LOGINเธอจากไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ในขณะที่เขากลับยังอยู่เพื่อเฝ้ารอด้วยความคะนึงหา เมื่อคนหนึ่งอยากลืม แต่อีกคนกลับจดจำทุกลมหายใจ แล้วจะมีหนทางไหมที่จะทำให้หัวใจของพวกเขากลับมาเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน “นี่ฉันหลุดมาอยู่ในยุคไหนวะเนี่ย บทจะข้ามภพก็ข้ามกันได้ง่ายๆ แบบนี้เลย? นี่ข้ามภพนะเว้ย ไม่ใช่ข้ามถนนหน้าปากซอย” “เจ้าเป็นตัวอะไร” คำถามโต้งๆ ทำเธอชะงัก ก่อนหันมาจ้องเขาตาขวางพลางบ่นงึมงำ “ถามแบบนี้ สู้ชี้หน้าด่ากันยังดูหยาบคายน้อยกว่า” “เป็นปิศาจรึ” คำถามนี้ทำเธอราวกับถูกตบหน้าอีกครั้ง
View Moreกลางดึกที่เงียบสงัด เงียบจนทำให้เสียงบางอย่างดังเข้ามาในโสตประสาท ใช่! มันเป็นเสียงลมหายใจที่ดังสลับกับเสียงริมฝีปากที่กำลังดูดเม้มโรมรันเนินเนื้ออิสตรีเป็นเสียงจ๊วบๆ
“……” ริมฝีปากที่กำลังดูดเม้ม อีกทั้งเรียวลิ้นที่กำลังตวัดเลียใจกลางความงามแห่งอิสตรี ทำเจ้าของร่างงามถึงกับแทบดีดดิ้น ส่งเสียงครางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยิ่งเสียงดังมากเท่าไหร่ กลับยิ่งกระตุ้นให้เรียวลิ้นสัมผัสหนักหน่วงมากเท่านั้น ราวกับจะปลุกปั่นให้เจ้าของเนินทรมานจนต้องบิดกายเร่าๆ จะว่าไปมันก็คงเป็นความทรมานที่แสนหวาน เพราะยิ่งทรมานมากเท่าไหร่ สองขาเรียวก็ยิ่งถ่างอ้าโดยไม่รู้ตัว และนั่นก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกระหน่ำโรมรันลึกซึ้งมากขึ้น
“อ๊ะ…อื้อ…” เสียงหวานครางสะท้าน เมื่อไม่ใช่แค่ลิ้นที่กำลังคลุกเคล้าละเลียดชิมเนินเนื้อนั้น แต่ยังมีนิ้วเรียวที่ถูกส่งพรวดเข้าไปยังความนุ่มลึกภายใน
กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นหน้าคนที่กำลังรุกล้ำความสาวของตัวเอง ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงคนผู้นั้นด้วยซ้ำ มีเพียงเสียงจ๊วบๆ จากเรียวลิ้นและริมฝีปากที่กำลังกระหวัดเลียเนินสาวที่หยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหวานมากมายเท่านั้น ไม่สิ! ไม่ใช่แค่เสียงนี้ แต่ยังมีเสียงนิ้วกระทบเนื้อที่ขยับเข้าออกแข่งกับเสียงครางหวีดหวิวของเธอ
หญิงสาวค่อยๆ ผงกหัวขึ้น พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะมองหน้าคนที่กำลังรุกล้ำละเลงเลียเนินสวาทหยาดเยิ้มของตัวเอง แต่ด้วยแสงไฟสลัวๆ กอปรกับที่ฝ่ายนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาฟอนฟัดหว่างขาของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสนี้เลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังหลงระเริงไปกับมัน กระทั่ง…
“อ๊า…!” คนที่พยายามจะดันตัวขึ้นมามองจำต้องทิ้งตัวนอนราบลงไป ทันทีที่ติ่งสยิวถูกดูดดึง แรงดูดทำกายสาวบิดเร่าทุรนทุราย สองมือจิกขยุ้มไปบนที่นอนหวังช่วยคลายความเสียดเสียวให้บรรเทาเบาบาง ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนมาขยุ้มศีรษะที่อยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของตัวเอง และกดใบหน้านั้นให้แนบชิดลงมามากกว่าเดิม
“อืม…” เสียงทุ้มครางพอใจกับการตอบสนองที่เต็มไปด้วยความกำหนัดของเธอ นิ้วเรียวที่เคยสอดลึกถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว ทำเอากายสาวถึงกับผวาตาม
ทันใดนั้นความสะเทิ้นสะท้านก็กลายเป็นความซ่านกระสัน เมื่อจู่ๆ ใบหน้านั้นก็ผละออกแล้วใช้สองมือแหวกกลีบสาวทั้งสองข้าง ก่อนก้มหน้ายื่นลิ้นลงไปตวัดเลียติ่งเกสรตรงกลางเป็นจังหวะรัวเร็ว กระทั่งลิ้นร้อนค่อยๆ ชำแรกแทรกผ่านลงไปในความนุ่มลึกภายใน
“อ๊า…” เสียงหวานครางลั่น เพราะในขณะที่เรียวลิ้นจุ่มจ่อมในความนุ่มลึก ปลายจมูกก็กำลังเสียดสีกับปุ่มกระสันให้เธอแทบคลั่ง ดูเหมือนความกระสันจะยังไม่จบแค่นั้น เมื่อมือข้างหนึ่งดันละจากความอวบอูมแล้วเลื่อนขึ้นไปบีบขยำฟอนเฟ้นก้อนเนื้อกลมกลึงด้านบนสลับกันไปมา
“ไม่…ได้โปรด” หญิงสาวแทบไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ถ้ามันเป็นจิตใต้สำนึก เธอก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของเธอกำลังต้องการสัมผัสจากชายนิรนามผู้นี้อย่างหน้าไม่อาย โดยเฉพาะเมื่อเรียวลิ้นถูกเลื่อนไล้ขึ้นมาจากเนินสาว ผ่านหน้าท้องแบนราบ เรื่อยมากระทั่งมาหยุดอยู่ที่ความกลมกลึงทั้งสองข้าง
“อ๊ะ!” เธอครางพลางแอ่นอกยกตัว เมื่อสิ่งที่กำลังสัมผัสความตูมเต่งไม่ใช่มือ แต่เป็นปากและลิ้นที่กำลังโลมเลียอกอวบ ราวกับมันคือขนมหวานแสนอร่อยที่กินเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม
กระทั่งเมื่อฟอนฟัดความตูมเต่งจนหนำใจ ใบหน้าคมคร้ามก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา ตอนนี้เองที่เธอเพิ่งมีโอกาสได้มองหน้าชายนิรนามให้ชัดๆ
อา…นี่มันเทพบุตรชัดๆ ต้องยอมรับว่าชายตรงหน้าดูดีจนแทบละสายตาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาดุๆ จมูกเชิดๆ แล้วก็ริมฝีปากที่…มีคราบบางอย่างติดอยู่
‘เฮ้ย! คิดอะไรอยู่เนี่ย’ เธอสะบัดหน้าแรงๆ หลังเผลอคิดเตลิดไปไกล เพียงเพราะคราบเปียกๆ ที่ยังติดอยู่รอบๆ ปากเขา แน่นอนว่าไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นคราบอะไร
หญิงสาวรีบดึงสติกลับมาจ้องมองใบหน้าคมคร้ามที่ถึงแม้จะดูดุจนน่าเกรงขาม แต่มันกลับไม่ได้น่ากลัวสำหรับเธอ ตรงกันข้ามมันกลับดูมีเสน่ห์ดึงดูดจนไม่อาจละสายตา และเธอก็กำลังหลงเสน่ห์จนเผลอมองเขานิ่งนานจนกระทั่ง…
“อ๊ะ” เธอสะดุ้งเฮือกทันทีที่เนินอิสตรีเบื้องล่างถูกรุกล้ำ โดยนิ้วเรียวที่จู่ๆ ก็ส่งพรวดเข้ามา
“ร่างกายนี้เป็นของข้า และเจ้าเองก็เป็นของข้า” คนที่กำลังกัดเม้มริมฝีปากด้วยความเสียดเสียวจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงทุ้มที่ราวกับจะประกาศสิทธิ์ในตัวเธออีกครั้ง
“คะคุณ…เป็นใคร” เธอพยายามถามแต่ก็เป็นไปด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะขณะที่เธออ้าปากถาม นิ้วที่กำลังจุ่มจ่อมอยู่ในความนุ่มลึกก็เริ่มขยับเร็วขึ้น
“อ๊ะ…ไม่…ดะเดี๋ยว…อื้อ” เธอครางประท้วง แต่เสียงนั้นก็ถูกกลืนหาย เมื่อชายตรงหน้าก้มลงมาประกบริมฝีปากแบบไม่ทันตั้งตัว ไหนจะเรียวนิ้วเบื้องล่างที่ยังคงขยับสอดลึกสลับถอดถอน เปลี่ยนเสียงครางประท้วงให้กลายเป็นเสียงครางหวีดหวิว แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ผละออกไป
“หากถึงเวลาเจ้าจะรู้เองว่าข้าเป็นใคร ถึงตอนนั้นข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน…ชั่วนิรันดร์” เขาบอกพลางลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง
“ทะทำไม…” เธออยากถามใจจะขาดว่าเวลานั้นมันคือเวลาไหน แต่สายตาเจ้ากรรมก็เผลอเลื่อนลงมองลอนหน้าท้อง ไม่หรอก เธอไม่ได้มองแค่หน้าท้อง แต่เธอมองต่ำกว่านั้น
เอื๊อก…! หญิงสาวผงะตาโตด้วยความตกใจ แต่แทนที่จะรีบหันไปอีกทาง เธอกลับยังจ้องมันอยู่อย่างนั้น ราวกับมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เธอต้องเก็บรายละเอียด กระทั่งเสียงทุ้มๆ ก็ดึงสติที่กำลังเตลิดให้กลับมา
“มันเป็นของเจ้า ไม่ว่าตัวข้าหรือแม้กระทั่ง…หัวใจของข้าล้วนเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว รีบกลับมา กลับมาหาข้า…ลู่อวี๋กลับมาหาข้า” เขาบอกพลางยื่นมือมาให้เธอจับ แต่ตัวเขากลับขยับห่างออกไปเรื่อยๆ ราวกับถูกใครฉุดเอาไว้เบื้องหลัง ทำให้เธอต้องรีบยื่นมือออกไปหวังจะคว้ามือนั้น แต่มันก็ช้าไป เมื่อทุกอย่างพลันหายวับ เหลือเพียงเสียงทุ้มที่ยังดังก้องอยู่
“ข้าจะรอเจ้า”
“เฮ้ย! ขืนชนเข้าไปหน้าฉันก็บุบบู้บี้ กลายเป็นปลาดุกชนเขื่อนน่ะสิ แล้วถ้าเกิดมันบุบไปจนถึงเบ้าหน้าจริงๆ ด้วยล่ะ โอวไม่! ถ้าฉันต้องกลับไปเป็นคนในสภาพหน้าหักๆ แบบนั้น ฉันจะทำยังไง ไม่…เราจะตายในสภาพหน้าหักไม่ได้” ในขณะที่เธอเปลี่ยนใจและขยับถอยออกมาด้วยความสยดสยอง ก็ดันเหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งกำลังเดินตรงมา ด้วยความดีใจเธอจึงรีบว่ายตรงไปหา “ปลาอะไรช่างงามนัก ดูเหมือนจะเชื่องด้วยนี่” ฝูฟาหยางนั่งลงข้างลำธารพลางยื่นมือลงไปวักน้ำเบาๆ อย่างหยอกเย้าเจ้าปลาตัวน้อย “ใช่ ฉันสวย แล้วฉันก็น่ากินมากด้วย เนี่ยๆๆ เนื้อแน่นขนาดนี้ อวบอัดขนาดนี้ จับฉันสิ กินฉันเลยสิ เนื้อฉันหวานนะ” เธอว่ายวนไปรอบๆ มือเขาอย่างพยายามจะยั่วยวน “เบื่อแล้วเป็นเสือ อยากเป็นเหยื่อให้เธอขย้ำ ขย้ำเลยสิ ตรงนี้ ตรงนี้ หรือจะตรงนี้ก็ได้” เธอพยายามอวดโฉมด้วยการหมุนตัวซ้ำๆ “ฮ่าๆๆ ปลาอะไรช่างแสนรู้นัก โชคดีที่เจ้าว่ายหลงมาอยู่ในที่ของข้า หาไม่แล้วปลาที่ไม่กลัวมนุษย์เช่นเจ้า คงไม่แคล้วต้องกลายเป็นอาหารของชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่” ฝูฟาหยางมองปลาที่ว่ายวนไปมาด้วยความเอ็นดู
“หนูรู้หรอกน่าว่าพี่ไม่ได้อยากพาหนูไปหาหมอจริงๆ หรอก ถ้าเลือกได้พี่ก็คงอยากไปกับสาวๆ ของพี่มากกว่า” “แสนรู้” พี่ชายว่าพลางขยี้หัวน้องแรงๆ “นี่ หนูไม่ใช่หมานะ” ลู่อวี๋ว่าพลางย่นจมูกให้ “แน่นอนแกไม่ใช่หมา แต่แกเป็นปลาต่างหาก ไม่งั้นพ่อจะตั้งชื่อแกว่าลู่อวี๋เหรอ เฮ้ย! หยกนี่ตรงกับชื่อแกเลยนี่ ลู่อวี๋ ที่แปลว่าหยกรูปปลา อย่าบอกนะว่าที่พ่อทุ่มสุดตัวเพื่อหยกเล็กๆ นี่เป็นเพราะแก” ลู่เมิ่งชี้ไปที่จี้หยกในมือน้องสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น กระทั่งเจ้าของชื่อเองก็ตกใจไม่ใช่น้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการอย่างยิ่งยวด “ก็แค่เรื่องบังเอิญหรอก อวี๋มีตั้งหลายความหมาย ไม่ได้เจาะจงแค่ปลาสักหน่อย” “กับคนอื่นอาจใช่ แต่กับแกที่มีพ่อเป็นโรคคลั่งปลาขึ้นสมอง ยังไงก็ปลาแน่ๆ อะ…ในเมื่อพ่ออุตส่าห์ลงทุนเพื่อแกขนาดนี้ แกก็คงต้องรักษาเจ้าหยกนี่เท่าชีวิตแล้วล่ะ มานี่พี่ใส่ให้” พี่ชายว่าพลางดึงสร้อยจากมือน้องสาว แล้วนำมาสวมให้เธอแทน “ทำไมมันดูลงตัวจังวะ อย่างกับแกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลยว่ะ เอ๊ะ! หรือว่าสิ่งนี้มันเกิดมาเพื่อแกวะ” ลู่เมิ่งข
“ไม่…เดี๋ยว” เธอตะโกนขณะที่ผวาลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว “ฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย” ลูกหยี ลูกครึ่งสาวไทยจีนพึมพำพลางปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ตามขมับ จากที่เคยไปๆ มาๆ ระหว่างสองประเทศ ครั้นพอแม่เสียไป เธอจึงย้ายมาอยู่กับพ่อและพี่ชายที่แดนมังกรแห่งนี้เป็นการถาวร นี่ก็ไม่ใช่คืนแรกที่เธอฝันเช่นนี้ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เด่นชัดเท่าครั้งนี้มาก่อน ชัดจนเธอรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่แค่ความฝัน โดยเฉพาะเมื่อเธอก้มมองตัวเอง “เฮ้ย!” เธอร้องอุทานพลางเอามือปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นเดียว “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย ฝันลามกไม่พอ ยังละเมอลุกขึ้นมาถอดเสื้อผ้าอีก แต่ทำไมมันถึง…” เธอครางพลางลูบไล้ไปที่เนื้อตัวเบาๆ ใช่! เธอยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อุ่นซ่านนั่น มันอุ่นแล้วมันก็… “ไม่ๆๆ เลิกคิดเดี๋ยวนี้ลูกหยี แกก็แค่ดูซีรีส์เยอะจนเก็บเอาไปฝัน ว่าแต่พระเอกจากเรื่องไหนวะ ทำไมมันถึงได้หล่อล่ำแล้วก็…ลามกขนาดนี้วะเนี่ย โอ๊ย! หล่อจนต้องเปลื้องผ้าพลีกาย บ้าชะมัด! เล่นเอาเกือบเสียตัวในฝัน” เธอบ่นพึมพำพลางหยิบชุดนอนที่ตกอ
กลางดึกที่เงียบสงัด เงียบจนทำให้เสียงบางอย่างดังเข้ามาในโสตประสาท ใช่! มันเป็นเสียงลมหายใจที่ดังสลับกับเสียงริมฝีปากที่กำลังดูดเม้มโรมรันเนินเนื้ออิสตรีเป็นเสียงจ๊วบๆ “……” ริมฝีปากที่กำลังดูดเม้ม อีกทั้งเรียวลิ้นที่กำลังตวัดเลียใจกลางความงามแห่งอิสตรี ทำเจ้าของร่างงามถึงกับแทบดีดดิ้น ส่งเสียงครางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยิ่งเสียงดังมากเท่าไหร่ กลับยิ่งกระตุ้นให้เรียวลิ้นสัมผัสหนักหน่วงมากเท่านั้น ราวกับจะปลุกปั่นให้เจ้าของเนินทรมานจนต้องบิดกายเร่าๆ จะว่าไปมันก็คงเป็นความทรมานที่แสนหวาน เพราะยิ่งทรมานมากเท่าไหร่ สองขาเรียวก็ยิ่งถ่างอ้าโดยไม่รู้ตัว และนั่นก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกระหน่ำโรมรันลึกซึ้งมากขึ้น “อ๊ะ…อื้อ…” เสียงหวานครางสะท้าน เมื่อไม่ใช่แค่ลิ้นที่กำลังคลุกเคล้าละเลียดชิมเนินเนื้อนั้น แต่ยังมีนิ้วเรียวที่ถูกส่งพรวดเข้าไปยังความนุ่มลึกภายใน กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นหน้าคนที่กำลังรุกล้ำความสาวของตัวเอง ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงคนผู้นั้นด้วยซ้ำ มีเพียงเสียงจ๊วบๆ จากเรียวลิ้นและริมฝีปากที่กำลังกระหวัดเลียเนินสาวที่หยาดเยิ้มไปด้วยน





