Masukปิยฉัตรนั่งคิดไปถึงเรื่องราวอันแสนขมขื่นในอดีตด้วยสภาพหัวใจห่อเหี่ยว ทันใดนั้นเสียงข้อความมือถือก็ดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งน้ำตาไหลถึงกับหลุดสะดุ้งน้อยๆ แล้วลุกเดินไปคว้ามือถือที่โต๊ะวางโคมไฟ จากนั้นก็ค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งที่ปลายเตียงพร้อมกับก้มลงอ่านข้อความที่เพิ่งส่งมา
‘ป๊าอยากได้หลานสาว’
นี่ก็อีกคน เผด็จการทั้งบ้าน ไม่รู้จะเอาอะไรกับเธอนัก
‘เร่งทำหลานให้ป๊าหน่อยสิ’
ปิยฉัตรกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย อยากจะตอบกลับไปนักว่ามดลูกเธอฝ่อ เธอเป็นหมัน เสียให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่กลับทำได้เพียงละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ เช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มอย่างลวกๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่
แล้วล้มตัวลงนอนด้วยสภาพอ่อนล้าเต็มทน แต่ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังสามครั้งติดๆ ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่ง ในใจนึกหวั่นว่าคนที่มาเคาะประตูจะเป็นคนที่เพิ่งออกไปจากห้อง
“นายหญิงคะ! เปิดประตูหน่อยค่ะ!”
“ใครวะ? นายหญิง”
คุณหมอสาวพึมพำกับตัวเองพร้อมทำหน้างง ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจเพราะคิดว่าคนที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตูคงจำหมายเลขห้องผิด แต่ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครา
ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…
“นายหญิงคะ เปิดประตูหน่อยค่ะ”
“โอยยยย…อะไรกันนักหนาวะเนี่ย”
เสียงหวานบ่นอุบ ใบหน้าเนียนใสบึ้งนิดๆ ทว่าก็ยอมก้าวขาลงจากเตียง แล้วเดินไปยังประตู หลังจากมองผ่านช่องตาแมวแล้วเห็นว่าเป็นพนักงานของรีสอร์ตเธอจึงตัดสินใจเปิดประตูให้อ้าออก
“สวัสดีค่ะนายหญิง”
คำทักทายแรกที่หลุดออกมาจากปากสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มทำให้คุณหมอสาวขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงงเต็มอัตรา แล้วย้อนกลับอย่างฉะฉาน
“เธอจำคนผิดหรือเปล่า ฉันชื่อปิยฉัตร และไม่เคยเป็นนายหญิงของใคร”
“เอ่อ…จำไม่ผิดหรอกค่ะ นายใหญ่ให้เรียกแบบนั้น”
“นายใหญ่?” คราวนี้ปิยฉัตรงงเป็นไก่ตาแตก
“ใช่ค่ะ นายใหญ่ หรือท่านเจ้าสัวทรงพลค่ะ”
นั่นไง! ตงิดใจอยู่แล้วเชียว
ตาแก่นั่นชอบเจ้ากี้เจ้าการอีกแล้ว
หลังจากที่ได้รู้ว่านายใหญ่คือใครกันแน่ปิยฉัตรก็ถึงบางอ้อ หัวสมองพลันกระหวัดคิดไปถึงชายแก่ผู้มากเล่ห์ ซึ่งเป็นคนไล่ต้อนให้เธอติดกับอยู่กับพันธะบางอย่างจนไปไหนไม่ได้
