกแค่ป้องกันตัวเอง” เธอทำหน้านิ่ง “กลัวหรือคะ คุณพ่อสอนค่ะ มุกกับพี่ชายเป็นมวยทั้งคู่”อนันต์ส่ายหน้าไปมา รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก แล้วยกมือลูบท้ายทอยแก้เก้อ “อุตส่าห์จะมาช่วยแต่กลายเป็นคนถูกช่วยเสียเอง”“เรื่องแค่นี้มุกจัดการได้ค่ะ” เธอยิ้มดีใจที่เขาไม่ได้กลัวเธอ คนทั้งไร่กลัวเธอทั้งนั้น บางคนยังแซวว่าไม่กล้าเอาเธอเป็นเมียเพราะกลัวท่าจระเข้ฟาดหางของเธอนี่แหละไม่กี่นาทีรปภ.คนเดิมก็กลับมาพร้อมคนอื่น มุกดาสั่งการทันที และให้พนักงานผู้หญิงช่วยประคองโอปอลขึ้น โอปอลเริ่มได้สติเห็นอนันต์กับมุกดายืนคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนมเอาใจใส่ น้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง“มันจบแล้วจริง ๆใช่ไหมคะ” เสียงของโอปอลแหบพร่าสั่นสะอื้น เธอเอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบในใจดี
เสียงโทรศัพท์มือถือของมุกดาดังขึ้น เธอให้คำแนะนำกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเช็กอินรอบดึกเพราะเครื่องบินดีเลย์เรียบร้อยแล้วจึงล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย“คุณมุกครับ ผม รปภ.ที่ลานจอดรถนะครับ”“ค่ะ มีอะไรคะ”“ผมเห็นลูกค้าวีไอพีของคุณมุกอยู่กับคุณฉัตรภพครับ ท่าทางเมามายแต่เหมือนจะออกไปข้างนอก ผมส่งรูปให้ดูนะครับ”มุกดาขมวดคิ้วทำหน้าเครียดเมื่อเห็นภาพโอโปอลถูกฉัตรภพโอบกอดอย่างกับคนรัก เธอไม่มีหน้าที่ไปก้าวกายเรื่องส่วนตัวของโอปอล แต่ผู้ชายอย่างฉัตรภพไว้ใจไม่ได้ เธอตัดสินใจทันที“ช่วยรั้งไว้หน่อยค่ะ มุกกำลังไป”มุกดาหันไปสั่งงานกับเพื่อนร่วมงานแล้วสาวเท้าเร็ว ๆ เดินไปทางลานจอดรถทันที จึงไม่ทันสังเกตว่ามีชายหนุ่มสวมแว่นตาเพิ่งลงมาจากลิฟต์และยกมือเรียกเธอ เขาได้แต่มองแผ่นหลังเธออย่างงุนงงแล้วสาวเท้าเดินตามไปเมื่อออกมาพ้นอาคาร มุกดาก็เดินเร็ว ๆ จนเกือบจะเป็นวิ่งไปที่ลานจอดรถที่รปภ.แจ้งไว้ เธอเห็นฉัตรภพประคองร่างอ่อนปวกเปียกของโอปอลอยู่ โดยมีรปภ.ประจำลานจอดรถยืนอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง“คุณโอปอล” มุกดาร้องทักทันที เส
ชั้นล่างของโรงแรมมีร้านอาหารกึ่งผับ บรรยากาศที่ผ่อนคลายเหมาะสำหรับการดื่มกินฟังเพลงและแดนซ์ ที่บาร์โอปอลกำลังนั่งดื่มคนเดียว สายตาไหววูบด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เธอดื่มเพื่อหวังดับไฟแค้นในใจที่กำลังสุมทรวงเธอลงทุนขนาดนี้มาเพื่อได้ความผิดหวังหรือ?ไม่! คนอย่างโอปอลจะยอมเจ็บฝ่ายเดียวได้อย่างไรแก้วแล้วแก้วเล่าผ่านมือเธอไป หญิงสาวกลายเป็นจุดสนใจของชายหนุ่มนักท่องราตรีที่มักมองหาเหยื่อที่นั่งดื่มเพียงลำพัง เช่นเดียวกับฉัตรภพ ชายหนุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องการล่า เขามองเธอด้วยความสนใจ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะเรียกพนักงานเสิร์ฟมาถามไถ่ เมื่อมั่นใจว่าหญิงสาวมาคนเดียว เขาจึงเดินตรงเข้าไปหา“สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”เสียงทุ้มต่ำของฉัตรภพทำให้โอปอลเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเบื่อหน่าย แต่แอบแฝงด้วยความเยาะเย้ยในใจ ผู้ชายตรงหน้าแม้จะดูดี แต่ก็ยังห่างไกลจากภาพของหมออนันต์ที่เธอเคยหมายปอง ทว่าท่ามกลางคนในร้านนี้ เขากลับเป็นคนที่ดูดีที่สุด เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากนัก แค่คนมาเป็นเพื่อนดื่มระบายความอัดอั้นก็พอ“ถ้าไม่อนุญาตจะนั่งไหมล่ะคะ” เสียงของโอปอลเย้ายวนเ
อนันต์ตอบสั้น ๆ ก่อนหมุนตัวจากไป เขาไม่ต้องการขยายความเรื่องนี้ไปมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเพียงพอที่จะทำให้โอปอลเจ็บปวดมากพอแล้ว แค่แม่ของเขารู้เรื่องราวทั้งหมด ก็นับว่าโอปอลเสียหน้ามากเกินไป ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาอาจไม่ดี แต่เขาเองก็รู้ดีว่าเธอยังทำดีต่อแม่ของเขาอยู่มาก เขาจึงยังคงเคารพสิ่งนั้น“แม่ครับ อยู่อีกสักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ ผมจะให้ไอ้โปรดมันหาคนขับรถให้” อนันต์เอ่ยเสียงอ่อน เดินเข้ามาหาแม่พร้อมกับท่าทีอ้อน ๆคุณกานดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความเหนื่อยล้าจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้นางไม่อยากกดดันลูกชายมากไปกว่านี้ “ก็ดี”“แม่ไม่โกรธผมนะ” อนันต์เริ่มอ้อนเหมือนเด็กน้อยที่เคยถูกแม่ดุ เขารู้ดีว่าแม่ไม่พอใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เขาไม่ได้บอกความจริงเกี่ยวกับโอปอล แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะขอความเห็นใจจากแม่“โกรธ” คุณกานดาตอบเสียงหนักแน่นตามจริง ดวงตาของนางยังคงมองลูกชายด้วยความรักผสมกับความผิดหวัง “แต่มันเป็นชีวิตของลูก แม่ไปบังคับไม่ได้ เรื่องงานอยากย้ายก็ย้าย ไม่อยากย้ายก็ตามใจ” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นลง แม้จ







