LOGINจักรพรรดิตราหน้าบูรณิมาว่าเป็นลูกฆาตกร แม่ของเธอฆ่าภรรยาของเขาอย่างเลือดเย็น ทำให้ลูกเขากลายเป็นเด็กกำพร้า ฉะนั้นเขาจึงประกาศกร้าวว่าต่อให้แม่ของเธอตายเป็นผีตกนรกหมกไหม้ แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่เช่นเธอ ก็ต้องชดใช้อย่างสาสม! กระทั่งทุกอย่างถึงจุดสิ้นสุด พร้อมกับการจากไปของเธอ เขากลับพบว่าเขาไม่เหลืออะไรเลย เเม้กระทั่งหัวใจตัวเอง... "ถ้าแค้นนัก! ก็ฆ่าฉันเสียเถอะ!" บูรณิมาตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด "ถ้าเธอตาย เรื่องนี้ก็หมดสนุกน่ะซี้" "คนถ่อย!" "ชมกันบ่อยขนาดนี้ คงได้สลบคาเตียง" คนหัวใจทมิฬแสยะยิ้มร้าย "สารเลว!" "แล้วชอบไหมจ๊ะ ที่มีผัวสารเลวแบบนี้" "ไปลงนรกซะ!" "เอากับเธออยู่ขนาดนี้ ไม่ลงนรกหรอกเบบี๋ มีแต่จะขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด" เขาว่าพลางเคลื่อนเข้าหา "ถะ...ถ้าคุณไม่หยุด ฉันจะกลั้นใจตาย" "ห้ามคิดแม้แต่จะทำร้ายตัวเอง ชีวิตเธอเป็นของฉัน จะเป็นหรือตายฉันเท่านั้นที่เป็นคนกำหนด ฉะนั้นตราบใดที่ฉันยังใช้งานร่างกายเธอไม่สาสม อย่าได้คิดทำให้ของของฉันมีตำหนิ" คนโอหังออกคำสั่งอย่างเผด็จการ "ชีวิตฉันเป็นของฉัน ไม่ใช่ของคุณ"
View Moreบทนำ
............
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง?
บูรณิมาเคยได้ยินได้ฟังคนแก่คนเฒ่าเปรยว่าสมัยนี้กรรมชักจะติดจรวด ซึ่งเธอเองก็ค่อนข้างเห็นด้วย แต่คิดว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง ทว่าในกรณีแม่ของเธอซึ่งลอบฆาตกรรมนางแบบดังอย่างนีรา กรรมนั้นกลับเหมือนว่าไม่ได้ตามติดไปกับท่านซึ่งตัดช่องน้อยแต่พอตัวด้วยการกินยาฆ่าตัวตายไปพร้อมกับพ่อของเธอ ที่ล้มละลาย ติดการพนัน มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่กรรมนั้นกลับมาตกที่ลูกอย่างเธอ
ทันทีที่ตำรวจยืนยันแน่ชัดว่านีราตายเพราะถูกฆาตกรรมโดยน้ำมือของแม่เธอซึ่งเป็นหัวหน้าพยาบาลประจำวอร์ด มิหนำซ้ำแม่ของเธอดันชิงฆ่าตัวตายหนีความผิด สามีของนีราก็บุกไปที่บ้าน เขาจับเธอมาด้วย เขาทำเหมือนเธอเป็นสิ่งของอะไรสักอย่างที่นึกอยากจะหยิบฉวยติดมือก็ทำอย่างไร้ซึ่งความปรานี ไม่แยแสเลยสักนิดว่าคนที่เพิ่งผ่านพ้นงานศพของบุพการีจะรู้สึกเศร้าโศกามากเพียงใด
จากวันนั้นจนถึงวันนี้บูรณิมาก็กลายเป็นเสมือนทาสของจักรพรรดิ มหาฤทธิไกรฤกษ์ ตั้งแต่เขาจับตัวมา เธอก็ตกเป็นสมบัติของเขาไปโดยปริยาย ไม่มีทางหนีหายหลบลี้หนีหน้า แถมยังต้องทำตามบัญชาของคนอารมณ์ร้ายที่เพิ่งเสียเมียไปแบบไม่ทันตั้งตัว เขาหอบความคั่งแค้นทั้งหมดมาลงที่เธอ บังคับให้เธอรับผลของการกระทำที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แม้ว่าเธอจะพยายามต่อต้าน คัดค้าน และหาทางขัดขืนยังไงก็ไม่เป็นผล ที่สุดก็ต้องยอมจำทนตกเป็นทาสรองรับอารมณ์ไปพร้อมกับการดูแลลูกของเขา
“ฮึก! คุณมันคนไร้หัวใจ ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ…ได้ยินไหม…”
บูรณิมาสะอื้นฮัก น้ำตาไหลรินเป็นทางอย่างอดสู หากแต่กลับรู้สึกเคว้งคว้างเมื่ออยู่ๆ คนใจร้ายก็ถอดถอนความร้อนผ่าวใหญ่ล่ำออกไปเสียดื้อๆ วินาทีถัดมาเขาก็ผลักร่างเย้ายวนลงไปนอนราบกับเตียง แล้วโถมเข้าใส่อย่างไม่ปรานีปราศรัย แหงนหน้าคำรามกระหึ่มอย่างซ่านสะใจกับการรัดรึงจนแทบแตกพ่าย จากนั้นก็ก้มลงมาแสยะยิ้มร้าย
“อา…รสชาติของความเกลียดมันช่างเด็ดจริงๆ เลยเบบี๋ เด็ดจนฉันอยากขย่มเธอให้ขาดใจกันไปข้าง”
ขาดคำคนป่าเถื่อนก็อัดดันความอลังการเข้าหาอย่างดุดัน ดิบเถื่อน หยาบคาย และบ้าคลั่ง จนแทบหัวใจวาย โดยไม่นำพาการดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใด
“ถ้าแค้นนัก! ก็ฆ่าฉันเสียเถอะ!”
บูรณิมาตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด เมื่อแก่นกายชายเริ่มเคลื่อนเข้าหาอีกครั้ง การเติมเต็มที่มาพร้อมกับความเสียดเสียว ทำให้เธอกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางจนแทบห้อเลือด
“ถ้าเธอตาย เรื่องนี้ก็หมดสนุกน่ะซี้…”
“คนถ่อย!”
“ชมกันบ่อยขนาดนี้ คงได้สลบคาเตียง”
คนหัวใจทมิฬแสยะยิ้มร้าย
“สารเลว!”
“แล้วชอบไหมจ๊ะ ที่มีผัวสารเลวแบบนี้”
“ไปลงนรกซะ!”
“เอากับเธออยู่ขนาดนี้ ไม่ลงนรกหรอกเบบี๋ มีแต่จะขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด” เขาว่าพลางเสือกความกร้าวแกร่งเข้าสู่สัดส่วนเอิบอาบอย่างเชื่องช้าทว่าเสียวสุดใจ
“ถะ…ถ้าคุณไม่หยุด ฉันจะกลั้นใจตาย”
“ห้ามคิดแม้แต่จะทำร้ายตัวเอง ชีวิตเธอเป็นของฉัน จะเป็นหรือตายฉันเท่านั้นที่เป็นคนกำหนด ฉะนั้นตราบใดที่ฉันยังใช้งานร่างกายเธอไม่สาสม อย่าได้คิดทำให้ของของฉันมีตำหนิ”
คนโอหังออกคำสั่งอย่างเผด็จการ
“ชีวิตฉัน…เป็นของฉัน ไม่ใช่ของคุณ”
“ทำไมจะไม่ใช่ คนไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีบ้าน และไม่มีที่ไป…อย่างเธอ ต้องมีนายและเจ้าชีวิต และฉันจะเป็นนายและเจ้าชีวิตให้เธอเอง”
..........................................
สามปีก่อน
“สนใจเหรอวะ?”
คำถามที่ดังขึ้นทำลายภวังค์ให้อันตรธานไปในชั่วพริบตา จักรพรรดิ มหาฤทธิไกรฤกษ์ อภิมหาเศรษฐีหนุ่มมาดขรึม วัยสามสิบหกปี บุคลิกน่าเกรงขาม หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม นัยน์ตาสีสนิมเย็นชาดุกระด้าง และว่างเปล่าประหนึ่งเวิ้งทะเลที่ยากแก่การคาดเดาอารมณ์ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักลึกที่เหมือนติดจะเย้ยหยันอยู่เป็นนิจ รูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างในชุดสูทอาร์มานีสีน้ำเงินเข้ม ค่อยๆ ละสายตาจากใครบางคน ขยับตัวนั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าสบายๆ แล้วหันไปมองเพื่อนซี้ที่กำลังจ้องมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ นัยน์ตามีแววล้อเลียน
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”
“ฮั่นแน่ แสดงว่าสนใจจริงๆ”
ภูผา เทวาสถาพร หนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อตี๋สไตล์เกาหลี ที่นั่งในฝั่งตรงข้าม เอ่ยสัพยอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทำให้คิ้วหนาเหนือนัยน์ตาไร้อารมณ์เลิกขึ้นเล็กน้อย
“สนใจอะไร?”
“เอ้า! ก็สาวน้อยคนเมื่อกี้ไง”
“คนไหนวะ?”
