Mag-log inบทที่ 8 บอส
ขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไป
คงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทา
นินทา!!
เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมา
อัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจ
ร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขา
ดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ
“ค่ะ บอส”
อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ขึ้นได้แล้ว ผมต้องการงานของช่วงเช้า”
อุณากรรณเพียงโก่งคิ้วคันศรด้านซ้ายขึ้นเล็กน้อยแล้วยกข้อมือดูเวลา ยังอีกสิบนาทีถึงจะถึงเวลาเข้างาน ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองคนร่างสูงใหญ่กว่าเดิมมากกว่าที่เธอจำได้
“ยังอีกสิบนาที?”
“แต่กว่าแพรจะขึ้นไปถึงคงเป็นเวลาเข้างานพอดี”
ร่างสูงโปร่งของอุณากรรณเริ่มตึงเครียดไม่พอใจเช่นกัน แต่เมื่อชำเลืองตามองเพื่อนใหม่แล้วได้แต่จำยอมเดินไปหาอัคคี ทำท่าโบกมือด้านหลังให้เพื่อนทั้งสองที่มองตามด้วยดวงตาหวาดกลัว
ติ๊ง!!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นพอดีเมื่ออุณากรรณลากเท้าเข้าไปใกล้อัคคี ทำให้เธอต้องจำใจเดินตามเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน
แม้เวลาที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ด้วยกันไม่นานนัก แต่อุณากรรณรับรู้บางอย่างชัดเจน ร่างของอัคคีใหญ่กว่าวัยหนุ่มมากจนเรียกได้ว่าเต็มแน่นด้วยมัดกล้าม และแม้ว่าเธอสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว ตัวเธอก็ยังเตี้ยสำหรับเขา ศีรษะของเธอสูงเลยไหล่ของอัคคีเพียงเล็กน้อย
กลิ่นกายชาย กลิ่นโคโลญจน์ราคาแพง และมีกลิ่นบุหรี่เบา ๆ ทำให้อุณากรรณถึงกับสะท้านขึ้น
เขามีอิทธิพลต่อเธออย่างไม่น่าเชื่อ จึงตัดสินใจเอี้ยวหน้าไปมองพลันพบว่าอัคคีเองกำลังก้มหน้าลงมองเธอเช่นกัน
“เออ บอสทานข้าวกับอะไรมาคะ”
ปากเร็วของอุณากรรณเอ่ยออกไปไม่ทันยั้งคิดก่อนจะขบริมฝีปากทำให้อัคคีหลุบตาลงมองกลีบบางสีชมพูอ่อน
“น้องแพรถามทำไมครับ”
คราวนี้เสียงทุ้มไม่ได้ดังขึ้นเสียงเหมือนตอนอยู่กลางโถง ทำให้น้ำเสียงนุ่มต่ำดั่งน้ำผึ้งอุ่น ๆ จนอุณากรรณต้องเหลือบมองหน้าแกร่งอีกครั้งอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
“เปล่าคะ ที่โรงอาหารเราก็อร่อยนะคะ บอสน่าจะลองไปทานดูบ้าง”
คิ้วเข้มดกหนาโก่งขึ้นมองหญิงสาวด้านข้าง วันนี้บุษบาไม่หน้าแดงและยังพูดมากกว่าเดิมอย่างน่าประหลาด ทั้งปากเล็ก ๆ สีชมพูวันนี้กลับน่าจูบจนเขาเองเกือบยั้งใจไม่ไหว
“วันนี้น้องแพรพูดเยอะนะครับ”
อุณากรรณสะดุ้งในใจแต่ยังปั้นหน้าไม่ยอมเผยพิรุธออกมา ทำเพียงยิ้มเบา ๆ แล้วหันหน้ากลับ
ติ๊ง!!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นผู้บริหารดั่งช่วยชีวิตอุณากรรณ เธอรีบเดินนำออกไปก่อนไม่รอเจ้านายหนุ่ม เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบเป็นจังหวะ อุณากรรณไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าความสนใจของอัคคีเต็มพิกัด
“คุณอัคคีมาแล้ว มีโน้ตวางอยู่บนโต๊ะนะคะ แล้วก็แฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็น”
เสียงลิซ่าดังขึ้นและค่อยเงียบไปทีละน้อยเมื่อเลขาส่วนตัวเดินตามอัคคีเข้าไปในห้อง อุณากรรณจึงได้ลอบถอนหายใจโล่งอกออกมาก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะของตัวเอง
ตอนนี้ไม่มีอะไรทำจึงเปิดแฟ้มงานเก่า ๆ ที่บุษบาทำโฟลเดอร์ไว้ในคอมพิวเตอร์ดูฆ่าเวลา
ภาพร่างใหญ่โตผิวสีเข้มหน้าตาคมดุแถมยังหล่อดูดีกว่าที่อุณากรรณจำได้ผุดขึ้นมาแม้ว่าเธอพยายามจะสะบัดหน้าให้หลุดออกไป ริมฝีปากหนาคู่นั้นและกรามเหลี่ยมมีเคราครึ้มเล็กน้อย อาจเพราะเป็นลูกเสี้ยวทำให้ตัวอัคคีหนวดเคราขึ้นเร็ว
ไหล่กว้างเหยียดตึง มือที่กดเลขชั้นในลิฟต์เรียวงามแต่ยังดูเป็นผู้ชายทุกส่วน
อุณากรรณ เธอต้องเลิกคิดถึงเขาได้แล้ว!!
