“หนูน้ำมนต์ พอดีพี่ดินเค้าติดธุระด่วนต้องพาเพื่อนเข้าไปดูไม้ที่ปางไม้กะทันหันเลยมารับหนูน้ำมนต์ไปทานข้าวเที่ยงไม่ได้ พี่เค้าเลยให้ป้าโทรมาบอกหนูน้ำมนต์แทน พี่ดินเค้าฝากขอโทษมาด้วยนะลูก ป้าต้องขอโทษแทนลูกชายป้าด้วยนะคะที่ผิดนัด”
"ครับ ไม่เป็นไรครับป้านวล น้ำมนต์โอเคครับ ฝากบอกพี่ดินด้วยนะครับจะได้ไม่เป็นกังวล”
“น่ารักจังเลยลูก เดี๋ยวครั้งหน้าหนูน้ำมนต์นัดสถานที่ไว้ได้เลยอยากไปที่ไหนเดี๋ยวป้าให้พี่ดินพาไปนะคะรับรองไม่เบี้ยวแน่นอน”
“ได้เลยครับคุณป้า ขอบคุณมากนะครับ”
“งั้นป้าวางแล้วนะลูก ป้าคิดถึงหนูน้ำมนต์จังเลย เดี๋ยวไว้เจอกันนะคะ”
พอคุณนวลพรรณเพื่อนของคุณป๊ากับคุณม๊าหรือมารดาของบดินทร์คู่หมั้นวัยเด็กของน้ำมนต์วางสาย น้ำมนต์ก็ส่งโทรศัพท์คืนคุณม๊าทันทีก่อนที่จะนั่งทำหน้างอลงข้างๆ คุณคำรณผู้เป็นพ่อ
“เป็นอะไรไปลูก ดูทำหน้าเข้า หน้าสวยๆ ของลูกป๊าทำไมมันงอยิ่งกว่าตะหลิวอีก” คุณคำรณถามลูกชายคนเดียว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ก็ จะอะไรอีกล่ะครับ คุณพี่ดินคนดีของป๊ากับม๊านั่นแหละเบี้ยวน้ำมนต์อีกแล้ว ปล่อยให้น้ำมนต์แต่งตัวเก้อ ไม่อยากไปก็ทำไมไม่บอกกันตรงๆ แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ” น้ำมนต์บ่นคู่หมั้นที่ตั้งแต่โตมายังไม่เคยเห็นหน้ากันให้คนเป็นพ่อกับแม่ฟัง
“พี่ดินเค้าคงติดธุระด่วนจริงๆ นั่นแหละลูก เลยมารับลูกไม่ได้ ลูกแม่ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวผิวสวยๆ เสียเอา” คุณเกษรผู้เป็นแม่บอกกับลูกชาย
“งั้นน้ำมนต์ไปเที่ยวเองก็ได้ ป๊าครับม๊าครับเดี๋ยวน้ำมนต์ขอขับรถไปทานกาแฟข้างนอกนะครับ น้ำมนต์จะไปทำคอนเท้นต์ด้วย ไปแล้วนะครับ”
น้ำมนต์ หรือชลาธร บวรเกียรติสกุล เด็กหนุ่มอายุ 22 ปี ที่เพิ่งเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ตอนแรกตั้งใจจะเรียนต่อโท แต่พ่อกับแม่อยากให้กลับมาตกลงเรื่องแต่งงานกับคู่หมั้นที่ตัวเองหมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นน้ำมนต์จำได้ว่าตัวเองไม่มีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันเลย ป๊ากับม๊าก็พาไปเล่นแต่กับลูกชายของเพื่อนชื่อพี่ดินซึ่งตัวโตอายุห่างกับเขาหลายปี พี่ดินตัวอ้วนใหญ่ พาเขาเล่นปีนป่ายและวิ่งเล่นตามประสาเด็กผู้ชายแต่ด้วยความที่น้ำมนต์เป็นเด็กตัวเล็กกว่าพี่ดินมาก อีกทั้งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเป็นภูมิแพ้และเป็นหวัดบ่อยจึงพลาดลื่นล้มได้แผลที่เข่า พี่ดินก็ให้ขี่หลังกลับไปที่บ้านให้ผู้ใหญ่ทำแผลให้ ตั้งแต่นั้นมาน้ำมนต์ติดพี่ดินมากและเกิดเป็นความรักความประทับใจในวัยเด็ก พอรู้ว่าพี่ดินเป็นคู่หมั้นของตนน้ำมนต์ก็เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าพี่ดินหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นสิบกว่าปี
ตั้งแต่เรียนจบกลับมาอยู่บ้านคุณป้านวลพรรณแม่พี่ดินก็โทรมานัดให้ไปเจอที่นั่นที่นี่แต่เป็นเขาคนเดียวที่ไปตามนัด พี่ดินไม่เคยไปเลยติดธุระกะทันหันตลอด จนน้ำมนต์รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้อยากมาเจอตัวเอง คงลืมน้ำมนต์ไปแล้วมั้ง
ผู้ชายหน้าตาน่ารักออกทางสวยเซ็กซี่อย่างน้ำมนต์ก็ไม่ได้คิดจะง้อ พอไม่ได้ไปนัดกับคู่หมั้น น้ำมนต์ก็ไปเที่ยวเองได้ เชียงดาวหรือสถานที่อื่นๆ ที่เชียงใหม่มีอะไรให้เที่ยวเยอะแยะ ดีเลยน้ำมนต์จะได้มีเวลาทำคอนเทนต์ลงช่อง เพราะน้ำมนต์เป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมีช่องยูทูปเป็นของตัวเองมีคนตามหลายแสนคน
ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนสนิทอย่างข้าวโพดเลย ว่าแล้วมือเรียวสวยก็หยิบโทรเครื่องหรูโทรออกหาเพื่อน น้ำมนต์ตื่นเต้นมากที่รู้ว่าตอนนี้ข้าวโพดเพื่อนสนิทก็อยู่ที่เชียงดาวเหมือนกัน น้ำมนต์เลยตัดสินใจเล่าเรื่องคู่หมั้นให้ข้าวโพดฟังเพื่อระบายที่โดนคู่หมั้นเทครั้งแล้วครั้งเล่า และนัดเจอกับเพื่อนสนิทเพื่อไปเที่ยวกัน แต่จะไปเฉยๆ ก็ไม่ได้ คนแสบสวยแซ่บอย่างน้ำมนต์ขอเอาคืนไอ้พี่ดินหน่อยแล้วกัน
ก่อนถึงวันที่จะนัดกับข้าวโพดน้ำมนต์เลยโทรไปหาคุณป้านวลพรรณผู้เป็นแม่ของบดินทร์ ว่าตัวเองอยากจะไปกินขนมเค้กที่ร้านกาแฟหรูในเมืองเชียงใหม่ ตอนแรกป้านวลพรรณจะให้พี่ดินขับรถมารับที่บ้านเพื่อเข้าไปในตัวเมืองด้วยกัน แต่น้ำมนต์บอกว่าเพื่อนจะมารับแต่เช้า ขากลับจะไม่มีรถกลับมาเลยอยากให้บดินทร์ไปรับและถือโอกาสนัดเจอตัวกันด้วยเลย พร้อมกับบอกลักษณะการแต่งกายและสีเสื้อผ้าที่จะใส่วันนั้นน้ำมนต์จะใส่สีเขียวเพื่อที่พี่ดินจะได้หาง่าย
พอนัดเจอตัวกับไอ้พี่ดินเสร็จถึง วันนัดน้ำมนต์ก็ขับรถคันหรูคู่ใจมารับข้าวโพดไปเที่ยวคาเฟ่ที่เชียงดาวอย่างสบายใจที่ได้แก้เผ็ดบดินทร์คืน หาไปเถอะคนที่ใส่ชุดสีเขียวหวังว่าคงจะเจอนะพี่ดิน เพราะว่าวันนี้น้ำมนต์ใส่สีชมพูโรสโกลด์
“เป็นไงบ้างน้ำมนต์ ได้เจอกับคู่หมั้นสุดหล่อหรือยัง” เมื่อโดนข้าวโพดเพื่อนรักถามน้ำมนต์ก็อดขำตัวเองไม่ได้ป่านนี้บดินทร์จะรู้หรือยังว่าโดนแกล้งคืนบ้างแล้ว
“ยังไม่ได้เจอเลย นัดกันเมื่อครั้งที่แล้วที่น้ำมนต์โทรหาข้าวโพดนั่นน่ะ ก็อีตาพี่ดินมันเบี้ยวหนีงานดูตัวไปหาเพื่อนรักเลยไม่ได้เจอกัน วันนี้ทางโน้นนัดมาน้ำมนต์เลยหนีบ้าง จะได้รู้ซะบ้างว่าเราก็ไม่ได้สนใจให้ความสำคัญอะไรเค้า”
“แล้วจะได้เจอกันเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย แบบนี้คงไม่เจอทีเดียวตอนงานแต่งเลยเหรอ”
ข้าวโพดขำเพื่อนรักกับพี่ดินเอาคืนกันไปกันมาไม่จบ ถ้าได้เจอตัวเจอหน้ากันจริงๆ กลัวแต่จะหลงกันเอง เพราะอย่างพี่ดินน่ะหล่อสเปกของน้ำมนต์เพื่อนรักตัวเองเชียวล่ะ และเพื่อนตัวขาวอย่างน้ำมนต์ก็น่ารักมากพี่ดินเห็นเป็นต้องโดนตกแน่ๆ
“ไม่อยากแต่งเลยข้าวโพด กลัวอยู่กันไม่รอด เออ ว่าแต่แล้วข้าวโพดเป็นยังไงบ้างทำงานน่ะ เป็นไงมาไงถึงได้มาทำงานที่ไร่ชาเลิศธนาได้ล่ะ”
น้ำมนต์ถามเพื่อนรักบ้าง และพอได้รู้ว่าเพื่อนมาทำงานอยู่ที่ไร่ชาได้เงินเดือนเกินครึ่งแสนทำเอาอดแซวเพื่อนไม่ได้ และเห็นพ่อกับแม่ของพี่ดินจะให้น้ำมนต์ไปทำงานกับพี่ดินเลยคิดว่าต้องขอเรียกค่าตัวแบบนี้หน่อยแล้ว
“งั้นน้ำมนต์ไม่ยอมหรอกนะ อีตาพี่ดินจะต้องจ่ายค่าตัวราคานี้ให้น้ำมนต์เหมือนกันคอยดู เราจะรวยไปด้วยกันนะเพื่อนรัก”
“แหม น้ำมนต์แค่รายได้จากการทำยูทูปของน้ำมนต์ในแต่ละเดือนก็เกินแล้วเถอะ” ข้าวโพดแซวเพื่อนกลับ
“ที่ช่องน้ำมนต์เป็นที่รู้จักเพราะมีข้าวโพดเพื่อนรักมาเป็นแขกรับเชิญบ่อยหรอกน่า คนเค้าติดใจความน่ารักของข้าวโพด ที่จริงอย่างที่น้ำมนต์เคยบอก ข้าวโพดน่าจะทำช่องบ้างนะ น้ำมนต์ว่าจะมีคนตามเยอะแน่ๆ เลย เพราะขนาดช่องของน้ำมนต์ก็มีแต่คนเม้นท์มาถามหาข้าวโพด ถ้าเปลี่ยนใจบอกนะน้ำมนต์จะช่วยทำ”
“ไม่เอาหรอกข้าวโพดไม่ได้พูดคล่องเหมือนน้ำมนต์ อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว วันไหนอยากออกกล้องก็ไปออกช่องของน้ำมนต์เอา”
ทั้งสองเพื่อนรักคุยกันให้หายคิดถึงไปจนล่วงเลยเวลากลับ น้ำมนต์ถึงได้ขับรถไปส่งข้าวโพดที่ไร่ชาต่อ และไปรอฟังข่าวว่าไอ้พี่ดินจะว่ายังไง กาแฟร้านนั้นอร่อยไหม
บดินทร์ได้รับข่าวว่าน้ำมนต์กำลังไปถ่ายคอนเทนต์ที่ดอยเชียงดาว สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงใหม่ ซึ่งมีทิวทัศน์งดงามและอากาศเย็นสบาย น้ำมนต์เป็นยูทูปเบอร์ที่มีผู้ติดตามมากมาย ความนิยมของเขาพุ่งทะยานจนมียอดติดตามเกือบหลักล้าน บดินทร์ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจโลกออนไลน์เท่าไหร่ กลับเริ่มรู้สึกว่าการที่คนอย่างน้ำมนต์ได้รับความนิยมสูงเช่นนี้เป็นเรื่องที่เกินคาดหมาย เขาจึงตัดสินใจตามไปที่เชียงดาวเพื่อเจอหน้าและทำความรู้จักกับน้ำมนต์ให้มากขึ้น เช้าวันหนึ่ง บดินทร์ขับรถขึ้นมาบนดอยเพื่อตามหาน้ำมนต์ ท่ามกลางหมอกบางๆ ที่ปกคลุมทิวเขา เขาเห็นกลุ่มคนกำลังถ่ายทำคลิปอยู่ใกล้ๆ ซึ่งน้ำมนต์ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา หน้าตายิ้มแย้มเป็นกันเองกับทีมงาน ผิดกับท่าทีเย็นชาที่บดินทร์เคยเห็นจากการเจอกันครั้งก่อน “น้ำมนต์” บดินทร์เดินเข้าไปใกล้พลางเรียกชื่อคนน้องน่ารักที่ทำให้ตัวเองต้องตามมาถึงนี่ น้ำมนต์หันมามองตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นบดินทร์ ใบหน้าของน้ำมนต์เปลี่ยนจากรอยยิ้มสดใสเป็นสีหน้าเรียบนิ่ง “พี่ดินมาทำอะไรที่นี่ครับ” “พี่แค่มาดูน้ำมนต์ทำงาน แค่อยากรู้จักน้ำมนต์ให้มากกว่านี้” บดินทร์พยายามทำเสียงอ่อนโยน แต่ด
บดินทร์รีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้เจอกับน้ำมนต์ เขาคิดว่าน้ำมนต์น่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเหมือนกัน เพราะเห็นแม่เขาบอกว่าน้ำมนต์จะมาทำคอนเท้นต์ลงยูทูปด้วย และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ในที่สุดเขาก็เจอกับน้ำมนต์ แต่ที่คิดไม่ถึงคือคนที่อยู่กับน้ำมนต์คือน้องข้าวโพดเด็กไอ้บลูมัน มันจะรู้ไหมว่าข้าวโพดก็อยู่ที่นี่ “ไอ้บลู บลูตื่นก่อนมึง” บดินทร์กลับจากเดินไปสำรวจบรรยากาศรอบรีสอร์ตมาก็รีบกลับมาหาเพื่อน แต่ไอ้คนที่มันนอนอยู่กลับพลิกตัวหนีเหมือนรำคาญเขานักหนา “ไอ้บลูตื่น กูเจอคู่หมั้นกูแล้ว และมึงรู้ไหมกูเจอใครอีก” กิตติภูมิที่ง่วงนอนมากถึงกับเอาผ้าห่มมาคลุมโปงเพื่อจะหนีความรำคาญจากเพื่อน “มึงเจอใครก็ช่างเถอะ กูขอนอนแป๊บนึงได้ไหม กูง่วงไอ้ดิน” “เออ งั้นมึงนอนไปเถอะ เดี๋ยวกูไปหาน้ำมนต์คู่หมั้นกูเอง กูแค่จะมาถามมึงว่ามึงรู้ไหมว่าทำไมน้องข้าวโพดมาอยู่กับน้ำมนต์ได้ เขารู้จักเหรอเท่านั้นแหละ งั้นกูไปล่ะ” แต่ก่อนที่บดินทร์จะทันได้ลุกออกจากขอบเตียง มือของเขาก็โดนเพื่อนฉุดรั้งเอาไว้พร้อมทั้งใบหน้าหล่อๆ ของเพื่อนโผล่ออกจากผ้าห่มอย่างน่าหมั่นไส้ ความงัวเงียเมื่อกี้ของมันหายไปไหน “มึ
หลังจากวันนี้ที่บดินทร์ได้พบกับน้ำมนต์ครั้งแรก หลังจากโตเป็นหนุ่มเต็มวัย เขากลับต้องตกตะลึงในความงามที่เขาไม่เคยคาดคิดต่างจากภาพจำในอดีต น้ำมนต์ในวันนี้สวยหวานเซ็กซี่ผิดหูผิดตา และดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง จนบดินทร์ต้องเปลี่ยนใจจากที่เคยดูถูกมาเป็นการตามจีบแทน ระหว่างทานข้าวเสร็จบดินทร์พยายามที่จะนัดพาน้ำมนต์ไปเที่ยววันหยุด แต่น้ำมนต์ก็พยายามปฏิเสธวันนี้ยังไม่พร้อมจริงๆ เพราะไอ้พี่ดินมันก็สเปคน้ำมนต์ทุกอย่าง