แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: แสงเทียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-02 13:23:07

บทที่ 3

“คุณชื่อ เทียนเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม หลังจากที่เธอหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงเขา

“ใช่ ฉันชื่อเทียน แสงเทียน” เมื่อตอบคำถามเขาแล้ว เธอก็อดหวนนึกไปถึงคนที่ตั้งชื่อให้ไม่ได้

“ชื่อคุณ...อบอุ่นดี”

“..........” หญิงสาวไม่ตอบอะไรเขาอีก

ถึงโรงพยาบาลเธอไปจอดรถชั้นบนและเราก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาลพร้อมกัน ระหว่างทางเธอไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เพราะปกติเธอเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว เป็นคนคิดแต่ไม่แสดงออก ยิ่งไม่รู้จักยิ่งแล้วใหญ่เลย

แสงเทียนไม่รู้ว่าจะพูดในสิ่งที่คิดให้คนอื่นรู้ไปทำไม และเธอจะพูดก็ต่อเมื่อการพูดของเธอมีประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น

หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเป็นช่วงบ่าย เราพึ่งถึงโรงพยาบาล เธอที่เดินเคียงคู่กับเขาที่นั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีบุรุษพยาบาลที่ตัวเล็กกว่าเขามากเข็นให้...มันเป็นภาพที่แปลกดี

ชายหนุ่มกดแอปพลิเคชันสีเขียวบนโทรศัพท์เครื่องหรู เขาเหมือนไม่สนใจว่าตอนนี้กำลังทำประวัติกันอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เวชระเบียน...เขาไม่ยอมบอกชื่อ-นามสกุลตัวเอง แต่เธอจำได้ว่าเขามีหมอประจำตัวที่นี่

“เขาถามประวัติคุณค่ะ” แสงเทียนบอกเขาเสียงเบา

“มาหาหมอกิต” ทิติยะตอบไปแค่นั้น แสงเทียนจึงพยักหน้าให้พยาบาล ก็ตามนั้นเขาบอกมาหาหมอกิต...

“หมอกิต แพทย์ศัลยกรรมกระดูกหรือศัลยกรรมประสาทคะ?” พยายามถามซ้ำด้วยรอยยิ้ม และจ้องมองเขาไม่วางตา

“กิตที่ชื่อจริงก็กิต ชื่อเล่นก็กิต” เขาตอบเสียงคุกรุ่น และมือก็กดแต่ในโทรศัพท์ไม่หยุด

“ถ้าหมอกิตที่คุณผู้ชายบอก กลับไปได้สักครู่แล้วค่ะ”

“จะกลับได้ยังไง! ก็ผมคุยอยู่!!” อยู่ ๆ เขาก็ตวาดออกมาเสียงดัง แสงเทียนตกใจ มองหน้าเขาอย่างตำหนิ

“อืม! โทษทีผมเสียงดังไปหน่อย ไม่ใช่ ๆ ผมจำได้ว่าวันนี้เขาเข้าเวร ผมจะไปคุยกับเขาได้ไงเราไม่สนิทกันขนาดนั้น” ทิติยะบอกแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน

“คุณเอาบัตรประชาชนมาสิคะ พยาบาลเขาจะได้หาประวัติให้ กว่าจะได้ตรวจก็หลายชั่วโมงแล้ว คุณยังไม่ได้รับการรักษาเลย”

เธอมองเขาที่เอาแต่กดโทรศัพท์ และเข้าแอปพลิเคชันโอนเงิน สลับกับแอปพลิเคชันสีเขียว

[กิต! มึงอยู่ไหน! อย่าโทรมากูไม่สะดวกคุย] ทิติยะกดส่งข้อความหาเพื่อนสนิท

[กูก็ไม่สะดวกคุย กูง่วงฉิบหายแล้ว ผ่าตัดมา 8 ชม. กูจะตายแล้วลาก่อน] คุณหมอหนุ่มที่จะสลบคาพื้นโรงพยาบาลกดตอบข้อความไป

[มึงตายได้! แต่ไม่ใช่วันนี้! ลงมาหากูที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าเดี๋ยวนี้! ด่วน!] กิตตกใจที่อยู่ ๆ เพื่อนสนิทก็มาโรงพยาบาล

[มึงป่วยเหรอ?] กิตถามด้วยความห่วงใย

[เออ! มึงตรวจยังไงก็ได้ให้อาการหนักหน่อย เอาแบบรักษาตัวยาว ๆ 2 เดือนไปเลย] กิตไม่เข้าใจแต่ด้วยความห่วงใยก็เดินกลับเข้ามาในโรงพยาบาลอีกครั้ง ทั้งที่ตอนแรกเขาจะขับรถกลับบ้านแล้ว

ระหว่างทางที่เดินไปเคาน์เตอร์ที่เพื่อนบอก ก็คิดว่าเรื่องแบบนี้ทิติยะคงไม่ล้อเล่นหรอกมั้ง!

