Masuk“ถ้าคุณเห็นแก่หน้าพ่อฉัน คุณจะไม่โง่ไปคว้าผู้หญิงคนอื่น ทั้งที่มีคนที่ดีพร้อมอย่างฉันอยู่เคียงข้างคุณ” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่ด้วยท่าทางเดือดดาลสุดขีด
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอยู่เคียงข้างผม นอกจากเมียของผม”
“หึ…เมียที่ตายไปแล้วน่ะเหรอ ต่อให้คุณอาลัยอาวรณ์นังนั่นมากแค่ไหนมันก็ไม่ฟื้นกลับมาหรอก” วาจาอวดดีทำให้นัยน์ตาสีสนิมเหล็กกล้าวาวโรจน์ขึ้นในบัดดล
“หุบปากแล้วไสหัวไปซะรีญา! และอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”
เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มเค้นเสียงขุ่นคลั่กขับไล่ พร้อมส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลมาลากตัวหล่อนไปให้พ้นหูพ้นตา ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความคับข้องใจเหลือคณา
“เฮ้อ…ไปซะได้ก็ดี”
ครั้นเสียงหน้าห้องเงียบลง ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินจากไป ปิยฉัตรก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปฉวยเอาผ้าเช็ดตัวบนเตียง แล้วก้าวไปยังห้องน้ำ แต่ไม่นานก็ต้องนุ่งผ้าขนหนูออกมาเพราะลืมโฟมล้างหน้าที่ตัวเองคงหลงวางรวมๆ ไว้กับครีมบำรุงผิว แต่กระนั้นตาก็ยังไม่วายเหลือบไปยังประตูที่มีคนขู่ว่าจะพังเข้ามาเมื่อครู่ ก่อนจะเผลอย่นจมูก แล้วเอ่ยอย่างหมั่นไส้ให้เจ้าของรีสอร์ต
“เฮอะ…นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไม่กล้าพังประตู”
“ใครมันจะโง่พังประตูรีสอร์ตตัวเองวะ”
น้ำเสียงเย็นเยียบทำให้เธอหันขวับไปยังเบื้องหลัง ทันใดนั้นก็หลุดอุทานออกมา
“ไอ้จอม!”
ปิยฉัตรตาค้างเมื่อเห็นว่าคนที่เธอปรามาสไปเมื่อกี้กำลังนั่งเอกเขนกกอดอกพิงหัวเตียง แถมยังกระดิกปลายเท้าด้วยท่าทางเหมือนอารมณ์ดีเสียเต็มประดา แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือแววตาวาววับกำลังกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า จนเธอต้องรีบยกมือขึ้นกระชับปมผ้าขนหนูที่ขมวดมุ่นอยู่ตรงกลางอก
“มะ…มึงเข้ามาได้ยังไง” คุณหมอสาวขยับปากเอ่ยถามเสียงสะท้าน
“เดินเข้ามา”
ตัวร้ายสวนกลับแบบกำปั้นทุบดิน จ้องร่างขาวๆ เขม็ง พร้อมยกมือขึ้นลูบปลายคาง แต่แค่นั้นก็ทำเอาคนที่กำลังยืนตัวเกร็งหน้าแดงซ่านแทบทำอะไรไม่ถูก
“มึงไม่ควรบุกเข้ามาในห้องพักของแขกแบบนี้”
ปากเอ่ยคล้ายตำหนิ ขณะที่ขาก้าวถอยหลังด้วยท่าทางระแวดระวัง ทว่ายังไม่ทันจะหนีเข้าไปในห้องน้ำดังใจหมายอีกฝ่ายก็กระโจนลงจากเตียงมาประชิดตัว แล้วต้อนให้เธอไปจนมุมที่ผนัง
“มึงแน่ใจเหรอ ว่ามึงเป็นแค่แขก”
เขาแสยะยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะเอ่ยคาดคั้น แล้วปิยฉัตรก็ต้องหลุดสะดุ้งเฮือก และหลับตาปี๋ เมื่อคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ทาบมือข้างหนึ่งเข้าที่ผนังกักตัวเธอไว้อย่างกลายๆ
“กูถามก็ตอบสิวะ” คนบ้าอำนาจยังไม่วายไล่บี้ ลมหายใจผ่าวระอุทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ก่อนจะครางประท้วงเมื่อมือกระด้างคว้าหมับเข้าที่ชายผ้าขนหนู
“ฮื้อ…”
“คำตอบของมึงไม่เคลียร์ว่ะ แบบนี้เราควรรำลึกความหลังกันดีไหมวะ…”
“มะ…ไม่…อย่า!”
“ถ้างั้นก็ตอบมาว่ามึงเป็นอะไรกับกู” คนเผด็จการไม่วายเอ่ยเร่งเร้าแกมข่มขู่
“กูเป็นคนที่มึงเกลียดเข้าไส้ เป็นคนที่มึงไม่อยากอยู่ใกล้” ทุกถ้อยคำที่เค้นออกมาจากริมฝีปากสั่นระริกล้วนบีบคั้นให้คนมีอดีตอันแสนเจ็บปวดไม่ต่างจากเขาแทบขาดใจ
“เออ…แล้วไงอีกวะ”
เห็นอีกฝ่ายตาแดงๆ เขายิ่งขยี้ โน้มหน้าลงมาหาจนเธอสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายจมูกแทบชนกัน ก่อนจะเอ่ยคาดคั้นชิดปากที่กำลังเม้มแน่น
“ว่าไง…”
“หยุดเล่นกับความรู้สึกกูได้แล้ว กูก็มีหัวใจ กูก็เจ็บเป็น” เจ้าของเสียงสั่นเครือเอ่ยเป็นเชิงวิงวอน
“แล้วที่มึงทำให้เมียกูตายล่ะ กูไม่เจ็บหรือไงวะ” จอมพลสวนกลับเสียงดุดันติดจะแปร่งๆ นัยน์ตาอัดแน่นไปด้วยความขมขื่นอย่างหาที่สุดไม่ได้
“กูบอกมึงแล้วไง ว่ากูไม่ได้ทำ กูพยายามช่วยยัยนั่นแล้ว…” เธอพยายามจะอธิบายว่าตัวเองคือผู้บริสุทธิ์ ทว่าผลกลับเป็นดังเช่นทุกครั้ง จอมพลตวาดลั่นด้วยแรงโทสะจนน่าประหวั่นพรั่นพรึง
“หุบปาก! อย่ามาตอแหล!”
วาจาทำร้ายหัวใจทำให้ปิยฉัตรน้ำตาซึมอย่างสุดกลั้น
เธอเป็นคนเข้มแข็ง ไม่เสียน้ำตากับอะไรง่ายๆ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้
“ถ้ามึงยังเอาแต่ทิฐิเป็นใหญ่มึงจะไม่มีวันได้รู้ความจริง” ปิยฉัตรพยายามที่จะใจเย็น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอีกฝ่ายจะเปิดโอกาสให้เธอได้บอกเล่าถึงความจริงบ้าง
“ความจริงก็คือมึงพาเมียกูไปตาย แล้วมึงยังใส่ร้ายว่าเมียกูคบชู้สู่ชาย”
สุดท้ายไอ้คนใจบอดนั่นก็เชื่อคำพูดของเมียมันอยู่ดี
ใช่สิ! ก็เมียรักเขาบอกว่าเรื่องทุกอย่างมันมีสาเหตุมาจากเธอ แถมเธอยังไม่ช่วยอะไร เป็นหมอซะเปล่า หล่อนบอกเขาเช่นนั้นก่อนสิ้นใจ ซึ่งคำพูดของคนใกล้ตายที่เขารักสุดหัวใจมันย่อมมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าคนที่เขาชังน้ำหน้าอยู่แล้ว เขาเชื่อสนิทใจว่าเธอมันชั่ว เธอมันเลว เธอพาเมียเขาไปตาย
“มึงฟังกูหน่อยไม่ได้เหรอวะ กูขอร้อง…”
“กูบอกให้มึงหยุดพูด!”
“ก็กูจะพูด กูไม่ได้ทำ! กูไม่ได้ทำ! มึงได้ยินไหม!” เธอตะโกนสวนกลับอย่างเหลืออด ก็รู้ว่าเขามาทันได้ฟังวาจาบอกเล่าจากปากเมียรักของเขา ที่ปรักปรำให้เธอกลายเป็นตัวร้ายไม่เหลือชิ้นดี แต่เขาก็ควรจะเปิดใจฟังคำอธิบายจากเธอบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ปิดกั้น และฝังใจว่าเธอคือคนผิด
“ถึงมึงจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่มึงก็พาเมียกูไปตาย”
“ถ้าวันนั้นคนที่ตายเป็นกูมันคงจะดี มันจะดีใช่ไหมวะ”
เธอเค้นเสียงถามด้วยท่าทางรวดร้าว แล้วเอ่ยต่อทั้งน้ำตา “ถ้ามันจะดีมึงก็ฆ่ากูซะสิ ฆ่ากูให้สาสมกับความคั่งแค้น เอาให้สาแก่ใจกับความเกลียดชังที่มึงมีต่อกู”
“กูบอกมึงแล้วไง ว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต แต่ไม่ใช่ความตาย”
“แล้วมึงจะเอายังไงกับกู ไอ้คนใจร้าย!”
“เอาชีวิตแลกด้วยชีวิต แต่ไม่ใช่ความตาย”
เจ้าพ่อมาเฟียหนุ่มเอ่ยยืนยันด้วยถ้อยคำเดิมอย่างหนักแน่น ก่อนที่เธอจะเค้นเสียงต่ำทว่าหน่วงหนักไม่แพ้กันสวนกลับอย่างเหลืออดกับความบ้าดีเดือดของเขา
“กูเคยบอกมึงแล้วไง ว่ากูให้มึงไม่ได้”
“หึ…ไม่แน่หรอก เมื่อคืนมึงอาจจะให้กูแล้วก็ได้”
“ไม่มีวัน! ไอ้คนใจร้าย!”
คราวนี้คนถูกกระตุ้นด้วยข้อตกลงบางอย่างถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่นปนกรุ่นโกรธจนระงับอารมณ์ไม่ไหว และท่าทางจะเป็นจะตายก็ทำให้คนใจหินแสยะยิ้มด้วยความสาแก่ใจ
“กูไม่ใจร้ายเท่าที่มึงทำกับเมียกูหรอก และคนใจร้ายอย่างมึงก็คงไม่มีวันเข้าใจหัวอกของคนที่สูญเสีย ว่ามันรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน มึงไม่เคยสูญเสียมึงไม่มีวันเข้าใจ” เขาเค้นเสียงกระด้างสาดใส่หน้า ก่อนจะถอยห่าง แล้วหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้เจ้าของร่างสั่นเทาทรุดลงไปกองกับพื้น
“ทำไมกูจะไม่เข้าใจ มึงเสียเมีย แต่กูเสียคนที่กูรักมากที่สุดอย่างมึงไงไอ้คนใจยักษ์” ปิยฉัตรพึมพำทั้งน้ำตา ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาเธอก็เจ็บปวดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขานักหรอก
ตราบใดที่ผู้ชายหูหนวกตาบอดอย่างเขายังไม่ยอมเปิดใจ เขาจะไม่มีวันล่วงรู้ว่าเบื้องหลังก่อนที่เมียเขาจะตายมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นเธอต้องจมปลักอยู่กับอดีตอันเลวร้ายมาตลอด ปิยฉัตรไม่ได้เสียแค่เขาไป แต่เธอเสียหลัก เสียศูนย์ เกิดภาพหลอนจนนอนไม่หลับ หวาดผวาหนักจนต้องกินยานอนหลับติดๆ กัน ที่สุดก็เข้าขั้นวิกฤตจนต้องเข้าพบจิตแพทย์ ทั้งที่เรื่องเลวร้ายในครั้งนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ เธอก็แค่ถูกดึงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์อัปยศนั่น เธอก็แค่เป็นเหยื่อที่เมียเขาสร้างเรื่องดึงเข้าไปมีเอี่ยวทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย
แต่คนไม่รู้อะไรเลยอย่างเธอกลับตกเป็นจำเลย กลายเป็นคนเจ็บปวดที่สุด เจ็บจากการถูกผลักไส ทรมานจากการถูกหมางเมิน และเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้เมื่อเขายังไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เพราะ ‘พันธะ’ บางอย่าง
พันธะบ้าๆ ที่คนร้ายกาจเหนือชั้นกว่าสร้างมันขึ้นมา
ร่างระหงของคุณแม่ยังสาวแถมยังห้าวเป้งเกินหญิงก้าวมาหยุดลงตรงหน้าคนที่กำลังกอดอกหลับตานิ่งๆ อยู่ตรงม้านั่งยาวในสวนสวยข้างลานลอดรถ คลี่ยิ้มบางๆ แล้วไล้แก้มสากอย่างอ่อนโยน หลุดหัวเราะคิกเมื่อคนที่เผลอหลับชักได้สติครางงึมงำในลำคอคล้ายขัดใจ ครั้นเธอจะละมือห่างเขากลับคว้าเอาไว้ แล้วจูบหนักๆ ลงบนหลังมือนุ่ม แต่แค่นั้นดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เพราะพ่อเจ้าประคุณทำให้เธอหลุดอุทานหน้าตื่นด้วยการฉุดร่างอ้อนแอ้นลงไปนั่งแหมะบนตักแกร่ง แล้วร้อยรัดเอวคอดกิ่วด้วยวงแขนอุ่นอย่างไม่กริ่งเกรงว่าใครจะมาเห็น ฟอด!!!“คิดถึงจังเลยทูนหัว”หลังจากกดจมูกลงหอมแก้มนวลปลั่งของเมียรักฟอดใหญ่ ชายที่ใครต่อใครต่างขนานนามว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งน่านน้ำอันดามันก็เอ่ยอย่างอ้อนๆ“ปี่ก็คิดถึงคุณค่ะ แต่ปล่อยก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาตายเลย”เจ้าของใบหน้าร้อนจี๋ที่ไม่ได้พบหน้าสามีมาสามวันเต็มๆ เพราะเขาบินไปทำธุระด่วนที่ฮ่องกง กระซิบบอกเสียงหวาน แล้วละล่ำละลัก พลางขืนกายออกจากวงแขนล่ำด้วยท่าทีขัดเขิน “ฮื่อ…เห็นก็ช่างเขาสิจ๊ะ ก็ผมคิดถึงคุณนี่นา ลงจากเครื่องได้ก็ให้ไอ้ยุทธมาส่งหาคุณเลยนะ” นอกจากจะไม่ทำตามที่เธอต้องการ ค
ห้าปีผ่านไปชีวิตคู่ของจอมพลกับปิยฉัตรยังคงหวานชื่นไม่สร่างซา ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงห้าปี เขาไม่เคยรักเธอน้อยลง เช่นเดียวกับเธอที่ไม่เคยรักเขาน้อยลงเช่นกัน ความรักของทั้งคู่ยังคงหวานฉ่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แถมใครที่มีโอกาสได้เห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันก็ต่างอ้าปากค้าง เพราะคิดไม่ถึงว่าผู้ชายบุคลิกดิบเถื่อน เย็นชา ดุดัน และแข็งกระด้าง จะปากหวานและช่างเอาอกเอาใจเมียรักได้มากมายจนชวนทึ่ง เช่นเดียวกับปิยฉัตรที่ทำให้หลายคนซึ่งมีโอกาสได้เห็นบทบาทในฐานะเมียของจอมพล ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงห้าวๆ ลุยๆ บุคลิกค่อนไปทางผู้ชายจะอ่อนหวาน และช่างเอาอกเอาใจสามีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญคือจอมพลรักและหลงเมียมากจนเป็นที่กล่าวขาน แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเขาหวงเธอเอามากๆ หวงแม้กระทั่งกับลูกชายและลูกสาวของตัวเอง “แม่จ๋า หนูปิ่นอยากนอนกับแม่” เด็กหญิงปีย์วรา อาศิระ หรือหนูปิ่น หนูน้อยวัยสี่ขวบเอ่ยออดอ้อน พลางซบหน้าที่ถอดพิมพ์มาจากผู้เป็นพ่อเด๊ะแต่ตาสวยเหมือนแม่ลงตรงอกอุ่น น้ำคำออเซาะของลูกสาวสุดสวาททำให้คนเป็นพ่อที่นั่งเหยียดขาพิงหลังกับหมอนชะงักมือที่กำลังเลื่อนอ่านงานผ่านห
จากนั้นยุทธนาก็เดินมาบอกบ่าวสาวว่าถึงเวลาเข้าหอแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคณะฮาครืนอีกรอบเพราะคำแซวต่างๆ นานา ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะไปยังห้องสวีทของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ขอบใจหนูปี่มากนะที่ยอมอดทนกับลูกชายนิสัยเสียของป๊า ยอมให้อภัยไอ้คนใจหมาอย่างมัน และยอมกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันกับมัน ป๊าดีใจนะที่หนูยอมกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ยินดีต้อนรับสู่อาศิระอย่างเป็นทางการนะลูก”เจ้าสัวทรงพลเอ่ยเสียงติดจะสั่นเครือด้วยความตื้นตัน เพราะท่านเฝ้ารอที่จะได้เห็นทั้งคู่ครองรักและแต่งงานกันแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นคนแก่ก็เดินเข้าไปสวมกอดลูกสะใภ้ “ทีนี้ก็เรียกป๊าว่าป๊าได้แล้วนะ”“ขอบคุณมากค่ะป๊า”ปิยฉัตรพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยในจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน แล้วถอยห่างออกไป นัยน์ตากลมโตทั้งสองข้างคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสๆ เพราะซาบซึ้งใจเหลือคณา “ส่วนแกก็ทำตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะไอ้ตัวแสบ อย่าเกเรจนเมียทิ้งอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม ป๊ารักแกนะโว้ย”ขาดคำผู้เป็นพ่อก็ขยับเข้าไปสวมกอดลูกชาย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ในจังหวะที่เขาเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณครับป๊า ผมก็รักป๊าเช่นกันครับ” จากนั้นก็เป็นน้องกั
ต่อจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือน งานแต่งของทั้งคู่ก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งที่ปิยฉัตรค้านหัวชนฝาแต่สามีจอมเอาแต่ใจกลับไม่ยอมท่าเดียว ดังนั้นเธอจึงแก้เผ็ดโดยการเป็นฝ่ายเลือกชุดบ่าวสาวเอง และบังคับว่าเขาจะต้องใส่ชุดที่เธอเลือกให้โดยไม่มีข้อแม้ และนั่นก็คือที่มาที่ทำให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขานไปทั้งประเทศ อีกทั้งคนมางานก็ต่างฮาครืน ระเบิดเสียงหัวเราะ หรือถ้าเป็นผู้รากมากดีหน่อยก็จะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ก็จะไม่ให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ได้ยังไง ในเมื่อชุดเจ้าสาวแต่เจ้าสาวไม่ได้ใส่ เช่นเดียวกับชุดเจ้าบ่าวแต่เจ้าบ่าวไม่ได้ใส่ นั่นก็เพราะปิยฉัตรบังคับให้ทั้งคู่สลับชุดกัน ซึ่งในคราแรกนั้นจอมพลออกอาการโวยลั่น แต่พอเจอเธอขึงตา และแหวใส่ว่าจะไม่แต่งเท่านั้นแหละ พ่อเจ้าประคุณก็ว่าง่ายขึ้นมาทันทีประหนึ่งโดนสะกดจิต จับให้แต่งหญิงทั้งหน้า วิกผม และสวมชุดเจ้าสาวหรูหราฟูฟ่องก็ไม่ปริปากบ่น น่ารักเสียจนเธอต้องหอมแก้มให้รางวัลคนทำหน้าเหยเกเพราะสุขล้นนั้นหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเธอน่ะเหรอโคตรสบาย ได้สวมชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้สีขาวถือว่าเข้าทางถนัด แต่พุงที่ยื่นออกมา
“แต่คุณก็ส่งข้อความมาได้นี่นา” “การส่งข้อความถึงคุณมันยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อาการคิดถึงเมียของผมมันไม่ต่างจากอาการลงแดงนักหรอกทูนหัว” ที่สุดจอมพลก็สารภาพออกมาในสภาพโหนกแก้มแดงก่ำ มันชวนมองจนคนที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นยิ้มร่า ก่อนจะทำใจกล้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสากเร็วๆ หนึ่งที และนั่นก็ทำเอาจอมพลถึงกับตาโต อ้าปากค้าง หัวใจพองฟูคับอก “ขอบคุณนะคะที่คิดถึงฉัน” เธอเอ่ยเสียงหวานหยดจนคนฟังใจสั่น ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโรงพยาบาลคงได้หาทางปล้ำคนท้องให้หนำใจ และถ้ารู้ว่าแค่เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ แล้วจะได้ความน่ารักจากเมียขนาดนี้เขายอมเจ็บตัวทั้งปี“ก็เมียทั้งคนนี่ครับ” น้ำคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ความหมายโคตรดี๊ดีทำเอาคนฟังอุ่นซ่านไปทั้งใจ ปิยฉัตรยิ้มจนแก้มปริ ดวงตายิบหยี ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ แต่นิ่งไปสักพักถึงได้เอ่ยออกมา“จะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวางรู้ไหมคะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ขอให้มันเป็นเพียงอดีต โดยเฉพาะเรื่องของแม่คุณ และเรื่องของอรอุมา ต่อให้ผู้หญิงทั้งโลกจะเลว แต่ขอให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ใช่ปี่ ปี่ไม่มีวันหักหลังหรือทรยศคุณ เหมือนอย่างที่แม่ของคุณแล
เขาบอกจะไปแค่เกือบหนึ่งเดือน แต่นี่เลยหนึ่งเดือนมาเป็นอาทิตย์แล้วพ่อของอีหนูในท้องก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น ทำเอาว่าที่คุณแม่ซึ่งจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหมั่นเช็กข้อความมือถือที่พ่อของลูกมักจะส่งมาสัพยอกหยอกเย้าเป็นประจำ แต่กลับไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวในรอบอาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่โทรมาหา พอเธอตัดสินใจเป็นฝ่ายติดต่อไปก็ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ความกังวลและเป็นห่วงจอมพลสารพัดทำให้ปิยฉัตรไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ทานข้าวก็ไม่ค่อยลง นอนก็ไม่หลับ ทั้งที่ตั้งแต่ท้องมาเธอคลั่งไคล้การกินและการนอนหนักเอามากๆ และสภาพเสื่อมโทรมคงไปเตะตาของเพื่อนรักอย่างธารธาราเข้า อีกฝ่ายถึงได้ทิ้งสามีมาชวนเธอไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องในช่วงหัวคำของสุดสัปดาห์ “ไปกันยังคะคุณแม่” ธารธาราเอ่ยเย้าเล็กๆ ครั้นเห็นเธอพยักหน้าเนือยๆ ก็ตั้งท่าจะไปช่วยถือของที่วางอยู่ข้างกายให้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรทัศน์ซึ่งแขวนอยู่เหนือศีรษะก็มีการรายงานข่าวด่วนที่ทำให้ทั้งคู่นิ่งจังงัง ‘เครื่องบินของสายการบินดังของอเมริกาไถลออกนอกรันเวย์ ขณะกัปตันกำลังนำเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผ







