เข้าสู่ระบบบทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก
บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ
บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ
บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็
บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์
บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”







