LOGINบดินทร์รีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้เจอกับน้ำมนต์ เขาคิดว่าน้ำมนต์น่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเหมือนกัน เพราะเห็นแม่เขาบอกว่าน้ำมนต์จะมาทำคอนเท้นต์ลงยูทูปด้วย และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ในที่สุดเขาก็เจอกับน้ำมนต์ แต่ที่คิดไม่ถึงคือคนที่อยู่กับน้ำมนต์คือน้องข้าวโพดเด็กไอ้บลูมัน มันจะรู้ไหมว่าข้าวโพดก็อยู่ที่นี่
“ไอ้บลู บลูตื่นก่อนมึง” บดินทร์กลับจากเดินไปสำรวจบรรยากาศรอบรีสอร์ตมาก็รีบกลับมาหาเพื่อน แต่ไอ้คนที่มันนอนอยู่กลับพลิกตัวหนีเหมือนรำคาญเขานักหนา
“ไอ้บลูตื่น กูเจอคู่หมั้นกูแล้ว และมึงรู้ไหมกูเจอใครอีก” กิตติภูมิที่ง่วงนอนมากถึงกับเอาผ้าห่มมาคลุมโปงเพื่อจะหนีความรำคาญจากเพื่อน
“มึงเจอใครก็ช่างเถอะ กูขอนอนแป๊บนึงได้ไหม กูง่วงไอ้ดิน”
“เออ งั้นมึงนอนไปเถอะ เดี๋ยวกูไปหาน้ำมนต์คู่หมั้นกูเอง กูแค่จะมาถามมึงว่ามึงรู้ไหมว่าทำไมน้องข้าวโพดมาอยู่กับน้ำมนต์ได้ เขารู้จักเหรอเท่านั้นแหละ งั้นกูไปล่ะ”
แต่ก่อนที่บดินทร์จะทันได้ลุกออกจากขอบเตียง มือของเขาก็โดนเพื่อนฉุดรั้งเอาไว้พร้อมทั้งใบหน้าหล่อๆ ของเพื่อนโผล่ออกจากผ้าห่มอย่างน่าหมั่นไส้ ความงัวเงียเมื่อกี้ของมันหายไปไหน
“มึงว่ามึงเจอใครนะ มึงเจอข้าวโพดอย่างนั้นเหรอ มึงเจอได้ยังไง” คำถามถูกส่งมารัวๆ จากไอ้คนที่บอกง่วงนอน
“มึงไม่ง่วงแล้วรึไง ไหนบอกจะนอนต่อ” บดินทร์ได้ทีเหน็บเพื่อนบ้าง
“กูนอนเต็มที่แล้ว มึงเจอข้าวโพดที่ไหนมึงบอกมา” กิตติภูมิซักไซ้เพื่อนจนบดินทร์ต้องเล่าให้ฟัง
หลังจากที่ทั้งสองรีบอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็พากันเดินออกไปตามหาหนุ่มหน้าสวยทั้งสองคน แต่ภาพที่ไปเจอทำเอาทั้งบดินทร์และกิตติภูมิควันออกหูด้วยความโมโหหึงที่ตอนนี้มีผู้ชายหน้าตาดียืนคุยกับน้ำมนต์และข้าวโพดอยู่
“ดิน มึงไปกับน้องน้ำมนต์คู่หมั้นมึงนะ เดี๋ยวกูยึดห้องที่เรานอนเมื่อคืน ขอกูจัดการเด็กดื้อก่อน” บดินทร์หันมามองหน้าคนพูด เพียงแค่เเว๊บเดียวเขาก็เห็นเพื่อนตัวดีอุ้มน้องข้าวโพดไปที่บ้านหลังที่เขานอนเมื่อคืนแล้ว
ไอ้ห่าบลูเอ๊ยทำท่ามากตอนแรกหึงเขาจนได้ บดินทร์บ่นเพื่อนในใจก่อนที่จะทำตามเพื่อนทันที
“งั้น ผมขอตัวเอาคู่หมั้นผมกลับไปนอนต่อก่อนนะครับ ป่ะที่รัก” น้ำมนต์โดนคนพี่อุ้มออกไปจากแขกหนุ่มสองคนทันที และตรงไปยังบ้านพักที่น้ำมนต์และข้าวโพดพักเมื่อคืนเพราะบดินทร์แอบเห็นสองคนถ่ายรูปกันอยู่ตอนแรก
“น้ำมนต์ หนูมาเที่ยวนี่ ทำไมไม่บอกพี่บ้าง” บดินทร์ถามน้ำมนต์เมื่อเขาวางคนที่อุ้มมาลงพอถึงที่พัก
“ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคุณนี่ครับ ทำไมผมต้องบอก” น้ำมนต์ตอบกลับอย่างเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีเปิดประตูเข้าห้องไป บดินทร์มองตามอย่างหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่าน้ำมนต์คนที่เดินตามเขาต้อยๆ เมื่อตอนเด็ก ตอนนี้จะตัดสัมพันธ์เขาขนาดนี้ บดินทร์ยิ้มเจื่อนๆ ในใจรู้สึกสะท้อนกับคำพูดนั้น ก่อนที่จะรีบเดินตามอีกคนเข้าไปข้างใน
“น้ำมนต์พี่ขอโทษ หนูงอนอะไรพี่หรือเปล่าเนี่ย”
น้ำมนต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าบดินทร์เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ในเรื่องการแสดงออก แต่ดูมาตามตอแยกับเขามากขึ้นจังเลย
“ผมเนี่ยนะงอนคุณ ผมจะงอนคุณทำไมล่ะครับ แล้วก็ออกไปจากห้องผมได้แล้วครับ นี่ห้องส่วนตัวของผม ผมก็ไม่ได้เดินตามคุณต้อยๆ เหมือนตอนเด็กให้คุณรำคาญแล้วไง จะเอาอะไรอีก”
ประโยคนี้ของน้ำมนต์ทำให้คนพี่รู้เลยว่าอีกคนคงได้ยินเขาพูดนินทาน้ำมนต์ก่อนหน้านี้เป็นแน่
“น้ำมนต์ไม่ต้องเดินตามพี่แล้วก็ได้ครับ แต่เดี๋ยวพี่ดินก็จะเป็นคนเดินตามน้ำมนต์ไปเอง” บดินทร์ตอบทันที รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตั้งใจปรากฏบนใบหน้า
“พี่รู้แล้วว่าครั้งนี้พี่ไม่ควรเป็นฝ่ายหนี แต่ควรต้องเป็นฝ่ายตามบ้าง ถ้าน้ำมนต์ยังไม่เชื่อ ก็ขอลองพิสูจน์ดูหน่อยไหม”
น้ำมนต์นิ่งคิด เขาต้องการจะเล่นเกมกับบดินทร์ เพราะเขารู้ดีว่าการเอาชนะหัวใจของบดินทร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเขาก็ไม่ได้ต้องการให้ตัวเองตกหลุมรักง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่คำพูดของบดินทร์ก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่น
“ถ้าคุณคิดว่าไหว ก็ลองดูครับ” น้ำมนต์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความท้าทายไว้
“ผมจะคอยดูว่าคุณจะตามทันไหม จะทนตามได้นานสักเท่าไหร่กันเชียว ว่าแต่ตอนนี้คุณต้องออกไปจากห้องผมครับ”
น้ำมนต์ออกปากไล่คนหน้ามึนอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะใจอ่อนไปมากกว่านี้ แค่เห็นหน้าอีกคนตอนนี้หัวใจเขาก็พลอยจะละลายไปกับความหล่อแล้ว
“พี่ดินออกไปไม่ได้แล้วครับ เพราะพี่บลูเพื่อนพี่มันยึดห้องใช้อยู่กับน้องข้าวโพดแล้ว พี่ไม่มีห้องอยู่ ฉะนั้นขอพี่อยู่ด้วยคนนะครับ หรือว่าน้ำมนต์กลัวอดใจไม่ไหวจะหวั่นไหวกับพี่”
พอโดนคนพี่ว่าน้ำมนต์ถึงกับคอแข็งหน้าตึง เรื่องอะไรจะไปยอมรับง่ายๆ ว่ากลัวการอยู่ร่วมกันกับคนหล่อตรงสเปคอย่างไอ้พี่ดินกัน
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณทั้งนั้นแหละครับ ถ้าคุณอยากอยู่ก็อยู่ไปงั้นจ่ายค่าห้องมาด้วย” น้ำมนต์บอกกับคนตัวโต เพื่อที่จะให้อีกคนเปลี่ยนใจ
บดินทร์ได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มร่า มองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ที่จะเป็นที่อาศัยของตัวเองทันที เพราะห้องนี้เหมือนกับห้องที่เขาพักกับกิตติภูมิมีเตียงอยู่เตียงเดียวเหมือนกัน
“ถ้าคุณจะอยู่ คุณก็นอนโซฟาเลยครับ ห้ามขึ้นมาบนเตียงเด็ดขาด” น้ำมนต์ที่เห็นใบหน้าหล่อหมุนไปมาเลยพูดดักรอไว้ก่อน
“ได้ครับ ขอแค่พี่มีที่นอนก็พอ น้ำมนต์ตอนนี้ถึงเวลาอาหารเช้าของรีสอร์ตแล้ว เราไปทานกันเถอะ หนูน่าจะหิวแล้ว” บดินทร์ชวนคนน้องทันที เพราะเห็นว่าเริ่มจะสายแล้ว
“แต่ผมต้องรอเพื่อนก่อนครับ ถ้าคุณหิว คุณไปกินก่อนเลย”
“ถ้าเพื่อนที่น้ำมนต์พูดถึงคือน้องข้าวโพดล่ะก็ ไม่ต้องรอหรอกครับเขาคงกินกับเพื่อนพี่อยู่ คงไม่ได้ออกมาจากห้องง่ายๆ หรอก”
“อะไร ทำไมเพื่อนคุณจะทำอะไรข้าวโพด บอกมานะ” น้ำมนต์ถามอีกคนด้วยความร้อนรนและเป็นห่วงเพื่อนทันที
“ก็ทำอะไรกันตามประสาคนรักกันนั่นแหละครับ เขาคงปรับความเข้าใจกันนิดหน่อยแต่อาจต้องใช้เวลา หรือเราจะทำแบบเค้าบ้างพี่ได้อยู่นะไม่ถือ เพราะยังไงเราก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว อยู่ก่อนแต่งได้เลยพี่พร้อม” บดินทร์บอกคนน้องก่อนที่จะทำท่าทางเดินเข้าไปคุกคามใส่ น้ำมนต์พอได้ฟังที่บดินทร์พูดเขารู้ได้เลยทันทีว่าไอ้ที่ว่าปรับความเข้าใจกัน เขาทำอะไรแบบไหน ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้เมื่อคิดว่าข้าวโพดเพื่อนรักโดนพ่อเลี้ยงบลูเอาไปปรับความเข้าใจ น้ำมนต์คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าแปลกๆ
“คุณอย่าเข้ามานะ และก็อย่าทำอะไรบ้าๆ ไม่งั้นผมโกรธจริงๆ ด้วย”
“เอาล่ะพี่ไม่ทำอะไรหรอก แต่มีข้อแม้ให้แทนตัวเองว่าน้ำมนต์เหมือนเดิมได้ไหม และก็เรียกพี่ว่าพี่ดิน ไม่อย่างนั้นพี่จะลงโทษเด็กดื้อนะครับ”
“โอเค ไป ไปทานข้าวกันน้ำมนต์หิวแล้ว” น้ำมนต์รีบตอบตกลงทันที เพราะเริ่มจะไม่ปลอดภัยกับหัวใจตัวเองแล้ว
ทั้งคู่ก็เดินออกไปทานข้าวที่ทางรีสอร์ตจัดไว้ให้สำหรับแขกที่เข้าพักด้วยกัน ขากลับบดินทร์แวะไปเอาของที่หน้าห้องพักของกิตติภูมิเพื่อนรักมาหลังจากที่เขาส่งข้อความไปบอก ไอ้ห่าบลู มึงจะไม่ออกมาดูหมอก ดูตะวันเลยใช่ไหม บดินทร์บ่นเพื่อนไปกับสายลมเพราะมันเอาของของ เขามากองไว้ที่โต๊ะหน้าห้อง ส่วนหน้าเพื่อนเขาไม่ได้เห็นมันอีกเลย
หลังจากที่หมกตัวอยู่รีสอร์ตสองวันบดินทร์ก็ยืนยันที่จะขับรถของน้ำมนต์ไปที่บ้าน เพราะรถของเขาถูกไอ้พ่อเลี้ยงมันยึดไป ตอนนี้บดินทร์ทำหน้าที่ขับรถโดยมีน้ำมนต์นั่งอยู่ในรถที่เงียบๆ มีเพียงเสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่ เขาถามอะไรไปน้ำมนต์ก็เหมือนถามคำตอบคำ บดินทร์รู้สึกว่านี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาตั้งใจฟังทุกคำพูดของน้ำมนต์ แม้ในอดีตเขาจะมองว่าความรักของน้ำมนต์เป็นเพียงความเป็นเด็กน่ารำคาญที่ตามเขาไปทั่ว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันมีความหมายมากกว่าที่เคยคิด
เมื่อขับรถไปจอดที่หน้าบ้านน้ำมนต์ลงจากรถก่อนจะหันกลับมาหาบดินทร์ “ขอบคุณมากครับ พี่จะเอารถน้ำมนต์ไปใช้ก่อนไหมเดี๋ยวค่อยขับมาคืน”
บดินทร์ยิ้มอย่างได้ใจ “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคนที่บ้านมารับ เดี๋ยวพี่ขอเข้าไปรอในบ้านก่อนนะ จะได้ไปสวัสดีว่าที่พ่อตาแม่ยายด้วย”
“พี่ฝันอยู่หรือเปล่าครับ”
น้ำมนต์ว่าให้ก่อนจะหัวเราะเบาๆ และปิดประตูรถ บดินทร์ยังคงมองตามแผ่นหลังของน้ำมนต์ที่เดินนำเข้าบ้านไป หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวังและความท้าทาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการตามหาความรักอาจไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด แต่ยิ่งยากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากลอง
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน น้ำมนต์เริ่มฟื้นตัวจากอาการไข้ เพราะด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดและห่วงใยของบดินทร์ อาการป่วยของเขาก็ค่อยๆ หายไปจนเกือบเป็นปกติ ในช่วงเวลาที่น้ำมนต์ไม่สบาย จิตใจบางๆ ของน้ำมนต์ได้สัมผัสถึงความรักและความอบอุ่นจากบดินทร์อย่างชัดเจน ทุกคำพูด และทุกการกระทำของคนพี่ ทำให้น้ำมนต์มั่นใจว่าความรักที่ตัวเองมีให้กับบดินทร์และที่ตัวเขาเองได้ให้โอกาสบดินทร์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสูญเปล่า และบดินทร์ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในค่ำคืนนี้ เป็นอีกคืนที่ท้องฟ้าเหนือเมืองเชียงดาวปลอดโปร่ง แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณปางไม้ อากาศเย็นสบายสายลมกำลังพัดพาใบไม้บนยอดไม้ให้ไหวเอื่อยๆ บดินทร์ชวนน้ำมนต์ออกมานั่งเล่นที่ศาลาไม้หน้าบ้านพัก ภายในบรรยากาศที่เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก ร่างสูงจับให้น้ำมนต์นั่งลงข้างๆ ตัวเอง มองดูดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เขารู้สึกผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสุขมากในช่วงเวลานี้ “พี่ดิน ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลน้ำมนต์มาตลอดช่วงที่น้ำมนต์ไม่สบาย ถ้าไม่มีพี่ น้ำมนต์คงลำบากแย่เลย” เสียงหวานของน้ำมนต์พูดขึ้นทำลายควา
หลังจากวันที่ทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางสายฝน ความสัมพันธ์ของบดินทร์และน้ำมนต์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่การที่น้ำมนต์ต้องตากฝนในวันนั้นก็ทำให้เขาเริ่มไม่สบาย สองวันหลังจากการเดินทางนั้น น้ำมนต์ก็มีอาการไข้สูงและรู้สึกหนาวสั่นจนต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักที่ปางไม้ บดินทร์รู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นน้ำมนต์เริ่มมีอาการไข้ เขารีบไปพาน้ำมนต์ไปหาหมอแต่น้ำมนต์ไม่ยอม ร่างสูงจึงพาน้ำมนต์มาอยู่ที่บ้านพักของเขาเองเพื่อที่จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ในช่วงบ่ายวันนั้นน้ำมนต์นอนอยู่บนเตียงกว้างของบดินทร์ โดยร่างบางมีผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวไว้ แต่ยังคงมีอาการหนาวสั่น ใบหน้าสวยแดงก่ำจากพิษไข้ ร่างสูงของบดินทร์คงนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง มือหนาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวให้น้ำมนต์อย่างเบามือ ในใจรู้สึกเป็นห่วงอีกคนอย่างมาก “น้ำมนต์ หนูจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้นะ พี่สัญญาว่าจะอยู่ดูแลน้ำมนต์จนกว่าหนูจะหายดี” บดินทร์พูดเบาๆ ขณะที่มือหนาถือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอขาวของคนน้อง คนป่วยที่นอนหลับอยู่ แต่เพราะพิษไข้ทำให้เขาเริ่มเพ้อออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่ดิน ทะ ทำไมพี่ถึงไม่ชอบน้ำมนต์ เพียงเพราะว่าน้ำมนต์เป็นเด็กขี้เ
หลังจากที่สะสางปัญหาจบลง สุดท้ายแล้วน้ำมนต์ก็ต้องกลับมาทำงานอยู่กับบดินทร์ที่ปางไม้ ทั้งคู่ได้นั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด และบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์เหล่านั้น “พี่ดิน น้ำมนต์คิดว่าเราทั้งคู่ได้เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงการยอมรับข้อบกพร่องของกันและกันด้วย” น้ำมนต์พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายลึกซึ้งและจ้องมองตาคมของบดินทร์ “เราผ่านความเจ็บปวดมามาก แต่ตอนนี้น้ำมนต์ว่าการที่เรายังยืนอยู่ข้างกันได้ แสดงว่าเรามีความหมายต่อกันมากแค่ไหน ต่อจากนี้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา น้ำมนต์มั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้ เพราะเราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” บดินทร์ดึงร่างโปร่งน้ำมนต์เข้ามากอดแน่น “ครับเราจะจับมือข้ามผ่านมันไปด้วยกัน พี่สัญญา” หลังจากที่บดินทร์และน้ำมนต์ปรับความเข้าใจกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็กลับมาสดใส บดินทร์รู้สึกได้ว่าน้ำมนต์เริ่มผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น พอเห็นว่าอากาศในวันนี้เหมาะสำหรับการออกไปผจญภัยในธรรมชาติ เขาจึงตัดสินใจพาน้ำมนต์ไปยังที่พิเศษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขามักจะไปเมื่อต้องการหาความสงบอีกที่ เช้านี้ท้องฟ้าเหนือเชียงดาวเป
หลังจากที่น้ำมนต์รู้ความจริงแน่ชัดว่าข้อความที่เขาได้รับเป็นแผนการของแพรพลอย ความโกรธและความเสียใจที่สะสมมานานก็ระเบิดออกมา น้ำมนต์ตัดสินใจว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกทำร้ายอีกต่อไป เขาจะเป็นคนจัดการแพรพลอยด้วยตัวเอง น้ำมนต์รู้ว่าแพรพลอยชอบใช้วิธีการลอบกัดและเล่นเกมจิตวิทยาเพื่อทำให้คนอื่นพังทลาย ดังนั้น เขาจึงวางแผนตอบโต้ด้วยวิธีที่แพรพลอยไม่คาดคิด คืนนั้นน้ำมนต์นั่งคิดแผนที่จะแก้เกมแพรพลอยให้สาสม เขาตัดสินใจที่จะไม่เล่นตามเกมของเธอ แต่จะสร้างสถานการณ์ให้แพรพลอยตกเป็นฝ่ายถูกเล่นงานแทน น้ำมนต์เริ่มแผนการของเขาด้วยการแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เขายังทำตัวเหมือนเดิมและเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ใครสังเกตได้ เขาติดต่อข้าวโพดและกานต์เพื่อช่วยเหลือในการดึงแพรพลอยเข้ามาติดกับดักของเขา ข้าวโพดที่เป็นเพื่อนสนิทของน้ำมนต์เห็นด้วยทันทีเมื่อรู้แผนนี้ “น้ำมนต์ทำถูกแล้วข้าวโพดเห็นด้วย คราวนี้น้ำมนต์ไม่ต้องอดทนหรือให้ใครมาทำร้ายอีกแล้ว ยัยแพรพลอยต้องได้รับบทเรียนที่เธอไม่เคยเจอ” น้ำมนต์ยิ้มบาง ๆ และพูดด้วยความมุ่งมั่น “น้ำมนต์จะไม่ยอมให้เธอมาเล่นงานชีวิตน้ำมนต์กับพ
น้ำมนต์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาหันกลับมามองบดินทร์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่ไว้วางใจ “พี่มาที่นี่ทำไมครับ” บดินทร์เดินมานั่งลงตรงข้ามน้ำมนต์และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความจริงใจ “พี่มาที่นี่เพื่อขอโอกาส พี่รู้ว่าพี่ทำให้น้ำมนต์เจ็บและเข้าใจผิด แต่พี่อยากให้น้ำมนต์ฟังพี่สักครั้ง เรื่องที่น้ำมนต์เห็นที่โรงแรมมันไม่ใช่อย่างที่น้ำมนต์คิด มันเป็นแผนของแพรพลอยที่ต้องการทำให้เราแตกแยกกัน แพรพลอยเขาบอกกับพี่ว่าเขาเครียด เขาให้พนักงานที่รีสอร์ตโทรมาหาพี่ว่าเขาจะกินยาฆ่าตัวตาย พี่เลยต้องไปดู” น้ำมนต์นิ่งฟัง แต่ในใจยังคงมีความลังเลและน้อยใจ “แล้วทำไมพี่ถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้น พี่เลือกที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เคยทำร้ายผม แล้วพี่จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าพี่จะไม่ทำร้ายผมอีก” น้ำมนต์จำได้สมัยเด็กมีเด็กผู้หญิงรุ่นพี่ที่มาวิ่งเล่นที่ปางไม้ด้วยบ่อยๆ อีกคน เด็กหญิงคนนั้นคือแพรพลอย เด็กผู้หญิงคนนี้ชอบแกล้งเขาและแย่งความสนใจของพี่ดินจากน้ำมนต์เสมอ คำถามนี้ทำให้บดินทร์รู้สึกเจ็บในใจ เขาไม่รู้ว่าจะทำให้น้ำมนต์เชื่อใจได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้ต้อ
วันถัดมา บดินทร์นัดแพรพลอยมาพบกันที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงดาว แพรพลอยที่คิดว่าแผนการของเธอกำลังไปได้สวย ก็ยังคงมั่นใจในตัวเอง เธอมาในชุดที่ดูดีและเต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอคิดว่าบดินทร์คงจะกลับมาสนิทกับเธอมากขึ้นหลังจากที่น้ำมนต์จากไปเมื่อทั้งสองนั่งลง แพรพลอยส่งยิ้มหวานยั่วยวนให้ชายหนุ่มที่เธอหลังรัก “พี่ดินนัดแพรมาพบวันนี้ มีเรื่องอะไรหรือคะ”บดินทร์มองหน้าแพรพลอยด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและไม่ลังเล “แพรพลอย พี่จะไม่อ้อมค้อมนะ วันนี้พี่นัดเธอมาคุยเพื่อที่จะจบทุกอย่างระหว่างเรา”รอยยิ้มของแพรพลอยเริ่มหายไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะเสียบดินทร์ไปแล้ว “พี่ดินหมายความว่ายังไงคะ ทำไมต้องจบกันล่ะ”บดินทร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พี่รู้ทุกอย่างแล้ว เธอวางแผนทำให้น้ำมนต์เข้าใจพี่ผิด เพื่อที่จะทำให้เราแยกจากกัน และมันได้ผล น้ำมนต์เขาจากพี่ไปแล้ว และมันเป็นเพราะพี่ที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น พี่ไม่โทษใครนอกจากตัวเอง แต่ตอนนี้พี่ต้องการให้เธอออกไปจากชีวิตพี่สักที”แพรพลอยที่ไม่คิดว่าจะถูกพูดตรง ๆ แบบนี้เริ่มรู้สึกโกรธ เธอยังคงพยายามควบคุมอารมณ์และพูดด้วย







