แชร์

ตอนที่ 2 กลับบ้าน

ผู้เขียน: สีชา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-29 03:15:37

ช่วงเช้าของอีกวัน

กริ๊ง กริ๊ง!

เสียงนาฬิกาปลุก

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนั่นด้วยความสะลึมสะลือ เขาบิดขี้เกียจก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเพดาน เขาทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เรื่องความฝันนั่น!

เวลาผ่านไปสักพักอากาศก็ลุกออกจากที่นอนและเดินไปที่กระดาษที่เขาวางไว้บนโต๊ะเมื่อคืน เขามองกระดาษแผ่นนั้นอย่างพินิจพิจารณา พยายามนึกอย่างหนักว่าตัวเองพยายามจะวาดใครกันแน่

เมื่อนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกพานจะทำตัวเองปวดหัวไปเปล่า ๆ เขาวางมันไว้ดังเดิมและเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง

เวลาผ่านไปสักพัก

อากาศออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างอย่างหมิ่นเหม่ บนตัวของเขามีหยดน้ำเกาะตามตัวดูก็รู้ว่าชายหนุ่มซับน้ำออกอย่างลวก ๆ ก่อนออกจากห้องน้ำ เส้นผมที่เปียกน้ำนั่นทำให้เขาดูดีไม่น้อย

ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าและเปิดมันเพื่อหยิบเสื้อมาสวมใส่ เขาไล่นิ้วไปตามไม้แขวนเสื้อไปทีละตัวก่อนที่จะหยิบตัวที่ถูกใจออกมา ลักษณะการแต่งตัวของเขาไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ชายหนุ่มชื่นชอบที่จะสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงยีนสีซีด เป็นการแต่งตัวง่าย ๆ แต่เมื่อมันมาอยู่บนตัวเขาแล้วกลับดูดีราวกับนายแบบ เขาหยิบเครื่องประดับอย่างสร้อยคอมาสวมใส่เพื่อไม่ให้ต้นคอรู้สึกโล่งเกินไป พรมน้ำหอมกลิ่นฝนแรกที่มีเสน่ห์และไม่ลืมหยิบหูฟังครอบหูมาคล้องคอไว้ ชายหนุ่มจัดแจงผมสีน้ำตาลหยักศกของตัวเองให้เป็นระเบียบ นัยน์ตาสีดำสนิทมองตัวเองในกระจกอย่างพอใจก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน

ชายหนุ่มเดินใส่รองเท้าที่บริเวณหน้าประตูห้อง ก่อนจะออกจากห้องเขามองสำรวจภายในห้องอย่างถี่ถ้วน แต่สายตาเขาดันไปสะดุดที่โต๊ะริมหน้าต่างที่มีกระดาษวางอยู่เขาเดินไปพร้อมวางกระเป๋าที่สะพายอยู่วางมันไว้บนเก้าอี้และเปิดมันพร้อมกวาดกระดาษเหล่านั้นลงกระเป๋าโดยไม่ได้สนใจว่ามันจะยับหรือเปล่า

กริ๊ง!

เสียงเรียกเข้า

“ฮัลโหล” อากาศหยิบเครื่องมือสื่อสารและกดรับสายเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นเพื่อนของเขา

“จะกลับเลยปะ?” ปลายสายถาม

“อือ กำลังจะออก”

“ดีเลย เดี๋ยวไปรับแล้วไปหาอะไรทานก่อนกลับกัน ไหน ๆ ก็จะห่างกันละ”

“อย่าพูดอะไรให้โอเว่อร์ได้ไหม พูดเหมือนจะไม่ได้เจอกันแล้วแค่กลับบ้านไปฝึกสอนเอง”

“เออน่า ก็ใครให้กลับไปฝึกสอนใกล้บ้านล่ะ ชวนมาฝึกสอนโรงเรียนแถวนี้ก็ไม่เอา”

“เอ้า”

“เออ ๆ รอก่อนเดี๋ยวไปรับ ไม่เกิน 20 นาที”

หลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบก็กดวางสายทันที อากาศทำได้เพียงรออีกฝ่ายมารับอย่างที่บอก ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยมเมื่อเข้ามหาลัยต่างคนก็ต่างเข้าเรียนในสิ่งที่ตัวเองสนใจโดยอากาศเลือกเรียนครูศิลปะโดยปีนี้เขาต้องไปฝึกสอนอย่างเต็มตัวต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มาที่เขาจะไปสังเกตการณ์สอนเท่านั้น ส่วนเพื่อนสนิทของเขาที่มีนามว่า ภูมิ เลือกเรียนบริหาร ด้วยความที่หลักสูตรการเรียนไม่เหมือนกันทำให้ภูมิเรียนจบก่อน และตอนนี้เขาก็ได้สมัครงานที่แรกในชีวิตที่บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ส่วนอากาศก็กลับบ้านไปฝึกสอนโรงเรียนแถวบ้าน เขายังไม่ย้ายของออกจากที่พักเพราะยังไงเขาก็ต้องกลับที่มหาวิทยาลัยอีก

การรอคอยสิ้นสุดลงเมื่อภูมิส่งข้อความมาว่าถึงที่พักของเขาแล้ว

“20 นาทีพอดี” ภูมิพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนของเขาเปิดประตูขึ้นรถ

“เออ”

“เดี๋ยวพาไปกินร้านเด็ดแถวบริษัท รับรองว่ากินแล้วติดใจ” ภูมิสาธยาย

“เร็ว ๆ เถอะ”

ทั้งคู่นั่งรถได้สักพักก็ถึงที่หมาย เป็นร้านอาหารใจกลางเมืองที่มีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสาย

“มากี่ท่านครับ?” บริกรเดินออกมาต้อนรับ

“2 ครับ”

“ได้จองไว้ไหมครับ?”

“ไม่ได้จองครับ”

“งั้นเชิญทางนี้ได้เลยครับ”

บริกรเดินนำทั้งคู่เดินเข้าร้านและเชิญนั่งที่โต๊ะภายในร้าน ทั้งสองสั่งอาหารรอเพียงไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ พวกเขาพูดคุยเรื่องต่าง ๆ นานา ระหว่างทานอาหารแต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่ภูมิที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวซะส่วนใหญ่ อากาศมีหน้าที่แค่รับฟังและพูดเพียงนิดเดียวเท่านั้น

เมื่อทานอาหารเรียบร้อยแล้วทั้งคู่เช็กบิลและออกจากร้านมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของอากาศเมื่อมาถึงที่หมายภูมิก็เข้าไปทักทายพ่อกับแม่ของอากาศ

“คุณพ่อ คุณแม่สวัสดีครับ”

“อ้าวลูก มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” คุณแม่อากาศถามขึ้น

“เพิ่งถึงเลยครับ” ภูมิตอบ

“งั้นเข้ามาข้างในก่อน ขับรถมาตั้งไกล”

“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมต้องไปที่อื่นต่อครับ ขอบคุณครับ งั้นผมลานะครับคุณแม่” พูดจบก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่

หลังจากที่เพื่อนขับรถออกไปแล้ว อากาศก็ขอตัวขึ้นห้องทันที

ห้องนอนของชายหนุ่มไม่มีอะไรมากมีเพียงเตียงนอนตู้เสื้อผ้าและโต๊ะริมหน้าต่างและอุปกรณ์งานศิลปะมีถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบเพราะนาน ๆ ครั้งชายหนุ่มจะกลับบ้านแม่ของเขาจึงอาสาเข้ามาเก็บกวาดทุกอย่างให้อยู่ในสภาพดีซึ่งต่างจากหอพักที่เขาอยู่มาก ที่นั่นไม่ได้เป็นระเบียบเหมือนที่นี่

ชายหนุ่มวางกระเป๋าไว้บนเตียงนอนและเดินไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง เขาเปิดแล็ปท็อปเพื่อเตรียมพร้อมกับการฝึกสอนในอาทิตย์หน้า เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็เดินไปที่เตียงนอนและล้มตัวนอน ชายหนุ่มเพียงต้องการที่จะงีบเท่านั้นแต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้เขาผล็อยหลับไป

ชายหนุ่มบิดขี้เกียจและลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนที่นอนก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเพื่อดูเวลา

17.30

เวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์

ชายหนุ่มสะบัดหัวเพียงเล็กน้อยเพื่อไล่ความมึนงงออกไป

‘นี่เราหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอ?’ เขาพึมพำกับตัวเอง

อากาศเดินไปเปิดสวิตช์ไฟในห้องให้ห้องสว่างก่อนที่เดินไปปิดประตูหน้าต่างเพื่อกันยุงไม่ให้เข้า เมื่อเข้าเอื้อมมือเพื่อปิดหน้าต่างนั้นสายตาของชายหนุ่มกลับไปสะดุดกับห้องหนึ่งที่อยู่บ้านตรงข้าม ประตูหน้าต่างถูกปิดสนิทพร้อมม่านสีขาวที่ไม่มีการเคลื่อนไหว

เมื่อมองเข้าไปราวกับว่าถูกสะกดจิต ชายหนุ่มรู้สึกคิดถึงใครบางคนเมื่อมองที่ยังห้องนั้น รู้สึกทั้งคิดถึงและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขามองห้องนั้นกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีน้ำตาไหลออกมา

ชายหนุ่มรู้สึกตัวเพราะน้ำที่ไหลออกจากดวงตา เขารีบเช็ดและรีบปิดหน้าต่างห้องตัวเองไม่วายดึงม่านปิดอีกชั้นและเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน

“อ่าว ลงมาแล้วเหรอลูก? มานั่งกินข้าวเร็วค่ะ วันนี้มีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลย” คุณแม่ของชายหนุ่มเห็นเขาเดินลงบันไดก็เรียกให้มานั่งที่โต๊ะทานอาหารเพราะได้เวลาได้ทานอาหารเย็นพอดี

“ขอบคุณครับ”

“เป็นอย่างไรบ้าง?” พ่อของเขาถามขึ้น

“ก็ดีครับ อาทิตย์หน้าเตรียมตัวไปฝึกสอนแล้วครับ”

“อืม”

“นี้ๆ เดี๋ยวแม่ตักให้ กินเยอะ ๆ นะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับแม่”

“จ๊ะ”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ทานอาหารเย็นอย่างปกติสุข หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จชายหนุ่มขอตัวขึ้นห้อง

ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในห้องเพียงลำพังเขานั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ชายหนุ่มนั่งทบทวนตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น มันค่อนข้างน่าแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็มีความรู้สึกเหล่านั้น

ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดม่านและหน้าต่างออกอีกครั้ง เขาจ้องไปยังห้องฝั่งตรงข้าม เขารู้เพียงว่าบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้วจากคำบอกเล่าของแม่

อากาศคืนนี้ดีมากไม่มีพายุมีเพียงลมเย็น ๆ เท่านั้น แต่ผ่านไปสักพักใบไม้แห้งที่ร่วงบนพื้นกลับปลิวว่อนอย่างไม่มีที่มาที่ไปทั้ง ๆ ที่คืนนี้ท้องฟ้าโปร่งเป็นไปไม่ได้ที่ใบไม้แห้งเหล่านั้นจะปลิวว่อนราวกับมีพายุ

ชายหนุ่มรีบปิดหน้าต่างทันที เพราะอยู่ ๆ เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทั่วตัว

.

.

.

เช้าวันต่อมา

เมื่อคืนเขาหลับไปตอนไหนไม่รู้จำได้แค่ว่าเมื่อคืนเขานั่งวาดรูปอยู่ที่โต๊ะแท้ ๆ แต่ที่น่าแปลกคือเมื่อคืนเขาไม่ฝันเรื่องเดิมทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนชายหนุ่มพยายามวาดรูปนั้นที่อยู่ในความทรงจำ ชายหนุ่มหวังว่าเขาจะวาดมันสำเร็จ

ชายหนุ่มลุกขึ้นและลงไปข้างล่าง เขาล้างหน้าล้างตาและเดินออกไปข้างนอกบ้านที่มีคุณพ่อที่กำลังกวาดพื้นหญ้าและแม่ของเขานั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะหินอ่อน

“คุณพ่อ คุณแม่สวัสดีครับ” ชายหนุ่มทักทาย

“ตื่นเช้าจังลูก อาหารอยู่บนโต๊ะในครัวนะ”

“เรียบร้อยครับ ขอบคุณครับ”

ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะและนั่งข้าง ๆ แม่ของเขา อยู่ ๆ แม่ของเขาก็พูดขึ้นว่า “คิดถึงเนอะ”

“ครับ?” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย

“แม่คิดถึงเฉย ๆ น่ะ”

“คิดถึงอะไรเหรอครับ?”

“คิดถึงคนที่เคยอยู่บ้านข้าง ๆ เราน่ะ หลังนั้น” คุณแม่ชี้ไปยังบ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นบ้านที่ถูกทิ้งร้างมาหลายปี

“มันเคยเป็นบ้านของใครเหรอครับ?” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเกิดความสงสัยในบ้านหลังนั้น

“บ้านหลังนั้นเคยเป็นเพื่อนบ้านเราเมื่อหลายปีก่อน เป็นครอบครัวที่เพิ่งย้ายเข้ามา มีแค่สามคนพ่อ แม่ และลูกสาว ลูกสาวเขาน่ารักมาก ๆ เลยนะ ตอนนั้นน้องชอบมาเล่นกับเราด้วยนะไม่รู้เราจะจำได้หรือเปล่า”

“น้องเหรอครับ?” ชายหนุ่มพยายามนึก

“ใช่ค่ะ น้องชื่อ ฟองฝน”

ฟองฝน..” ชายหนุ่มพยายามนึกตามที่แม่ของเขาพูดแต่เขากลับรู้สึกปวดหัวจี๊ดเมื่อเสียงของใครบางคนเข้ามาให้หัว

‘พี่อากาศ ยิ้มหน่อย!’

โอ๊ย!

อากาศกุมขมับตัวเอง

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก?” แม่ของชายหนุ่มรีบถามทันทีที่เห็นลูกตัวเองกุมหัว

“ผมปวดหัวครับ”

“งั้นเข้าบ้านไปพักเถอะลูก”

“ครับ” พูดจบเขาก็เดินเข้าบ้านไป

ชายหนุ่มพยายามนึกเหตุการณ์ที่คุณแม่เล่า เขาเดาว่าน่าจะเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะประสบอุบัติเหตุก่อนที่ความทรงจำบางส่วนจะหายไป ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังชั้นบนและเดินไปเข้าห้องของตัวเอง และสายตาของชายหนุ่มกลับไปสะดุดกับสมุดเล่มหนึ่งที่ถูกเสียบไว้ ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาเปิดปรากฏว่าภายในสมุดเล่มนั้นว่างเปล่า ชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเจอกับข้อความหนึ่งในหน้าสุดท้ายที่เขียนว่า

‘พี่ขอโทษ กลับมาได้ไหม สัญญาว่าจะไม่พูดอย่างนั้น’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดั่งปรารถนา    ตอนที่ 11 ปัจจุบัน

    ปัจจุบันหลังจากที่เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นในชั้นเรียน คุณครูจิรายุก็ได้ทราบเรื่องและเรียกอากาศไปคุยที่ห้องพักครู“มาแล้วเหรอ?” เป็นเสียงของคุณครูจิรายุ“ครับ”“รู้หรือเปล่าว่าที่ครูเรียกเธอมาเพราะเรื่องอะไร”“ทราบครับ” ชายหนุ่มตอบกลับไป“ครูจะยังไม่ถือโทษกับเธอแล้วกัน แต่ครูไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก”“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”“ไม่ใช่ครูที่เธอควรขอโทษแต่มันเป็นนักเรียนคนนั้น”“ครับ”“ไปเถอะ คาบที่เหลือเดี๋ยวครูเข้าสอนเอง ส่วนเธอก็เคลียร์งานในห้องนี้ละกัน”“ครับ”ชายหนุ่มตั้งใจจะขอโทษนักเรียนคนนั้นพรุ่งนี้ในช่วงเช้า ชายหนุ่มกลับบ้านเขาก็คิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แต่ด้วยท่าทางและสีหน้าของเขาที่ดูไม่มีจึงไม่พ้นสายตาของคุณแม่ที่สังเกตมาตั้งแต่ที่ลูกชายตัวเองกลับบ้านก็ไม่พูดไม่จา ตอนนี้ก็นั่งเขี่ยข้าวในจาน“อากาศลูกที่โรงเรียนมีอะไรหรือเปล่า ทำไมนั่งเหม่ออย่างนั้นล่ะ?”ชายหนุ่มเงยหน้าจากจานข้าวก่อนจะตอบแม่ของเขาไป “ไม่มีอะไรครับ”“แต่แม่เห็นว่าลูกเขี่ยข้าวในจานมาตั้งนานแล้วนะหรือกับข้าวไม่ถูกปาก”“เปล่าครับ ผมอ

  • ดั่งปรารถนา    ตอนที่ 10 ห่างเหิน

    หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งคู่ก็เริ่มห่างเหินกัน จะเรียกว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ในเมื่อมีแค่ฟองฝนเท่านั้นที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนอากาศเองก็พยายามติดต่อหญิงสาวไม่ว่าทั้งโทรหาหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบกลับจากหญิงสาวแม้แต่นิดเดียวกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าฟองฝนที่นั่งทบทวนบทเรียนละความสนใจจากหนังสือตรงหน้าและมองหาเสียงที่ได้ยินก่อนที่เธอจะปัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่าปลายสายนั้นเป็นใครกริ๊ง!เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกอีกครั้งครั้งนี้เธอตัดสินใจรับสายนั้นเพื่อตัดปัญหา “ฮัลโหลค่ะ” ฟองฝนพูดขึ้น“...” ปลายสายยังคงเงียบ“ไม่มีอะไรฝนวางแล้วนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายสายยังคงเงียบ“ด... เดี๋ยวครับ”“…” หญิงสาวเงียบเพื่อฟัง“ทำอะไรอยู่ครับ” ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น“ทบทวนบทเรียนอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไป“พี่กวนเราหรือเปล่า”“…”“’งั้นพ

  • ดั่งปรารถนา    ตอนที่ 9 สารภาพ

    หลังจากบทสนทนาคืนนั้นจบลงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปจากปกติอากาศไม่ค่อยชอบที่คนตัวเล็กเข้าพูดคุยด้วย แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทักหาเธอก่อน“มาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” ฟองฝนทักทายชายหนุ่มก่อนที่หันไปสวัสดีคุณแม่ของอากาศ“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังเดี๋ยวน้ายกของว่างมาให้นะ นั่งเล่นกับพี่เขาไปก่อนนะ” หญิงสาวมีอายุพูดก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน“คิดถึงหนูไหมคะ” คนตัวเล็กนั่งลงข้างกายก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างแซวๆ“…” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มแต่หูของเขากลับขึ้นที่แดง“โอเค๊ ไม่คิดถึงกันสินะคะ แต่หนูคิดถึงพี่นะคะ” หญิงสาวที่เห็นหูของอีกฝ่ายแดงเธอก็เริ่มหยอกเย้าอีกครั้งปรากฏว่าหูของเขานั่นแดงขึ้นกว่าเดิม“ข... ขยับออกอีกหน่อยครับ พี่วาดไม่ถนัด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระตุกกระตัก“ก็ได้ค่ะ” ฟองฝนขยับออกตามความต้องการของชายหนุ่มฟองฝนนั่งดูชายหนุ่มวาดรูปสักพักก็มีเสียงจากคุณแม่ของชายหนุ่มที่นำอาหารว่างมาเสิร์ฟ“ของว่

