Masuk“รำคาญโว้ย! จะอยู่หาสวรรค์วิมานอะไรอีกวะ บอกแล้วไงว่าคนอย่างฉันเอาผู้หญิงแบบเธอแค่ครั้งเดียว ถ้าอยากโดน ‘ซ้ำเช้า’ ก็ออกไปหาผู้ชายตามชายหาดโน่น!”
วินาทีนั้นบอกเลยว่าปิยฉัตรทำอะไรแทบไม่ถูก ร่างบางได้แต่เอนตัวลงไปนอนหลบอยู่ข้างเตียงในสภาพเม้มปาก กลั้นหายใจ หน้าซีด ตัวสั่น รอจนกระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายผล็อยหลับไปอีกครั้ง มีเสียงกรนบ่งบอกว่าหลับสนิทแล้วจริงๆ เธอถึงได้ลุกขึ้น แล้วย่องออกมาจากห้องนั้นด้วยสภาพใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
หลังจากปิดประตูปิยฉัตรก็หันซ้ายแลขวาด้วยท่าทางหวาดระแวง แล้วรีบสาวเท้าก้าวไปยังห้องของตัวเอง ทว่ายังไปไม่ถึงไหนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เฮ้! ไอ้ปี่!”
หลังจากหลุดสะดุ้งเฮือกด้วยอาการของวัวสันหลังหวะ ปิยฉัตรก็ยืนหันหลังเม้มปาก กำหมัด หลับตาแน่น ในใจนึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น หากแต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ฉะนั้นจึงจำต้องกลั้นใจหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่บังเอิญมาเจอเธอเข้า
“มึงจะรีบไปไหนวะ” ทันทีที่เธอหันมาหาปรเมศก็ยืนล้วงกระเป๋าเอ่ยถามด้วยท่าทางนิ่งๆ ทว่านัยน์ตาคมกริบกลับลอบจับสังเกตความผิดปกติไม่ลดละ
“เอ่อ…กูจะกลับห้องน่ะ”
“กลับห้อง” ชายหนุ่มทวนคำอย่างงงๆ
“ใช่”
“อ้าว! แสดงว่าเมื่อคืนมึงไม่ได้นอนที่ห้องตัวเองงั้นสิ”
“อืม…” พยายามตอบหน้าตาย ทั้งที่ในใจร่ำๆ ว่าจะยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองแรงๆ ด้วยความอึดอัดขัดใจกับความช่างสงสัยของไอ้คนที่ดันมาเจอเธอเข้าพอดี
“แล้วมึงไปนอนที่ไหนมาวะ”
“กูถูกสลับกุญแจห้อง ก็เลยต้องไปนอนอีกห้อง”
ปิยฉัตรเอ่ยตอบด้วยวาจาที่คิดว่าสมเหตุสมผลที่สุด เกือบหลุดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่แล้วก็แทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อปรเมศยิงคำถามชวนแกล้งตายมาอีกหนึ่งคำรบ
“แล้วห้องนั้นเป็นห้องใครวะ”
“เอ่อ…ห้องเจ้าของรีสอร์ตน่ะ” คราวนี้แม่สาวลุคห้าวเป้งเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก
“ห้องไอ้จอม!” คุณหมอหนุ่มหลุดอุทานด้วยความลืมตัว
“เออ! มึงจะเสียงดังทำไมวะ”
“เฮ้ย! เมื่อคืนมึงนอนกับไอ้จอมเหรอวะ งั้นก็แสดงว่าพวกมึงสองคน ‘ได้กัน’ แล้วสิ” คราวนี้พ่อหนุ่มมาดนิ่งหลุดอุทานออกมาเสียงดังกว่าเดิม ขณะจ้องหน้าเธอด้วยท่าทางตกใจสุดขีด
“ไอ้บ้า! กูไม่ได้นอนกับมันเว้ย! แค่ถูกสลับกุญแจห้อง มันไปนอนห้องกู ส่วนกูก็ไปนอนห้องมัน แค่นั้นเอง”
คนที่กำลังถูกไล่ต้อนเอ่ยปฏิเสธพัลวัน ถอนหายใจเฮือกเมื่อเสียงมือถือของปรเมศดังขึ้น แล้วก็แทบจะร้องไชโยเมื่อเขาขยับปากเป็นเชิงบอกว่าขอตัวเพราะเป็นสายสำคัญ
หลังจากวิ่งมาถึงห้องปิยฉัตรก็รีบไขกุญแจมือไม้สั่น แล้วลนลานล็อกประตูอย่างแน่นหนา จากนั้นก็รีบเดินไปทรุดกายลงนั่งตรงปลายเตียงด้วยสภาพหมดแรง ยกมือขึ้นลูบหน้า ก่อนจะเอนหลังลง แล้วนอนมองเพดาน อยู่ๆ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ ส่วนในใจก็ได้แต่คิดว่าเธอไม่น่ามางานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้เลย ถ้าเธอไม่มาเรื่องบ้าๆ ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเธอไม่มาคงไม่ต้องมาเจอเขาให้ปวดใจอีก ถ้าเธอไม่มาคงไม่ได้กับอดีตเพื่อนที่เธอยังคงรักไม่เสื่อมคลาย แถมยังได้กันในสภาพเมาเละแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปเสียตัวให้อีกฝ่ายอีท่าไหน จำได้ว่าเมื่อคืนเขาควงสาวสวยหุ่นสะบึมแต่ไหงมาจบลงที่เตียงกับคนที่เขาเกลียดเข้าไส้อย่างเธอได้
คนเกลียดกันได้กัน แล้วมันจะเป็นยังไงวะ?
โอ๊ย! คิดแล้วก็อยากจะบ้าตาย!
หลังจากนอนหมดอาลัยตายอยากมาเป็นชั่วโมง เธอก็ข่มความเสียใจเอาไว้ แล้วตั้งท่าจะไปอาบน้ำชำระร่างกายเพราะตอนสายๆ มีนัดกับธารธารา ทว่าเสียงทุบประตูรัวๆ กลับดังขึ้นเสียก่อน
ปัง! ปัง! ปัง!
“เปิดประตู! กูบอกให้เปิดประตู!”
เจ้าของน้ำเสียงกัมปนาททำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือใคร เขาตามเธอมาอย่างนั้นเหรอ ไอ้คนบ้านั่นรู้แล้วเหรอว่าคนที่มันนอนด้วยเมื่อคืนคือเธอไม่ใช่อีตัวที่ไหน
ซวยแล้วสิ!
“ไอ้ปี่! กูรู้นะว่ามึงอยู่ในนั้น! เปิดประตู!”
เสียงออกคำสั่งสิ้นสุดเสียงเคาะประตูรัวๆ ก็ดังขึ้นอีกครา ปิยฉัตรกำหมัดและเม้มปากจนเกือบเป็นเส้นตรง ครั้นจะทำเป็นไม่สนใจคนด้านนอกก็เค้นเสียงเข้มเจือดุดันข่มขู่
“ถ้ามึงไม่เปิดกูจะพังเข้าไป แล้วถ้ากูเข้าไปได้มึงคงรู้นะว่าใครจะต้อง ‘รับผิดชอบ’ ที่ทำให้กูเสียกำลัง พ่อจะเล่นให้กลับกรุงเทพไม่ไหวเลยแม่ง!”
“ไสหัวไปซะ!”
