Masuk
‘แกไม่มีวันแย่งเขาไปจากฉันได้ และถ้าฉันตายคนที่เขาเกลียดที่สุดจะเป็นแก…เขาจะเกลียดแก’
นั่นเป็นถ้อยคำสุดท้ายของผู้หญิงที่จงเกลียดจงชังเธอเข้ากระดูกดำสาปแช่งเอาไว้ แต่ยังไม่วายจงใจโยนความผิดบาปให้เธอในเฮือกสุดท้ายที่สามีผู้โง่เขลาอย่างจอมพลมาทันได้ดูใจ หล่อนบอกเขาว่าเธอเป็นคนดึงเครื่องช่วยหายใจออก ก่อนที่หล่อนจะสิ้นใจตายไปต่อหน้าต่อตา ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงชัดเจนในความรู้สึก
ผู้หญิงท้องโตประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส ซึ่งนักศึกษาแพทย์ปีสี่อย่างปิยฉัตรก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เธอพยายามช่วยอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ โดยร่วมมือกับแพทย์หญิงท่านหนึ่งที่บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี หากแต่ไม่อาจยื้อชีวิต ทำได้มากสุดก็แค่ช่วยชีวิตลูกของหล่อนเอาไว้
ใช่ว่าเธอจะไม่เสียใจที่เห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตา ใช่ว่าเธอจะไม่ช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่เป็นผู้หญิงมารยาประสาทกลับคนนั้นต่างหากล่ะที่ผลักไสความปรารถนาดีของเธอ หล่อนไม่พยายามแข็งใจเพื่อที่จะอยู่รอดไม่พอ หล่อนยังสาปแช่งให้สามีของหล่อนเกลียดเธออีก
เขาควรจะรักผู้หญิงนิสัยไม่ดีขี้แอ๊บอย่างหล่อนจนหัวปักหัวปำ แล้วเกลียดเธอเข้าไส้อย่างนั้นหรือ?
แค่คิดว่าเขาจะเกลียดน้ำตาก็พานจะไหล ก่อนที่ปิยฉัตรจะสะดุ้งเฮือกสุดตัว และหลุดจากภวังค์ฝันร้ายซึ่งตามหลอกหลอนเธอมาตลอดระยะเวลาหลายปี
“โอยยยยย…ฝันถึง ‘ยัยนั่น’ อีกแล้วเหรอเนี่ย บ้าไปแล้ว…”
คนที่ยังไม่ลืมตาขยับปากงึมงำ แล้วเค้นเสียงขมขื่นออกมาจากลำคอแห้งผาก
“ตอนที่แกยังไม่ตายเขาก็เกลียดฉันอยู่แล้ว พอแกตายไปเขาจะเกลียดฉันอีกหน่อยจะเป็นไรไป”
ปิยฉัตรพึมพำออกไปอย่างนั้น ทว่าภายในใจกลับร้าวราน หัวตาร้อนผ่าว
แล้วเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าก็พลันวาบขึ้นมาในความทรงจำ ต่อให้ซุกซ่อนมันไว้ในภวังค์ลึกแค่ไหนก็มิอาจลบเลือนไปจากจิตใต้สำนึกได้
เธอไม่เคยลืมว่าเมื่อหลายปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เธอไม่เคยลืมรสชาติของการถูกคนที่ตัวเองรักมากที่สุดผลักไสออกไปจากชีวิต พร้อมกับยัดเยียดข้อหาฆ่าคนตายให้อย่างเลือดเย็น เธอตกเป็นจำเลยโดยที่เขาไม่ถามไถ่สักคำว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่
และต่อให้ตายก็ไม่มีวันลืม ว่าเขาตัดสัมพันธ์ขาดสะบั้นด้วยคำพูดและการกระทำโหดร้ายมากแค่ไหน ความเจ็บปวดรวดร้าวยังคงฝังแน่นอยู่ในอก และวาจาทำร้ายหัวใจก็ยังคงดังก้องอยู่ในหู
‘ตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน! มึงไม่ใช่เพื่อนกูอีกต่อไป อ้อ…แล้วก็จำเอาไว้ด้วยล่ะ ว่าแม้แต่แอบรักกูมึงก็ไม่มีสิทธิ์’ เขาประกาศตัดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเยื่อขาดใย วาจาทำร้ายหัวใจอย่างแสนสาหัสทำให้เธอน้ำตาคลอ
‘จอมมึงฟังกูก่อนได้ไหม’
เสียงสั่นเครือพยายามเอ่ยวิงวอน จากนั้นเธอก็วิ่งตามร่างใหญ่ไป แล้วยื้อแขนกำยำเอาไว้สุดแรง ก่อนจะถูกผลักลงไปกองกับผืนทรายร้อนๆ อย่างไร้ปรานี ครั้นจะตามไปยื้ออีกหนก็ต้องผงะ หลับตาปี๋ กลั้นหายใจตัวแข็งทื่อ เมื่อจอมโหดควักปืนออกมายิงเฉียดใบหูไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
ปัง!
‘ออกไปจากชีวิตกูซะ! แล้วก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!’
เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน ขณะทอดสายตาชิงชังมาให้ จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนถูกเขาผลักไสออกไปจากชีวิตร้องไห้ปานปิ่มจะขาดใจ
คิดมาถึงจุดนี้น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอย่างสุดกลั้น คุณหมอสาวลุคห้าวเป้งที่มีมุมอ่อนไหวโคตรจะหญิงซุกซ่อนอยู่ยกหลังมือปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเค้นเสียงออกมาจากปากสั่นระริกด้วยความขมขื่นและอัดอั้นตันใจ
“ถ้ามึงเกลียดกูนัก ทำไมวันนั้นมึงไม่ฆ่ากูให้ตายๆ ไปซะ ทำไมต้องให้กูทนอยู่อย่างเจ็บปวดแบบนี้ด้วย มึงคิดว่ากูเจ็บไม่เป็นหรือไงวะ ไอ้คนใจร้ายเอ๊ย!”
ทันใดนั้นร่างบางก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงหนึ่งโพล่งขึ้น
“หยุดพล่าม! แล้วไสหัวไปซะ!”
เสียงใคร?
ยังไม่ทันจะได้จับต้นชนปลาย น้ำเสียงกระด้างติดจะอู้อี้ก็ดังขึ้นอีกครา
“บอกให้ไสหัวไปไงวะ! คนของฉันไม่ได้บอกเธอหรือไง ว่าฉันไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนนอนร่วมเตียงด้วยจนถึงเช้า…โดยเฉพาะผู้หญิงที่มานอนรอเสนอตัวให้ผู้ชาย ‘เอา’ อย่างเธอ”
วาจาสุดโอหังทำให้คนฟังตาเหลือก ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป ก่อนจะกลั้นใจหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ แล้วเธอก็ช็อกตาตั้ง และอ้าปากค้างไปชั่วขณะ
รอยสักรูปมังกรผงาดที่พาดอยู่ตรงแผ่นหลังกว้างของคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่นั้นช่างคุ้นตานัก มันคุ้นมากจนเธอรู้สึกใจหาย พอๆ กับคล้ายจะทุรนทุรายและแดดิ้นไปเสียตรงนั้น
ไม่นะ! อย่าหันมานะ!
แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาของเธอจะไม่เป็นผลเสียแล้ว
ลมหายใจของปิยฉัตรพลันสะดุดกึก ลนลานยกมือขึ้นอุดปาก ในวินาทีที่อีกฝ่ายผงกหัวขึ้นเล็กน้อย แล้วเบี่ยงหน้ามาทางเธอ ดีหน่อยที่เขายังไม่ลืมตา จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
เธอลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ผุดลุกขึ้นนั่ง ทว่าพอจะขยับตัวก็ต้องเบ้หน้าเมื่อรู้สึกปวดร้าวไปทั้งสรรพางค์ โดยเฉพาะช่วงล่าง และนั่นก็เป็นการตอกย้ำว่าเมื่อคืนเธอพลาด ‘นอน’ และ ‘ได้’ กับอดีตเพื่อนรักจริงๆ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาพันรอบเรือนร่างเปลือยเปล่า โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในสภาพไหน
แล้วค่อยๆ กระถดตัวถอยหลังมาชิดขอบเตียงด้วยท่าทางระแวดระวัง เพราะกลัวว่าคนที่หลับอยู่จะลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าดีเดือดกับเธออีก ครั้นก้าวขาลงจากเตียงด้วยสภาพทุลักทุเลคนที่ตั้งท่าจะก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนก็ต้องฟุบตัวลงนั่งแหมะกับพื้น แล้วลนลานก้มหัวลงหลบข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงคนบนเตียงงึมงำคล้ายบ่น ผ่านไปสักพักเสียงนั้นก็เงียบหายไป เธอถึงได้ถอนหายใจเฮือก แล้วรีบฉวยเสื้อผ้ามาสวมใส่
“โอยยยย…รอยดูดเต็มเลย ไอ้ซาดิสม์เอ๊ย!” ในระหว่างที่กำลังสวมเสื้อตาก็เหลือบไปเห็นรอยดูดตรงหน้าอกเธอจึงหลุดก่นด่าออกมาด้วยความลืมตัว ทันทีที่ได้สติก็ทำตาโต รีบยกมือขึ้นอุดปากด้วยความตกใจสุดขีด แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกตาเหลือกถลน เมื่อเสียงขุ่นคลั่กดังขึ้น
ร่างระหงของคุณแม่ยังสาวแถมยังห้าวเป้งเกินหญิงก้าวมาหยุดลงตรงหน้าคนที่กำลังกอดอกหลับตานิ่งๆ อยู่ตรงม้านั่งยาวในสวนสวยข้างลานลอดรถ คลี่ยิ้มบางๆ แล้วไล้แก้มสากอย่างอ่อนโยน หลุดหัวเราะคิกเมื่อคนที่เผลอหลับชักได้สติครางงึมงำในลำคอคล้ายขัดใจ ครั้นเธอจะละมือห่างเขากลับคว้าเอาไว้ แล้วจูบหนักๆ ลงบนหลังมือนุ่ม แต่แค่นั้นดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เพราะพ่อเจ้าประคุณทำให้เธอหลุดอุทานหน้าตื่นด้วยการฉุดร่างอ้อนแอ้นลงไปนั่งแหมะบนตักแกร่ง แล้วร้อยรัดเอวคอดกิ่วด้วยวงแขนอุ่นอย่างไม่กริ่งเกรงว่าใครจะมาเห็น ฟอด!!!“คิดถึงจังเลยทูนหัว”หลังจากกดจมูกลงหอมแก้มนวลปลั่งของเมียรักฟอดใหญ่ ชายที่ใครต่อใครต่างขนานนามว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งน่านน้ำอันดามันก็เอ่ยอย่างอ้อนๆ“ปี่ก็คิดถึงคุณค่ะ แต่ปล่อยก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขาตายเลย”เจ้าของใบหน้าร้อนจี๋ที่ไม่ได้พบหน้าสามีมาสามวันเต็มๆ เพราะเขาบินไปทำธุระด่วนที่ฮ่องกง กระซิบบอกเสียงหวาน แล้วละล่ำละลัก พลางขืนกายออกจากวงแขนล่ำด้วยท่าทีขัดเขิน “ฮื่อ…เห็นก็ช่างเขาสิจ๊ะ ก็ผมคิดถึงคุณนี่นา ลงจากเครื่องได้ก็ให้ไอ้ยุทธมาส่งหาคุณเลยนะ” นอกจากจะไม่ทำตามที่เธอต้องการ ค
ห้าปีผ่านไปชีวิตคู่ของจอมพลกับปิยฉัตรยังคงหวานชื่นไม่สร่างซา ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงห้าปี เขาไม่เคยรักเธอน้อยลง เช่นเดียวกับเธอที่ไม่เคยรักเขาน้อยลงเช่นกัน ความรักของทั้งคู่ยังคงหวานฉ่ำอย่างไม่น่าเชื่อ แถมใครที่มีโอกาสได้เห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันก็ต่างอ้าปากค้าง เพราะคิดไม่ถึงว่าผู้ชายบุคลิกดิบเถื่อน เย็นชา ดุดัน และแข็งกระด้าง จะปากหวานและช่างเอาอกเอาใจเมียรักได้มากมายจนชวนทึ่ง เช่นเดียวกับปิยฉัตรที่ทำให้หลายคนซึ่งมีโอกาสได้เห็นบทบาทในฐานะเมียของจอมพล ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงห้าวๆ ลุยๆ บุคลิกค่อนไปทางผู้ชายจะอ่อนหวาน และช่างเอาอกเอาใจสามีได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญคือจอมพลรักและหลงเมียมากจนเป็นที่กล่าวขาน แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือเขาหวงเธอเอามากๆ หวงแม้กระทั่งกับลูกชายและลูกสาวของตัวเอง “แม่จ๋า หนูปิ่นอยากนอนกับแม่” เด็กหญิงปีย์วรา อาศิระ หรือหนูปิ่น หนูน้อยวัยสี่ขวบเอ่ยออดอ้อน พลางซบหน้าที่ถอดพิมพ์มาจากผู้เป็นพ่อเด๊ะแต่ตาสวยเหมือนแม่ลงตรงอกอุ่น น้ำคำออเซาะของลูกสาวสุดสวาททำให้คนเป็นพ่อที่นั่งเหยียดขาพิงหลังกับหมอนชะงักมือที่กำลังเลื่อนอ่านงานผ่านห
จากนั้นยุทธนาก็เดินมาบอกบ่าวสาวว่าถึงเวลาเข้าหอแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคณะฮาครืนอีกรอบเพราะคำแซวต่างๆ นานา ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะไปยังห้องสวีทของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ขอบใจหนูปี่มากนะที่ยอมอดทนกับลูกชายนิสัยเสียของป๊า ยอมให้อภัยไอ้คนใจหมาอย่างมัน และยอมกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันกับมัน ป๊าดีใจนะที่หนูยอมกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ยินดีต้อนรับสู่อาศิระอย่างเป็นทางการนะลูก”เจ้าสัวทรงพลเอ่ยเสียงติดจะสั่นเครือด้วยความตื้นตัน เพราะท่านเฝ้ารอที่จะได้เห็นทั้งคู่ครองรักและแต่งงานกันแบบนี้มานานแล้ว จากนั้นคนแก่ก็เดินเข้าไปสวมกอดลูกสะใภ้ “ทีนี้ก็เรียกป๊าว่าป๊าได้แล้วนะ”“ขอบคุณมากค่ะป๊า”ปิยฉัตรพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยในจังหวะที่อีกฝ่ายคลายอ้อมแขน แล้วถอยห่างออกไป นัยน์ตากลมโตทั้งสองข้างคลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำใสๆ เพราะซาบซึ้งใจเหลือคณา “ส่วนแกก็ทำตัวให้มันดีๆ ด้วยล่ะไอ้ตัวแสบ อย่าเกเรจนเมียทิ้งอีกเป็นอันขาดเข้าใจไหม ป๊ารักแกนะโว้ย”ขาดคำผู้เป็นพ่อก็ขยับเข้าไปสวมกอดลูกชาย ตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ในจังหวะที่เขาเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณครับป๊า ผมก็รักป๊าเช่นกันครับ” จากนั้นก็เป็นน้องกั
ต่อจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือน งานแต่งของทั้งคู่ก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งที่ปิยฉัตรค้านหัวชนฝาแต่สามีจอมเอาแต่ใจกลับไม่ยอมท่าเดียว ดังนั้นเธอจึงแก้เผ็ดโดยการเป็นฝ่ายเลือกชุดบ่าวสาวเอง และบังคับว่าเขาจะต้องใส่ชุดที่เธอเลือกให้โดยไม่มีข้อแม้ และนั่นก็คือที่มาที่ทำให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นที่กล่าวขานไปทั้งประเทศ อีกทั้งคนมางานก็ต่างฮาครืน ระเบิดเสียงหัวเราะ หรือถ้าเป็นผู้รากมากดีหน่อยก็จะกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ก็จะไม่ให้งานแต่งของทั้งคู่เป็นประเด็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ได้ยังไง ในเมื่อชุดเจ้าสาวแต่เจ้าสาวไม่ได้ใส่ เช่นเดียวกับชุดเจ้าบ่าวแต่เจ้าบ่าวไม่ได้ใส่ นั่นก็เพราะปิยฉัตรบังคับให้ทั้งคู่สลับชุดกัน ซึ่งในคราแรกนั้นจอมพลออกอาการโวยลั่น แต่พอเจอเธอขึงตา และแหวใส่ว่าจะไม่แต่งเท่านั้นแหละ พ่อเจ้าประคุณก็ว่าง่ายขึ้นมาทันทีประหนึ่งโดนสะกดจิต จับให้แต่งหญิงทั้งหน้า วิกผม และสวมชุดเจ้าสาวหรูหราฟูฟ่องก็ไม่ปริปากบ่น น่ารักเสียจนเธอต้องหอมแก้มให้รางวัลคนทำหน้าเหยเกเพราะสุขล้นนั้นหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเธอน่ะเหรอโคตรสบาย ได้สวมชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้สีขาวถือว่าเข้าทางถนัด แต่พุงที่ยื่นออกมา
“แต่คุณก็ส่งข้อความมาได้นี่นา” “การส่งข้อความถึงคุณมันยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อาการคิดถึงเมียของผมมันไม่ต่างจากอาการลงแดงนักหรอกทูนหัว” ที่สุดจอมพลก็สารภาพออกมาในสภาพโหนกแก้มแดงก่ำ มันชวนมองจนคนที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นยิ้มร่า ก่อนจะทำใจกล้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสากเร็วๆ หนึ่งที และนั่นก็ทำเอาจอมพลถึงกับตาโต อ้าปากค้าง หัวใจพองฟูคับอก “ขอบคุณนะคะที่คิดถึงฉัน” เธอเอ่ยเสียงหวานหยดจนคนฟังใจสั่น ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโรงพยาบาลคงได้หาทางปล้ำคนท้องให้หนำใจ และถ้ารู้ว่าแค่เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ แล้วจะได้ความน่ารักจากเมียขนาดนี้เขายอมเจ็บตัวทั้งปี“ก็เมียทั้งคนนี่ครับ” น้ำคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ความหมายโคตรดี๊ดีทำเอาคนฟังอุ่นซ่านไปทั้งใจ ปิยฉัตรยิ้มจนแก้มปริ ดวงตายิบหยี ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ แต่นิ่งไปสักพักถึงได้เอ่ยออกมา“จะเป็นคุณพ่อลูกสองแล้ว ต้องรู้จักปล่อยวางรู้ไหมคะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ขอให้มันเป็นเพียงอดีต โดยเฉพาะเรื่องของแม่คุณ และเรื่องของอรอุมา ต่อให้ผู้หญิงทั้งโลกจะเลว แต่ขอให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ใช่ปี่ ปี่ไม่มีวันหักหลังหรือทรยศคุณ เหมือนอย่างที่แม่ของคุณแล
เขาบอกจะไปแค่เกือบหนึ่งเดือน แต่นี่เลยหนึ่งเดือนมาเป็นอาทิตย์แล้วพ่อของอีหนูในท้องก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น ทำเอาว่าที่คุณแม่ซึ่งจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอหมั่นเช็กข้อความมือถือที่พ่อของลูกมักจะส่งมาสัพยอกหยอกเย้าเป็นประจำ แต่กลับไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวในรอบอาทิตย์ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่โทรมาหา พอเธอตัดสินใจเป็นฝ่ายติดต่อไปก็ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ความกังวลและเป็นห่วงจอมพลสารพัดทำให้ปิยฉัตรไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ทานข้าวก็ไม่ค่อยลง นอนก็ไม่หลับ ทั้งที่ตั้งแต่ท้องมาเธอคลั่งไคล้การกินและการนอนหนักเอามากๆ และสภาพเสื่อมโทรมคงไปเตะตาของเพื่อนรักอย่างธารธาราเข้า อีกฝ่ายถึงได้ทิ้งสามีมาชวนเธอไปหาอะไรอร่อยๆ ยัดลงท้องในช่วงหัวคำของสุดสัปดาห์ “ไปกันยังคะคุณแม่” ธารธาราเอ่ยเย้าเล็กๆ ครั้นเห็นเธอพยักหน้าเนือยๆ ก็ตั้งท่าจะไปช่วยถือของที่วางอยู่ข้างกายให้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนโทรทัศน์ซึ่งแขวนอยู่เหนือศีรษะก็มีการรายงานข่าวด่วนที่ทำให้ทั้งคู่นิ่งจังงัง ‘เครื่องบินของสายการบินดังของอเมริกาไถลออกนอกรันเวย์ ขณะกัปตันกำลังนำเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผ







