แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: แสงเทียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-02 13:22:56

บทที่ 2

วันนี้หญิงสาวเสียเวลาไปครึ่งค่อนวัน กว่าเรื่องจะจบ จริง ๆ เธอกลับเลยก็ได้ แต่ระหว่างโบกแท็กซี่...

“ไร้ความรับผิดชอบ เรื่องทั้งหมดคุณก่อแต่กลับจะมาทิ้งผมไว้คนเดียวแบบนี้เนี่ยนะ!” เจ้าของรถ 911 Carrera S ได้แต่พูดว่าถ้าคุณไม่เบรกรถกะทันหันแบบนี้ ผมจะมาเสียเวลาตรงนี้ไหม!!

สุดท้ายแสงเทียนก็เลยต้องรอจนรถลูกน้องเขาเอารถมาเปลี่ยนให้ถึงจะแยกย้ายกันกลับ

“ฉันจะรอจนกว่าลูกน้องคุณจะมา แต่ขอร้องคุณอย่าพูดเสียงดัง แมวจะตกใจ” หญิงสาวบอกไปตามความจริง ไม่มีใครอยากให้เกิด และถ้าเป็นเขา...จะเหยียบลูกแมวตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งลงเหรอ

ระหว่างที่ยืนรอ หญิงสาวเหลือบมองผู้ชายข้าง ๆ เขาสูง 180 กว่าเห็นจะได้ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเข้ม ผิวขาว ผมรองทรงสั้นสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่ง สันกรามด้านข้างคมกริบ รูปร่างจัดว่าดี แต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเรียกว่ารสนิยมดีเยี่ยม!

ตอนที่ได้ยินเสียงชนท้าย เธอตกใจมากและมองไปกระจกหลัง พอเห็นว่ารถอะไรมาจูบท้ายเธอ ก็รู้ว่าความซวยน่าจะมาเยือนแล้ว รถรุ่นใหม่ล่าสุด...รุ่นเดียวกับพี่ชายเธอ Porsche 911 Carrera S

แมวตัวน้อยมาวิ่งตัดหน้ารถจนเธอต้องเบรกหัวทิ่ม! พอคิดดูแล้วก็อยากจะป่วยมากเลย รถคันใหม่ของเธอก็โดนชนท้ายขนาดนี้ และยังโดนผู้หญิงแม่วัวนมก่นด่าอีก...หลังจากนี้เธอคงต้องไปทำบุญล้างซวยแล้ว

“คุณทิ เป็นอะไรมากไหมครับ” หญิงสาวได้ยินเสียงคนวิ่งกระหืดกระหอบมาทางนี้ แต่ไม่หันไปดูตามนิสัย อีกอย่างกลัวเขาจะหาว่าสอใส่เกือก

“จุกอกนิดหน่อย ฉันโทรบอกรถสไลด์แล้วจัดการต่อด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดังจนคนถามรู้สึกแปลกใจ แต่แล้วก็หายสงสัยเพราะเห็นเจ้านายเหลือบสายตาไปมองผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอยืนหลังตรงเป็นไม้บรรทัด ในอ้อมแขนมีลูกแมวสภาพมอมแมมอยู่ตัวหนึ่ง...

“คุณบาดเจ็บตรงไหนไหม? เจ็บหน้าอกเหรอ?” เมื่อได้ยินทิติยะพูดแบบนั้น แสงเทียนหับขวับไปทันที

ทิติยะแสร้งทำเป็นว่าไม่สนใจคำถามเธอ หญิงสาวจึงเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อชายหนุ่มให้หันมาคุยกับเธอก่อน โดยลืมไปว่าเขาคุยกับลูกน้องอยู่

“คุณไม่เห็นเหรอว่าผมคุยธุระอยู่?” ทิติยะเอ่ยตำหนิ แต่แววตาคมเข้มกับแพรวระยับ

‘ดิน’ เลขาส่วนตัวของทิติยะเข้าใจในสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดี...เหมือนดินจะรู้ว่านี่คือแผนการของเจ้านาย คนเป็นลูกน้องได้แต่นิ่ง แต่ดวงตายิ้ม!