“มึงจะไม่เปิดดีๆ ใช่ไหม ด้ายยย…”
ท้ายประโยคลากเสียงยาวชวนขนลุก จนคนที่อยู่ภายในถึงขั้นนั่งไม่ติด ทว่าก่อนที่เขาจะได้ลงมือพังประตู เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“จอมคะ”
“คุณมาทำอะไรที่นี่รีญา”
คนที่กำลังทำท่าเหมือนจะพังประตูขบกรามระงับอารมณ์ ก่อนจะหันไปมองยังเบื้องหลัง จ้องหน้าสาวสวยเซ็กซี่ด้วยแววตาเย็นชา แล้วเอ่ยถามเสียงกระด้าง
“ก็เมื่อคืนคุณไม่ไปหารีญาที่ห้องตามที่ได้สัญญาไว้ รีญาก็เลยมาตามทวงสัญญาไงคะ”
คนที่คิดว่าตัวเองสำคัญสำหรับเขา คิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา เพราะเป็นคู่ควงของเขามาเกือบสองเดือนเอ่ยด้วยท่าทางแง่งอน ทว่าสายตากลับเชิญชวนอย่างเปิดเผย
น้ำคำสนทนาจากอีกฟากของประตูทำให้คนที่เดินมาหยุดลงตรงประตูย่นจมูก ปิยฉัตรไม่ได้อยากจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเขานักหรอก แต่แค่เดินมาหวังจะเอาหูแนบประตูให้แน่ใจว่าเขาไม่อยู่แล้วเท่านั้น
“ผมจำได้ว่าไม่เคยสัญญาอะไรกับคุณทั้งนั้น”
ท่าทางเย็นชาและวาจาไม่แคร์ความรู้สึกทำให้แม่นางแบบสาวทรงสะบึมนึกอยากกรีดร้องออกมาด้วยความคับข้องใจ ทว่าหากหล่อนทำอะไรสิ้นคิดเช่นนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะเขี่ยหล่อนออกไปจากชีวิต หล่อนตั้งใจจะไม่โวยวายให้ดูน่ารำคาญแล้ว หากสายตาไม่ไปสะดุดเข้ากับรอยตรงคออีกฝ่ายเสียก่อน
“ที่คุณไม่ไปหาฉัน เพราะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นมาใช่ไหม คอคุณถึงได้มีทั้งรอยดูดรอยข่วนขนาดนั้น อีหน้าไหนมันกล้ามายุ่งกับคุณ หรือว่าคนที่คุณกำลังข่มขู่ให้เปิดประตูอยู่นี่เป็นคนที่คุณนอนกกทั้งคืน”
“กลับไปซะ! นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาหาผม” มาเฟียหนุ่มผู้ไม่เคยแยแสต่อความรู้สึกของสตรีหน้าไหนเอ่ยเสียงห้าวห้วน แล้วหันไปทุบประตูอีกสามครั้งติดๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
“ไอ้ปี่! กูบอกให้มึงเปิดประตูไงโว้ย!”
“อย่ามายุ่งกับกู!” หลังจากหลุดสะดุ้งเฮือก เธอก็เค้นเสียงแข็งๆ ออกไป
“เวรเถอะ! ถ้ากูเข้าไปได้มึงเจอดีแน่!”
จอมพลหลุดสบถด้วยท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน อาการมาดหลุดของคนที่ชอบทำตัวเย็นชาไร้ความรู้สึกทำให้นางแบบสาวที่ยังไม่ไปไหนแทบสติแตก
“หรือว่านังผู้หญิงที่อยู่ในห้อง คือเมียที่คุณซุกเอาไว้ตามที่วงในเขาลือกัน”
ทนไม่ไหวรีญาก็โพล่งขึ้นด้วยความคับข้องใจ ท่าทางของเขาทำให้หล่อนชักจะสงสัยในข่าวลือที่ว่าเขาไม่ได้โสด หลังจากเมียรักตายอาจจะมีมูลความจริง เพราะข่าววงในบอกว่าเจ้าสัวทรงพลพ่อของเขาเป็นคนหลุดปากเรื่องนี้ออกมาเอง เพียงแต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้หญิงคนไหนกันที่เป็นเมียของเขาคนปัจจุบัน
“คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม เพราะผมบอกคุณแล้วว่าคุณจะเป็นได้แค่คู่ควงตามแผนธุรกิจเท่านั้น และจะไม่มีวันเปลี่ยนสถานะมาเป็นคู่รักหรือคู่นอนเด็ดขาด”
“แต่คุณก็ไม่ปฏิเสธตอนที่คุณพ่อของฉันจับคู่เราสองคน”
คราวนี้คนที่ยังไม่ได้ขึ้นเตียงกับเขาสักครั้ง ทำได้ก็แค่เพียงชูคอเชิดหน้าควงเขาร่อนไปมาให้ผู้หญิงคนอื่นอิจฉาถึงกับหมดสิ้นความอดทน
“ก็เพราะผมเห็นแก่หน้าพ่อคุณไง”
ร่างระหงของคุณแม่ยังสาวแถมยังห้าวเป้งเกินหญิงก้าวมาหยุดลงตรงหน้าคนที่กำลังกอดอกหลับตานิ่งๆ อยู่ตรงม้านั่งยาวในสวนสวยข้างลานลอดรถ คลี่ยิ้มบางๆ แล้วไล้แก้มสากอย่างอ่อนโยน หลุดหัวเราะคิกเมื่อคนที่เผลอหลับชักได้สติครางงึมงำในลำคอคล้ายขัดใจ ครั้นเธอจะละมือห่างเขากลับคว้าเอาไว้ แล้วจูบหนักๆ ลงบนหลังมือนุ่ม แต่แค่นั้นดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เพราะพ่อเจ้าประคุณทำให้เธอหลุดอุทานหน้าตื่นด้วยการฉุดร่างอ้อนแอ้นลงไปนั่งแหมะบนตักแกร่ง แล้วร้อยรัดเอวคอดกิ่วด้วยวงแขนอุ่นอย่างไม่กริ่งเกรงว่าใครจะมาเห็น ฟอด!!!“คิดถึงจังเลยทูนหัว”หลังจากกดจมูกลงหอมแก้มนวลปลั่งของเมียรักฟอดใหญ่ ชายที่ใครต่อใครต่างขนานนามว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งน่านน้ำอันดามันก็เอ่ยอย่างอ้อนๆ“ปี่ก็คิดถึงคุณค่ะ แต่ปล่อยก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาตายเลย”เจ้าของใบหน้าร้อนจี๋ที่ไม่ได้พบหน้าสามีมาสามวันเต็มๆ เพราะเขาบินไปทำธุระด่วนที่ฮ่องกง กระซิบบอกเสียงหวาน แล้วละล่ำละลัก พลางขืนกายออกจากวงแขนล่ำด้วยท่าทีขัดเขิน “ฮื่อ…เห็นก็ช่างเขาสิจ๊ะ ก็ผมคิดถึงคุณนี่นา ลงจากเครื่องได้ก็ให้ไอ้ยุทธมาส่งหาคุณเลยนะ” นอกจากจะไม่ทำตามที่เธอต้องการ ค
ห้าปีผ่านไปชีวิตคู่ของจอมพลกับปิยฉัตรยังคงหวานชื่นไม่สร่างซา ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงห้าปี เขาไม่เคยรักเธอน้อยลง เช่นเดียวกับเธอที่ไม่เคยรักเขาน้อยลงเช่นกัน ความรักของทั้งคู่ยังคงหวานฉ่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แถมใครที่มีโอกาสได้เห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันก็ต่างอ้าปากค้าง เพราะคิดไม่ถึงว่าผู้ชายบุคลิกดิบเถื่อน เย็นชา ดุดัน และแข็งกระด้าง จะปากหวานและช่างเอาอกเอาใจเมียรักได้มากมายจนชวนทึ่ง เช่นเดียวกับปิยฉัตรที่ทำให้หลายคนซึ่งมีโอกาสได้เห็นบทบาทในฐานะเมียของจอมพล ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงห้าวๆ ลุยๆ บุคลิกค่อนไปทางผู้ชายจะอ่อนหวาน และช่างเอาอกเอาใจสามีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญคือจอมพลรักและหลงเมียมากจนเป็นที่กล่าวขาน แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเขาหวงเธอเอามากๆ หวงแม้กระทั่งกับลูกชายและลูกสาวของตัวเอง “แม่จ๋า หนูปิ่นอยากนอนกับแม่” เด็กหญิงปีย์วรา อาศิระ หรือหนูปิ่น หนูน้อยวัยสี่ขวบเอ่ยออดอ้อน พลางซบหน้าที่ถอดพิมพ์มาจากผู้เป็นพ่อเด๊ะแต่ตาสวยเหมือนแม่ลงตรงอกอุ่น น้ำคำออเซาะของลูกสาวสุดสวาททำให้คนเป็นพ่อที่นั่งเหยียดขาพิงหลังกับหมอนชะงักมือที่กำลังเลื่อนอ่านงานผ่านห
จากนั้นยุทธนาก็เดินมาบอกบ่าวสาวว่าถึงเวลาเข้าหอแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคณะฮาครืนอีกรอบเพราะคำแซวต่างๆ นานา ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะไปยังห้องสวีทของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ขอบใจหนูปี่มากนะที่ยอมอดทนกับลูกชายนิสัยเสียของป๊า ยอมให้อภัยไอ้คนใจหมาอย่างมัน และยอมกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันกับมัน ป๊าดีใจนะที่หนูยอมกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ยินดีต้อนรับสู่อาศิระอย่างเป็นทางการนะลูก”เจ้าสัวทรงพลเอ่ยเสียงติดจะสั่นเครือด้วยความตื้นตัน เพราะท่านเฝ้ารอที่จะได้เห็นทั้งคู่ครองรักและแต่งงานกันแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นคนแก่ก็เดินเข้าไปสวมกอดลูกสะใภ้ “ทีนี้ก็เรียกป๊าว่าป๊าได้แล้วนะ”“ขอบคุณมากค่ะป๊า”ปิยฉัตรพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยในจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน แล้วถอยห่างออกไป นัยน์ตากลมโตทั้งสองข้างคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสๆ เพราะซาบซึ้งใจเหลือคณา “ส่วนแกก็ทำตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะไอ้ตัวแสบ อย่าเกเรจนเมียทิ้งอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม ป๊ารักแกนะโว้ย”ขาดคำผู้เป็นพ่อก็ขยับเข้าไปสวมกอดลูกชาย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ในจังหวะที่เขาเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณครับป๊า ผมก็รักป๊าเช่นกันครับ” จากนั้นก็เป็นน้องกั
ต่อจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือน งานแต่งของทั้งคู่ก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งที่ปิยฉัตรค้านหัวชนฝาแต่สามีจอมเอาแต่ใจกลับไม่ยอมท่าเดียว ดังนั้นเธอจึงแก้เผ็ดโดยการเป็นฝ่ายเลือกชุดบ่าวสาวเอง และบังคับว่าเขาจะต้องใส่ชุดที่เธอเลือกให้โดยไม่มีข้อแม้ และนั่นก็คือที่มาที่ทำให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขานไปทั้งประเทศ อีกทั้งคนมางานก็ต่างฮาครืน ระเบิดเสียงหัวเราะ หรือถ้าเป็นผู้รากมากดีหน่อยก็จะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ก็จะไม่ให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ได้ยังไง ในเมื่อชุดเจ้าสาวแต่เจ้าสาวไม่ได้ใส่ เช่นเดียวกับชุดเจ้าบ่าวแต่เจ้าบ่าวไม่ได้ใส่ นั่นก็เพราะปิยฉัตรบังคับให้ทั้งคู่สลับชุดกัน ซึ่งในคราแรกนั้นจอมพลออกอาการโวยลั่น แต่พอเจอเธอขึงตา และแหวใส่ว่าจะไม่แต่งเท่านั้นแหละ พ่อเจ้าประคุณก็ว่าง่ายขึ้นมาทันทีประหนึ่งโดนสะกดจิต จับให้แต่งหญิงทั้งหน้า วิกผม และสวมชุดเจ้าสาวหรูหราฟูฟ่องก็ไม่ปริปากบ่น น่ารักเสียจนเธอต้องหอมแก้มให้รางวัลคนทำหน้าเหยเกเพราะสุขล้นนั้นหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเธอน่ะเหรอโคตรสบาย ได้สวมชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้สีขาวถือว่าเข้าทางถนัด แต่พุงที่ยื่นออกมา
“แต่คุณก็ส่งข้อความมาได้นี่นา” “การส่งข้อความถึงคุณมันยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อาการคิดถึงเมียของผมมันไม่ต่างจากอาการลงแดงนักหรอกทูนหัว” ที่สุดจอมพลก็สารภาพออกมาในสภาพโหนกแก้มแดงก่ำ มันชวนมองจนคนที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นยิ้มร่า ก่อนจะทำใจกล้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสากเร็วๆ หนึ่งที และนั่นก็ทำเอาจอมพลถึงกับตาโต อ้าปากค้าง หัวใจพองฟูคับอก “ขอบคุณนะคะที่คิดถึงฉัน” เธอเอ่ยเสียงหวานหยดจนคนฟังใจสั่น ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโรงพยาบาลคงได้หาทางปล้ำคนท้องให้หนำใจ และถ้ารู้ว่าแค่เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ แล้วจะได้ความน่ารักจากเมียขนาดนี้เขายอมเจ็บตัวทั้งปี“ก็เมียทั้งคนนี่ครับ” น้ำคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ความหมายโคตรดี๊ดีทำเอาคนฟังอุ่นซ่านไปทั้งใจ ปิยฉัตรยิ้มจนแก้มปริ ดวงตายิบหยี ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ แต่นิ่งไปสักพักถึงได้เอ่ยออกมา“จะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวางรู้ไหมคะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ขอให้มันเป็นเพียงอดีต โดยเฉพาะเรื่องของแม่คุณ และเรื่องของอรอุมา ต่อให้ผู้หญิงทั้งโลกจะเลว แต่ขอให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ใช่ปี่ ปี่ไม่มีวันหักหลังหรือทรยศคุณ เหมือนอย่างที่แม่ของคุณแล
เขาบอกจะไปแค่เกือบหนึ่งเดือน แต่นี่เลยหนึ่งเดือนมาเป็นอาทิตย์แล้วพ่อของอีหนูในท้องก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น ทำเอาว่าที่คุณแม่ซึ่งจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหมั่นเช็กข้อความมือถือที่พ่อของลูกมักจะส่งมาสัพยอกหยอกเย้าเป็นประจำ แต่กลับไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวในรอบอาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่โทรมาหา พอเธอตัดสินใจเป็นฝ่ายติดต่อไปก็ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ความกังวลและเป็นห่วงจอมพลสารพัดทำให้ปิยฉัตรไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ทานข้าวก็ไม่ค่อยลง นอนก็ไม่หลับ ทั้งที่ตั้งแต่ท้องมาเธอคลั่งไคล้การกินและการนอนหนักเอามากๆ และสภาพเสื่อมโทรมคงไปเตะตาของเพื่อนรักอย่างธารธาราเข้า อีกฝ่ายถึงได้ทิ้งสามีมาชวนเธอไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องในช่วงหัวคำของสุดสัปดาห์ “ไปกันยังคะคุณแม่” ธารธาราเอ่ยเย้าเล็กๆ ครั้นเห็นเธอพยักหน้าเนือยๆ ก็ตั้งท่าจะไปช่วยถือของที่วางอยู่ข้างกายให้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรทัศน์ซึ่งแขวนอยู่เหนือศีรษะก็มีการรายงานข่าวด่วนที่ทำให้ทั้งคู่นิ่งจังงัง ‘เครื่องบินของสายการบินดังของอเมริกาไถลออกนอกรันเวย์ ขณะกัปตันกำลังนำเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผ







