LOGIN“นมไม่เป็นอะไรจริงๆ นะคะคุณหนู ก็แค่โรคคนแก่ ไม่ต้องไปหาหมอให้สิ้นเปลืองหรอกค่ะ” นมช้อยยังคงปฏิเสธความหวังดีของนายสาว
“ไปหาหมอเถอะนะคะนม ถือว่าหยีขอร้องนะคะ” โรฮันนาพยายามหว่านล้อมแม่นมเต็มที่ เพราะเธอเป็นห่วงท่านยิ่งนัก หากท่านเป็นอะไรไปแล้วเธอจะอยู่กับใคร
“คุณหนูคะ ตอนนี้ทูนหัวของนมก็โตแล้ว สามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว หากไม่มีนมคุณหนูต้องเข้มแข็งและอยู่ให้ได้นะคะ” ยกมือเหี่ยวย่นลูบไล้ใบหน้าคนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ นมช้อยพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เหมือนเป็นการสั่งลาไปในตัว
“ไม่นะคะนม นมต้องไม่เป็นอะไร นมต้องอยู่กับหยีตลอดไปนะคะ หยีไม่มีใครแล้ว มีนมที่รักและคอยห่วงใย เป็นครอบครัวของหยีคนเดียวที่เหลืออยู่ หากขาดนมไปแล้วหยีจะอยู่กับใคร” เธอพูดกับแม่นมด้วยน้ำเสียงสั่นขาดเป็นห้วงๆ น้ำตาคลอเบ้าเจียนจะไหล เพราะความสะเทือนใจและเศร้าโศก
“คุณหนูรู้ไหมคะ ว่าคุณหนูคือความภูมิใจสูงสุดในชีวิตของนม นมดีใจที่ได้เห็นคุณหนูมีวันนี้ แต่คนเราเมื่อถึงเวลาต้องไปมันก็ไม่อาจห้ามได้ แค่ก แค่ก” เสียงไอหนักกว่าเดิมแถมมีเลือดปนออกมาอีก เมื่อโรฮันนาเห็นดังนั้น ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ กระวนกระวายใจจนไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“หยีไม่รอแล้ว หยีจะพานมไปหาหมอ เราไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะคะนม” หญิงสาวลนลานลุกขึ้นจะเดินไปขอร้องคนขับรถที่บ้านใหญ่ให้มาพานมช้อยไปหาหมอ แต่โดนคนป่วยดึงแขนห้ามปรามเอาไว้ซะก่อน
“อย่าเลยค่ะ คุณหนูของนม นมรู้ว่าถึงเวลาที่นมต้องไปแล้ว” นมช้อยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงทุกที จนคนฟังใจหายวาบ เจ็บปวดเหมือนใจจะขาดรอนๆ ความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจดวงน้อยจนหนาวเหน็บ
“นมจ๋า…นมอย่าทิ้งหยีไปนะจ๊ะ หากนมไปแล้วหยีจะอยู่กับใคร” โรฮันนาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าใจ
“คุณหนูของนมต้องอยู่คนเดียวให้ได้นะคะ นมเชื่อว่าคุณหนูทำได้ คุณหนูของนมเก่งและเป็นคนดี คนดีพระท่านย่อมคุ้มครอง” แม่นมกล่าวเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ พร้อมดวงตาที่หรี่ลงเกือบจะปิด โรฮันนาเห็นอย่างนั้นยิ่งใจคอไม่ดี กอดแม่นมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ฮึก…นม…นมขา…ไม่เอา หยีไม่ให้นมไป อย่าไปนะคะ ฮือ…นม” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น ซบหน้าลงกับอกอุ่นของแม่นมทั้งน้ำตา
“คุณหนู…จำไว้นะคะ ว่านมรักคุณหนูมาก แต่คงไม่อาจอยู่กับคุณหนูได้อีกต่อไป” แม่นมพูดสั่งลาพร้อมลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนจะสิ้นใจลงในที่สุด
“นม… ฮือๆๆ นมจ๋า อย่าทิ้งหยีไป นม ฮึก…ฮือๆๆๆ” โรฮันนาตัวสั่นสะท้าน สะอื้นฮักกอดร่างของแม่นมร่ำไห้เสียงดังลั่น
เสียงร้องไห้โฮของหญิงสาวสร้างความแตกตื่นให้เหล่าคนใช้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับเรือนหลังเล็ก ทุกคนต่างพากันวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่านมช้อยได้สิ้นใจลงแล้ว ต่างก็พากันร้องไห้ไปตามๆ กัน เพราะทุกคนต่างก็เคารพรักนมช้อย ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านตั้งแต่สมัยที่คุณผู้หญิงยังมีชีวิตอยู่
งานศพของนมช้อยผ่านมาได้เจ็ดวัน โรฮันนาก็ยังไม่คลายความเศร้าหมองตรอมตรมในจิตใจ ยังคงห่วงหาอาลัยอาวรณ์ในตัวแม่นมไม่สร่างซา แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป คนตายก็ได้จากไปแล้ว แต่คนอยู่ก็ยังต้องดิ้นรนต่อสู้กันไป วันนี้จึงป็นวันแรกที่เธอเริ่มเปิดร้านหลังจากปิดมาเป็นอาทิตย์ กว่าจะช่วยกันเตรียมวัตถุดิบกับเด็กในร้าน สำหรับใช้ในการทำขนมแต่เช้ามืดของวันพรุ่งนี้เสร็จก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม
ก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ เดินเข้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ เพราะเห็นว่ามันดึกมากแล้วคงไม่เป็นไร ปกติเธอจะเข้าประตูเล็กของอีกฝั่ง แต่ไฟที่ทางเดินประตูเล็กเสียได้สามวันแล้วยังไม่ได้ซ่อม วันนี้เธอจึงถือวิสาสะเดินเข้าประตูใหญ่เพราะกลัวความมืด
วันนี้คฤหาสน์หลังใหญ่ครึกครื้นเปิดเพลงเสียงดัง เหมือนมีงานรื่นเริงอะไรซักอย่าง แต่ก็มิอาจรู้ได้ว่ามันคืองานอะไร ร่างบางจึงต้องเดินเลี่ยงออกไปทางเรือนหลังเล็กที่เธออาศัยอยู่อย่างรีบเร่ง เพราะกลัวจะมีคนมาเห็น ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอต้องโดนบิดาดุเป็นแน่
เมื่อตื่นเช้ามาเธอถึงได้รู้จากคนใช้ว่าเมื่อคืนที่คฤหาสน์จัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาและฉลองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านจิตวิทยาของคุณหนูลัยลา พี่สาวฝาแฝดของเธอ ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจและรักใคร่ของบิดายิ่งนัก ระหว่างที่โรฮันนากำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทำลายความเงียบ ทำให้เจ้าของร่างแน่งน้อยหลุดออกจากภวังค์ทันที
“นี่นังหยี! แกยังอยู่บ้านนี้อีกเหรอยะ ฉันนึกว่าแกไสหัวออกไปแล้วซะอีก เห็นแม่นมแกตายแล้วนี่” ลัยลาสาดน้ำเสียงกระแทกแดกดันปนเย้ยหยันในที เมื่อเจอหน้าน้องสาวครั้งแรกในรอบหลายปี
ลึกลงไปภายในจิตใจ ลัยลาแอบอิจฉาน้องสาวมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่เล็กจนโตโรฮันนาก็ได้รับความรักจากแม่นมที่เลี้ยงดูทั้งคู่มาไม่ต่างจากลูกในไส้ แต่หล่อนได้เพียงการดูแลตามหน้าที่ นมช้อยไม่เคยแสดงความรักความห่วงใยต่อหล่อนเหมือนที่นางแสดงต่อโรฮันนาเลยซักครั้ง นี่จึงเป็นเหตุที่ลัยลาเกลียดน้องสาวในไส้มาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะหล่อนคิดเสมอว่าทุกคนรอบข้างจะต้องเห็นความสำคัญของตนเป็นที่หนึ่ง
“ค่ะ พี่ลัยลา” สาวน้อยตอบกลับพี่สาวคนสวยไปสั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ดีไปกว่านั้น ครั้นจะให้เธอบอกว่าจะย้ายไปในเร็ววันก็คงไม่ใช่ เธอยังไม่กล้าพอในตอนนี้
โรฮันนากลัวเหลือเกินที่ต้องออกไปเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง โดยไร้เงาของแม่นมที่คอยเคียงข้างอย่างที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อน เพราะเธอแทบจะไม่ได้เข้าสังคม เลยไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใคร จึงไม่กล้าที่จะออกไปอยู่คนเดียวลำพัง ต้องทนอยู่ที่นี่ให้เขาถากถางต่อไป หากวันใดที่จิตใจเข้มแข็งพอแล้ว เธอจะไม่อยู่ที่นี่ให้ใครเขารำคาญหูรำคาญตาและคอยเชือดเฉือนวาจาเป็นแน่
“ถ้าแกยังอยากมีที่ซุกหัวนอนอยู่ก็อย่าสะเออะเสนอหน้าไปที่ตึกใหญ่ให้คนอื่นเห็นล่ะ เดี๋ยวใครต่อใครเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าผู้หญิงจืดชืดอย่างแกเป็นฉัน”
ลัยลาเบ้ปากมองน้องสาวด้วยความชิงชังรังเกียจ หล่อนยังเจ็บใจไม่หายที่เมื่อคืนมีคุณหญิงท่านหนึ่งมาทักว่าเห็นหล่อนไปทำงานที่ร้านขนมไทยแห่งหนึ่ง คนอย่างหล่อนเหรอจะลดตัวลงไปทำงานกรรมกรอย่างนั้น งานชั้นต่ำแบบนั้นมีแต่ยัยน้องสาวนอกคอกของหล่อนนั่นแหละที่กล้าทำ
“ค่ะ พี่ลัยลา"
โรฮันนาพยักหน้ารับด้วยถ้อยคำเดิม แล้วก็ก้มลงอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว พร้อมทั้งรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ที่พี่สาวแท้ๆ ไม่เคยเห็นเธอเป็นน้องสาวหรือคนในครอบครัวเลยสักครั้ง
“แรงแบบนี้หรือเปล่าแม่ตัวดี แรงแบบนี้ถูกใจไหมหือ…” พ่อหนุ่มนักรักกัดฟันเอ่ยถามภรรยา พร้อมกับตอกอัดความอลังการเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งดุดัน ดิบเถื่อน แต่โคตรซาบซ่านถึงทรวง “แบบนั้นแหละค่ะ ดีค่ะที่รักขา อู๊วววว…อ๊าาา” หญิงสาวร้องครางแทบไม่เป็นภาษา ขณะเด้งสะโพกรับความยิ่งใหญ่ที่โจนจ้วงลงมา พร้อมกันนั้นก็เกร็งกายขมิบอย่างยั่วอารมณ์ “โอ้ววววว…วิเศษที่สุดเลยทูนหัว แม่ยอดขมองอิ่มของผัว” เขาแหงนหน้าคำรามลั่น ก่อนจะโหย่งสะโพกทรงพลงขึ้นสูง แล้วอัดกระแทกลงมาอย่างดิบเถื่อนพร้อมสูดปากครางอย่างโคตรสาแก่ใจ อารมณ์ปรารถนาอันแรงกล้ากำลังจะพุ่งทะยานไปถึงจุดสูงสุดอยู่รอมร่อ ทว่าอยู่ๆ พ่อเจ้าประคุณกลับหยุดทุกอย่างลง แล้วถอดถอนท่อนลำชายออกมา“คุณเบิร์นขา อย่าทำแบบนี้ ได้โปรดกลับมา” เธอละล่ำละลักปากคอสั่นระริก ก่อนจะหลุดอุทานน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายจัดให้อยู่ในท่าคลานเข่า ก่อนที่เขาจะตบหนักๆ ลงที่สะโพกมนเพียะ!“เปลี่ยนท่าบ้างนะที่รัก ลูกสาวเราจะได้มาเกิดเร็วๆ” พ่อคนเจ้าเล่ห์โน้มตัวลงมากระซิบเสียงพร่า ก่อนจะไถลตัวลงไปซุกซบใบหน้าลงที่พูเนื้อฉ่ำน้ำหวาน ทำเอาคนถูกกระทำสะดุ้งเฮือก ความเสียวซ่านแล่นปราดไปทั้งสรรพา
“ผมจะบอกให้นะฮะ ว่ายัยตัวเล็กเนี่ยแสบกว่าที่พ่อคิดเยอะ”“แต่น้องเราก็โดนทำร้ายไม่ใช่น้อยนะ ดูสิ…ลูกสาวพ่อหน้าช้ำหมด” เบอนันเดสทำเป็นแย้งในทำนองเข้าข้างลูกสาวตามประสาคนหลงลูก พร้อมกับลูบไล้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำอย่างเบามือ “ยัยตัวเล็กแค่หน้าช้ำ แต่ผมเห็นไอ้เด็กนั่นทั้งตาปูดและปากแตกยับ” คำที่หลุดออกมาจากปากลูกชายทำให้ผู้เป็นพ่อหันขวับไปจ้องลูกสาว ซึ่งกำลังนั่งทำหน้าแหยๆ “เราต่อยเก่งขนาดนั้นเลยเหรอเฟรด้า” “เอ่อ…เฟรด้าจำมาจากในโทรทัศน์ค่ะ” สาวน้อยตอบอย่างหน้าซื่อตาใสแต่น้ำเสียงฟังดูอ่อยๆ เพราะกลัวพ่อจะเอ็ดตะโรและโกรธเคืองตนอีกครา “จะจำมาจากไหนก็ช่าง แต่คราวหน้าห้ามให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นอีก ไม่งั้นพ่อจะไม่ยกโทษให้จริงๆ ด้วย เข้าใจไหมยัยตัวแสบ” เบอนันเดสออกคำสั่งเสียงเข้ม “เข้าใจค่ะ” แม่หนูน้อยพยักหน้าหงึกหงัก ทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะถ้าลูกได้เอ่ยปากสัญญานั่นหมายความว่าเธอจะไม่ทำอีกโรฮันนาได้แต่คิดว่าต่อจากนี้เธออาจจะต้องย้ายลูกสาวไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วน หรือไม่ก็จ้างครูมาสอนเรื่องมารยาทของกุลสตรีให้ลูกสาวอย่างจริงจัง ก่อนที่เฟรเดอร่าจะก๋าก
วันนี้เบอนันเดสและโรฮันนาถูกเชิญให้ไปพบอาจารย์ฝ่ายปกครองที่โรงเรียนของลูก สาเหตุมาจากเรื่องชกต่อยกันของเด็ก ซึ่งหนึ่งในคู่กรณีก็คือลูกของพวกเขาทั้งคู่ แต่แทนที่จะเป็นลูกชายที่จะไปมีเรื่องชกต่อย กลับกลายเป็นลูกสาวของพวกเขา แม่หนูน้อยเฟรเดอร่า มิโลสลาฟ สาวน้อยพันธ์แสบวัยสิบขวบ มีความแสบสันและก๋ากั่นเสียยิ่งกว่าเด็กผู้ชาย แถมยังเป็นหัวโจกขาใหญ่ประจำโรงเรียน หลังจากเสร็จธุระกับครูฝ่ายปกครอง สองสามีภรรยาก็เดินมาขึ้นรถ โดยมีลูกน้อยทั้งคู่เดินตามอยู่ไม่ห่าง หลังจากลูกและเมียขึ้นนั่งในรถยนต์คันหรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบอนันเดสก็ก้าวขาขึ้นไปนั่งด้วยใบหน้าบึ้งตึง จนคนมีความผิดติดตัวอย่างลูกสาวคนเล็กถึงกับใจเสียเฟรเดอร่าหันไปมองพ่อและแม่ แล้วก็แทบจะปล่อยโฮออกมาเมื่อทั้งคู่ต่างสะบัดหน้าพรืดใส่ ครั้นไม่สามารถคิดวิธีงอนง้อพ่อกับแม่ได้ แม่หนูน้อยจึงหันไปสะกิดพี่ชายที่กำลังนั่งกอดอกหลับตาอยู่ “แคสเปอร์”“หืม…ว่าไง” คนเป็นพี่ชายงึมงำรับคำในลำคอ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น “พ่อกับแม่โกรธเค้า เค้าควรทำไงดี” สาวน้อยเอ่ยปรึกษาอีกฝ่ายเสียงสั่น นัยน์ตากลมโตแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ ทำให้เบอนันโด้อดสงสารแม่น้องสา
“เชลยรักอย่างหยีมีสิทธิ์ปฏิเสธอสูรหื่นด้วยเหรอคะ”เธอเอียงคอน้อยๆ ถามด้วยท่าทางซุกซน พลางลูบไล้แผงอกกำยำเบาๆ ก่อนจะแกล้งวาดมือลงไปไล้ต้นขาเพรียว แล้วตะครุบไปตรงเป้าเต็มๆ ยั่วเย้าด้วยความคึกคะนอง ส่งผลให้เบอนันเดสคำรามกระหึ่มในลำคอด้วยความชอบใจ วันนี้เมียเขาช่างใจกล้าดีแท้ “งั้นมามะที่รักจ๋า มาให้อสูรกินซะดีๆ” เขาก้มลงดูดปากคนช่างหัดยั่วเสียงดังจ๊วบ ขณะเดียวกันคนหื่นแบบไม่มีลิมิตก็ตอบรับสัมผัสที่แอบซุกซนของเมียสุดสวาท โดยการแอ่นสะโพกเสนอกายใส่ฝ่ามือน้อยการยั่วสวาทแบบไร้เดียงสาอย่างน่ารักน่าชัง และการบอกเป็นนัยว่าเธอก็ต้องการเขาเช่นกัน ทำให้คุณสามีถึงกับยิ้มแป้น กายอันเต็มไปด้วยพลังแห่งบุรุษเพศกระชุ่มกระชวยจนเกินจะทานทน จากนั้นพ่อเจ้าประคุณก็บรรจงถอดเสื้อผ้าของตนกับแม่ยอดรักออกจากกายช้าๆ ทั้งที่ปากหยักยังแนบกับเรียวปากหวานอยู่ไม่ห่าง ฝ่ามืออุ่นลูบไล้ไปทั่วร่างงามด้วยความลุ่มหลงในรสรักรสเสน่หา“หัวใจของอสูรตนนี้ต้องขอแนบไว้ในกำมือของหยีตลอดไปแล้วแม่ยอดรัก” เจ้าของร่างทรงพลังส่งยิ้มหวานหยดให้หญิงเดียวในดวงใจ จับมือบางมาวางทาบตรงตำแหน่งหัวใจดวงแกร่ง แล้วก้มลงจูบดูดดื่มอ้อยอิ่งเนิ่นนาน
‘เฮ้ย! เฟรด นายมาได้ยังไง ตอนนี้นายน่าจะอยู่บนสวรรค์ไม่ใช่เหรอวะ’ ตกใจที่เห็นน้องชายผู้ล่วงลับไปนานแล้วมาหา แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวที่เห็นวิญญาณของน้องชายมาปรากฏอยู่ต่อหน้า เพราะคนอย่างเบอนันเดสไม่เคยกลัวผี มีแต่ผีนั่นแหละที่จะต้องกลัวอสูรอย่างเขา ‘ผมจะมาขออยู่กับพี่’ คนถึงเวลามาเกิดเอ่ยกับพี่ชายด้วยท่าทางจริงจัง เขาเลือกแล้วว่าจะมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของคนที่เขารักมากที่สุด‘เฮ้ย! จะมาขออยู่กับพี่ได้ไงวะ แกเป็นผี ส่วนฉันเป็นคนนะเว้ย บ้าไปแล้ว’ คนถูกขอถึงกับสะดุ้งโหยง มองน้องชายแทบตาถลน ผีบ้าอะไรจะมาอยู่กับคน‘ไม่รู้ล่ะ ผมจะมาเกิดเป็นลูกสาวพี่’ คนอยากมาเกิดทำท่าดื้อแพ่ง พูดด้วยน้ำเสียงมาดมั่น ไม่ฟังเสียงท้วงติงของผู้เป็นพี่ชายเลยสักนิด‘เฮ้ย! ไม่ได้นะโว้ย’ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากได้ลูกสาว แต่ฟังดูน้องชายเขาจะมาเกิดเป็นหญิงแล้วมันทะแม่งยังไงชอบกล ‘ทำไมจะไม่ได้ ชาตินี้ผมจะไปหักอกหนุ่มๆ บ้างไงพี่’ เฟรดเดอริคบอกพี่ชายด้วยท่าทางขี้เล่น ทั้งที่ตอนเป็นคนเขาออกจะเรียบร้อยน่ารัก พอเป็นผีความกะล่อนและเจ้าเล่ห์เพิ่งจะมาออกลาย‘จะบ้าหรือไง แกเป็นผู้ชายจะมาเกิดเป็นผู้หญิงได้ยังไง’ คนฟังกึบกับสะดุ้ง
“ฮ่าๆๆ ช่างคิดได้นะเรา ยัยปีศาจน้อยตัวแสบ” เขาก้มลงเอาสันจมูกโด่งถูไถปลายจมูกน้อยของภรรยาด้วยความมันเขี้ยวกับวาจากระเซ้าเย้าแหย่ แล้วแกล้งซุกไซ้ลำคอระหงเอาไรเคราครูดเนื้อบาง จนเธอหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้“นิสัยเค้าเป็นแบบนี้เพราะใครล่ะ ชอบทำเจ้าเล่ห์ร้ายกาจใส่สารพัด” โรฮันนาจีบปากจีบคอกระแนะกระแหนสามีตัวโต สะบัดหน้าหนีจากการรุกราน พร้อมทั้งย่นจมูกใส่ “จ้าๆ เมียจ๋า ยอมรับก็ได้จ้ะว่าคุณเบิร์นผิดเอง ที่ทำให้ยาหยีน่ารักน่าชังขนาดนี้” ขาดคำเขาก็ฝังปลายจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนอย่างแสนรัก นับวันเมียเขาช่างพูดจาฉอเลาะหยอกล้อดีจริง จากที่เคยติ๋มๆ หงิมๆ เดี๋ยวนี้ทันคนเถียงเก่งขึ้นเป็นกอง แถมยังออกลายเจ้าเล่ห์ไม่ใช่น้อย“อิอิ…ดีมาก” โรฮันนาหัวเราะคิกคัก แสนจะพอใจที่สามียอมลงให้ตนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง“หยีจ๋า คุณเบิร์นมีความสุขมากเลยรู้ไหมที่มีหยีอยู่เคียงข้าง และหวังว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป” เสียงทุ้มเอ่ยกับภรรยา มองสบตาสื่อความหมายในหัวใจเบอนันเดสยอมรับกับตัวเองว่าชีวิตของเขาสมบูรณ์และมีความสุขมาจวบจนทุกวันนี้ได้ ก็เพราะน้ำมือของภรรยาสุดที่รักทั้งสิ้น หากไม่มีเธอคอยมาขัดเกลาจิตใจให้กลับมาใสส