“แพร?”
“คะ คะ พี่ลิซ่า”
“บอสเรียกน่ะ”
อุณากรรณมัวแต่อยู่ในภวังค์จนไม่เห็นว่าพี่ลิซ่าเดินออกมาจากห้องของอัคคีแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน รีบเข้าไปสิ เดี๋ยวบอสก็โกรธหรอก”
ร่างสูงโปร่งจำใจลุกขึ้นแล้วหยิบกระดาษโน้ตพร้อมปากกาติดมือไปด้วย
ก๊อก ก๊อก
อุณากรรณไม่รอให้อัคคีเอ่ยอนุญาตผลักประตูเข้าไปด้านใน เดินด้วยความมั่นใจบนรองเท้าส้นสูงตรงไปทางโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เธอกวาดตามองอย่างเร็ว ๆ เพียงครั้งเดียวเพื่อจดจำรายละเอียด
“นั่งสิ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวเย็นนี้ไปรับรองแขกกับพี่นะ”
“เอะ! แต่ว่า ..”
“แต่ว่าอะไร”
“ก็แพรโน้ตไว้ให้ บอสไม่ได้อ่านเหรอคะ คุณเกรซโทรมาถามว่าเย็นนี้เป็นงานแบบไหน ให้สวมชุดอะไร แสดงว่าบอสมีคนไปด้วยแล้ว ทำไมต้องให้แพรไปด้วยอีกคะ”
คำถามรัวเป็นชุดพร้อมส่งสายตาคำถามอย่างไม่หวั่นกลัวไปยังชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า เอียงคอเล็กน้อยจนผมที่ยาวสยายปิดใบหน้าบางส่วนจนอัคคีมองอย่างเผลอไผลก่อนตอบออกไป
“พี่ยกเลิกนัดเกรซแล้ว ส่วนน้องแพรไม่ต้องเปลี่ยนชุด ชุดนี้ใช้ได้เลย”
อุณากรรณเม้มปาก นี่ไม่ให้เธอแย้งค้านได้เลย พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ทั้งยังจัดแจงไม่ยอมให้เธอมีทางออก
“แต่ว่า”
“ทำไมครับ แต่ว่าอะไรอีก”
“ไม่มีอะไรคะ งั้นแค่นี้ใช่ไหมคะ”
“อ้อ ทำไมวันนี้เรียกพี่ว่าบอส ไม่เรียกพี่เพลิงเหรอครับน้องแพร”
อุณากรรณสะอึกไปนิดก่อนจะยิ้มหวานออกมากว้างเสียจนใบหน้ากระจ่างใส อัคคีเผลอมองอีกครั้งจนเกือบหลงลืมคำถามของตัวเอง
“แพรคิดว่าถ้าอยู่ในที่ทำงานควรให้เกียรติบอสค่ะ ไว้แพรจะเรียกตอนอยู่นอกเวลางานนะคะ”
เสียงอ่อนหวานดิ้นได้ของอุณากรรณทำให้อัคคีต้องขยับตัวอึดอัด จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“โอ้ย!! โอ้ย!”
“บอส เป็นอะไรไปคะ”
อัคคีจู่ ๆ ก็ยกมือปิดตา ทำท่าทางเหมือนมีอะไรเข้าตาจนอุณากรรณตกใจ
“ไม่รู้อะไรเข้าตา”
“บอสไปห้องน้ำเอาน้ำล้างตาก่อนค่ะ”
“พี่ลืมตาไม่ได้”
อุณากรรณเองด้วยความเป็นห่วงเพราะดูแล้วอัคคีเองคงเจ็บจริง เขายกมือปิดไว้ไม่ยอมลืม และยังเก้ ๆ กัง ๆ ลุกขึ้น จึงจัดการเข้าไปช่วยประคอง
“ห้องน้ำไปทางไหนคะ”
อัคคีลอบยิ้มในใจ เพราะอันที่จริงบุษบาเคยเข้ามาในห้องน้ำในห้องทำงานของเขาแล้วเมื่อเข้ามาทำงานวันแรก
“มุมซ้ายสุดครับ”
มือเล็กเข้ามาประคองแขนแกร่งไว้ อัคคีแสร้งทำเป็นเดินไม่ตรงทางเพื่อให้ลำตัวเอนเอียงไปหาหญิงสาวด้านข้างกระทั่งถึงห้องน้ำ
“น้องแพรช่วยพี่ล้างตาหน่อยนะครับ”
อุณากรรณสังเกตว่าในห้องน้ำไม่ใหญ่มากนัก มีแก้วน้ำบนอ่างล้างมือจึงเปิดน้ำใส่แก้วแล้วโน้มคอของคนร่างสูงลงมากระทั่งใกล้กับแก้ว
“ระวัง ๆ ค่ะบอส”
เธอจับหลังท้ายทอยไว้ขณะที่ยื่นแก้วเข้าไปชิดขอบตา ให้อัคคีล้างตากระทั่งน้ำไหลออกมารดใบหน้า
“อุ้ย! เดี๋ยวแพรหาผ้าก่อน”
อุณากรรณมองซ้ายมองขวาจึงเห็นกระดาษอเนกประสงค์ หยิบมาเช็ดหน้าให้อัคคี
“เป็นยังไงคะ ออกหรือยัง”
“อื้อ แพรดูให้หน่อยสิครับ ยังแสบ ๆ”
อัคคีโน้มร่างลงใกล้ลืมตาขึ้นสบตาหวานกระจ่างใสที่พยายามกวาดตามอง
ตึก ตึก ตึก
อุณากรรณดวงตาไหวระริก ชีพจรเต้นรัวยามสบสายตาคมเข้มสีน้ำตาลออกดำที่มองเธออย่างค้นหา พ่วงแก้มร้อนขึ้นเพราะเลือดสูบฉีดจนแดงซ่านไม่รู้ตัว
อัคคีหลุบตาลงมองเลือดฝาดที่จู่ ๆ พลันชมพูไปทั่วแก้มนวลใส ลมหายใจของเขาเป่ารดดวงหน้างดงามและใกล้เสียจนเขาได้กลิ่นน้ำหอมที่อุณากรรณใช้แบบเบาบาง หอมกลิ่นส้มอ่อนอมเปรี้ยวและกลิ่นจัสมิน
“พี่อัคคีเหลือบตาไปทางนั้นสิคะ”
ด้วยอาการเขินอายกะทันหันทำให้อุณากรรณเองทำตัวไม่ถูกแสร้งรีบบอกให้ชายสูงใหญ่ตรงหน้าเหลือบตาไปทางอื่น นิ้วเล็ก ๆ เปิดเปลือกตาทำเป็นเขย่งตัวมองหาฝุ่นในดวงตา แต่ไม่เห็นอะไรจึงปล่อยมือแต่ถูกคนร่างสูงจับไว้เสียก่อน
“ขอบคุณมากนะครับน้องแพร พี่ค่อยยังชั่วแล้ว”
“งั้นก็ปล่อยสิคะ”
อุณากรรณกระชากมือออกมาจากมืออุ่นใหญ่จนสำเร็จรีบจ้ำเท้าออกจากห้องน้ำทันทีแล้วตรงไปหยิบกระดาษปากกาที่วางไว้บนโต๊ะเพื่อเตรียมออกจากห้อง
“เย็นนี้ไปรถพี่นะครับ”
เสียงเข้มย้ำอีกรอบก่อนที่อุณากรรณออกจากห้อง เธอจึงพยักหน้าอย่างจำใจแล้วซอยเท้าออกไปจนเกือบวิ่ง แว่วเสียงทุ้มหัวเราะเบา ๆ ด้านหลัง
อัคคีมองตามร่างโปร่งบางกระทั่งเธอปิดประตูลง จึงเดินไปยังโทรศัพท์เพื่อต่อสาย
“ชุมพล จัดการสืบเรื่องอุณากรรณแฝดน้องของบุษบา ขอภายในเย็นนี้”
“ครับบอส”
อัคคีนั่งลงหลังโต๊ะทำงานมองลายมือบนกระดาษโน้ตตรงหน้า มุมปากยกขึ้นเมื่อลายมือขยักโย้เย้ยุ่งเหยิงผิดไปจากบุษบาคนเดิม
แกล้งสลับตัวงั้นเหรอ หลอกใครหลอกได้ คิดจะหลอกคนอย่างอัคคี ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเด็กน้อย
บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห
บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก
บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก
บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ
บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค
บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ







