หลังจากวันนี้ที่บดินทร์ได้พบกับน้ำมนต์ครั้งแรก หลังจากโตเป็นหนุ่มเต็มวัย เขากลับต้องตกตะลึงในความงามที่เขาไม่เคยคาดคิดต่างจากภาพจำในอดีต น้ำมนต์ในวันนี้สวยหวานเซ็กซี่ผิดหูผิดตา และดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง จนบดินทร์ต้องเปลี่ยนใจจากที่เคยดูถูกมาเป็นการตามจีบแทน
ระหว่างทานข้าวเสร็จบดินทร์พยายามที่จะนัดพาน้ำมนต์ไปเที่ยววันหยุด แต่น้ำมนต์ก็พยายามปฏิเสธวันนี้ยังไม่พร้อมจริงๆ เพราะไอ้พี่ดินมันก็สเปคน้ำมนต์ทุกอย่าง ขอกลับไปตั้งหลักปรึกษาข้าวโพดก่อนแล้วกัน น้ำมนต์เลยขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะมีนัดกับเพื่อนจะไปเที่ยวรีสอร์ต
บดินทร์ได้ยินดังนั้นก็ใจร้อนรุ่มเพราะได้ยินข่าวว่าน้ำมนต์จะไปค้างคืนด้วย เขาเลยตั้งใจที่จะไปขัดขวางและเเสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของอีกคน แต่เขาไม่รู้นี่ซิว่าน้ำมนต์ไปพักรีสอร์ตที่ไหน จึงต้องรอพ่อกับแม่ก่อนว่าจะได้ข่าวว่าน้ำมนต์ไปพักที่ไหน ถ้าได้เรื่องเเล้วจะโทรบอกบดินทร์อีกที บดินทร์รู้สึกเหมือนน้ำมนต์พยายามหนีเขา หนีให้รอดแล้วกัน เดี๋ยวเขานี่แหละจะตามล่าเอง แต่วันนี้ขอไปตั้งหลักกับไอ้บลูเพื่อนรักก่อนแล้วกัน
“อะไรของมึงดิน ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไง ไอ้ห่า”
บดินทร์โดนกิตติภูมิหรือไอ้บลูเพื่อนรักบ่นให้อย่างหัวเสีย หลังจากที่ตอนแรกเขาโทรมาหาเพื่อนบอกพรุ่งนี้จะมาหา แต่เขาเปลี่ยนใจมาวันนี้แทนเพราะเขาไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ อยากจะระบายความอัดอั้นให้เพื่อนรักฟัง
“ก็กูนอนไม่หลับอ่ะ กูเลยคิดถึงมึง” บดินทร์บอกเพื่อนก่อนที่จะเดินเข้ามาในบ้าน ปล่อยให้คนทำหน้าไม่สบอารมณ์เจ้าของบ้านปิดล็อคประตูบ้าน
“มึงมีอะไรว่ามาเลย อย่างมึงมีเรื่องอะไรให้คิดนักหนาวะ กูเห็นหัวฟาดหมอนมึงก็หลับเลยทุกที" ถึงจะโดนเพื่อนบ่นก็ให้มันบ่นไปตามระเบียบ แต่ทำไงได้ล่ะเขามีเรื่องให้คิดนี่นา
เมื่อหาที่แขวนเสื้อผ้าเสร็จแล้วบดินทร์ก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวที่ว่าง ก่อนที่จะเอาหมอนมานั่งกอดไว้ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับตัวเขาและคู่หมั้นให้เพื่อนฟัง
“มันก็ดีแล้วนี่ มึงก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเค้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เค้าเลื่อนงานแต่ง งานหมั้นออกไปก็เป็นผลดีของมึง มึงไม่ชอบเหรอ”