“ฉันขอโทษ และขอโทษคุณด้วยที่เสียมารยาท” แสงเทียนเอ่ยขอโทษจากใจจริง และมองไปทางดินพร้อมกับค้อมหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินถอยหลังกลับไปที่เดิม

“คุณทิ...จะไปไหนครับ” ดินเอ่ยถามเสียงเบา

“ถามทั้งที่รู้คำตอบทำไม?” ทิติยะตอบกลับไปพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“เธอดูห่วงคุณนะครับ” ดินมองไปทางผู้หญิงที่เจ้านายสนใจ

“จะไม่ห่วงได้ไง รถยับขนาดนั้นก็ต้องเจ็บบ้างธรรมดา” มือหนาแสร้งทำจับตามเนื้อตามตัว และส่งเสียงร้องประหนึ่งว่าเจ็บปวดมาก

แม้เสียงไม่ดังมาก แต่คนที่เฝ้ามองเขาอยู่อย่างแสงเทียนได้ยินมันชัดเจนเต็มสองหู!

“คุณ...ผมจะกลับแล้วนะ คุณก็กลับได้แล้ว” ทิติยะทำทีเดินไปที่รถยนต์ที่ดินขับมาเปลี่ยนให้

“เดี๋ยวสิคุณ! คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลย!” แสงเทียนเดินมาดักทางข้างหน้า

“คำถามอะไร?” ชายหนุ่มถามกลับอย่างไขสือ

“ฉันถามว่าคุณบาดเจ็บตรงไหนไหม...” ดวงตากระปุกกลมโตจ้องมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ เพียงแค่สบตาทิติยะกลับไปไม่เป็นจนต้องเบือนสายตาหลบมองข้างทางแทน

“คุณคะ...คุณเจ็บใช่ไหม” มือเรียวยกขึ้นจับต้นแขนของเขา

“แล้วคุณคิดว่าการที่คุณเบรกรถแบบนั้น รถผมชนขนาดนี้ มันทำให้ผม...” เธอยกมือขึ้นห้าม และแบมือมาตรงหน้าเขา

“อะไร?”

“กุญแจรถคุณค่ะ แยกข้างหน้ามีโรงพยาบาลไปตรวจหน่อยเถอะ ฉันไม่สบายใจเลย” แสงเทียนเอ่ยบอก พร้อมกับมองเขาด้วยแววตาห่วงใยจนทิติยะรู้สึกผิดที่โกหก

ชายหนุ่มวางกุญแจลงบนฝ่ามือขาวซีดนั่น และเดินอ้อมมานั่งที่ด้านหน้าข้างเบาะคนขับ ก่อนเธอสตาร์ทรถ เปิดแอร์ทิ้งไว้และเดินกลับไปที่รถของเธอโดยไม่พูดอะไรกับเขาสักคำเดียว

ทิติยะจ้องมองหญิงสาวร่างบางระหงที่กำลังขนของในรถยนต์คันด้านหน้าที่เป็นของเธอ ร่างเล็กนั้นมุดเข้ามุดออก สูทสีดำตัวเล็ก โน้ตบุค กระเป๋าสะพาย และกล่อง...ดูแล้วน่าจะเป็นกล่องรองเท้า และเดินถือของพะรุงพะรังกลับมาที่รถเขา

ชายหนุ่มเปิดประตูจะลงไปช่วย แต่เธอตะโกนบอกว่าไม่ต้องช่วย เธอทำได้สบายมาก ให้เขารอในรถไปเถอะแอร์เย็น ๆ

เธอขนของมาไว้ในรถเขา...และไม่ลืมที่จะเอารองเท้า YSL ส้นสูงสีดำออกจากกล่อง และเอาแมวน้อยใส่ลงไปในกล่องแทน

“เรียบร้อยแล้ว อย่าดื้อล่ะ” เธอเอ่ยบอกเจ้าแมวน้อย และขึ้นนั่งประจำที่คนขับ

“คาดเข็มขัดได้ไหม?” หญิงสาวเห็นเขาทำท่าทีเหมือนขยับไม่ถนัดก็นึกขึ้นได้ว่าเขาคงจะคาดเข็มขัดไม่ได้

ทิติยะไม่เสียแรงเปล่า รีบส่ายหน้าในทันที ดวงตาคมจ้องมองเสี้ยวหน้าเธอนิ่ง เธอถามทั้งที่ดวงตาและมือยังคงยุ่งอยุ่กับการปรับเบาะและกระจกรถให้พอดีกับร่างกายตัวเอง

“รอแป๊บนะคะ” หญิงสาวเอื้อมมือซ้ายมาคว้าสายเบลท์ของเขาด้วยมือเดียว ทิติยะจ้องมองมือขาวซีดที่คว้ามั่ว ๆ และมันก็พาดลงมาบนหน้าอกแกร่ง

“ไม่ต้องคาดก็ได้ เพราะผมดึงไม่ไหวแขนเหมือนจะไม่มีแรง” เธอหันมาในทันทีพร้อมเอี้ยวตัวมาดึงสายเบลท์ของเขาและจัดระเบียบมันให้พอดี

“คาดแบบนี้เจ็บไหม?” เธอเงยหน้าขึ้นมาถามตาใส

ทิติยะใจหายวาบ ลมหายใจอุ่น ๆ ที่รู้สึก...คือเราใกล้กันมากจริง ๆ ผิวหน้าเธอเนียนละเอียด และใสมาก กลิ่นน้ำหอมหวาน ๆ ที่ได้กลิ่นแล้วไม่เวียนหัว เธอมีคลาส มีชั้นเชิง และซุกซน

“คุณเจ็บเหรอ” ทิติยะกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนจะส่ายศีรษะ หญิงสาวก้มหน้าขยับสายเบลท์ แต่สายตาเจ้ากรรมของชายหนุ่มดันไปมองปากกระจุ๋มกระจิ๋มที่กำลังขยับอยู่ ให้ตายสิ!

“แบบนี้น่าจะดีแล้ว โอเคเดินทางได้” แสงเทียนเงยหน้าส่งยิ้มเล็กน้อยให้ชายหนุ่ม

เพียงเท่านั้นทิติยะรู้สึกเหมือนตัวเองหล่นหลุมขนาดใหญ่ มือหนายกขึ้นเสยผมอย่างประหม่า และเบือนหน้าออกไปมองถนนแทน

ระหว่างที่เธอกำลังคาดเข็มขัดให้ตัวเอง ชายหนุ่มก็ยังไม่วายเหลือบมองดูเธอเหมือนพวกถ้ำมอง...

ดูลักษณะการแต่งตัว รถยนต์และข้าวของที่เธอใช้แล้ว ฐานะทางการเงินของหญิงสาวคงจัดอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก

พอผ่านไปได้สักครึ่งทางทิติยะจำได้ว่าข้างหน้าจะมีร้านรับฝากสัตว์เลี้ยง

“คุณ...ผมว่าเราฝากเจ้าเหมียวไว้นี่ก่อนดีกว่าไหม?” นิ้วมือเรียวยาวของชายหนุ่มชี้เข้าไปในร้านสัตว์เลี้ยงซ้ายมือข้างหน้า

“ฝากไว้เหรอ...ร้านข้างหน้าเหรอ” เธอตบไฟเลี้ยวซ้าย และชะเง้อมองเข้าไป สายตาเธอดูไม่ไว้ใจสักนิด

“ไว้ใจได้ ผมเคยมาฝากอยู่” หลังจากเห็นสีหน้าของเธอก็รู้เลยว่าคิดอะไร

“มันพึ่งจะเกือบโดนรถชน มันคงกลัว หิวน้ำและหิวข้าว อยากนอนแอร์เย็น ๆ คุณจะเอามันไปทรมานด้วยทำไม” ทิติยะเกลี้ยกล่อมเธอ

“งั้นคุณรอบนรถ...ฉันไปฝากแมวก่อน” เธอจอดรถเข้าซองหน้าร้านอย่างดี และเดินไปอุ้มแมวน้อยที่คอพับคออ่อนเข้าไปในร้าน และสักพักก็กลับออกมา

“ฝากแมวธรรมดา วันละ 500 บาท นี่ฉันต้องหาเงินได้วันละเท่าไหร่ เลี้ยงแมวหนึ่งตัวสมัยนี้แพงขนาดนี้เลยเหรอ?” ชายหนุ่มหลุดขำออกมา แสงเทียนจึงหันกลับมามองเขาอย่างงง ๆ

“...........” สายตาของเธอที่มองมาราวกับว่าเธอกำลังถามว่าเขาขำอะไรเธอ...

“เวลาคุณสงสัยทำไมถึงไม่พูด”

“ฉันไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องที่ฉันคิด” แสงเทียนตอบตามที่คิด พร้อมกับถอยรถออกจากซอง เอื้อมมือมาจับเบาะด้านซ้ายที่มีเขานั่งอยู่ และมือก็หมุนพวงมาลัยไปด้วย วินาทีนั้นทิติยะแทบหยุดหายใจ...

เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าจะขยับตัวทางไหน ก็ดูดีไปหมด

“เราจะไปโรงพยาบาลข้างหน้า หลังจากคุณตรวจเสร็จ ถ้าไม่ต้องแอดมิท เราก็แยกย้าย” เธอเอ่ยบอกเขาตอนติดไฟแดง

“..........” ทิติยะพูดไม่ออก

“ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้บาดเจ็บและเสียเวลา” อะไรกันจะแยกย้ายเหรอ! มันง่ายไปรึเปล่า ลงทุนขนาดนี้ ชื่อยังไม่รู้เลย

“ผมอยากไปรักษา โรงพยาบาล xxx ผมมีหมอประจำตัวที่นั้น”

“เทียบกันแล้วมันไกลนะคะ คุณรักษาที่นี่ไหม? หมอประจำตัวฉันมี เขาจะรักษาดีที่สุดไม่แพ้หมอคุณหรอก” เธอยืนยันหนักแน่นให้เขามั่นใจ

“บ้านคุณอยู่แถวนี้เหรอ?” ทิติยะจงใจเปลี่ยนเรื่อง

“ใช่ค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”

“บ้านผมอยู่แถวนี้เหมือนกัน”

“แต่คุณดันไปมีหมอประจำตัว โรงพยาบาลที่อยู่คนละซีกจังหวัดแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ คุณไม่แย่ก่อนเหรอ” ทิติยะยิ้มให้กับการค่อนแคะของเธอ

“ผมจะรักษาที่นั้น ถ้าคุณที่ทำผมเจ็บตัวแต่พาไปไม่ได้ ผมก็จะนั่งแท็กซี่ไป” แสงเทียนหันไปมองหน้าคนพูด และหันกลับมาสนใจถนนต่อ

เอาสิ! ลงทุนเทหมดหน้าตักขนาดนี้ เหยื่อไม่ติดกับก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว เหลือลงไปชักน้ำลายฟูมปากแล้วล่ะที่ทิติยะยังไม่ได้ทำ แสงเทียนถอนหายใจ เธอไม่ได้ว่างขนาดนั้นไหม...แต่เธอก็ต้องไป

“โอ๊ะ!” ทิติยะเห็นท่าทีลังเลจึงร้องออกมาเบา ๆ พร้อมกับลูบที่หน้าอกตัวเอง แค่เท่านั้นแสงเทียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเลขาหน้าห้องทันที...

“พี่ภาเทียนไม่เข้าบริษัทนะ มีอะไรด่วนส่งข้อความมานะคะ” ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวที่วางสายเรียบร้อย ก่อนจะหันหน้าออกหน้าต่างลอบยิ้ม...สำเร็จแล้วโว้ย!

“คุณ...หยิบโทรศัพท์ให้ผมหน่อยได้ไหมในกระเป๋ากางเกงข้างขวา” ชายหนุ่มบอกเธอเสียงเบาด้วยใบหน้าโรยรา

“ผมหยิบเองไม่ได้เพราะรู้สึกเจ็บแขนข้างขวา...” ไม่ได้จะแกล้งเธอในขณะขับรถ แต่มันต้องเนียน! เพราะแผนใหม่ที่จะใช้ต้องเป็นแขนข้างขวาเท่านั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 37

    บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 36

    บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 35

    บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 34

    บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 33

    บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status