[มึงอธิบายให้ง่ายกว่านี้ได้ไหม กูโทรไป] กิตเตรียมจะโทรออกไป

[กูบอกว่ากูไม่สะดวกคุย แม่ง! กูป่วย เจ็บหนักมาก มึงตรวจและบอกเธอแค่นี้] กิตขมวดคิ้ว

เธอไหนวะ และจังหวะที่กิตเงยหน้าจากโทรศัพท์นั้น...ริมฝีปากเขาก็โค้งขึ้นและแสยะยิ้มออกมาราวกับผู้ชนะ!

กิตกดโทรศัพท์ตอบเพื่อนกลับไปอย่างเชื่องช้าและยียวน มุมที่เขายืนอยู่คือมุมที่มองเห็นไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้าที่เห็นทิติยะได้ชัด มันไม่ไกลกันมากนัก...

ภาพที่มีผู้ชายนั่งอยู่ในรถเข็น ตัวยังกับควายท่อนขาของมันยื่นออกมาจนเลยรถเข็น กิตเผลอหลุดหัวเราะจนพยาบาลที่เดินผ่านไปมามองว่าเขาหัวเราะอะไร

ด้านหลังมันเป็นผู้หญิงร่างบางกระหง ผมยาวสลวยสีดำสนิท สูง ผอม ผิวขาว รวม ๆ แล้วในระยะไกลขนาดนี้ดูก็รู้ว่าสวยมาก!

เธอใส่เสื้อแขนยาวเข้ารูปสีเหลืองอ่อน นุ่งเสื้อทับในกระโปรงเข้ารูปสีดำคลุมเข่า รองเท้าส้นสูงสีดำ มัดผมรวบตึง ในมือถือกระเป๋าเงินลายตารางสีเทา กิตจำได้ว่าเป็นของเพื่อนสนิทเขา!

ดูยังไงก็สง่างามราศีจับกว่าเด็กที่มันคั่วอยู่แน่นอน และมันไม่เคยให้ผู้หญิงพวกนั้นจับกระเป๋าเงิน กิตยกยิ้มหัวเราะร่วน มีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำอีกแล้วสิ!

[ใครน่ะ...สวยเชียว]

[จะใครก็ไม่ต้องเสือก! รีบ ๆ มารักษากู!]

[เงินมางานเดิน...สองแสนโอนมา!]

[มึงกะเอาให้กูเจ๊งไปเลยใช่ไหม!]

[ก็แล้วแต่ทิเลย...กิตไม่ติดนะ กิตกลับบ้านได้]

[กูเพื่อนมึงนะเว๊ย! ไอ้กิต ไอ้เวร]

[ลดให้แสนหนึ่ง โอนมา! ถ้ามึงช้า กูไปละน้า...]

[ไอ้กิต ถ้าไอ้พัดกับไอ้ฟิวมันเป็นหมอแบบมึง มันไม่เก็บกูแพงเท่ามึงหรอก ไอ้เลว!]

[ห้าหมื่น ขาดตัว! เอ๋...หรือกูจะเดินไปทักมึงตอนนี้ดีนะ ว่าแต่คนนี้ไม่แนะนำให้เพื่อนรู้จักหน่อยเหรอ ขาวสูงสเปกกูเลย]

[Read....] ทิติยะอ่านแต่ไม่ตอบ

[อย่าเงียบกูใจคอไม่ดี ติ๊ง!]

[รับการโอนเงินจากบัญชี 27367XXX 100,000 บาท]

[ก็แค่นี้ รอตรงนั้น!]

หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่กดโทรศัพท์ไม่เลิก สรุปจะหาหมอไหมเนี่ย! และมันใช่เวลาโอนเงินไหมตอนนี้ เห็นเลขเยอะ ๆ น่าจะเป็นแสนอยู่ นี่ง้อผู้หญิงแบบนี้เองเหรอคงเป็นแม่วัวนมตอนเช้านั่นแน่ ๆ

“สวัสดีครับ คุณทิ” ผู้ชายหน้าตาหล่อตี๋เดินมาทักเขา

“เอ๊า! สวัสดีครับคุณหมอกิต” แสงเทียนถึงบางอ้อ หมอกิตนี่เอง เธอก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายคุณหมอ ก่อนพยาบาลจะยื่นเอกสารที่เป็นของทิติยะให้กับหญิงสาว

“ไปตรวจกันเถอะค่ะ คุณหมอคะ...” และหญิงสาวก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณหมอฟัง

“อุบัติเหตุ...” เมื่อกิตรับฟังเรื่องราวจากปากของหญิงสาวตรงหน้าจบแล้ว เขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที

#ห้องตรวจ

หมอกิตนั่งประจำที่ โดนมีทิติยะนั่งอยู่บนรถเข็นเช่นเดิม ก็มันไม่ยอมลุกออกจากรถเข็น บุรุษพยาบาลก็จำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่มีสิทธิ์บังคับคนไข้

หมอหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร จริง ๆ ถ้าจะให้ถูกคือไม่รู้จะตรวจอะไรต่างหาก! เพราะมันป่วยการเมือง!!

กิตเงยหน้าขึ้นมามองคนเจ็บนิดหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปจับตามเนื้อตามตัวของทิติยะ ชายหนุ่มที่โดนตรวจ ส่งสัญญาณว่าแขนที่เจ็บคือข้างขวา กิตเลิกคิ้วขึ้นและจิ้มที่แขนขวาไปทีหนึ่ง

“โอ๊ย!” กิตเงยหน้ามองไปทางหญิงสาวที่ยืนจ้องมองเราทั้งคู่

ดวงตาคมเข้มของหมอหนุ่มทอดมองใบหน้าเพื่อน และเราก็ส่งสัญญาณกันผ่านทางสายตาแทน...

“ไหนยกแขนขวาครับ” ทิติยะค่อย ๆ ยกแขนขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง

“น่าจะ...หักนะครับ” ทิติยะแทบตกเก้าอี้!! ถลึงตาใส่มันอย่างเคียดแค้น แขนหักมันหนักไปไหม!!

“เขาเจ็บหน้าอกด้วยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยแทรกขึ้นมาและเดินก้าวเข้ามาใกล้รถเข็น ทิติยะถึงกับพูดไม่ออก

“ซี่โครงน่าจะร้าวครับ ต้องแอดมิท” คนเจ็บยังคงช็อกต่อเนื่อง ได้แต่ขยับปากพะงาบพะงาบ ๆ บอกเพื่อนว่าซี่โครงไม่เกี่ยว!!

“จากที่ผมตรวจเบื้องต้น ซี่โครงไม่น่าร้าว ไม่ต้องแอดมิทครับ แต่แขนหักแน่ ๆ” ทิติยะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

นี่แขนกูจะต้องหักสินะ มึงเป็นหมอได้ไงโง่ขนาดนี้!!

#ห้องรับยา

ทิติยะมองแขนตัวเองที่เข้าเฝือกอ่อนชูขึ้นและพลิกไปพลิกมา ก่อนจะเหลือบมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ในมือเธอถือกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ของเขา กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอลอยมาแตะจมูกจนจิตใจชายหนุ่มกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

“คุณทิติยะ วัฒนาพรพล เชิญรับยา หมายเลข 2 ค่ะ” หญิงสาวพอได้ยินเสียงประกาศ เธอก็เดินตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน ก่อนจะขยับไปที่เคาน์เตอร์รับยา

ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวร่างบางระหง ผมดำขลับรวบตึงมัดโบสีขาว สะโพกผึ่งผายช่างรับกับขาเรียวยาวของเธอเสียจริง ยิ่งเธอใส่ส้นสูงแบบนี้ ดูดีไปทุกท่วงท่าของการเดิน ผู้คนรอบข้างล้วนจับตามองรวมถึงเขาด้วยเช่นกัน

“เดี๋ยวเราไปหาข้าวทาน คุณจะได้ทานยา ตกลงอะไรกันนิดหน่อย และฉันจะไปส่งคุณที่บ้าน” เธอพูดพร้อมกับขยับรถเข็นแต่มันไม่เคลื่อนไปไหน ทิติยะจึงลุกขึ้นยืนแทน

“ผมเดินน่าจะดีกว่า นั่งนานเมื่อย” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและยื่นแขนให้เธอเกาะ

แสงเทียนเพียงแค่ปรายมองท่อนแขนที่ยื่นมา...เธอไม่สนใจ และเลือกจะเดินผ่านหน้าเขาไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 37

    บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 36

    บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 35

    บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 34

    บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์

  • ดั่งมายาลวงรัก   บทที่ 33

    บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status