กิตติภูมิพูดขึ้นเพราะก่อนที่ครอบครัวของคู่หมั้นได้มากินข้าวที่บ้านของบดินทร์ มันโทรคุยกับเขาก่อนที่จะลงไปกินข้าว มันยังบอกเขาเลยว่ามันไม่แต่ง แต่พอคู่หมั้นมันบอกกับผู้ใหญ่ว่ายังไม่อยากหมั้น ยังไม่อยากแต่งงานขอเลื่อนออกไปก่อน แล้วมันจะเสือกเดือดร้อนทำไม ไม่เข้าใจมัน
“ตอนแรกกูก็ว่าดีหรอกนะ แต่ควรที่จะเป็นกูไหมวะที่ต้องเป็นคนพูด แม่งเสือกชิงพูดก่อนกู เสียหน้าฉิบหาย”
“เรื่องแค่เนี๊ยะนี่นะทำให้คนอย่างมึงนอนไม่หลับ” คนพูดหรี่ตาคมมองเพื่อนรัก มันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นไม่งั้นมันไม่เดือดร้อนหรอก
“อ่อ มีอีกเรื่อง เรื่องที่แม่ก็จะให้เค้ามาทำงานกับกู เค้าก็ปฏิเสธโว้ย เพราะว่าเพิ่งตกลงทำงานกับที่อื่นไว้ เลยต้องลองประกาศหาคนงานใหม่ แม่งหงุดหงิดชะมัด”
“เรื่องแค่เนี๊ยะ”
“วุ้ย ไอ้ห่าบลู มึงจะซักอะไรนักหนา” บดินทร์เห็นสายตาเหล่มองของเพื่อนที่ส่งมาทางเขา เชิงบังคับให้เขาพูดออกมาให้หมด ไม่น่าเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกับคนฉลาดอย่างไอ้พ่อเลี้ยงนี่เลย ปิดอะไรมันไม่เคยได้เลยสักอย่าง ดีนะที่ไอ้ตำรวจพงศ์มันไม่ค่อยว่างไม่อย่างนั้นเขาจะโดนซักยิ่งกว่านี้
“หึ หึ” เสียงคนโดนต่อว่าหัวเราะขำในลำคอ ทำเอาบดินทร์หมั่นไส้ในท่าทีของเพื่อน ก่อนที่จะสารภาพด้วยความหงุดหงิด
“เออ เออ ก็ได้ ก็หลังจากที่กูวางสายจากมึงวันนี้ กูก็ไปทานข้าวกับครอบครัวเขา แต่มึงรู้ไหมผิดคาดมากมึง น้องน้ำมนต์คู่หมั้นของกูอ่ะ โคตรสวย โคตรของความน่ารัก โคตรของโคตรตรงสเปคของกูทุกอย่าง ขี้อ้อนมากมึง จนกูอยากจะแต่งงานแม่งเร็วๆ แต่อะไรรู้ไหม แม่ง น้องทำวิมานกูพังหมดทุกอย่าง น้องแม่งใช้ลูกอ้อน อ้อนพ่อกับแม่กูขอเลื่อนงานหมั้น งานแต่งออกไปหมด พอกินข้าวเสร็จก็ขอตัวกลับทันทีบอกว่านัดเพื่อนไปเที่ยว ได้ยินข่าวว่าค้างคืนด้วย กูเลยอยากตามไปขัดขวางนี่ไง”
บดินทร์ยอมอธิบายยืดยาวเพื่อให้เพื่อนรักสงสาร ยอมไปเป็นเพื่อน พูดไปก็เสียดายมากที่ยังไม่ได้ทำให้อีกคนประทับใจเลย ดูทว่าอีกคนจะปฏิเสธเขาไปกลายๆ แล้ว
บดินทร์นอนไม่หลับรอการตอบกลับจากคุณพ่อคุณแม่ของคู่หมั้นว่าตกลงน้ำมนต์ไปเที่ยวที่ไหน ก่อนที่เขาจะพยายามข่มตาหลับเสียงข้อความก็ดังขึ้นมันเป็นโลเคชั่นของรีสอร์ตที่น้ำมนต์ไปพักคืนนี้ ตอนแรกว่าจะไปป่วนตอนเช้า แต่ตอนนี้ใจเขามันร้อนรุ่มรอจนถึงเช้าไม่ไหวหรอก เขาเลยต้องลากไอ้บลูเพื่อนรักออกจากไร่เพื่อที่จะไปนอนรีสอร์ตเดียวกับที่น้ำมนต์อยู่ โชคดีที่มีห้องพักว่างถ้าห้องพักเต็มเขากะว่าจะนอนมันในรถนี่แหละ
พอเช็กอินเสร็จบดินทร์ก็พาเพื่อนรักที่เหมือนอยากจะนอนมากมาพักก่อนดูท่ามันจะง่วงจริงๆ
“ไอ้ดิน มึงไปนอนโซฟาเลย เตียงมันเล็กกูเป็นแขก กูจะใช้สิทธิ์นอนเตียง” กิตติภูมิกะดูแล้วถึงเตียงจะกว้าง แต่ทว่าผู้ชายตัวใหญ่สองคนนอนด้วยกันมันจะอึดอัดมากกว่า บอกเพื่อนเสร็จร่างสูงก็ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าทันที
บดินทร์ได้แต่ส่ายหน้ามองเพื่อนรักที่มันชิงหลับไปบนเตียงก่อนเเล้ว ส่วนเขาก็เดินไปอาศัยโซฟาเบดตัวใหญ่สำหรับนอนคืนนี้ ตื่นมาพรุ่งนี้ค่อยมาจัดการตัวแสบ
“นี่ไงข้าวโพด จะไม่ให้น้ำมนต์โมโหได้ยังไง เพราะถ้าไอ้พี่ดินไม่ปากดีหาว่าเราขี้เหร่ หาผัวไม่ได้ หาว่าเราแรดนะ ไม่งั้นเราก็ยอมตกลงแล้ว”
ณ รีสอร์ตที่น้ำมนต์กับข้าวโพดพากันมาพักเพื่อที่จะปรึกษากันเรื่องของน้ำมนต์และคู่หมั้นที่เพิ่งจะเจอหน้ากัน รีสอร์ตนี้อยู่ไม่ไกลจากไร่ชาเลิศธนา น้ำมนต์เล่าเรื่องที่ตนบังเอิญไปได้ยินบดินทร์พูดโทรศัพท์กับใครสักคนถึงตัวเอง ทั้งที่ยังไม่เคยได้เห็นหน้า ในแง่ไม่ดีเลยขอเลื่อนงานหมั้นและงานแต่งงานไปก่อน ซึ่งผู้ใหญ่ก็ตามใจน้ำมนต์
น้ำมนต์เลยต้องการที่จะแก้เเค้นเอาคืนบดินทร์ จึงต้องนัดข้าวโพดออกมานอนที่รีสอร์ตด้วยกัน น้ำมนต์ถอนหายใจลึก ก่อนจะเริ่มพูดถึงเรื่องที่ติดอยู่ในใจ “ข้าวโพดว่าน้ำมนต์ควรทำยังไงดี น้ำมนต์รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมกับพี่ดิน แต่ไม่รู้ว่าน้ำมนต์จะชนะเกมนี้ได้ยังไง”
ข้าวโพดที่ฟังเพื่อนรักอย่างตั้งใจ ก่อนจะวางตะเกียบที่ใช้คีบหมูกระทะลงในถ้วยแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สายตาเต็มไปด้วยความคิด
“ข้าวโพดว่าน้ำมนต์ไม่ต้องเอาชนะหรอก ถ้าน้ำมนต์จะพยายามเอาชนะ พี่เค้าก็จะยิ่งคิดว่าน้ำมนต์ยังแคร์อยู่ ลองเปลี่ยนมาเป็นไม่สนใจพี่ดินเขาดูดีไหม บางทีพี่ดินอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญกับน้ำมนต์เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
น้ำมนต์พยักหน้าเห็นด้วย “น้ำมนต์ก็คิดแบบนั้น แต่ลึกๆ ก็ยังไม่แน่ใจว่าถ้าทำแบบนี้ แล้วน้ำมนต์จะตัดใจได้จริงๆ หรือเปล่า มันยากนะที่จะทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ใจมันยัง...”
ข้าวโพดยิ้มและเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนเบาๆ “ข้าวโพดเข้าใจ น้ำมนต์ไม่จำเป็นต้องตัดใจ แค่ทำให้พี่ดินรู้ว่าน้ำมนต์ไม่ได้หลงใหลเขาเหมือนเมื่อก่อนตอนเด็กอีกแล้ว น้ำมนต์ต้องทำให้เขาเห็นว่าน้ำมนต์มีคุณค่ามากพอที่จะไม่ต้องรอใครอีกต่อไป”
น้ำมนต์นิ่งฟัง ก่อนจะยิ้มบางๆ “งั้นข้าวโพดว่า น้ำมนต์ควรทำยังไงต่อไปดี”
“เริ่มจากการไม่ตอบรับง่ายๆ ทุกอย่างที่เขายื่นมา น้ำมนต์ต้องทำให้เขาเห็นว่าน้ำมนต์มีทางเลือกอื่นที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับเขา”
“งั้นน้ำมนต์จะลองทำแบบนั้นดู” น้ำมนต์พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
“น้ำมนต์จะไม่ให้เขาคิดว่าแค่ตามตื๊อก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการอีกต่อไป”
“ถูกต้องที่สุดน้ำมนต์คนงามของข้าวโพด” ข้าวโพดสนับสนุนความคิดของเพื่อน
“ข้าวโพด ข้าวโพดว่าเราควรที่จะไปทำงานที่อื่นดีไหมหรือต้องไปทำกับไอ้พี่ดิน” น้ำมนต์ปรึกษาเพื่อน
“แล้วน้ำมนต์สะดวกใจแบบไหนดีกว่ากันล่ะ”
“มาคิดๆ ดูแล้วถ้าไอ้พี่ดินถามเราอีกที เราอาจจะทำกับเค้าดีกว่า จะได้ถือโอกาสแก้แค้นยั่วให้รักเสียให้เข็ดดีไหม”
“ฟังดูเข้าท่าดี ข้าวโพดสนับสนุนน้ำมนต์เต็มที่ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย” ข้าวโพดมองเพื่อนรักด้วยความภูมิใจ
น้ำมนต์หัวเราะเบาๆ “แน่นอน น้ำมนต์คงต้องพึ่งข้าวโพดเยอะเลยล่ะ ขอบใจมากนะข้าวโพด” ใบหน้าสวยยิ้มอย่างซุกซนเมื่อนึกถึงวันที่อีตาพี่ดินจะหน้าแตกผิดคำพูด มารักและอยากแต่งงานกับตัวเอง คอยดูนะถึงเวลานั้น จ้างให้น้ำมนต์ก็จะไม่ยอมแต่งด้วยง่ายๆ จะเล่นตัวให้ดู
ทั้งสองมองตากันอย่างเข้าใจ ความสัมพันธ์ที่ยาวนานของพวกเขาทำให้ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่ก็เข้าใจถึงความรู้สึกของกันและกันได้เป็นอย่างดี
บดินทร์ได้รับข่าวว่าน้ำมนต์กำลังไปถ่ายคอนเทนต์ที่ดอยเชียงดาว สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงใหม่ ซึ่งมีทิวทัศน์งดงามและอากาศเย็นสบาย น้ำมนต์เป็นยูทูปเบอร์ที่มีผู้ติดตามมากมาย ความนิยมของเขาพุ่งทะยานจนมียอดติดตามเกือบหลักล้าน บดินทร์ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจโลกออนไลน์เท่าไหร่ กลับเริ่มรู้สึกว่าการที่คนอย่างน้ำมนต์ได้รับความนิยมสูงเช่นนี้เป็นเรื่องที่เกินคาดหมาย เขาจึงตัดสินใจตามไปที่เชียงดาวเพื่อเจอหน้าและทำความรู้จักกับน้ำมนต์ให้มากขึ้น เช้าวันหนึ่ง บดินทร์ขับรถขึ้นมาบนดอยเพื่อตามหาน้ำมนต์ ท่ามกลางหมอกบางๆ ที่ปกคลุมทิวเขา เขาเห็นกลุ่มคนกำลังถ่ายทำคลิปอยู่ใกล้ๆ ซึ่งน้ำมนต์ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา หน้าตายิ้มแย้มเป็นกันเองกับทีมงาน ผิดกับท่าทีเย็นชาที่บดินทร์เคยเห็นจากการเจอกันครั้งก่อน “น้ำมนต์” บดินทร์เดินเข้าไปใกล้พลางเรียกชื่อคนน้องน่ารักที่ทำให้ตัวเองต้องตามมาถึงนี่ น้ำมนต์หันมามองตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นบดินทร์ ใบหน้าของน้ำมนต์เปลี่ยนจากรอยยิ้มสดใสเป็นสีหน้าเรียบนิ่ง “พี่ดินมาทำอะไรที่นี่ครับ” “พี่แค่มาดูน้ำมนต์ทำงาน แค่อยากรู้จักน้ำมนต์ให้มากกว่านี้” บดินทร์พยายามทำเสียงอ่อนโยน แต่ด
บดินทร์รีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้เจอกับน้ำมนต์ เขาคิดว่าน้ำมนต์น่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเหมือนกัน เพราะเห็นแม่เขาบอกว่าน้ำมนต์จะมาทำคอนเท้นต์ลงยูทูปด้วย และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ในที่สุดเขาก็เจอกับน้ำมนต์ แต่ที่คิดไม่ถึงคือคนที่อยู่กับน้ำมนต์คือน้องข้าวโพดเด็กไอ้บลูมัน มันจะรู้ไหมว่าข้าวโพดก็อยู่ที่นี่ “ไอ้บลู บลูตื่นก่อนมึง” บดินทร์กลับจากเดินไปสำรวจบรรยากาศรอบรีสอร์ตมาก็รีบกลับมาหาเพื่อน แต่ไอ้คนที่มันนอนอยู่กลับพลิกตัวหนีเหมือนรำคาญเขานักหนา “ไอ้บลูตื่น กูเจอคู่หมั้นกูแล้ว และมึงรู้ไหมกูเจอใครอีก” กิตติภูมิที่ง่วงนอนมากถึงกับเอาผ้าห่มมาคลุมโปงเพื่อจะหนีความรำคาญจากเพื่อน “มึงเจอใครก็ช่างเถอะ กูขอนอนแป๊บนึงได้ไหม กูง่วงไอ้ดิน” “เออ งั้นมึงนอนไปเถอะ เดี๋ยวกูไปหาน้ำมนต์คู่หมั้นกูเอง กูแค่จะมาถามมึงว่ามึงรู้ไหมว่าทำไมน้องข้าวโพดมาอยู่กับน้ำมนต์ได้ เขารู้จักเหรอเท่านั้นแหละ งั้นกูไปล่ะ” แต่ก่อนที่บดินทร์จะทันได้ลุกออกจากขอบเตียง มือของเขาก็โดนเพื่อนฉุดรั้งเอาไว้พร้อมทั้งใบหน้าหล่อๆ ของเพื่อนโผล่ออกจากผ้าห่มอย่างน่าหมั่นไส้ ความงัวเงียเมื่อกี้ของมันหายไปไหน “มึ
หลังจากวันนี้ที่บดินทร์ได้พบกับน้ำมนต์ครั้งแรก หลังจากโตเป็นหนุ่มเต็มวัย เขากลับต้องตกตะลึงในความงามที่เขาไม่เคยคาดคิดต่างจากภาพจำในอดีต น้ำมนต์ในวันนี้สวยหวานเซ็กซี่ผิดหูผิดตา และดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง จนบดินทร์ต้องเปลี่ยนใจจากที่เคยดูถูกมาเป็นการตามจีบแทน ระหว่างทานข้าวเสร็จบดินทร์พยายามที่จะนัดพาน้ำมนต์ไปเที่ยววันหยุด แต่น้ำมนต์ก็พยายามปฏิเสธวันนี้ยังไม่พร้อมจริงๆ เพราะไอ้พี่ดินมันก็สเปคน้ำมนต์ทุกอย่าง ขอกลับไปตั้งหลักปรึกษาข้าวโพดก่อนแล้วกัน น้ำมนต์เลยขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะมีนัดกับเพื่อนจะไปเที่ยวรีสอร์ต บดินทร์ได้ยินดังนั้นก็ใจร้อนรุ่มเพราะได้ยินข่าวว่าน้ำมนต์จะไปค้างคืนด้วย เขาเลยตั้งใจที่จะไปขัดขวางและเเสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของอีกคน แต่เขาไม่รู้นี่ซิว่าน้ำมนต์ไปพักรีสอร์ตที่ไหน จึงต้องรอพ่อกับแม่ก่อนว่าจะได้ข่าวว่าน้ำมนต์ไปพักที่ไหน ถ้าได้เรื่องเเล้วจะโทรบอกบดินทร์อีกที บดินทร์รู้สึกเหมือนน้ำมนต์พยายามหนีเขา หนีให้รอดแล้วกัน เดี๋ยวเขานี่แหละจะตามล่าเอง แต่วันนี้ขอไปตั้งหลักกับไอ้บลูเพื่อนรักก่อนแล้วกัน “อะไรของมึงดิน ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไง ไอ้ห่า” บดินทร์โดนกิตติภูมิห
วันนี้ครอบครัวของน้ำมนต์ได้รับเชิญให้มาทานอาหารที่บ้านของบดินทร์เพราะคุณเด่นชัยกับคุณนวลพรรณอยากให้คนที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันได้เห็นหน้าค่าตากันเสียทีหลังจากที่คลาดกันไปมาหลายครั้ง ครั้งนี้พวกผู้ใหญ่เลยไม่ยอมต้องลากทั้งคู่ออกมาเจอกันให้ได้ น้ำมนต์จึงจำใจต้องตามพ่อกับแม่มาทานข้าวที่บ้านของบดินทร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ “สวัสดีครับคุณลุงเด่น สวัสดีครับคุณป้านวล” น้ำมนต์กล่าวสวัสดีทักทายพร้อมยกมือไหว้คุณเด่นชัยกับคุณนวลพรรณผู้เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของตัวเองอย่างนอบน้อม “สวัสดีหนูน้ำมนต์ ไหว้พระเถอะลูก” “สวัสดีจ๊ะหนูน้ำมนต์ลูก น่ารักจังเลยว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ ขอคุณแม่กอดหน่อยม่ะ ฟอดด น่ารักจังเลย” คุณป้านวลพรรณกล่าวชมว่าที่ลูกสะใภ้อย่างน้ำมนต์ นานๆ คุณนวลพรรณเธอจะเจอน้ำมนต์ทีเพราะอีกฝ่ายไปเรียนที่กรุงเทพ แต่เจอทีไรน้ำมนต์ก็ดูน่ารักใบหน้าสวยเหมือนเพื่อนเธอขึ้นทุกวัน เธอจะดีใจมากถ้าบดินทร์ลูกชายแต่งงานกับน้ำมนต์เพราะเธอรักและเอ็นดูน้ำมนต์ตั้งแต่ยังเด็ก “เอ่อ คุณลุง คุณป้าครับ น้ำมนต์ขออนุญาตเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมครับ” น้ำมนต์ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อนที่จะถามทางเดินไปห้องน้ำแล้วเดินไปทำธุระส่วนตั
