LOGIN“หนูน้ำมนต์ พอดีพี่ดินเค้าติดธุระด่วนต้องพาเพื่อนเข้าไปดูไม้ที่ปางไม้กะทันหันเลยมารับหนูน้ำมนต์ไปทานข้าวเที่ยงไม่ได้ พี่เค้าเลยให้ป้าโทรมาบอกหนูน้ำมนต์แทน พี่ดินเค้าฝากขอโทษมาด้วยนะลูก ป้าต้องขอโทษแทนลูกชายป้าด้วยนะคะที่ผิดนัด”
"ครับ ไม่เป็นไรครับป้านวล น้ำมนต์โอเคครับ ฝากบอกพี่ดินด้วยนะครับจะได้ไม่เป็นกังวล”
“น่ารักจังเลยลูก เดี๋ยวครั้งหน้าหนูน้ำมนต์นัดสถานที่ไว้ได้เลยอยากไปที่ไหนเดี๋ยวป้าให้พี่ดินพาไปนะคะรับรองไม่เบี้ยวแน่นอน”
“ได้เลยครับคุณป้า ขอบคุณมากนะครับ”
“งั้นป้าวางแล้วนะลูก ป้าคิดถึงหนูน้ำมนต์จังเลย เดี๋ยวไว้เจอกันนะคะ”
พอคุณนวลพรรณเพื่อนของคุณป๊ากับคุณม๊าหรือมารดาของบดินทร์คู่หมั้นวัยเด็กของน้ำมนต์วางสาย น้ำมนต์ก็ส่งโทรศัพท์คืนคุณม๊าทันทีก่อนที่จะนั่งทำหน้างอลงข้างๆ คุณคำรณผู้เป็นพ่อ
“เป็นอะไรไปลูก ดูทำหน้าเข้า หน้าสวยๆ ของลูกป๊าทำไมมันงอยิ่งกว่าตะหลิวอีก” คุณคำรณถามลูกชายคนเดียว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ก็ จะอะไรอีกล่ะครับ คุณพี่ดินคนดีของป๊ากับม๊านั่นแหละเบี้ยวน้ำมนต์อีกแล้ว ปล่อยให้น้ำมนต์แต่งตัวเก้อ ไม่อยากไปก็ทำไมไม่บอกกันตรงๆ แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ” น้ำมนต์บ่นคู่หมั้นที่ตั้งแต่โตมายังไม่เคยเห็นหน้ากันให้คนเป็นพ่อกับแม่ฟัง
“พี่ดินเค้าคงติดธุระด่วนจริงๆ นั่นแหละลูก เลยมารับลูกไม่ได้ ลูกแม่ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวผิวสวยๆ เสียเอา” คุณเกษรผู้เป็นแม่บอกกับลูกชาย
“งั้นน้ำมนต์ไปเที่ยวเองก็ได้ ป๊าครับม๊าครับเดี๋ยวน้ำมนต์ขอขับรถไปทานกาแฟข้างนอกนะครับ น้ำมนต์จะไปทำคอนเท้นต์ด้วย ไปแล้วนะครับ”
น้ำมนต์ หรือชลาธร บวรเกียรติสกุล เด็กหนุ่มอายุ 22 ปี ที่เพิ่งเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ตอนแรกตั้งใจจะเรียนต่อโท แต่พ่อกับแม่อยากให้กลับมาตกลงเรื่องแต่งงานกับคู่หมั้นที่ตัวเองหมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นน้ำมนต์จำได้ว่าตัวเองไม่มีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันเลย ป๊ากับม๊าก็พาไปเล่นแต่กับลูกชายของเพื่อนชื่อพี่ดินซึ่งตัวโตอายุห่างกับเขาหลายปี พี่ดินตัวอ้วนใหญ่ พาเขาเล่นปีนป่ายและวิ่งเล่นตามประสาเด็กผู้ชายแต่ด้วยความที่น้ำมนต์เป็นเด็กตัวเล็กกว่าพี่ดินมาก อีกทั้งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเป็นภูมิแพ้และเป็นหวัดบ่อยจึงพลาดลื่นล้มได้แผลที่เข่า พี่ดินก็ให้ขี่หลังกลับไปที่บ้านให้ผู้ใหญ่ทำแผลให้ ตั้งแต่นั้นมาน้ำมนต์ติดพี่ดินมากและเกิดเป็นความรักความประทับใจในวัยเด็ก พอรู้ว่าพี่ดินเป็นคู่หมั้นของตนน้ำมนต์ก็เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าพี่ดินหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นสิบกว่าปี
ตั้งแต่เรียนจบกลับมาอยู่บ้านคุณป้านวลพรรณแม่พี่ดินก็โทรมานัดให้ไปเจอที่นั่นที่นี่แต่เป็นเขาคนเดียวที่ไปตามนัด พี่ดินไม่เคยไปเลยติดธุระกะทันหันตลอด จนน้ำมนต์รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้อยากมาเจอตัวเอง คงลืมน้ำมนต์ไปแล้วมั้ง
ผู้ชายหน้าตาน่ารักออกทางสวยเซ็กซี่อย่างน้ำมนต์ก็ไม่ได้คิดจะง้อ พอไม่ได้ไปนัดกับคู่หมั้น น้ำมนต์ก็ไปเที่ยวเองได้ เชียงดาวหรือสถานที่อื่นๆ ที่เชียงใหม่มีอะไรให้เที่ยวเยอะแยะ ดีเลยน้ำมนต์จะได้มีเวลาทำคอนเทนต์ลงช่อง เพราะน้ำมนต์เป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมีช่องยูทูปเป็นของตัวเองมีคนตามหลายแสนคน
ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนสนิทอย่างข้าวโพดเลย ว่าแล้วมือเรียวสวยก็หยิบโทรเครื่องหรูโทรออกหาเพื่อน น้ำมนต์ตื่นเต้นมากที่รู้ว่าตอนนี้ข้าวโพดเพื่อนสนิทก็อยู่ที่เชียงดาวเหมือนกัน น้ำมนต์เลยตัดสินใจเล่าเรื่องคู่หมั้นให้ข้าวโพดฟังเพื่อระบายที่โดนคู่หมั้นเทครั้งแล้วครั้งเล่า และนัดเจอกับเพื่อนสนิทเพื่อไปเที่ยวกัน แต่จะไปเฉยๆ ก็ไม่ได้ คนแสบสวยแซ่บอย่างน้ำมนต์ขอเอาคืนไอ้พี่ดินหน่อยแล้วกัน
ก่อนถึงวันที่จะนัดกับข้าวโพดน้ำมนต์เลยโทรไปหาคุณป้านวลพรรณผู้เป็นแม่ของบดินทร์ ว่าตัวเองอยากจะไปกินขนมเค้กที่ร้านกาแฟหรูในเมืองเชียงใหม่ ตอนแรกป้านวลพรรณจะให้พี่ดินขับรถมารับที่บ้านเพื่อเข้าไปในตัวเมืองด้วยกัน แต่น้ำมนต์บอกว่าเพื่อนจะมารับแต่เช้า ขากลับจะไม่มีรถกลับมาเลยอยากให้บดินทร์ไปรับและถือโอกาสนัดเจอตัวกันด้วยเลย พร้อมกับบอกลักษณะการแต่งกายและสีเสื้อผ้าที่จะใส่วันนั้นน้ำมนต์จะใส่สีเขียวเพื่อที่พี่ดินจะได้หาง่าย
พอนัดเจอตัวกับไอ้พี่ดินเสร็จถึง วันนัดน้ำมนต์ก็ขับรถคันหรูคู่ใจมารับข้าวโพดไปเที่ยวคาเฟ่ที่เชียงดาวอย่างสบายใจที่ได้แก้เผ็ดบดินทร์คืน หาไปเถอะคนที่ใส่ชุดสีเขียวหวังว่าคงจะเจอนะพี่ดิน เพราะว่าวันนี้น้ำมนต์ใส่สีชมพูโรสโกลด์
“เป็นไงบ้างน้ำมนต์ ได้เจอกับคู่หมั้นสุดหล่อหรือยัง” เมื่อโดนข้าวโพดเพื่อนรักถามน้ำมนต์ก็อดขำตัวเองไม่ได้ป่านนี้บดินทร์จะรู้หรือยังว่าโดนแกล้งคืนบ้างแล้ว
“ยังไม่ได้เจอเลย นัดกันเมื่อครั้งที่แล้วที่น้ำมนต์โทรหาข้าวโพดนั่นน่ะ ก็อีตาพี่ดินมันเบี้ยวหนีงานดูตัวไปหาเพื่อนรักเลยไม่ได้เจอกัน วันนี้ทางโน้นนัดมาน้ำมนต์เลยหนีบ้าง จะได้รู้ซะบ้างว่าเราก็ไม่ได้สนใจให้ความสำคัญอะไรเค้า”
“แล้วจะได้เจอกันเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย แบบนี้คงไม่เจอทีเดียวตอนงานแต่งเลยเหรอ”
ข้าวโพดขำเพื่อนรักกับพี่ดินเอาคืนกันไปกันมาไม่จบ ถ้าได้เจอตัวเจอหน้ากันจริงๆ กลัวแต่จะหลงกันเอง เพราะอย่างพี่ดินน่ะหล่อสเปกของน้ำมนต์เพื่อนรักตัวเองเชียวล่ะ และเพื่อนตัวขาวอย่างน้ำมนต์ก็น่ารักมากพี่ดินเห็นเป็นต้องโดนตกแน่ๆ
“ไม่อยากแต่งเลยข้าวโพด กลัวอยู่กันไม่รอด เออ ว่าแต่แล้วข้าวโพดเป็นยังไงบ้างทำงานน่ะ เป็นไงมาไงถึงได้มาทำงานที่ไร่ชาเลิศธนาได้ล่ะ”
น้ำมนต์ถามเพื่อนรักบ้าง และพอได้รู้ว่าเพื่อนมาทำงานอยู่ที่ไร่ชาได้เงินเดือนเกินครึ่งแสนทำเอาอดแซวเพื่อนไม่ได้ และเห็นพ่อกับแม่ของพี่ดินจะให้น้ำมนต์ไปทำงานกับพี่ดินเลยคิดว่าต้องขอเรียกค่าตัวแบบนี้หน่อยแล้ว
“งั้นน้ำมนต์ไม่ยอมหรอกนะ อีตาพี่ดินจะต้องจ่ายค่าตัวราคานี้ให้น้ำมนต์เหมือนกันคอยดู เราจะรวยไปด้วยกันนะเพื่อนรัก”
“แหม น้ำมนต์แค่รายได้จากการทำยูทูปของน้ำมนต์ในแต่ละเดือนก็เกินแล้วเถอะ” ข้าวโพดแซวเพื่อนกลับ
“ที่ช่องน้ำมนต์เป็นที่รู้จักเพราะมีข้าวโพดเพื่อนรักมาเป็นแขกรับเชิญบ่อยหรอกน่า คนเค้าติดใจความน่ารักของข้าวโพด ที่จริงอย่างที่น้ำมนต์เคยบอก ข้าวโพดน่าจะทำช่องบ้างนะ น้ำมนต์ว่าจะมีคนตามเยอะแน่ๆ เลย เพราะขนาดช่องของน้ำมนต์ก็มีแต่คนเม้นท์มาถามหาข้าวโพด ถ้าเปลี่ยนใจบอกนะน้ำมนต์จะช่วยทำ”
“ไม่เอาหรอกข้าวโพดไม่ได้พูดคล่องเหมือนน้ำมนต์ อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว วันไหนอยากออกกล้องก็ไปออกช่องของน้ำมนต์เอา”
ทั้งสองเพื่อนรักคุยกันให้หายคิดถึงไปจนล่วงเลยเวลากลับ น้ำมนต์ถึงได้ขับรถไปส่งข้าวโพดที่ไร่ชาต่อ และไปรอฟังข่าวว่าไอ้พี่ดินจะว่ายังไง กาแฟร้านนั้นอร่อยไหม
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน น้ำมนต์เริ่มฟื้นตัวจากอาการไข้ เพราะด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดและห่วงใยของบดินทร์ อาการป่วยของเขาก็ค่อยๆ หายไปจนเกือบเป็นปกติ ในช่วงเวลาที่น้ำมนต์ไม่สบาย จิตใจบางๆ ของน้ำมนต์ได้สัมผัสถึงความรักและความอบอุ่นจากบดินทร์อย่างชัดเจน ทุกคำพูด และทุกการกระทำของคนพี่ ทำให้น้ำมนต์มั่นใจว่าความรักที่ตัวเองมีให้กับบดินทร์และที่ตัวเขาเองได้ให้โอกาสบดินทร์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสูญเปล่า และบดินทร์ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในค่ำคืนนี้ เป็นอีกคืนที่ท้องฟ้าเหนือเมืองเชียงดาวปลอดโปร่ง แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณปางไม้ อากาศเย็นสบายสายลมกำลังพัดพาใบไม้บนยอดไม้ให้ไหวเอื่อยๆ บดินทร์ชวนน้ำมนต์ออกมานั่งเล่นที่ศาลาไม้หน้าบ้านพัก ภายในบรรยากาศที่เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก ร่างสูงจับให้น้ำมนต์นั่งลงข้างๆ ตัวเอง มองดูดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เขารู้สึกผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสุขมากในช่วงเวลานี้ “พี่ดิน ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลน้ำมนต์มาตลอดช่วงที่น้ำมนต์ไม่สบาย ถ้าไม่มีพี่ น้ำมนต์คงลำบากแย่เลย” เสียงหวานของน้ำมนต์พูดขึ้นทำลายควา
หลังจากวันที่ทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางสายฝน ความสัมพันธ์ของบดินทร์และน้ำมนต์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่การที่น้ำมนต์ต้องตากฝนในวันนั้นก็ทำให้เขาเริ่มไม่สบาย สองวันหลังจากการเดินทางนั้น น้ำมนต์ก็มีอาการไข้สูงและรู้สึกหนาวสั่นจนต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักที่ปางไม้ บดินทร์รู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นน้ำมนต์เริ่มมีอาการไข้ เขารีบไปพาน้ำมนต์ไปหาหมอแต่น้ำมนต์ไม่ยอม ร่างสูงจึงพาน้ำมนต์มาอยู่ที่บ้านพักของเขาเองเพื่อที่จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ในช่วงบ่ายวันนั้นน้ำมนต์นอนอยู่บนเตียงกว้างของบดินทร์ โดยร่างบางมีผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวไว้ แต่ยังคงมีอาการหนาวสั่น