Share

บทที่ 8 บอส

last update Huling Na-update: 2025-12-02 12:54:05

บทที่ 8 บอส

ขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไป

คงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทา

นินทา!!

เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมา

อัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจ

ร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขา

ดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ

“ค่ะ บอส”

อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ

“ขึ้นได้แล้ว ผมต้องการงานของช่วงเช้า”

อุณากรรณเพียงโก่งคิ้วคันศรด้านซ้ายขึ้นเล็กน้อยแล้วยกข้อมือดูเวลา ยังอีกสิบนาทีถึงจะถึงเวลาเข้างาน ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองคนร่างสูงใหญ่กว่าเดิมมากกว่าที่เธอจำได้

“ยังอีกสิบนาที?”

“แต่กว่าแพรจะขึ้นไปถึงคงเป็นเวลาเข้างานพอดี”

ร่างสูงโปร่งของอุณากรรณเริ่มตึงเครียดไม่พอใจเช่นกัน แต่เมื่อชำเลืองตามองเพื่อนใหม่แล้วได้แต่จำยอมเดินไปหาอัคคี ทำท่าโบกมือด้านหลังให้เพื่อนทั้งสองที่มองตามด้วยดวงตาหวาดกลัว

ติ๊ง!!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นพอดีเมื่ออุณากรรณลากเท้าเข้าไปใกล้อัคคี ทำให้เธอต้องจำใจเดินตามเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน

แม้เวลาที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ด้วยกันไม่นานนัก แต่อุณากรรณรับรู้บางอย่างชัดเจน ร่างของอัคคีใหญ่กว่าวัยหนุ่มมากจนเรียกได้ว่าเต็มแน่นด้วยมัดกล้าม และแม้ว่าเธอสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว ตัวเธอก็ยังเตี้ยสำหรับเขา ศีรษะของเธอสูงเลยไหล่ของอัคคีเพียงเล็กน้อย

กลิ่นกายชาย กลิ่นโคโลญจน์ราคาแพง และมีกลิ่นบุหรี่เบา ๆ ทำให้อุณากรรณถึงกับสะท้านขึ้น

เขามีอิทธิพลต่อเธออย่างไม่น่าเชื่อ จึงตัดสินใจเอี้ยวหน้าไปมองพลันพบว่าอัคคีเองกำลังก้มหน้าลงมองเธอเช่นกัน

“เออ บอสทานข้าวกับอะไรมาคะ”

ปากเร็วของอุณากรรณเอ่ยออกไปไม่ทันยั้งคิดก่อนจะขบริมฝีปากทำให้อัคคีหลุบตาลงมองกลีบบางสีชมพูอ่อน

“น้องแพรถามทำไมครับ”

คราวนี้เสียงทุ้มไม่ได้ดังขึ้นเสียงเหมือนตอนอยู่กลางโถง ทำให้น้ำเสียงนุ่มต่ำดั่งน้ำผึ้งอุ่น ๆ จนอุณากรรณต้องเหลือบมองหน้าแกร่งอีกครั้งอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

“เปล่าคะ ที่โรงอาหารเราก็อร่อยนะคะ บอสน่าจะลองไปทานดูบ้าง”

คิ้วเข้มดกหนาโก่งขึ้นมองหญิงสาวด้านข้าง วันนี้บุษบาไม่หน้าแดงและยังพูดมากกว่าเดิมอย่างน่าประหลาด ทั้งปากเล็ก ๆ สีชมพูวันนี้กลับน่าจูบจนเขาเองเกือบยั้งใจไม่ไหว

“วันนี้น้องแพรพูดเยอะนะครับ”

อุณากรรณสะดุ้งในใจแต่ยังปั้นหน้าไม่ยอมเผยพิรุธออกมา ทำเพียงยิ้มเบา ๆ แล้วหันหน้ากลับ

ติ๊ง!!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นผู้บริหารดั่งช่วยชีวิตอุณากรรณ เธอรีบเดินนำออกไปก่อนไม่รอเจ้านายหนุ่ม เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบเป็นจังหวะ อุณากรรณไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าความสนใจของอัคคีเต็มพิกัด

“คุณอัคคีมาแล้ว มีโน้ตวางอยู่บนโต๊ะนะคะ แล้วก็แฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็น”

เสียงลิซ่าดังขึ้นและค่อยเงียบไปทีละน้อยเมื่อเลขาส่วนตัวเดินตามอัคคีเข้าไปในห้อง อุณากรรณจึงได้ลอบถอนหายใจโล่งอกออกมาก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะของตัวเอง

ตอนนี้ไม่มีอะไรทำจึงเปิดแฟ้มงานเก่า ๆ ที่บุษบาทำโฟลเดอร์ไว้ในคอมพิวเตอร์ดูฆ่าเวลา

ภาพร่างใหญ่โตผิวสีเข้มหน้าตาคมดุแถมยังหล่อดูดีกว่าที่อุณากรรณจำได้ผุดขึ้นมาแม้ว่าเธอพยายามจะสะบัดหน้าให้หลุดออกไป ริมฝีปากหนาคู่นั้นและกรามเหลี่ยมมีเคราครึ้มเล็กน้อย อาจเพราะเป็นลูกเสี้ยวทำให้ตัวอัคคีหนวดเคราขึ้นเร็ว

ไหล่กว้างเหยียดตึง มือที่กดเลขชั้นในลิฟต์เรียวงามแต่ยังดูเป็นผู้ชายทุกส่วน

อุณากรรณ เธอต้องเลิกคิดถึงเขาได้แล้ว!!

“แพร?”

“คะ คะ พี่ลิซ่า”

“บอสเรียกน่ะ”

อุณากรรณมัวแต่อยู่ในภวังค์จนไม่เห็นว่าพี่ลิซ่าเดินออกมาจากห้องของอัคคีแล้ว

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน รีบเข้าไปสิ เดี๋ยวบอสก็โกรธหรอก”

ร่างสูงโปร่งจำใจลุกขึ้นแล้วหยิบกระดาษโน้ตพร้อมปากกาติดมือไปด้วย

ก๊อก ก๊อก

อุณากรรณไม่รอให้อัคคีเอ่ยอนุญาตผลักประตูเข้าไปด้านใน เดินด้วยความมั่นใจบนรองเท้าส้นสูงตรงไปทางโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เธอกวาดตามองอย่างเร็ว ๆ เพียงครั้งเดียวเพื่อจดจำรายละเอียด

“นั่งสิ”

“ค่ะ”

“เดี๋ยวเย็นนี้ไปรับรองแขกกับพี่นะ”

“เอะ! แต่ว่า ..”

“แต่ว่าอะไร”

“ก็แพรโน้ตไว้ให้ บอสไม่ได้อ่านเหรอคะ คุณเกรซโทรมาถามว่าเย็นนี้เป็นงานแบบไหน ให้สวมชุดอะไร แสดงว่าบอสมีคนไปด้วยแล้ว ทำไมต้องให้แพรไปด้วยอีกคะ”

คำถามรัวเป็นชุดพร้อมส่งสายตาคำถามอย่างไม่หวั่นกลัวไปยังชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า เอียงคอเล็กน้อยจนผมที่ยาวสยายปิดใบหน้าบางส่วนจนอัคคีมองอย่างเผลอไผลก่อนตอบออกไป

“พี่ยกเลิกนัดเกรซแล้ว ส่วนน้องแพรไม่ต้องเปลี่ยนชุด ชุดนี้ใช้ได้เลย”

อุณากรรณเม้มปาก นี่ไม่ให้เธอแย้งค้านได้เลย พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ทั้งยังจัดแจงไม่ยอมให้เธอมีทางออก

“แต่ว่า”

“ทำไมครับ แต่ว่าอะไรอีก”

“ไม่มีอะไรคะ งั้นแค่นี้ใช่ไหมคะ”

“อ้อ ทำไมวันนี้เรียกพี่ว่าบอส ไม่เรียกพี่เพลิงเหรอครับน้องแพร”

อุณากรรณสะอึกไปนิดก่อนจะยิ้มหวานออกมากว้างเสียจนใบหน้ากระจ่างใส อัคคีเผลอมองอีกครั้งจนเกือบหลงลืมคำถามของตัวเอง

“แพรคิดว่าถ้าอยู่ในที่ทำงานควรให้เกียรติบอสค่ะ ไว้แพรจะเรียกตอนอยู่นอกเวลางานนะคะ”

เสียงอ่อนหวานดิ้นได้ของอุณากรรณทำให้อัคคีต้องขยับตัวอึดอัด จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง

“โอ้ย!! โอ้ย!”

“บอส เป็นอะไรไปคะ”

อัคคีจู่ ๆ ก็ยกมือปิดตา ทำท่าทางเหมือนมีอะไรเข้าตาจนอุณากรรณตกใจ

“ไม่รู้อะไรเข้าตา”

“บอสไปห้องน้ำเอาน้ำล้างตาก่อนค่ะ”

“พี่ลืมตาไม่ได้”

อุณากรรณเองด้วยความเป็นห่วงเพราะดูแล้วอัคคีเองคงเจ็บจริง เขายกมือปิดไว้ไม่ยอมลืม และยังเก้ ๆ กัง ๆ ลุกขึ้น จึงจัดการเข้าไปช่วยประคอง

“ห้องน้ำไปทางไหนคะ”

อัคคีลอบยิ้มในใจ เพราะอันที่จริงบุษบาเคยเข้ามาในห้องน้ำในห้องทำงานของเขาแล้วเมื่อเข้ามาทำงานวันแรก

“มุมซ้ายสุดครับ”

มือเล็กเข้ามาประคองแขนแกร่งไว้ อัคคีแสร้งทำเป็นเดินไม่ตรงทางเพื่อให้ลำตัวเอนเอียงไปหาหญิงสาวด้านข้างกระทั่งถึงห้องน้ำ

“น้องแพรช่วยพี่ล้างตาหน่อยนะครับ”

อุณากรรณสังเกตว่าในห้องน้ำไม่ใหญ่มากนัก มีแก้วน้ำบนอ่างล้างมือจึงเปิดน้ำใส่แก้วแล้วโน้มคอของคนร่างสูงลงมากระทั่งใกล้กับแก้ว

“ระวัง ๆ ค่ะบอส”

เธอจับหลังท้ายทอยไว้ขณะที่ยื่นแก้วเข้าไปชิดขอบตา ให้อัคคีล้างตากระทั่งน้ำไหลออกมารดใบหน้า

“อุ้ย! เดี๋ยวแพรหาผ้าก่อน”

อุณากรรณมองซ้ายมองขวาจึงเห็นกระดาษอเนกประสงค์ หยิบมาเช็ดหน้าให้อัคคี

“เป็นยังไงคะ ออกหรือยัง”

“อื้อ แพรดูให้หน่อยสิครับ ยังแสบ ๆ”

อัคคีโน้มร่างลงใกล้ลืมตาขึ้นสบตาหวานกระจ่างใสที่พยายามกวาดตามอง

ตึก ตึก ตึก

อุณากรรณดวงตาไหวระริก ชีพจรเต้นรัวยามสบสายตาคมเข้มสีน้ำตาลออกดำที่มองเธออย่างค้นหา พ่วงแก้มร้อนขึ้นเพราะเลือดสูบฉีดจนแดงซ่านไม่รู้ตัว

อัคคีหลุบตาลงมองเลือดฝาดที่จู่ ๆ พลันชมพูไปทั่วแก้มนวลใส ลมหายใจของเขาเป่ารดดวงหน้างดงามและใกล้เสียจนเขาได้กลิ่นน้ำหอมที่อุณากรรณใช้แบบเบาบาง หอมกลิ่นส้มอ่อนอมเปรี้ยวและกลิ่นจัสมิน

“พี่อัคคีเหลือบตาไปทางนั้นสิคะ”

ด้วยอาการเขินอายกะทันหันทำให้อุณากรรณเองทำตัวไม่ถูกแสร้งรีบบอกให้ชายสูงใหญ่ตรงหน้าเหลือบตาไปทางอื่น นิ้วเล็ก ๆ เปิดเปลือกตาทำเป็นเขย่งตัวมองหาฝุ่นในดวงตา แต่ไม่เห็นอะไรจึงปล่อยมือแต่ถูกคนร่างสูงจับไว้เสียก่อน

“ขอบคุณมากนะครับน้องแพร พี่ค่อยยังชั่วแล้ว”

“งั้นก็ปล่อยสิคะ”

อุณากรรณกระชากมือออกมาจากมืออุ่นใหญ่จนสำเร็จรีบจ้ำเท้าออกจากห้องน้ำทันทีแล้วตรงไปหยิบกระดาษปากกาที่วางไว้บนโต๊ะเพื่อเตรียมออกจากห้อง

“เย็นนี้ไปรถพี่นะครับ”

เสียงเข้มย้ำอีกรอบก่อนที่อุณากรรณออกจากห้อง เธอจึงพยักหน้าอย่างจำใจแล้วซอยเท้าออกไปจนเกือบวิ่ง แว่วเสียงทุ้มหัวเราะเบา ๆ ด้านหลัง

อัคคีมองตามร่างโปร่งบางกระทั่งเธอปิดประตูลง จึงเดินไปยังโทรศัพท์เพื่อต่อสาย

“ชุมพล จัดการสืบเรื่องอุณากรรณแฝดน้องของบุษบา ขอภายในเย็นนี้”

“ครับบอส”

อัคคีนั่งลงหลังโต๊ะทำงานมองลายมือบนกระดาษโน้ตตรงหน้า มุมปากยกขึ้นเมื่อลายมือขยักโย้เย้ยุ่งเหยิงผิดไปจากบุษบาคนเดิม

แกล้งสลับตัวงั้นเหรอ หลอกใครหลอกได้ คิดจะหลอกคนอย่างอัคคี ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเด็กน้อย

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ดอกไม้ในมืออัคคี   บทที่ 13 หนีเที่ยว

    บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห

  • ดอกไม้ในมืออัคคี   บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับ

    บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก

  • ดอกไม้ในมืออัคคี   บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุด

    บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก

  • ดอกไม้ในมืออัคคี   บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อ

    บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ

  • ดอกไม้ในมืออัคคี   บทที่ 9 พี่เพลิง

    บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค

  • ดอกไม้ในมืออัคคี   บทที่ 8 บอส

    บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status