คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)

คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
โดย:  Chenaimeiอัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel18goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
41บท
28views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

“อยู่ด้วยกันเถอะนะ อย่างน้อยก็เพื่อลูกของเรา” แม้จะเป็นคำขอที่ฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันน่าตลกตรงที่คำพูดนั้นสามารถเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้...

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

อารัมภบท

อารัมภบท

การตื่นลืมตาขึ้นมาพบเจอความว่างเปล่าในแต่ละวัน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าชีวิตของเขาตอนนี้ไม่เหลือใครอีกแล้ว บ้านหลังใหญ่ไร้ซึ่งความอบอุ่น ครอบครัวที่เคยอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าหันไปมองทางไหนก็เห็นภาพความทรงจำที่เด่นชัดขึ้นภายในใจดวงน้อย ๆ ทว่าหลังจากนี้ภาพพวกนั้นคงค่อย ๆ เลือนรางลงไปทิ้งไว้เพียงความรู้สึกหลาย ๆ อย่างในก้นบึ้งหัวใจ

ไม่ง่ายเลยที่เด็กอายุเพียงสิบห้าปีต้องยอมรับความจริงที่แสนโหดร้ายเช่นนี้ เหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา เมื่อพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขามาต้องจากโลกนี้ไปทิ้งไว้เพียงความคิดถึงที่เขาเฝ้าโหยหา และความทรงจำที่เขาไม่อาจลืมไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร

เสียงผู้คนจอแจทยอยกันมาร่วมงานศพที่จัดขึ้นภายในวัด แขกมากหน้าหลายตาในชุดสีดำไว้ทุกข์ร่วมมาแสดงความเสียใจกับเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูล สกุลวานิช ที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าในวันคล้ายวันเกิดอายุครบสิบห้าปีของตัวเอง

จากงานเลี้ยงกลายเป็นงานศพบิดาและมารดา ราวกับฟ้ากำลังแกล้งกัน อยากจะหัวเราะออกมาให้เหมือนคนเสียสติ ทว่าสิ่งที่ทำมีแค่นั่งมองโลงคู่และฉากรูปภาพของคนที่ตัวเองรักวางเคียงคู่กัน เสียงที่ดังออกมาไม่ใช่เสียงหัวเราะ แต่เป็นเสียงร้องไห้ที่แทบจะขาดใจ

แม้วันนี้จะเป็นวันที่สองของงาน แต่เด็กคนนี้ยังร้องไห้ไม่ขาดสาย เฝ้าถามกับพ่อและแม่อยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมาว่าเหตุใดถึงทิ้งเขาไว้ให้เผชิญโลกกว้างเพียงคนเดียว ทำไมถึงไม่พาเขาไปด้วย

“น้องน่านไปทานอะไรหน่อยดีไหม เดี๋ยวป้าพาไป”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนใครต่อใครเห็นก็อดสงสารไม่ได้

ป้าษาเป็นพี่สาวแท้ ๆ คนเดียวของแม้ ผู้มีศักดิ์เป็นป้าของเขา นาน ๆ ครั้งที่จะได้เจอกันเนื่องจากไปใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ที่ต่างจังหวัดในภาคเหนือ ช่วงปิดเทอมใหญ่พ่อกับแม่ถึงจะพาไปเยี่ยมป้าษา

ครั้นรู้เรื่องเข้าป้าษาก็รีบบินตรงมาเพื่อจัดการงานศพให้น้องสาวและน้องเขยทันที ทั้งยังตั้งใจจะรับน่านน้ำไปอยู่ด้วยหลังจากจัดการเรื่องงานเสร็จทุกอย่างแล้ว

“แต่น้องน่านยังไม่ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อเช้า ทานสักนิดเถอะนะ ไม่งั้นคุณพ่อคุณพ่อท่านจะเป็นห่วงเอา”

“น่านไม่หิว ฮือออ”

ยิ่งพูดถึงพ่อกับแม่ก็เหมือนกระตุ้นความเจ็บภายในใจ หากพ่อกับแม่ยังอยู่ตอนนี้คงได้ทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ทว่าหลังจากนี้ไม่มีอีกแล้ว...

“น่านคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ ฮึก ทำไมทั้งสองคนถึงทิ้งน่าน ทำไมปล่อยให้น่านอยู่คนเดียว ฮือ”

น่านน้ำพรั่งพรูความอึดอัดถามป้าษาออกไป ทั้งน้ำเสียงทั้งคำพูดแทบฟังไม่เป็นคำ ร่างกายเล็กร้องไห้ตัวโยน ผู้เป็นป้าได้แต่ดึงหลานชายเพียงเข้ามากอดเอาไว้แน่น ทั้งที่เธอพยายามเข้มแข็งเพื่อหวังให้ตัวเองเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้หลานได้ สุดท้ายก็อดกลั้นต่อไปไม่ไหว การสูญเสียน้องสาวคนเดียวที่เธอรักมันเป็นเรื่องเจ็บปวดที่ยากเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ

ทว่าเด็กคนนี้คงแตกสลายมากกว่าเขาเป็นไหน ๆ ต่อให้เธอจะทำดีแค่ไหนปลอบใจมากเท่าไร แต่เขารู้ดีว่าแผลที่เกิดขึ้นในใจของน่านน้ำมันจะเป็นแผลเป็นตลอดไป ใช้เวลารักษาเท่าไรก็ไม่มีวันหาย ต่อให้เวลานานไปแผลนั้นจะตื้นขึ้นมาในสักวัน แต่หากมีสิ่งใดไปสะกิดแผลนั่นก็อาจทำให้เจ็บขึ้นมาได้อีกครั้ง

เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มแอบมานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ท่ามกลางความมืด เสียงสวดในศาลาดังมาถึงที่เขานั่งอยู่ เขาไม่อยากอยู่ตรงนั้นไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าพ่อกับแม่ได้จากไปแล้ว

“พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม”

ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยมองร่างสูงด้วยดวงตาพร่ามัว ทั้งรอบตัวยังมืดมีแสงสว่างเพียงน้อยนิดทำให้เห็นใบหน้าอีกคนไม่ชัดเท่าไรนัก

น่านน้ำไม่ได้ตอบกลับไปเพียงแค่ก้มหน้าเช็ดน้ำตา พยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่น่าอายไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน เขาไม่ได้อยากอ่อนแอแบบนี้เลยแต่มันยากเกินไป เกินความพยายามของเขา

ข้างกายรับรู้ได้ถึงลมบางเบา เมื่อคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้านั่งลงบนม้านั่งตัวเดียวกัน ไม่มีเสียงพูดจากอีกฝ่าย ทว่าคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักกลับยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้กัน

มือเล็กยกขึ้นรับน้ำใจจากอีกคน เด็กคนนี้ไม่ได้รู้จักระวังตัวเลยแม้แต่น้อย หากชายแปลกหน้าคนนี้เป็นคนไม่ดีหรือคิดร้ายขึ้นมา เห็นทีคงจะไม่รอด

“ขะ ขอบคุณ อึก ครับ”

เพราะถูกเลี้ยงดูและอบรมมาอย่างดี ไม่ว่าจะเสียใจแค่ไหนก็ไม่ลืมไปถึงมารยาทที่คุณแม่ของตนพร่ำสอนมาตั้งแต่เล็ก

“มานั่งที่มืด ๆ คนเดียวแบบนี้ยุงไม่กัดเหรอ”

น่านน้ำส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ แม้ว่าความจริงแล้วยุงแทบจะหามเขาไป แต่เสียใจเกินกว่าจะมานั่งตบยุง ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าสัตว์ตัวเล็กจะนำภาหะของโรคไข้เลือดออกมาสู่เขาหรือเปล่า

หลายนาทีที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดที่ร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้ช่วยกลบเสียงสะอื้นเบา ๆ ของเด็กคนนี้ได้เลย

ครั้นหันไปมองทางด้านหลังก็เห็นว่าคนเริ่มทยอยออกจากศาลากันแล้ว เขาเองก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน

“กลับไปที่ศาลาเถอะ อย่านั่งอยู่คนเดียวเลย เผื่อตรงนี้มีสัตว์มีพิษจะเกิดอันตรายได้”

คำเตือนแฝงความห่วงใยของคนแปลกหน้าทำให้น่านน้ำเงยหน้ามองร่างสูงอีกครั้ง เป็นใครกันทำไมถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้กับเขา รู้จักเขาหรือยังไง เพราะคนส่วนใหญ่ที่มางานก็เป็นคนรู้จักคุณพ่อกับคุณแม่ ซึ่งจากที่เห็นมาก็ค่อนข้างจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกท่าน ทว่าชายคนนี้ที่ดูจะสูงกว่าเขาเยอะพอสมควร หากเพ่งมองผ่านความมืดก็พอจะเดาได้ว่าอายุมากกว่าเขา หรือหากพิจารณาจากน้ำเสียงก็ยังดูหนุ่มอยู่

“พี่ต้องไปแล้ว”

“...”

เมื่อเห็นว่าเด็กคนนี้ไม่พูดอะไรก็เริ่มเดินห่างออกมา ทว่าออกไปได้ไม่ไกลก็เอี้ยวตัวกลับมาแนะนำตัวอีกครั้ง

“จริงสิพี่ลืมแนะนำตัว พี่ชื่อคินทร์นะ หวังว่าเราจะได้เจอกันใหม่เด็กน้อย”

“ดะ เดี๋ยว”

เรียกไว้ไม่ทันรู้สึกตัวอีกที่พี่ชายคนนั้นก็เดินออกไปไกลเสียแล้ว เด็กหนุ่มหลุบตามองผ้าเช็ดหน้าในมือ รู้แค่ชื่อแล้วเขาจะคืนผ้าเช็ดหน้าให้ได้ยังไง

แต่เมื่อกี้ตอนที่อีกคนเอี้ยวตัวกลับมาไฟจากศาลากระทบเสี้ยวใบหน้านั้นพอดิบพอดี แม้จะเห็นไม่ชัดแต่เขาคิดว่าเขาจะจำรูปหน้าและรอยยิ้มนั้นได้

จะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือเปล่า...

...

1 ปีต่อมา

หลังจากเจอจุดเปลี่ยนของชีวิต จากเด็กที่มีครอบครัวอบอุ่น กลายเป็นเด็กกำพร้า เวลาผ่านมาถึงหนึ่งปีแผลที่เกิดขึ้นในใจยังไม่ได้จางหายไป ทุกวันจรดเช้ายันค่ำเขายังคงคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นที่เคยผ่านมา

จากอายุสิบห้าปีนี้ขึ้นมาเป็นสิบหก เขาเลือกที่จะหยุดเรียนไปเต็ม ๆ หนึ่งปี เพื่อนรุ่นเดียวกันต่างขึ้นมอปลายใช้ชีวิตตามวัยของตัวเอง ส่วนเขากลับจมอยู่กับความเศร้าไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามเดิม

เขาย้ายมาอยู่กับป้าษาที่จังหวัดน่านหลังจากจัดการงานศพพ่อกับแม่เสร็จเรียบร้อย เขามาอยู่ที่นี่ตัวเปล่าไม่มีสมบัติใดติดตัวมาแม้แต่น้อย ได้ยินที่ป้าษาคุยกับสามีก็พอจะเข้าใจได้ว่าธุรกิจที่พ่อสร้างขึ้นมาล้มละลาย ถูกยึดทุกอย่างไปทั้งหมดเพื่อชดใช้หนี้สินที่ติดไว้ เขากลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว บ้านหลังใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่ก็ถูกธนาคารยึด เหตุนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาอยู่กับป้าษา

แม้ป้าษาจะดีกับเขามากเท่าไร แต่เด็กที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยอย่างเขาก็ไม่เขาตาสามีของป้าษา ตลอดหนึ่งปีเขาพยายามอดทน ช่วยงานทุกอย่างที่ทำได้เพียงเพื่อทดแทนความเมตตาที่ท่านให้ที่พักที่นอน ข้าวปลาอาหาร

ป้าษามีลูกชายสองคนและลูกสาวอีกหนึ่งคน รุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา พี่ชายคนโตค่อนข้างจะใจดีและดูเอ็นดูเขามาแต่ไหนแต่ไร ส่วนอีกสองคนก็เหมือนจะไม่ชอบเขาสักเท่าไร ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน และพยายามเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง

ทว่าเหมือนชีวิตจะยังเล่นตลกกับเขาไม่มากพอ...

“ผมอยากขอรับหนูน่านไปดูครับ”

คำพูดของชายวัยกลางคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาขอรับเลี้ยงดูเขาโดยเงื่อนไขที่ยื่นให้กับป้าษาคือการพาเขาไปอยู่ที่บ้านตัวเอง ค่าใช้จ่ายและค่าเล่าเรียนต่าง ๆ จะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ทั้งยังมีเงินตอบแทนให้ก้อนหนึ่งหากป้าษาตอบตกลง

เขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการออกความเห็น จะเรียกว่าปลงก็คงไม่ใช่เพราะเขาก็ยังมีความรู้สึกนึกคิดทุกอย่าง เพียงแค่ไม่มีแรงจะต่อต้านใด ๆ ครั้นหันไปมองป้าษาและสามีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังปรึกษากัน จากที่เห็นป้าษาดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย แต่คนเป็นสามีกลับตอบตกลงสุดท้ายป้าษาก็ต้องเลือกสามีตัวเองอยู่แล้ว

เขาควรจะสำนึกสำเหนียกและจำให้ขึ้นใจ ว่าต่อให้ป้าษาจะรักเขาแค่ไหนเขาก็เป็นได้แค่คนนอกของบ้านหลังนี้ ที่ยืนของเขามันเล็กเกินกว่าขยับตัวได้ ไม่ว่าใครจะจับให้หันซ้ายหันขวาเขาก็ต้องทำเช่นนั้น

เด็กที่ไม่เคยลำบากมาก่อนเมื่อถึงจุดต่ำสุดของชีวิต แทบจะพึ่งพาตัวเองไม่ได้เลย โลกนี้มันกว้างเกินไปสำหรับเขาจริง ๆ มีอะไรอีกมากมายที่เขาไม่เคยเผชิญ ไม่เคยได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง

“ป้าขอโทษนะน้องน่าน แต่ป้าเชื่อว่าคุณรังสรรค์เขาจะดูแลน่านอย่างดี อย่างน้อยถ้าอยู่กับคุณเขาน้องน่านก็จะได้เรียน ไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นก็คงสุขสบายกว่าอยู่กับป้า”

พูดอะไรไม่ออกสักคำ ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างจำนน ในเมื่อตอบตกลงรับเงินเขามาแล้ว น่านน้ำก็ต้องย้ายไปอยู่ที่นั้นกับคุณรังสรรค์ และต้องออกเดินทางตั้งแต่วันนี้

ป้าษาช่วยเก็บเสื้อผ้าที่มีอยู่น้อยนิดใส่กระเป๋าเป้ให้หลายชาย แม้จะรู้สึกไม่ดีที่ต้องทำแบบนี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ในเมื่อสามีเป็นฝ่ายตัดสินใจ เพราะแม้แต่เธอบ้านที่อยู่ตอนนี้ก็เป็นของสามี เธอเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงมากพอจะขอร้องให้เห็นใจเด็กคนนี้

“มาแค่ตัวก็ไปแค่ตัว อย่าหยิบจับเอาของที่บ้านฉันไปล่ะ”

คำพูดเหน็บแนมที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งออกมาจากปากของลุงเกริก รู้สึกปวดใจทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ นึกโกรธตัวเองที่อ่อนแอเกินกว่าจะเถียงกลับไป ได้แต่ก้มหน้าเช็ดน้ำตาฟังคำดูถูกต่าง ๆ นานา

เขาไม่รู้ว่ากการไปอยู่ที่บ้านใหม่จะเป็นยังไง ทว่าภาวนาขอให้หลุดพ้นจากความเสียใจนี้เสียที

.

.

บ้าน วิรุฬห์โยธิน

นั่งเครื่องมาถึงสนามบินก็มีคนรถมารอรับเพื่อพากลับมาที่บ้าน แม้ภายนอกจะเฉยชาแต่ภายในใจของเด็กคนนี้กลับนึกกังวลอยู่ไม่น้อย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต้องย้ายมาอยู่กับคนแปลกหน้า

ประตูรถเลื่อนเปิดออกให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านได้ลงมา พร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก สาวใช้สามคนเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม น่านน้ำยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม

“พวกเราเป็นแค่คนใช้ไม่ต้องไหว้พวกเราก็ได้ค่ะ”

สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยพูดขึ้นด้วยท่าทีเอ็นดู นึกชื่นชมในมารยาทของเด็กคนนี้ที่กำลังจะขึ้นมาเป็นเจ้านายอีกคนของเธอ

“หนูน่านเข้ามาในบ้านสิ ทุกคนรออยู่”

น่านน้ำสาวเท้าเดินตามคุณผู้ชายของบ้านมาจนถึงโถงห้องรับแขก มีคนนั่งรออยู่อย่างที่คุณรังสรรค์ว่าไว้จริง ๆ

“นั่งก่อนสิจ๊ะ”

ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุใกล้เคียงกับแม่ของเขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม น่านน้ำนั่งลงบนโซฟาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“นี่คุณหญิงกนกอรภรรยาของลุง ส่วนนี่คินทร์พี่ชายคนโต เคนคนกลาง อีกคน...”

“คีนน้องคนเล็ก ยินดีที่ได้รู้จักนะพี่น่านน้ำ”

ไม่ทันที่คุณรังสรรค์พูดจบ ลูกชายคนเล็กก็ชิงแนะนำตัวก่อน ทั้งยังขยับเข้ามานั่งใกล้น่านน้ำอย่างถือวิสาสะ ด้วยความตกใจคนตัวเล็กรีบลุกขึ้นถอยออกห่างทันที

“คีน! พี่เขาตกใจเห็นไหม กลับมานั่งที่เลยไอ้ตัวแสบ”

ผู้เป็นแม่รีบปรามลูกชายของเธอ ครั้นหายตกใจแล้วน่านน้ำถึงได้ยกมือไหว้ทุกคน

“สวัสดีครับผม..ชื่อน่านน้ำครับ”

เอ่ยแนะนำตัวเองด้วยเสียงอ้อมแอ้ม คุณหญิงกนกอรยิ้มเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ ก่อนจะจะลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างหน้าสมาชิกใหม่ ถือวิสาสะจับมือน้อย ๆ มากุมไว้

“ยินดีต้อนรับสู่บ้านวิรุฬห์โยธินค่ะหนูน่าน”

“คะ ครับ”

เขายังมีอีกหลายอย่างที่นึกสงสัย และไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่บ้านหลังนี้ถึงได้รับเขามาเลี้ยงดู ทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักหรือคุ้นหน้ามาก่อน

“เดินทางมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนสักหน่อยดีไหม ลุงให้คนเตรียมห้องไว้แล้ว ให้พี่คินทร์พาไป”

“คีนขอพาไปเองได้ไหมป๊า”

“เราน่ะนั่งอยู่เฉย ๆ”

เด็กน้อยทำหน้ายู่เล็กน้อยที่ป๊าไม่อนุญาต เขาก็แค่อยากทำความรู้จักกับพี่ชายคนนี้ก็เท่านั้น ทำไมป๊าถึงไม่เข้าใจนะ!

ร่างเล็กเดินตามลูกชายคนโตขึ้นมาชั้นสามของบ้าน ห้องริมสุดทางเดินเป็นห้องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ดวงตากลมใสสำรวจภายในห้องนอนคร่าว ๆ ก่อนจะหันไปขอบคุณคนอายุมากกว่าที่อุตส่าห์เดินมาส่ง

“ขอบคุณพามาส่งครับคุณคินทร์”

“ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกเฮียเหมือนเคนกับคีนก็ได้”

น่านน้ำยืนมองอีกฝ่ายนิ่ง ไม่คิดจะพูดหรือตอบรับอะไรกลับไป ทว่ากลับจำคำที่คนตรงหน้าบอกเอาไว้

“พักผ่อนเถอะ”

“ครับ”

ร่างสูงเดินห่างออกไปหยุดอยู่ตรงประตู ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้พร้อมประโยคที่ทำให้เขาต้องใช้สมองคิดเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำบางอย่าง

“ดีใจนะที่ได้เจอกันอีกครั้ง”

ดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ...