ใบหน้าสวยแดงก่ำจากพิษไข้ ร่างสูงของบดินทร์คงนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง มือหนาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวให้น้ำมนต์อย่างเบามือ ในใจรู้สึกเป็นห่วงอีกคนอย่างมาก “น้ำมนต์ หนูจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้นะ พี่สัญญาว่าจะอยู่ดูแลน้ำมนต์จนกว่าหนูจะหายดี” บดินทร์พูดเบาๆ ขณะที่มือหนาถือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอขาวของคนน้อง คนป่วยที่นอนหลับอยู่ แต่เพราะพิษไข้ทำให้เขาเริ่มเพ้อออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่ดิน ทะ ทำไมพี่ถึงไม่ชอบน้ำมนต์ เพียงเพราะว่าน้ำมนต์เป็นเด็กขี้เ
หลังจากที่สะสางปัญหาจบลง สุดท้ายแล้วน้ำมนต์ก็ต้องกลับมาทำงานอยู่กับบดินทร์ที่ปางไม้ ทั้งคู่ได้นั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด และบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์เหล่านั้น “พี่ดิน น้ำมนต์คิดว่าเราทั้งคู่ได้เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงการยอมรับข้อบกพร่องของกันและกันด้วย” น้ำมนต์พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายลึกซึ้งและจ้องมองตาคมของบดินทร์ “เราผ่านความเจ็บปวดมามาก แต่ตอนนี้น้ำมนต์ว่าการที่เรายังยืนอยู่ข้างกันได้ แสดงว่าเรามีความหมายต่อกันมากแค่ไหน ต่อจากนี้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา น้ำมนต์มั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้ เพราะเราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” บดินทร์ดึงร่างโปร่งน้ำมนต์เข้ามากอดแน่น “ครับเราจะจับมือข้ามผ่านมันไปด้วยกัน พี่สัญญา” หลังจากที่บดินทร์และน้ำมนต์ปรับความเข้าใจกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็กลับมาสดใส บดินทร์รู้สึกได้ว่าน้ำมนต์เริ่มผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น พอเห็นว่าอากาศในวันนี้เหมาะสำหรับการออกไปผจญภัยในธรรมชาติ เขาจึงตัดสินใจพาน้ำมนต์ไปยังที่พิเศษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขามักจะไปเมื่อต้องการหาความสงบอีกที่ เช้านี้ท้องฟ้าเหนือเชียงดาวเป
หลังจากที่น้ำมนต์รู้ความจริงแน่ชัดว่าข้อความที่เขาได้รับเป็นแผนการของแพรพลอย ความโกรธและความเสียใจที่สะสมมานานก็ระเบิดออกมา น้ำมนต์ตัดสินใจว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกทำร้ายอีกต่อไป เขาจะเป็นคนจัดการแพรพลอยด้วยตัวเอง น้ำมนต์รู้ว่าแพรพลอยชอบใช้วิธีการลอบกัดและเล่นเกมจิตวิทยาเพื่อทำให้คนอื่นพังทลาย ดังนั้น เขาจึงวางแผนตอบโต้ด้วยวิธีที่แพรพลอยไม่คาดคิด คืนนั้นน้ำมนต์นั่งคิดแผนที่จะแก้เกมแพรพลอยให้สาสม เขาตัดสินใจที่จะไม่เล่นตามเกมของเธอ แต่จะสร้างสถานการณ์ให้แพรพลอยตกเป็นฝ่ายถูกเล่นงานแทน น้ำมนต์เริ่มแผนการของเขาด้วยการแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เขายังทำตัวเหมือนเดิมและเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ใครสังเกตได้ เขาติดต่อข้าวโพดและกานต์เพื่อช่วยเหลือในการดึงแพรพลอยเข้ามาติดกับดักของเขา ข้าวโพดที่เป็นเพื่อนสนิทของน้ำมนต์เห็นด้วยทันทีเมื่อรู้แผนนี้ “น้ำมนต์ทำถูกแล้วข้าวโพดเห็นด้วย คราวนี้น้ำมนต์ไม่ต้องอดทนหรือให้ใครมาทำร้ายอีกแล้ว ยัยแพรพลอยต้องได้รับบทเรียนที่เธอไม่เคยเจอ” น้ำมนต์ยิ้มบาง ๆ และพูดด้วยความมุ่งมั่น “น้ำมนต์จะไม่ยอมให้เธอมาเล่นงานชีวิตน้ำมนต์กับพ
น้ำมนต์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาหันกลับมามองบดินทร์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่ไว้วางใจ “พี่มาที่นี่ทำไมครับ” บดินทร์เดินมานั่งลงตรงข้ามน้ำมนต์และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความจริงใจ “พี่มาที่นี่เพื่อขอโอกาส พี่รู้ว่าพี่ทำให้น้ำมนต์เจ็บและเข้าใจผิด แต่พี่อยากให้น้ำมนต์ฟังพี่สักครั้ง เรื่องที่น้ำมนต์เห็นที่โรงแรมมันไม่ใช่อย่างที่น้ำมนต์คิด มันเป็นแผนของแพรพลอยที่ต้องการทำให้เราแตกแยกกัน แพรพลอยเขาบอกกับพี่ว่าเขาเครียด เขาให้พนักงานที่รีสอร์ตโทรมาหาพี่ว่าเขาจะกินยาฆ่าตัวตาย พี่เลยต้องไปดู” น้ำมนต์นิ่งฟัง แต่ในใจยังคงมีความลังเลและน้อยใจ “แล้วทำไมพี่ถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้น พี่เลือกที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เคยทำร้ายผม แล้วพี่จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าพี่จะไม่ทำร้ายผมอีก” น้ำมนต์จำได้สมัยเด็กมีเด็กผู้หญิงรุ่นพี่ที่มาวิ่งเล่นที่ปางไม้ด้วยบ่อยๆ อีกคน เด็กหญิงคนนั้นคือแพรพลอย เด็กผู้หญิงคนนี้ชอบแกล้งเขาและแย่งความสนใจของพี่ดินจากน้ำมนต์เสมอ คำถามนี้ทำให้บดินทร์รู้สึกเจ็บในใจ เขาไม่รู้ว่าจะทำให้น้ำมนต์เชื่อใจได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้ต้อ
วันถัดมา บดินทร์นัดแพรพลอยมาพบกันที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงดาว แพรพลอยที่คิดว่าแผนการของเธอกำลังไปได้สวย ก็ยังคงมั่นใจในตัวเอง เธอมาในชุดที่ดูดีและเต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอคิดว่าบดินทร์คงจะกลับมาสนิทกับเธอมากขึ้นหลังจากที่น้ำมนต์จากไปเมื่อทั้งสองนั่งลง แพรพลอยส่งยิ้มหวานยั่วยวนให้ชายหนุ่มที่เธอหลังรัก “พี่ดินนัดแพรมาพบวันนี้ มีเรื่องอะไรหรือคะ”บดินทร์มองหน้าแพรพลอยด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและไม่ลังเล “แพรพลอย พี่จะไม่อ้อมค้อมนะ วันนี้พี่นัดเธอมาคุยเพื่อที่จะจบทุกอย่างระหว่างเรา”รอยยิ้มของแพรพลอยเริ่มหายไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะเสียบดินทร์ไปแล้ว “พี่ดินหมายความว่ายังไงคะ ทำไมต้องจบกันล่ะ”บดินทร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พี่รู้ทุกอย่างแล้ว เธอวางแผนทำให้น้ำมนต์เข้าใจพี่ผิด เพื่อที่จะทำให้เราแยกจากกัน และมันได้ผล น้ำมนต์เขาจากพี่ไปแล้ว และมันเป็นเพราะพี่ที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น พี่ไม่โทษใครนอกจากตัวเอง แต่ตอนนี้พี่ต้องการให้เธอออกไปจากชีวิตพี่สักที”แพรพลอยที่ไม่คิดว่าจะถูกพูดตรง ๆ แบบนี้เริ่มรู้สึกโกรธ เธอยังคงพยายามควบคุมอารมณ์และพูดด้วย