คนถูกไล่บี้ยังคงทำหน้านิ่งคงเส้นคงวา
“ก็คนตัวเล็กๆ หุ่นอวบอิ่มปุ๊กปิ๊ก ที่เพิ่งเดินผ่านไปไง”
“นั่นเรียกว่าหุ่นอวบอิ่มเหรอ กูว่าตัวกลมมากกว่า แถมดูท่าว่าจะกินเก่งซะด้วย ไม่งั้นคงไม่ถือของกินพะรุงพะรุง หนำซ้ำยังมีเศษขนมติดตรงแก้มย้อยๆ นั่นอีก ดูยังไงก็เด็กกะโปโลชัดๆ”
“แหม! ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่จดจำรายละเอียดได้ซะแม่นยำเชียวนะมึง แสดงว่าสนใจจริงๆ แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกหรอกที่มึงจะสนใจ เด็กอะไรหุ่นเหมือนนางเอกหนังเอวีญี่ปุ่นชะมัด”
พ่อหนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยอย่างเพ้อๆ ตามประสาคนชอบมองของสวยๆ งามๆ
“ลืมไปแล้วหรือไง ว่ามึงกำลังจีบคุณเอวาเขาอยู่”
มาเฟียหนุ่มสวนกลับเสียงเรียบ สีหน้านิ่งสนิทและเฉยชา
“เออๆ ไม่ลืมหรอกน่า ผู้หญิงคนอื่นกูก็แค่มองพอเป็นอาหารตา ส่วนเอวาน่ะกูรักจริงหวังแต่งเว้ย ว่าแต่มึงก็อย่าลืมซะล่ะ ว่าตัวเองน่ะมีเมียแล้ว ห้ามมองผู้หญิงคนอื่นเหมือนลืมตัวแบบเมื่อกี้อีกเด็ดขาด”
“หนูสัญญาค่ะ”ฟ้าใสพยักหน้าอย่างแข็งขัน พอเห็นมารดายิ้มอบอุ่นให้ก็โผเข้าไปกอดอย่างอ้อนๆ จากนั้นก็วิ่งแจ้นไปหาพ่อและน้องๆ ที่กำลังก่อปราสาททราย พร้อมเสียงหัวเราะใสๆ “คุยอะไรกับลูกตั้งนานสองนานแน่ะที่รัก”หลังจากร่างทรงพลังที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวเดินมาหยุดลงตรงหน้า แล้วเอ่ยถามไถ่ คนที่เพิ่งจะหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาอ่านต่อก็จำต้องลดหนังสือเจ้ากรรมลงวางบนตักดังเดิม “ความลับค่ะ”หน้าดื้อๆ และการขยิบตา ทำให้จักรพรรดิยื่นมือมาบีบจมูกรั้นด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะเดินไปทรุดกายลงนั่งตรงเก้าอี้ชายหาดตัวที่ลูกสาวคนโตเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน รับน้ำแตงโมปั่นจากเมียไปดื่มดับกระหาย ชะโงกหน้ามาหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ จากนั้นก็หรี่ตามองอย่างจับผิด “เดี๋ยวนี้กล้ามีความลับกับผัวเหรอ บอกมาซะดีๆ ว่าคุยอะไรกับลูก”“ฮื้อ…ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรื่องของผู้หญิงน่ะ”เสียงหวานบอกปัด“แน่นะ”“แน่สิ”“เฮ้อ…งั้นก็แล้วไป นึกว่ายายเด็กแสบนั่นจะหาทางพาเมียผมหนีไปอังกฤษซะอีก”คนที่กลัวลูกจะแย่งเมียไปถอนหายใจด้วยความโล่งอก อาการหวงเมียกับลูกมักจะหนักขึ้นเสมอในทุกครั้งที่ฟ้าใสกลับมาบ้านช่วงปิดเท
“ยายเห็นฟ้าใสใส่เสื้อสีแดงมา เหลนยายหายกลัวสีแดงแล้วเหรอ” คล้อยหลังเด็กทั้งสี่ที่พากันเอาของไปเก็บบนเรือน โดยมีลูกน้องของจักรพรรดิคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง นางละไมก็เอ่ยถามสองสามีภรรยาด้วยสีหน้าระมัดระวัง เพราะเรื่องนี้กระทบจิตใจของทั้งคู่ไม่น้อย “หายแล้วค่ะยาย”บูรณิมาเป็นคนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม ทว่านัยน์ตากลับคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสๆ จนผู้เป็นสามีที่ยืนโอบอยู่ต้องลูบแขนเรียวเบาๆ อย่างปลอบประโลม ด้วยรู้ดีว่ากว่าลูกสาวคนโตจะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นมาได้ต้องใช้ความอดทนและแรงใจมากแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้เขาและบูรณิมาเป็นอย่างมาก “ดีจริง”คนแก่ละล่ำละลักด้วยความยินดี “ต้องขอบคุณหมอที่รักษา เพื่อนผมคนนี้เขาเก่งมากจริงๆ”จักรพรรดิเอ่ยบอก ยกความดีความชอบให้พงษ์สวัสดิ์ที่มีวิธีหลอกล่อให้ลูกสาวของเขายอมเปิดใจรักษา ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้เลยว่าฟ้าใสจะใช้ชีวิตต่อไปในภายภาคหน้าได้อย่างไร ส่วนเรื่องรายละเอียดและวิธีการรักษาก็ไม่มีใครอยากเอ่ยลงลึกให้สะเทือนใจมากกว่าที่เป็นอยู่ “คิดถึงเรื่องนี้ทีไร หนูก็นึกอยากจะร้องไห้ทุกที”คนที่อยู่กับลูก คอยเป็นเพื่อน และคอยให้ก
สิบปีต่อมาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของทุกปี จักรพรรดิและบูรณิมาจะพาลูกๆ มาเยี่ยมนางละไมที่เกาะวาฬใหญ่ สิ่งนี้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัวพวกเขาไปเสียแล้ว ด้วยสองสามีภรรยาสำนึกในบุญคุณของนางละไมที่เคยช่วยชีวิตบูรณิมาเอาไว้ หนำซ้ำยังให้การอุ้มชูดูแลรักและเอ็นดูประหนึ่งหลานในไส้ เพราะแบบนี้จึงต้องพาเด็กๆ มาหาคุณยายทวดทุกปี เพื่อเป็นการปลูกฝังไปในตัวว่าการรู้สำนึกบุญคุณถือเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติ ต่อให้คนคนนั้นจะไม่ใช่ญาติแท้ๆ แต่การหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้ก็สมควรจะได้รับการตอบแทนเฉกเช่นเดียวกัน ทันทีที่ก้าวลงจากเรือมาเหยียบบนผืนทรายนุ่ม ก็แลเห็นร่างผอมของคนแก่ที่ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดอกเลาแต่ยังแข็งแรงโบกมือไหวๆ ทักทายเหลน เด็กน้อยพากันเฮโลไปหาคุณทวด “สวัสดีค่ะ คุณทวด”ฟ้าใสหัวโจกใหญ่ของแก๊งฟันน้ำนมที่ตอนนี้อายุย่างสิบห้าปี เริ่มขายาว ผอม และสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ยกมือไหว้คนแก่ จากนั้นก็ยื่นหน้าไปจูบแก้มที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลา เรียกเสียงหัวเราะขลุกขลักจากยายละไม อีกฝ่ายกอดเหลนตอบ ลูบไล้แผ่นหลังน้อยเบาๆ พร้อมเอ่ยอย่างนุ่มนวล “หวัดดีลูก”วินาทีต่อมาฟ้าใสก็ต้องหลีกทางให้
“โอ้ววววว…”จักรพรรดิแหงนหน้าสูดปากครางในวินาทีที่ปากอิ่มอ้าออกดูดรวบหน้าอกแบนราบ เสียงที่ดังเข้าหูทำให้บูรณิมายิ่งได้ใจ เธอดูดดึงยอดอกของเขา พลางบีบบี้อีกข้างที่ว่างเว้น ทำทุกอย่างเฉกเช่นที่เขาเคยทำกับร่างกายเธอ ครั้นเห็นสามีแหงนหน้าตาลอยก็ยิ่งคึกคะนอง ปากสีกุหลาบละห่างจากยอดอกแข็งเป็นไตอย่างอ้อยอิ่ง ชะม้ายตาขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำของคนที่อุทิศเรือนร่างให้เธอเล้าโลมตามแต่ใจปรารถนา จูบสะเปะสะปะไล่ลงไปหาสะดือ จุมพิตเร็วๆ จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปทางด้านล่าง พร้อมปากที่จูบซับเนื้อกายสีแทนไล่ลงสู่ใจกลางกายแกร่งความผงาดกล้าที่แทบจะชี้หน้าทำให้เรียวแก้มเนียนร้อนฉ่า วูบหนึ่งบูรณิมาคิดจะถอยหนี แต่กลับถูกมือกระด้างคว้าหมับเข้าที่ท้ายทอย ขณะจงใจแอ่นสัดส่วนอลังการเข้าหา ทำให้รู้ว่าเธอจะถอยไม่ได้อีกแล้ว หญิงสาวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากครอบส่วนหัวบวมเป่ง “อูยยยยยยยย…”คนที่ถูกเมียดูดความกร้าวแกร่งสูดปากครางอย่างเสียวจัด กดท้ายทอยได้รูปขึ้นลงส่งให้ปากอิ่มรูดรั้งท่อนลำใหญ่ล่ำเป็นการนำทาง ไม่นานก็ปล่อยให้คนหัวไวได้กำหนดจังหวะเอง ยิ่งเธอเคลื่อนปากดูดดึงรัวเร็วเขาก็ยิ่งแอ่นหน้าขาส่งตัวตนอำน






reviews