  • ดั่งปรารถนา    ตอนที่ 8 ความรู้สึก

    ยามราตรีผ่านพ้นไปแสงแห่งรุ่งอรุณก็กลับมาพานพบกันอีกครั้ง เสียงนกร้องจากนอกหน้าต่างกับผ้าม่านที่พลิ้วไหวทำให้แสงแดดจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฟองฝนที่ถูกรบกวนจากการนอนหลับก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสีอ่อนขยับเล็กน้อยจากเสียงรบกวน เธอค่อย ๆ ค่อยเอื้อมือไปปิดเสียงนั่นและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาดูเวลา7.30 น.“หา...โอ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่จะจับไปที่บริเวณคอของตัวเองจากการนอนท่าเดิมที่นานเกินไป“นี่เรานอนตรงนี้มาทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย!” เธอพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปบนโต๊ะนั่น“ไม่ได้การละ สายแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาเลยเนี่ย! แล้วแม่ล่ะทำไมไม่ปลุก โอ๊ย!” หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อนผ่านไปไม่กี่นาทีฟองฝนก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยสภาพที่ดูยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก ทั้งเสื้อที่ยังอยู่นอกชายกระโปรงและถุงเท้าที่ยังไม่ถูกสวมใส่“แม่คะ!” เมื่อลงมาถึงข้างล่างแล้วสิ่งแรกที่เธอพูดคือเรียกคุณแ

  • ดั่งปรารถนา    ตอนที่ 7 เพื่อนใหม่

    ตอนนี้หญิงกำลังอยู่ในห้วงความฝันอันแสนหวานมุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยนั่นอาจจะบ่งบอกว่าเธอกำลังฝันดี เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในยามเช้าของวันใหม่ หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อมีเสียงรบกวนจากข้างนอกกริ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นคิ้วของหญิงเธอขมวดยุ่งเมื่อถูกรบกวนจากเสียงนาฬิกาปลุก เธอเอื้อมมือไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่น หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝันและหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่า 'ไอโฟน' ขึ้นมาดูเวลา6.30 นาฬิกานั่นเป็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอคว่ำมันลงก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนที่นอนและยืดแขนขึ้นสูงเพื่อบิดไล่ความเมื่อยล้าทั้งหมดอื้อ!หญิงสาวเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองอย่างสะลืมสะลือตาโดยตาของเธอนั้นยังไม่เปิดดีหลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย เธอมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเทอมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตอนนี้ทุกอย่างใหม่หมดเลยสำหรับเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอย่าง

  • ดั่งปรารถนา    ตอนที่ 6 เพื่อนบ้าน

    4 ปีที่แล้วช่วงบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มในวัย 18 ย่าง 19 ปี ที่นั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณในรั้วบ้านของเขา รูปวาดที่ชายหนุ่มวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปทิวทัศน์มากกว่าการวาดรูปบุคคล เขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงไม่ค่อยสุงสิงกับใครกับเพื่อนสนิทอย่างภูมิเองก็นาน ๆ ครั้งที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน มีบ้างที่จะออกข้างนอกแต่ก็คงไม่พ้นสวนสาธารณะแถวบ้าน ชายหนุ่มเพียงต้องการพื้นที่ที่สงบในการวาดรูปเพียงเท่านั้นชายหนุ่มที่วาดรูปอย่างตั้งใจ พร้อมสวมหูฟังครอบหูไว้ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถจมดิ่งในโลกของตัวเองได้อย่างง่ายดายกริ๊ง!เสียงกดกริ่งหน้าบ้านกริ๊ง!เสียงกริ๊งดังขึ้นครั้งที่สองเมื่อไม่มีใครเปิดมัน“อากาศลูก ใครมากดกริ่ง ช่วยออกไปดูให้แม่หน่อยได้ไหม” คุณแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องครัวเลื่อนบานหน้าต่างออกและเรียกชายหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์“…”“อากาศ” เสียงคุณแม่ดังขึ้น“ครับผม! แม่ว่าอย่างไรนะครับ” ชายหนุ่มสะดุ้งตัว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status