“หนูน้ำมนต์ พอดีพี่ดินเค้าติดธุระด่วนต้องพาเพื่อนเข้าไปดูไม้ที่ปางไม้กะทันหันเลยมารับหนูน้ำมนต์ไปทานข้าวเที่ยงไม่ได้ พี่เค้าเลยให้ป้าโทรมาบอกหนูน้ำมนต์แทน พี่ดินเค้าฝากขอโทษมาด้วยนะลูก ป้าต้องขอโทษแทนลูกชายป้าด้วยนะคะที่ผิดนัด” "ครับ ไม่เป็นไรครับป้านวล น้ำมนต์โอเคครับ ฝากบอกพี่ดินด้วยนะครับจะได้ไม่เป็นกังวล” “น่ารักจังเลยลูก เดี๋ยวครั้งหน้าหนูน้ำมนต์นัดสถานที่ไว้ได้เลยอยากไปที่ไหนเดี๋ยวป้าให้พี่ดินพาไปนะคะรับรองไม่เบี้ยวแน่นอน” “ได้เลยครับคุณป้า ขอบคุณมากนะครับ” “งั้นป้าวางแล้วนะลูก ป้าคิดถึงหนูน้ำมนต์จังเลย เดี๋ยวไว้เจอกันนะคะ” พอคุณนวลพรรณเพื่อนของคุณป๊ากับคุณม๊าหรือมารดาของบดินทร์คู่หมั้นวัยเด็กของน้ำมนต์วางสาย น้ำมนต์ก็ส่งโทรศัพท์คืนคุณม๊าทันทีก่อนที่จะนั่งทำหน้างอลงข้างๆ คุณคำรณผู้เป็นพ่อ “เป็นอะไรไปลูก ดูทำหน้าเข้า หน้าสวยๆ ของลูกป๊าทำไมมันงอยิ่งกว่าตะหลิวอีก” คุณคำรณถามลูกชายคนเดียว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ก็ จะอะไรอีกล่ะครับ คุณพี่ดินคนดีของป๊ากับม๊านั่นแหละเบี้ยวน้ำมนต์อีกแล้ว ปล่อยให้น้ำมนต์แต่งตัวเก้อ ไม่อยากไปก็ทำไมไม่บอกกันตรงๆ แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ” น้ำมนต์บ่นคู่
“ดิน แม่ว่าลูกควรจะไปหาเวลาเจอหนูน้ำมนต์สักทีนะ ตอนนี้น้องก็เรียนจบกลับมาอยู่ที่เชียงดาวแล้ว อยู่ใกล้กันแค่นี้เองกลับไม่ได้เจอกันเลย ดินอย่าเอาแต่หนีงานดูตัวแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานกันล่ะลูก” คุณนายนวลพรรณมารดาของบดินทร์เตือนลูกชายอย่างใจเย็น ขณะที่บดินทร์นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่บนโซฟาข้างคุณเด่นชัยผู้เป็นพ่อ“แม่ครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่พร้อมที่แต่งงานกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับน้ำมนต์ ผมไม่ได้ชอบน้องแบบคนรักครับ ผมแค่เอ็นดูเหมือนน้องเหมือนนุ่งมากกว่า” (ขี้เหร่อย่างนั้นผมไม่เอาหรอก) บดินทร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงความรำคาญ ส่วนประโยคหลังแอบต่อในใจบดินทร์ ศุภมงคลพิพัฒน์ ชายหนุ่มวัย 29 ปี เจ้าของปางไม้ศุภมงคล ปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักในเรื่องความหล่อเหลาผสมกับความเจ้าชู้และความมั่นใจในตัวเองระดับสูง เขามักจะคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามใจเขาเสมอ แต่ในเรื่องของการแต่งงานกลับไม่เป็นเช่นนั้น ครอบครัวกลับเป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาเขาเลย เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขายังเด็ก บิดามารดาของบดินทร์ได้ตกลงหมั้นหมายเขากับเด็กชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่ชื่อ “น้ำมนต์” ซึ่ง