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
41
อารัมภบท
อารัมภบทการตื่นลืมตาขึ้นมาพบเจอความว่างเปล่าในแต่ละวัน เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าชีวิตของเขาตอนนี้ไม่เหลือใครอีกแล้ว บ้านหลังใหญ่ไร้ซึ่งความอบอุ่น ครอบครัวที่เคยอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าหันไปมองทางไหนก็เห็นภาพความทรงจำที่เด่นชัดขึ้นภายในใจดวงน้อย ๆ ทว่าหลังจากนี้ภาพพวกนั้นคงค่อย ๆ เลือนรางลงไปทิ้งไว้เพียงความรู้สึกหลาย ๆ อย่างในก้นบึ้งหัวใจไม่ง่ายเลยที่เด็กอายุเพียงสิบห้าปีต้องยอมรับความจริงที่แสนโหดร้ายเช่นนี้ เหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงต่อหน้าต่อตา เมื่อพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขามาต้องจากโลกนี้ไปทิ้งไว้เพียงความคิดถึงที่เขาเฝ้าโหยหา และความทรงจำที่เขาไม่อาจลืมไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไรเสียงผู้คนจอแจทยอยกันมาร่วมงานศพที่จัดขึ้นภายในวัด แขกมากหน้าหลายตาในชุดสีดำไว้ทุกข์ร่วมมาแสดงความเสียใจกับเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูล สกุลวานิช ที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าในวันคล้ายวันเกิดอายุครบสิบห้าปีของตัวเองจากงานเลี้ยงกลายเป็นงานศพบิดาและมารดา ราวกับฟ้ากำลังแกล้งกัน อยากจะหัวเราะออกมาให้เหมือนคนเสียสติ ทว่าสิ่งที่ทำมีแค่นั่งมองโลงคู่และฉากรูปภาพของคนที่ตัวเองรักวางเคียงคู่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 1 ทำความรู้จัก
'คุณคณาธิป วิรุฬห์โยธิน หรือ คุณคินทร์ ลูกชายคนโตของคุณรังสรรค์ วิรุฬห์โยธิน เจ้าของธุรกิจส่งออกเครื่องประดับรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศ และยังเป็นเจ้าของอสังหาริมทัพย์อีกหลายแห่ง เพิ่งได้ขึ้นรับตำแหน่งรองผู้บริหารหลังจากเรียนจบได้ไม่นาน มีผู้มาร่วมแสดงความคิดเห็นยินดีกันถ้วนหน้า ทั้งยังขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์กับแฮชแท็ก คุณคินทร์คือสามีแห่งชาติคนต่อไป เห็นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าถูกใจสาว ๆ หนุ่ม ๆ กันทั่วประเทศ...'ข่าวบันเทิงในเช้าวันนี้มีแต่เรื่องของคินทร์เกือบทุกช่อง เด็กหนุ่มปิดหน้าจอมือถือนอนถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย นาน ๆ ทีจะเปิดมือถือดูสื่อโซเชียลต่าง ๆอยู่ที่บ้านใหญ่หลังนี้มาได้สามวันเต็ม ๆ เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนที่นี่เลยสักนิด อย่างเรื่องที่คินทร์เป็นถึงลูกเศรษฐีพันล้าน คุณรังสรรค์มีธุรกิจมากมายหลายแห่ง เขาก็เพิ่งจะรู้จากข่าวที่ได้เปิดดู ทว่าแค่พิมพ์ชื่อกดค้นหาในเว็บไซต์ประวัติต่าง ๆ ของคุณ ๆ ที่บ้านหลังนี้ก็ขึ้นเรียงรายมาให้อ่านก๊อก ก๊อก ก๊อก!“คุณหนูน่านคะ ตื่นหรือยังคะ” คนตัวเล็กหย่อนขาลงจากเตียงเดินมาเปิดประตูให้แม่บ้านสาวที่ขึ้นมาเรียกถึงห้อง “อีกเดี๋ยวจะเป็นมื้อเช้า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 2 สร้างความไว้ใจ
น่านน้ำหอบเอาอุปกรณ์วาดภาพมาบริเวณสวนหลังบ้าน เป็นหนึ่งในการบ้านที่เขาต้องทำส่งในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวิชาที่เขาชื่นชอบ และถนัดมากที่สุดเด็กหนุ่มจัดแจงของวางไว้ในพื้นที่ที่ตนเองหยิบจับได้สะดวก การทำงานศิลปะในที่เงียบสงบและร่มรื่นแบบนี้ทำให้สมองโล่งสามารถรังสรรค์ภาพวาดออกมาได้อย่างดี เสียงเพลงสากลเบา ๆ เปิดคลอเคล้าสร้างบรรยากาศรอบตัวให้น่าทำงานเพิ่มขึ้นบริเวณสวนหลังบ้านเป็นที่ที่น่านน้ำชอบมานั่งเล่นมากที่สุด เพราะไม่ค่อยมีใครเข้ามา แม้แต่เจ้าของบ้านอย่างคุณรังสรรค์ คุณหญิงกนกอร หรือลูก ๆ ทั้งสามคน ต่างไม่ได้ให้ความสนใจกับส่วนนี้ของบ้าน เพียงแค่ให้ลุงแช่มเป็นดูแล ไม่ให้พวกหญ้าขึ้นมารกก็เท่านั้นเสียงนกร้องเบา ๆ ดังอยู่ไม่ไกล เรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มได้เป็นอย่างดี น่านน้ำวางสมุดวาดภาพก่อนจะเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน ชะเง้อมองอยู่หลายนาทีถึงได้เห็นว่ามีรังนกอยู่บนต้นไม้ ซึ่งไม่ได้สูงเท่าไรนัก ร่างเล็กเดินไปหยิบบันไดที่ลุงแช่มเอาไว้ต่อเท้าเวลาตัดแต่งกิ่งมาตั้งใกล้ ๆ ต้นไม้ ก่อนขึ้นไปยืนดูลูกนกตัวเล็กในรัง ใบหน้าจิ้มลิ้มเผยยิ้มอ่อนให้กับความน่ารักคนตัวเล็กวิ่งกลับมาหยิบโทรศัพท์เพื่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 3 อดทนกับความเจ็บปวด
เสียงกรีดร้องแทบขนาดใจดังไม่ขาด แรงลมฝนโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เด็กหนุ่มนั่งร่ำไห้อยู่บนถนนไร้ซึ่งรถผ่านไปผ่านมา แสงไฟจากหน้ารถสาดสองให้เห็นถึงร่างของหญิงวัยกลางคนที่นอนแน่นิ่งท่ามกลางกองเลือด และชายวัยกลางคนที่ติดอยู่ในรถ ใบหน้าโชกไปด้วยเลือด สายตาที่มองมาอ่อนล้าเต็มที ปากสีเข้มเปรอะไปด้วยของเหลวสีแดงที่สำลักออกมา ขยับเอื้อนเอ่ยทว่าเสียงเบาหวิวไม่ดังพอที่จะสู้กับเสียงฝนเด็กหนุ่มตกใจช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ได้แต่ร้องไห้ราวกับคนเสียสติ มองพ่อกับแม่ที่หายใจรอยรินและกำลังจะขาดหายใจไปต่อหน้าต่อตา“ฮือออ อึก คุณพ่อ คุณแม่ อย่าทิ้งน่าน ฮือ อย่าทิ้งน่าน”ทั้งที่พยายามเปล่งจนสุดเสียงแต่ราวกับว่าท่านทั้งสองไม่ได้ยิน ไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้วเค้กวันเกิดที่เตรียมไว้จะไปฉลองด้วยกันเละไม่เหลือชิ้นดี เทียนวันเกิดตามเลขอายุ15 ปี หักเป็นสองท่อน ช่างเป็นวันเกิดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเป็นวันที่เขาไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต…เฮือก!!!ร่างเล็กสะดุ้งตกใจลุกขึ้นนั่งหอบหายใจราวกับคนขาดการหายใจมานาน น้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าจนเปียกฝันอีกแล้ว… ความทรงจำเลวร้ายในวันนั้นย้อนกลับมาตอกย้ำความเ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 4 ขนมจากเฮียคินทร์
เสียงกริ่งดังขึ้นเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ทันทีที่ร่างเล็กก้าวขาออกมาจากห้องเรียนก็เจอกับสองพี่น้องยืนรออยู่คีนกระโดดเข้ามาเกาะแขนพลางยิ้มแป้นให้กันอย่างที่ชอบทำ ผิดกับเคนที่แค่เดินเข้ามาหานิ่ง ๆ พร้อมเอ่ยปากบอกกับสมาชิกอีกคนที่ตนมายืนรอ ก่อนจะเดินนำออกไป“ไปกินข้าว หิวแล้ว”ระหว่างทางเดินมาโรงอาหารคีนยังไม่ปล่อยแขนน่านน้ำให้เป็นอิสระทั้งยังพูดเจื้อยแจ้วถึงการเรียนในช่วงเช้าคีนเป็นนักเรียนมัธยมชั้นปีที่หนึ่งที่ดูตัวโตเกินวัย ส่วนเคนเป็นพี่มอหกปีสุดท้ายที่จะได้เรียนที่นี่ แม้อายุของเคนกับน่านน้ำจะห่างกันแค่ปีเดียวแต่เพราะตอนอายุสิบหกช่วงเข้ามอสี่น่านน้ำจำเป็นต้องหยุดเรียนเพราะป้าษาไม่ได้ทำเรื่องส่งเขาเข้าเรียนต่อ จึงได้มาเรียนมอสี่ตอนอายุใกล้จะสิบเจ็ดอีกแค่ไม่กี่เดือนหลังจากหยุดเรียนไปหนึ่งปีสายตาหลายคู่จับจ้องมายังสองพี่น้องหน้าตาดี ผู้ถูกขนานนามไปทั่วทั้งโรงเรียน เป็นที่รู้จักของนักเรียนทุกระดับชั้น ต่อให้เขาจะเดินอยู่ข้าง ๆ คีน ทว่าไม่ต่างจากอากาศหรือสิ่งกีดขว้างที่บดบังใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มข้าง ๆบรรยากาศบนโต๊ะอาหารรู้สึกน่าอึดอัดไม่น้อย นั่นอาจเป็นเพราะสายตาที่จับจ้องมาที่พวก
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 5 เที่ยวครั้งแรกในรอบปี
หลังจากใช้ชีวิตกับการเรียนมาตลอดหนึ่งเทอมในที่สุดก็ปิดเทอมเสียที แม้จะเป็นปิดเทอมเล็กแค่สองสัปดาห์ ก็พอให้น่านน้ำได้พักหายใจไม่อึดอัดกับสายตาของเด็กในห้องได้สักพักคีนกับเคนเลือกที่จะออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนตามประสา ส่วนคุณรังสรรค์กับคุณหญิงกนกอรท่านทั้งสองต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างคนไม่มีวันหยุด วันนี้จึงเป็นวันที่เขาต้องอยู่บ้านกับสาวใช้อีกเช่นเคย เรียกว่าชินไปแล้วจนไม่รู้สึกเหงาสักเท่าไรทว่าสิ่งที่น่าแปลกใจคือคินทร์กลับบ้านก่อนเวลา ทั้งที่เพิ่งออกไปจากบ้านได้แค่ชั่วโมงเดียว ไม่รู้ว่าจริง ๆ ไปถึงบริษัทหรือยังด้วยซ้ำเด็กหนุ่มมองไปยังร่างสูงที่กำลังเดินตรงมาหาตนเอง ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยขึ้นมองด้วยความสงสัย“ไปเที่ยวกันไหม”“ครับ? เฮียไม่ต้องไปทำงานเหรอ”“วันนี้ป๊าให้เฮียหยุดพัก พอดีกับที่รู้ว่าน่านอยู่คนเดียว เฮียเลยจะพาไปเที่ยว อยู่แต่บ้านคนเดียวทุกวันเหงาแย่”ไม่ใช่คินทร์ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ต้องอยู่คนเดียวทุกครั้งที่ทุกคนออกไปกันหมด ทว่าเขาเองก็มีงานต้องเลยทำเหมือนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมาเขาคอยสังเกตอยู่ตลอดน่านน้ำไม่ใช่คนที่เข้าถึงยากจนเกินไป เพียงแ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 6 อ้อมกอดของเฮียคินทร์
หลังจากเดินเล่นมาเกือบครึ่งชั่วโมง น่านน้ำก็เลือกที่จะขับรถเล่นต่อ โดยที่ตัวเองเป็นคนซ้อนและคินทร์เป็นคนขับ สองข้างทางเป็นต้นไม้และพื้นหญ้าเนื่องจากเป็นภูเขาก่อนจะขับมาจอดที่จุดชมวิว ครั้นมองไปข้างหน้าจะเห็นทะเลกว้าง และหาดทรายที่ตัวเองเดินเล่นก่อนหน้านี้“ไปนั่งตรงนั้นได้ไหมครับ” นิ้วเรียวชี้ไปที่พื้นหญ้าตรงเนิน พลางหันมาทำตาเป็นประกาย“ครับ” แแล้วคินทร์จะปฏิเสธได้อย่างไรบนภูเขาหญ้าเป็นจุดชมวิวที่เห็นทิวทัศน์ทะเลได้กว้างที่สุด ลมพัดโชยมาเป็นระลอกสม่ำเสมอ เด็กหนุ่มนั่งมองไปยังเบื้องหน้าเงียบ ๆ เช่นเดียวกับคินทร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆเวลาผ่านมาหลายนาทีน่านน้ำยังไม่คิดจะลุกออกไปจากตรงนี้ เขาไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานมากแล้ว“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เฮียอยากแก้ไขเรื่องอะไรในอดีตหรือเปล่าครับ”จู่ ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย น่านน้ำเพียงรอฟังคำตอบโดยที่ไม่หันมามอง คินทร์ถอนหายใจเล็กน้อย พลางครุ่นคิดคำตอบในสิ่งที่อีกคนถาม“อืม.. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เฮียก็คงจะให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เพราะมันคือบทเรียนที่ทำให้เฮียโตขึ้นเป็นเฮียในทุกวันนี้ หากทุกอย่างสมบูรณ์ไปซะหมดมันก็คงไม่ใช่ชีวิต”
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 7 สนิทกันมากขึ้น
หลังจากวันที่ไปเที่ยวด้วยกันครั้งนั้นน่านน้ำก็เริ่มสนิทกับคินทร์มากขึ้น ระยะเวลาประมาณหกเดือนที่คินทร์พยายามทำลายกำแพงในใจน่านน้ำที่มีต่อตนเองสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแม้ว่าเด็กคนนี้จะยังพูดน้อย แต่ดูเหมือนจะสดใสขึ้นมาบ้าง ทั้งยังกล้าพูดกล้าคุยกว่าเมื่อก่อนเยอะมากวันแรกของการเปิดเรียนเทอมสองน่านน้ำลุกขึ้นมาช่วยทำอาหารพร้อมแม่บ้านสาวอย่างเช่นทุกวัน ทว่าวันนี้เขาตั้งใจจะทำอาหารใส่กล่องไปให้เฮียคินทร์ก่อนไปโรงเรียน เพราะยังไงก็เป็นทางผ่านอยู่แล้ว เมื่อคืนนี้คนพี่นอนที่เพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดของตึกบริษัท เช้านี้เลยไม่ได้อยู่ทานข้าวเช้าพร้อมทุกคน“พี่ว่าคุณคินทร์ต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่น่านตั้งใจทำอาหารเอาไปฝาก”นิ่มเอ่ยพูดกับเด็กหนุ่มด้วยท่าทางสนิทสนม แม้ตนจะเป็นสาวใช้คนหนึ่งในบ้านหลังนี้ แต่น่านน้ำไม่เคยถือตัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังมองว่าพวกเราสาวใช้ทุกคนเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่ เมื่อก่อนอาจจะยังเกร็งใส่กันอยู่บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปการได้รู้จักและเจอกันทุกวันก็ทำให้ลดความอึดอัด กลายเป็นสนิทกันไปโดยปริยาย“เดี๋ยวน่านขอฝากเอาไว้ก่อนนะครับ หลังทานข้าวเสร็จจะมาเอา”“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำดูแลกล่องอาหา
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 8 ช่วงเวลาที่ผ่านไป
ช่วงชีวิตในรั้วมัธยมผ่านพ้นไปอย่างที่ใจต้องการ น่านน้ำใช้เวลาอดทนกับการเรียนที่นี่นานนับสามปี หากย้อนไปช่วงแรก ๆ ตอนที่เข้าเรียนใหม่ ๆ ยอมรับเลยว่าเป็นช่วงเวลาที่บั่นทอนตัวเองมาที่สุด เขาไม่ได้มีความสุขกับการไปโรงเรียนเลยแม้แต่น้อยกระทั่งเรียนจบมาแล้วคนที่สามารถเรียกว่าเพื่อนสักคนยังไม่มี แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้น่านน้ำรู้สึกขาดหายอะไรสิ่งที่เขาอยากชื่นชมตัวเองก็คือความอดทน เขาเก่งที่สามารถผ่านความลำบากใจเหล่านั้นมาได้ และอีกอย่างที่เขาอยากยินดีกับตัวเองมาก ๆ ก็คือการที่เขาสามารถรักษาคนสำคัญที่เหลืออยู่ได้ครบทุกคนเด็กหม่นหมองที่จากการผ่านเรื่องเจ็บปวดในวันนั้น กลับมาสดใสได้อีกครั้งเพราะครอบครัววิรุฬห์โยธิน การได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ทำให้น่านน้ำรู้สึกมีตัวตนขึ้นมาอีกครั้งนอกจากความเคารพที่มีต่อทุกคน ยังมีความรักเพิ่มเข้ามา น่านน้ำรักทุกคนที่นี่ รักในความดี และจิตใจเมตตาต่อเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลยยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรทุกคนก็ยิ่งทำให้น่านน้ำมั่นใจว่าได้กลายเป็นคนในครอบครัวแล้วจริง ๆ“น่านจะหยุดเรียนจริง ๆ เหรอ” รังสรรค์เเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่เพิ่งบอกกับตนว่าจะขอหยุดเรียนสักปี ก่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่ 9 ความทรงจำดี ๆ ในอดีต
ผ่านการฝึกงานมาหลายเดือนน่านน้ำตัดสินใจได้แล้วว่าตนเองอยากเรียนอะไร หลังจากศึกษาสถานที่เรียนเป็นที่เรียบร้อย น่านน้ำรอวันเปิดรับสมัครอย่างใจจดใจจ่อ กาปฎิทินทุกวันจนถึงวันที่ตนเองรอคอย คนที่ช่วยพาน่านน้ำไปสมัครเรียนและให้คำแนะนำต่าง ๆ ก็คือเคนตอนแรกเฮียคินทร์อยากจะพามาเองแต่ติดตรงที่งานล้นมือไม่สามารถทิ้งมาได้เนื่องจากเกรงใจพ่อและพนักงานคนอื่น ๆ ยิ่งช่วงนี้เป็นที่จับตามองเป็นพิเศษเพราะอีกไม่น่านรังสรรค์จะลงจากตำแหน่งประธานและให้ลูกชายขึ้นมาบริหารแทน ส่วนตัวเองก็ขอใช้บั้นปลายชีวิตกับภรรยาที่บ้าน อาจจะช่วยดูแลกิจการสาขาย่อยอื่น ๆ ไปด้วยใช้เวลาประมาณครึ่งวันกับการดำเนินเรื่องสมัครเรียน หลังจากนี้ต้องรอผลประการทางอีเมลว่าจะผ่านรอบแรกไปจนถึงรอบสอบสัมภาษณ์หรือเปล่า“แวะหาอะไรกินก่อนกลับแล้วกัน”ตามนิสัยของคนพูดน้อยอย่างเคนไม่คิดที่จะถามว่าต้องการหรือเปล่า จะออกไปทางทำตามที่ตัวเองต้องการเสียมากกว่า แม้จะไม่ได้เป็นการบังคับอีกฝ่าย ทว่าทำให้คนฟังต้องทำตามแต่โดยง่ายน่านน้ำไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรที่เคนไม่อยากรับช่วงต่อจากพ่อเหมือนพี่ชายคนโต เพราะจากนิสัยของเจ้าตัวแล้วค่อนข้างจะเดายาก ดูเผิน ๆ เหมื
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-07-30
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status