ขอกลับไปตั้งหลักปรึกษาข้าวโพดก่อนแล้วกัน น้ำมนต์เลยขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะมีนัดกับเพื่อนจะไปเที่ยวรีสอร์ต บดินทร์ได้ยินดังนั้นก็ใจร้อนรุ่มเพราะได้ยินข่าวว่าน้ำมนต์จะไปค้างคืนด้วย เขาเลยตั้งใจที่จะไปขัดขวางและเเสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของอีกคน แต่เขาไม่รู้นี่ซิว่าน้ำมนต์ไปพักรีสอร์ตที่ไหน จึงต้องรอพ่อกับแม่ก่อนว่าจะได้ข่าวว่าน้ำมนต์ไปพักที่ไหน ถ้าได้เรื่องเเล้วจะโทรบอกบดินทร์อีกที บดินทร์รู้สึกเหมือนน้ำมนต์พยายามหนีเขา หนีให้รอดแล้วกัน เดี๋ยวเขานี่แหละจะตามล่าเอง แต่วันนี้ขอไปตั้งหลักกับไอ้บลูเพื่อนรักก่อนแล้วกัน “อะไรของมึงดิน ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไง ไอ้ห่า” บดินทร์โดนกิตติภูมิห
วันนี้ครอบครัวของน้ำมนต์ได้รับเชิญให้มาทานอาหารที่บ้านของบดินทร์เพราะคุณเด่นชัยกับคุณนวลพรรณอยากให้คนที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันได้เห็นหน้าค่าตากันเสียทีหลังจากที่คลาดกันไปมาหลายครั้ง ครั้งนี้พวกผู้ใหญ่เลยไม่ยอมต้องลากทั้งคู่ออกมาเจอกันให้ได้ น้ำมนต์จึงจำใจต้องตามพ่อกับแม่มาทานข้าวที่บ้านของบดินทร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ “สวัสดีครับคุณลุงเด่น สวัสดีครับคุณป้านวล” น้ำมนต์กล่าวสวัสดีทักทายพร้อมยกมือไหว้คุณเด่นชัยกับคุณนวลพรรณผู้เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของตัวเองอย่างนอบน้อม “สวัสดีหนูน้ำมนต์ ไหว้พระเถอะลูก” “สวัสดีจ๊ะหนูน้ำมนต์ลูก น่ารักจังเลยว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ ขอคุณแม่กอดหน่อยม่ะ ฟอดด น่ารักจังเลย” คุณป้านวลพรรณกล่าวชมว่าที่ลูกสะใภ้อย่างน้ำมนต์ นานๆ คุณนวลพรรณเธอจะเจอน้ำมนต์ทีเพราะอีกฝ่ายไปเรียนที่กรุงเทพ แต่เจอทีไรน้ำมนต์ก็ดูน่ารักใบหน้าสวยเหมือนเพื่อนเธอขึ้นทุกวัน เธอจะดีใจมากถ้าบดินทร์ลูกชายแต่งงานกับน้ำมนต์เพราะเธอรักและเอ็นดูน้ำมนต์ตั้งแต่ยังเด็ก “เอ่อ คุณลุง คุณป้าครับ น้ำมนต์ขออนุญาตเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมครับ” น้ำมนต์ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อนที่จะถามทางเดินไปห้องน้ำแล้วเดินไปทำธุระส่วนตั
“หนูน้ำมนต์ พอดีพี่ดินเค้าติดธุระด่วนต้องพาเพื่อนเข้าไปดูไม้ที่ปางไม้กะทันหันเลยมารับหนูน้ำมนต์ไปทานข้าวเที่ยงไม่ได้ พี่เค้าเลยให้ป้าโทรมาบอกหนูน้ำมนต์แทน พี่ดินเค้าฝากขอโทษมาด้วยนะลูก ป้าต้องขอโทษแทนลูกชายป้าด้วยนะคะที่ผิดนัด” "ครับ ไม่เป็นไรครับป้านวล น้ำมนต์โอเคครับ ฝากบอกพี่ดินด้วยนะครับจะได้ไม่เป็นกังวล” “น่ารักจังเลยลูก เดี๋ยวครั้งหน้าหนูน้ำมนต์นัดสถานที่ไว้ได้เลยอยากไปที่ไหนเดี๋ยวป้าให้พี่ดินพาไปนะคะรับรองไม่เบี้ยวแน่นอน” “ได้เลยครับคุณป้า ขอบคุณมากนะครับ” “งั้นป้าวางแล้วนะลูก ป้าคิดถึงหนูน้ำมนต์จังเลย เดี๋ยวไว้เจอกันนะคะ” พอคุณนวลพรรณเพื่อนของคุณป๊ากับคุณม๊าหรือมารดาของบดินทร์คู่หมั้นวัยเด็กของน้ำมนต์วางสาย น้ำมนต์ก็ส่งโทรศัพท์คืนคุณม๊าทันทีก่อนที่จะนั่งทำหน้างอลงข้างๆ คุณคำรณผู้เป็นพ่อ “เป็นอะไรไปลูก ดูทำหน้าเข้า หน้าสวยๆ ของลูกป๊าทำไมมันงอยิ่งกว่าตะหลิวอีก” คุณคำรณถามลูกชายคนเดียว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ก็ จะอะไรอีกล่ะครับ คุณพี่ดินคนดีของป๊ากับม๊านั่นแหละเบี้ยวน้ำมนต์อีกแล้ว ปล่อยให้น้ำมนต์แต่งตัวเก้อ ไม่อยากไปก็ทำไมไม่บอกกันตรงๆ แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ” น้ำมนต์บ่นคู่
“ดิน แม่ว่าลูกควรจะไปหาเวลาเจอหนูน้ำมนต์สักทีนะ ตอนนี้น้องก็เรียนจบกลับมาอยู่ที่เชียงดาวแล้ว อยู่ใกล้กันแค่นี้เองกลับไม่ได้เจอกันเลย ดินอย่าเอาแต่หนีงานดูตัวแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานกันล่ะลูก” คุณนายนวลพรรณมารดาของบดินทร์เตือนลูกชายอย่างใจเย็น ขณะที่บดินทร์นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่บนโซฟาข้างคุณเด่นชัยผู้เป็นพ่อ“แม่ครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่พร้อมที่แต่งงานกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับน้ำมนต์ ผมไม่ได้ชอบน้องแบบคนรักครับ ผมแค่เอ็นดูเหมือนน้องเหมือนนุ่งมากกว่า” (ขี้เหร่อย่างนั้นผมไม่เอาหรอก) บดินทร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงความรำคาญ ส่วนประโยคหลังแอบต่อในใจบดินทร์ ศุภมงคลพิพัฒน์ ชายหนุ่มวัย 29 ปี เจ้าของปางไม้ศุภมงคล ปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักในเรื่องความหล่อเหลาผสมกับความเจ้าชู้และความมั่นใจในตัวเองระดับสูง เขามักจะคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามใจเขาเสมอ แต่ในเรื่องของการแต่งงานกลับไม่เป็นเช่นนั้น ครอบครัวกลับเป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาเขาเลย เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขายังเด็ก บิดามารดาของบดินทร์ได้ตกลงหมั้นหมายเขากับเด็กชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่ชื่อ “น้ำมนต์” ซึ่ง