เธอเคยพบหน้าอีกฝ่ายเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว หลังจากโดนมัดมือชกให้เซ็นเอกสารบ้าบอคอแตก เธอก็ไม่เคยเจอตาแก่จอมเผด็จการนั่นอีกเลย จะมีบ้างที่อีกฝ่ายจะส่งข้อความมาทวงสัญญาชวนปวดหัวเป็นระยะ แต่พักหลังๆ ชักจะถี่ขึ้น ถ้าจำไม่ผิดก็คงตั้งแต่ที่เธอบังเอิญไปเจอกับจอมพลที่ร้านอาหารเมื่อคราวโน้น
“แล้วเธอมีอะไรกับฉันหรือเปล่า”
“นายใหญ่ให้เอาของมาให้นายหญิงค่ะ”
สาวน้อยเอ่ยอย่างยิ้มๆ ก่อนจะก้มลงไปอุ้มกล่องใบใหญ่ แล้วส่งให้คนที่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู ปิยฉัตรรับของมาอย่างเสียไม่ได้ พร้อมเอ่ยถาม
“อะไรอยู่ในนี้”
“หนูก็ไม่ทราบค่ะ หมดหน้าที่ของหนูแล้ว หนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะนายหญิง”
ขาดคำสาวน้อยก็หมุนตัวก้าวฉับๆ จากไป ทิ้งให้คนที่กำลังยืนถือกล่องในมือได้แต่อ้าปากค้าง ตั้งใจจะค้านว่าเธอไม่ใช่นายหญิง แต่ก็เห็นเพียงหลังไวๆ ของอีกฝ่ายเสียแล้ว
ปิยฉัตรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เดินอุ้มกล่องไปวางลงที่มุมรับแขก แล้วเดินกลับมาปิดประตูห้อง ก่อนจะกลับไปแกะดูของที่อยู่ในกล่องปริศนา
“ยาบำรุง…”
ทันทีที่เห็นว่าเป็นอะไรเสียงหวานก็พึมพำเบาๆ ในใจนึกอยากจะแจ้นเอามันไปคืนตาแก่จอมเอาแต่ใจนั่น แล้วตะโกนใส่หน้าว่าอย่ามายุ่งกับเธอ แต่ก็ทำได้เพียงเพิกเฉยเท่านั้น
ไม่นานเสียงข้อความมือถือก็ดังขึ้น คนที่ชักจะปวดหัวกับเรื่องอีรุงตุงนังที่คาราคาซังไม่จบไม่สิ้นถึงกับทำหน้าเหมือนกินยาขม ปากสีระเรื่อเม้มนิดๆ ขณะหยิบมือถือมาดูอย่างเสียไม่ได้
‘กินยาบำรุงให้หมดด้วยนะ ป๊าอุตส่าห์สั่งมาจากเมืองจีน เอาให้ชัวร์จากเมื่อคืน’
ข้อความในตอนท้ายทำให้คุณหมอสาวหน้าร้อนวาบ ตาแก่นั่นรู้ได้ยังไงว่าเมื่อคืนเธอกับจอมพลเผลอนอนด้วยกัน ในเมื่อก่อนหน้าที่จะตัดสินใจมาภูเก็ตเธอเช็กดีแล้วว่าอีกฝ่ายไปเมืองจีน
เอ๊ะ! หรือว่าเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นฝีมือของตาแก่นั่น
คิดได้ดังนั้นปิยฉัตรก็โกรธจนตัวสั่น แล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับอย่างฉับไว
‘ไม่กินค่ะ ไม่ชอบกินยา’
วินาทีถัดมาอีกฝ่ายก็พิมพ์ข้อความโต้ตอบทันควัน
‘ไม่กินหลานสาวป๊าก็อดมาเกิดน่ะสิ’
‘สาธุๆๆๆ’
‘ถ้าหนูปี่ไม่กินยาบำรุงป๊าจะให้จอมพลจับไปขังไว้ที่เกาะ แล้วทำหลานให้ป๊า เช้า กลางวัน เย็น ถ้าได้หลานชายไม่นับ เอาจนกว่าจะได้หลานสาว’
ข้อความยาวเหยียดทำให้คนที่ไม่ค่อยได้แสดงพฤติกรรมออกไปทางผู้หญิงสักเท่าไหร่นึกอยากจะกรี๊ดออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจเหลือคณา
‘ไอ้มาเฟียหน้าหนวดนั่นไม่มีน้ำยาหรอกค่ะ ต่อให้เอาหนูไปขังสักสิบเกาะคุณก็ไม่มีวันได้หลานสาวสมใจ และถ้าคุณยุ่งกับหนูมากๆ หนูจะตัดมดลูกทิ้ง!’
ปิยฉัตรพิมพ์ข้อความส่งไปมือไม้สั่น ทั้งขุ่นเคืองและอัดอั้นตันใจระคนกัน ก่อนจะอ้าปากค้าง เมื่อสายตาปะทะเข้ากับข้อความกักขฬะที่อีกฝ่ายส่งกลับมาในเสี้ยววินาที
‘ตัดมดลูกทิ้งกูก็ ‘เอา’ มึงได้’
ซวยแล้ว! สองพ่อลูกนั่นอยู่ด้วยกัน!
‘กูไม่ให้เอา’
‘ก็กูจะเอา มีอะไรไหม’
‘กูไม่ให้’
‘ไม่เป็นไร กูบังคับเอาก็ได้’
‘ไอ้มาเฟียเถื่อน!’
‘เออ!…กูเถื่อน และตอนเอากับมึงกูจะเถื่อนกว่านี้อีก’
‘เอากู…แต่ป๊ามึงจะไม่มีวันได้หลานสาวสมใจ เพราะถ้ากูตัดมดลูกทิ้งกูก็จะท้องไม่ได้ พ่อมึงไม่มีวันสมหวังหรอกไอ้มาเฟียหน้าหนวด’ ถึงแม้จะหวาดหวั่นไม่น้อยแต่เธอก็ยังไม่วายส่งข้อความตอบโต้
‘งั้นก่อนที่มึงจะตัดมดลูกทิ้ง ไอ้มาเฟียหน้าหนวดคนนี้ขอพิสูจน์ก่อนเถอะว่ะ ว่ากูมีน้ำยา! คราวนี้มึงได้รู้ซึ้งแน่ว่าฟ้าเหลืองมันเป็นยังไง อ๋อ…เตรียมเปิดประตูต้อนรับ ‘ผัว’ ด้วยล่ะเมียจ๋า ผัวกำลังจะไปหา’
‘มึงไม่ใช่ผัวกู!’
ร่างระหงของคุณแม่ยังสาวแถมยังห้าวเป้งเกินหญิงก้าวมาหยุดลงตรงหน้าคนที่กำลังกอดอกหลับตานิ่งๆ อยู่ตรงม้านั่งยาวในสวนสวยข้างลานลอดรถ คลี่ยิ้มบางๆ แล้วไล้แก้มสากอย่างอ่อนโยน หลุดหัวเราะคิกเมื่อคนที่เผลอหลับชักได้สติครางงึมงำในลำคอคล้ายขัดใจ ครั้นเธอจะละมือห่างเขากลับคว้าเอาไว้ แล้วจูบหนักๆ ลงบนหลังมือนุ่ม แต่แค่นั้นดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เพราะพ่อเจ้าประคุณทำให้เธอหลุดอุทานหน้าตื่นด้วยการฉุดร่างอ้อนแอ้นลงไปนั่งแหมะบนตักแกร่ง แล้วร้อยรัดเอวคอดกิ่วด้วยวงแขนอุ่นอย่างไม่กริ่งเกรงว่าใครจะมาเห็น ฟอด!!!“คิดถึงจังเลยทูนหัว”หลังจากกดจมูกลงหอมแก้มนวลปลั่งของเมียรักฟอดใหญ่ ชายที่ใครต่อใครต่างขนานนามว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งน่านน้ำอันดามันก็เอ่ยอย่างอ้อนๆ“ปี่ก็คิดถึงคุณค่ะ แต่ปล่อยก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาตายเลย”เจ้าของใบหน้าร้อนจี๋ที่ไม่ได้พบหน้าสามีมาสามวันเต็มๆ เพราะเขาบินไปทำธุระด่วนที่ฮ่องกง กระซิบบอกเสียงหวาน แล้วละล่ำละลัก พลางขืนกายออกจากวงแขนล่ำด้วยท่าทีขัดเขิน “ฮื่อ…เห็นก็ช่างเขาสิจ๊ะ ก็ผมคิดถึงคุณนี่นา ลงจากเครื่องได้ก็ให้ไอ้ยุทธมาส่งหาคุณเลยนะ” นอกจากจะไม่ทำตามที่เธอต้องการ ค
ห้าปีผ่านไปชีวิตคู่ของจอมพลกับปิยฉัตรยังคงหวานชื่นไม่สร่างซา ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงห้าปี เขาไม่เคยรักเธอน้อยลง เช่นเดียวกับเธอที่ไม่เคยรักเขาน้อยลงเช่นกัน ความรักของทั้งคู่ยังคงหวานฉ่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แถมใครที่มีโอกาสได้เห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันก็ต่างอ้าปากค้าง เพราะคิดไม่ถึงว่าผู้ชายบุคลิกดิบเถื่อน เย็นชา ดุดัน และแข็งกระด้าง จะปากหวานและช่างเอาอกเอาใจเมียรักได้มากมายจนชวนทึ่ง เช่นเดียวกับปิยฉัตรที่ทำให้หลายคนซึ่งมีโอกาสได้เห็นบทบาทในฐานะเมียของจอมพล ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงห้าวๆ ลุยๆ บุคลิกค่อนไปทางผู้ชายจะอ่อนหวาน และช่างเอาอกเอาใจสามีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญคือจอมพลรักและหลงเมียมากจนเป็นที่กล่าวขาน แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเขาหวงเธอเอามากๆ หวงแม้กระทั่งกับลูกชายและลูกสาวของตัวเอง “แม่จ๋า หนูปิ่นอยากนอนกับแม่” เด็กหญิงปีย์วรา อาศิระ หรือหนูปิ่น หนูน้อยวัยสี่ขวบเอ่ยออดอ้อน พลางซบหน้าที่ถอดพิมพ์มาจากผู้เป็นพ่อเด๊ะแต่ตาสวยเหมือนแม่ลงตรงอกอุ่น น้ำคำออเซาะของลูกสาวสุดสวาททำให้คนเป็นพ่อที่นั่งเหยียดขาพิงหลังกับหมอนชะงักมือที่กำลังเลื่อนอ่านงานผ่านห
จากนั้นยุทธนาก็เดินมาบอกบ่าวสาวว่าถึงเวลาเข้าหอแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคณะฮาครืนอีกรอบเพราะคำแซวต่างๆ นานา ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะไปยังห้องสวีทของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ขอบใจหนูปี่มากนะที่ยอมอดทนกับลูกชายนิสัยเสียของป๊า ยอมให้อภัยไอ้คนใจหมาอย่างมัน และยอมกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันกับมัน ป๊าดีใจนะที่หนูยอมกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ยินดีต้อนรับสู่อาศิระอย่างเป็นทางการนะลูก”เจ้าสัวทรงพลเอ่ยเสียงติดจะสั่นเครือด้วยความตื้นตัน เพราะท่านเฝ้ารอที่จะได้เห็นทั้งคู่ครองรักและแต่งงานกันแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นคนแก่ก็เดินเข้าไปสวมกอดลูกสะใภ้ “ทีนี้ก็เรียกป๊าว่าป๊าได้แล้วนะ”“ขอบคุณมากค่ะป๊า”ปิยฉัตรพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยในจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน แล้วถอยห่างออกไป นัยน์ตากลมโตทั้งสองข้างคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสๆ เพราะซาบซึ้งใจเหลือคณา “ส่วนแกก็ทำตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะไอ้ตัวแสบ อย่าเกเรจนเมียทิ้งอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม ป๊ารักแกนะโว้ย”ขาดคำผู้เป็นพ่อก็ขยับเข้าไปสวมกอดลูกชาย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ในจังหวะที่เขาเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณครับป๊า ผมก็รักป๊าเช่นกันครับ” จากนั้นก็เป็นน้องกั
ต่อจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือน งานแต่งของทั้งคู่ก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งที่ปิยฉัตรค้านหัวชนฝาแต่สามีจอมเอาแต่ใจกลับไม่ยอมท่าเดียว ดังนั้นเธอจึงแก้เผ็ดโดยการเป็นฝ่ายเลือกชุดบ่าวสาวเอง และบังคับว่าเขาจะต้องใส่ชุดที่เธอเลือกให้โดยไม่มีข้อแม้ และนั่นก็คือที่มาที่ทำให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขานไปทั้งประเทศ อีกทั้งคนมางานก็ต่างฮาครืน ระเบิดเสียงหัวเราะ หรือถ้าเป็นผู้รากมากดีหน่อยก็จะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ก็จะไม่ให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ได้ยังไง ในเมื่อชุดเจ้าสาวแต่เจ้าสาวไม่ได้ใส่ เช่นเดียวกับชุดเจ้าบ่าวแต่เจ้าบ่าวไม่ได้ใส่ นั่นก็เพราะปิยฉัตรบังคับให้ทั้งคู่สลับชุดกัน ซึ่งในคราแรกนั้นจอมพลออกอาการโวยลั่น แต่พอเจอเธอขึงตา และแหวใส่ว่าจะไม่แต่งเท่านั้นแหละ พ่อเจ้าประคุณก็ว่าง่ายขึ้นมาทันทีประหนึ่งโดนสะกดจิต จับให้แต่งหญิงทั้งหน้า วิกผม และสวมชุดเจ้าสาวหรูหราฟูฟ่องก็ไม่ปริปากบ่น น่ารักเสียจนเธอต้องหอมแก้มให้รางวัลคนทำหน้าเหยเกเพราะสุขล้นนั้นหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเธอน่ะเหรอโคตรสบาย ได้สวมชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้สีขาวถือว่าเข้าทางถนัด แต่พุงที่ยื่นออกมา
“แต่คุณก็ส่งข้อความมาได้นี่นา” “การส่งข้อความถึงคุณมันยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อาการคิดถึงเมียของผมมันไม่ต่างจากอาการลงแดงนักหรอกทูนหัว” ที่สุดจอมพลก็สารภาพออกมาในสภาพโหนกแก้มแดงก่ำ มันชวนมองจนคนที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นยิ้มร่า ก่อนจะทำใจกล้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสากเร็วๆ หนึ่งที และนั่นก็ทำเอาจอมพลถึงกับตาโต อ้าปากค้าง หัวใจพองฟูคับอก “ขอบคุณนะคะที่คิดถึงฉัน” เธอเอ่ยเสียงหวานหยดจนคนฟังใจสั่น ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโรงพยาบาลคงได้หาทางปล้ำคนท้องให้หนำใจ และถ้ารู้ว่าแค่เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ แล้วจะได้ความน่ารักจากเมียขนาดนี้เขายอมเจ็บตัวทั้งปี“ก็เมียทั้งคนนี่ครับ” น้ำคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ความหมายโคตรดี๊ดีทำเอาคนฟังอุ่นซ่านไปทั้งใจ ปิยฉัตรยิ้มจนแก้มปริ ดวงตายิบหยี ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ แต่นิ่งไปสักพักถึงได้เอ่ยออกมา“จะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวางรู้ไหมคะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ขอให้มันเป็นเพียงอดีต โดยเฉพาะเรื่องของแม่คุณ และเรื่องของอรอุมา ต่อให้ผู้หญิงทั้งโลกจะเลว แต่ขอให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ใช่ปี่ ปี่ไม่มีวันหักหลังหรือทรยศคุณ เหมือนอย่างที่แม่ของคุณแล
เขาบอกจะไปแค่เกือบหนึ่งเดือน แต่นี่เลยหนึ่งเดือนมาเป็นอาทิตย์แล้วพ่อของอีหนูในท้องก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น ทำเอาว่าที่คุณแม่ซึ่งจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหมั่นเช็กข้อความมือถือที่พ่อของลูกมักจะส่งมาสัพยอกหยอกเย้าเป็นประจำ แต่กลับไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวในรอบอาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่โทรมาหา พอเธอตัดสินใจเป็นฝ่ายติดต่อไปก็ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ความกังวลและเป็นห่วงจอมพลสารพัดทำให้ปิยฉัตรไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ทานข้าวก็ไม่ค่อยลง นอนก็ไม่หลับ ทั้งที่ตั้งแต่ท้องมาเธอคลั่งไคล้การกินและการนอนหนักเอามากๆ และสภาพเสื่อมโทรมคงไปเตะตาของเพื่อนรักอย่างธารธาราเข้า อีกฝ่ายถึงได้ทิ้งสามีมาชวนเธอไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องในช่วงหัวคำของสุดสัปดาห์ “ไปกันยังคะคุณแม่” ธารธาราเอ่ยเย้าเล็กๆ ครั้นเห็นเธอพยักหน้าเนือยๆ ก็ตั้งท่าจะไปช่วยถือของที่วางอยู่ข้างกายให้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรทัศน์ซึ่งแขวนอยู่เหนือศีรษะก็มีการรายงานข่าวด่วนที่ทำให้ทั้งคู่นิ่งจังงัง ‘เครื่องบินของสายการบินดังของอเมริกาไถลออกนอกรันเวย์ ขณะกัปตันกำลังนำเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผ







