สนามบินแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
เจ้าของร่างบอบบางที่ดูอรชรอ้อนแอ้นในชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้สีแดงมีเสื้อคลุมสีขาวก้าวออกมาจากประตูทางออกสนามบินพร้อมกระเป๋าเดินทางแบบลากหนึ่งใบที่ค่อนข้างใหญ่ มีหมวกทรงปีกกว้างสไตล์สาวหวานติดอยู่ในมือ ทั้งยังถือไม้ติดโทรศัพท์ถือมือถ่ายคลิปตนเองกับสถานที่ไปพลาง ก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาหาบางอย่าง แล้วหยีตาจ้องเมื่อเห็นรถคันหนึ่งเพิ่งเคลื่อนมาจอดห่างออกไปจากทางออกพอสมควร
‘ไร่ชาดิฐวัฒน์’
รถสองแถวค่อนข้างเก่ามีป้ายชื่อไร่บ่งบอกว่าเป็นรถรับส่งคนงานของไร่ตามที่พี่ชายบอกเอาไว้ทำให้หญิงสาวกดปิดการบันทึกวิดีโอ
สาวในชุดกระโปรงบานพลิ้วลายดอกไม้เล็กๆ ที่เขาเห็นผ่านแว่นดำและกระจกด้านหน้าใส่หมวกปีกกว้าง แล้วลากกระเป๋าพร้อมถือไม้ที่ติดมือถือเดินตรงมาทำเอาเจ้าของใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเคราถึงกับเบะปาก เป็นผู้หญิงคนนี้จริงๆ
‘ยัยนั่นจะไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่ไหนวะ’
เขาคิดในใจ ใบหน้าจากที่เห็นระยะไกลผ่านแว่นดำของตนไม่ชัดเจน แต่เมื่อเจ้าตัวเดินมาทันทีที่เห็นรถของเขามาจอด ก็คงเป็นเธอที่เขาต้องมารับตามคำบอกของเพื่อนเก่าที่เขาไม่นับเป็นเพื่อนแล้ว แล้วก็นึกหยันในใจกับการแต่งตัวแสนหวานจ๋าของเจ้าตัวทั้งที่มาป่าเขา
‘หึ เดี๋ยวรู้กัน ยัยหนูดงดอกไม้’
ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่หญิงสาวเดินมาถึงแล้วชะโงกหน้ามาถามเขาเพราะกระจกด้านข้างไม่ได้ปิด
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนิชาดาค่ะ มีคนแจ้งว่ารถจากไร่ดิฐวัฒน์จะมารับฉัน”
นิชาดาพยายามยิ้มทั้งที่แอบสะดุ้งในใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าคนขับรถ
“อ้อ คุณนั่นเอง คุณนิชาดา”
หญิงสาวถอยออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะลงจากรถ
“เชิญเลยเชิญ ขึ้นรถก่อนได้เลย เดี๋ยวผมเอากระเป๋าขึ้นไปให้”
มือบางปล่อยกระเป๋าใบโตของตน และมือหนาคล้ามแดดก็คว้าไปทันที ขณะที่นิชาดาเดินตามไปด้านหลัง
“คุณนั่งหน้าก็ได้นะ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
เธอคิดว่าไม่เหมาะหากจะนั่งคู่กับคนขับ ไม่ได้แบ่งแยกอะไรแต่ไม่สะดวกใจนัก นั่งด้านหลังน่าจะดีกว่าเพราะอย่างไรก็มีเพียงเธอคนเดียวและอาจได้เก็บบรรยากาศเพิ่มเติมในการทำคลิปด้วย
ร่างอรชรก้าวขึ้นรถอย่างไม่ลังเล เพียงจับกระโปรงตัวเองเล็กน้อย ไม่ได้ดูเกะกะหรือยุ่งยาก
ชายหนุ่มมองเพียงนิดพลางดันกระเป๋าเข้าไปด้านในมากขึ้น ขณะที่หญิงสาวนั่งเรียบร้อยก็เอ่ยถาม
“ใช้เวลานานไหมคะ กว่าจะไปถึงไร่”
“ชั่วโมงกว่าๆ”
นิชาดาพยักหน้ารับรู้ ชายหนุ่มก็เดินอ้อมกลับไปขึ้นประจำที่คนขับ มุมปากได้รูปยิ้มหยัน เหลือบมองกระจกหลังด้วยหางตาก่อนจะออกรถ
แรงโยกตามการเลี้ยวโค้งมากมาย แถมยังมีทั้งเนินสูงและลงทางลาดต่ำเป็นระยะทำเอามือบางต้องจับเหล็กพนักพิงกำแน่น มืออีกข้างก็ต้องคอยรั้งกระเป๋าใบโตของตนเอาไว้ หมวกถูกถอดและนั่งทับปีกกว้างกลายๆ นับแต่รู้สึกได้ว่ารถวิ่งเร็วจนแทบจะปลิว กระโปรงก็ต้องรวบเก็บซ่อนทับใต้สะโพก
จากที่คิดว่าตนจะได้ชื่นชมธรรมชาติเขียวขจีสดชื่นของขุนเขาสองข้างทางพร้อมบันทึกวิดีโอไว้ นิชาดากลับทำได้เพียงช่วงที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกมาในเส้นทางปกติไม่นาน เมื่อเข้าสู่เขตขุนเขาก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกดถ่ายด้วยสภาพทุลักทุเลของตัวเอง
“นี่มันชั่วโมงครึ่งมาแล้ว ไม่เห็นมีวี่แววจะถึงสักที”
หญิงสาวอดบ่นไม่ไม่ได้
เส้นทางที่ผ่านนั้นลัดเลาะเขา เห็นชัดว่าอีกด้านเป็นเหวลึกพาให้อกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย ไร่ชาใหญ่อยู่ลึกและไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ
‘เพื่อนพี่ทำงานที่นั่น พี่ฝากหมอกกับเขาเอาไว้แล้ว ไปเถอะนะ อยู่ที่นี่พี่เป็นห่วง แถมที่นั่นยังมีงานประจำให้ทำด้วย’
คิดถึงคำพูดของพี่ชายแล้วเธอก็บอกตัวเองว่า ไม่ว่าลำบากอย่างไรก็จะทำงานที่ไร่ดิฐวัฒน์และอยู่ให้ได้ จำได้ว่าตอนที่เสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับไร่ เธอก็เห็นแล้วว่าผู้คนที่เข้าถึงยังค่อนข้างน้อยน่าจะเพราะเดินทางยาก ถือได้ว่ามีความเป็นธรรมชาติสูงมาก ไร่ชากินพื้นที่กว้างขวางแทบจะทั่วทั้งเขา รวมถึงเนินเขาและพื้นที่ลุ่ม อยู่ท่ามกลางขุนเขาสูงล้อมรอบมองเห็นก้อนเมฆหนาปกคลุม แต่ก็นับว่ามีนักท่องเที่ยวเคยมาเยือนและเป็นที่ชื่อนชอบมากเช่นกัน ดูจากคะแนนรีวิวหน้าเว็บและเช็กอินเพจ คงเพราะความงดงามของขุนเขาที่รายล้อมพร้อมทั้งดูมีความเป็นส่วนตัวสูง
และเวลานี้เธอก็เริ่มมองเห็นส่วนที่เป็นพื้นที่ไร่ชาห่างออกไปแล้ว นั่นทำให้นิชาดาเริ่มใจชื้น อีกไม่นานจะได้ลงจากรถที่ทำเอาชวนเวียนหัวนี้เสียที หญิงสาวพยายามหาช่วงเวลาจับขาไม้เซลฟี่ให้นิ่งเพื่อจับภาพไร่ชาในมุมไกล หากเพียงไม่นานตัวเธอก็เอียงวูบเพราะรถเลี้ยวทั้งยังลงเนินชันอย่างน่าหวาดเสียว
“อุ๊ย...”
เธอพยายามหาที่จับไว้ให้มั่นโดยอีกมือไม่ปล่อยไม้ที่มีมือถือติดอยู่ ขณะกระเป๋าใบโตล้มลงไปแล้ว สุดท้ายก็จำต้องกดปิดการบันทึกภาพ
ครู่ใหญ่หลังจากผ่านทั้งทางขึ้นลงลาดชันหลายครั้งรถก็เลี้ยวเข้าไปยังถนนเส้นเล็ก เข้าใจแล้วว่าเหตุใดในไร่จึงมีรถสองแถวรับส่งเข้าออกเพียงวันละสองเที่ยว คือเข้าไร่รอบเช้าและกลางวัน ออกจากไร่กลางวันกับบ่ายสามโมง เพราะทางยากลำบากทั้งยังต้องใช้ความชำนาญมากในการควบคุมรถ คนนอกพื้นที่ยากจะขับรถเข้ามาเองได้โดยง่าย เรียกว่าค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียว
ทว่านิชาดากลับรู้สึกว่าเส้นทางที่คนขับพาตนเข้ามานั้นดูลึกลับมากกว่าจะเป็นทางเข้าไร่ มีต้นไม้สูงและหนาขึ้นเรื่อยๆ ปราศจากต้นชาเรียงแถวเป็นระเบียบสวยงาม แล้วในที่สุดรถก็หยุดลง หญิงสาวเห็นบ้านไม้หลังหนึ่งอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่ดูน่ารักไม่น้อยท่ามกลางป่า ทว่าเวลานี้เธอไม่มีจิตใจชื่นชมมัน
คนขับรถคนนี้ควรพาเธอเข้าไปยังไร่ชา
ใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายลงจากรถ เธอกำไม้เซลฟี่ในมือแน่น ราวกับพร้อมใช้ป้องกันตัวแม้ยังมีมือถืออยู่ด้วย
“คุณพาฉันมาที่ไหน”
======
มาต่อแล้วจ้า นายหนวดเป็นใคร? นางเอกของเราจะไปถึงไร่ชาดิฐวัฒน์หรือไม่ อยากรู้ต้องติดตามค่า^^
ปลายนิ้วแกร่งไล้แผ่วผิวตรงข้างเอวสูงขึ้นมาวนเวียนปลายยอดอกแล้วขยำเบาๆ ทำเอานิชาดาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นกลางดึก พร้อมกับที่ริมฝีปากอุ่นพรมไต่จากต้นแขนมายังไหล่มน ซอกคอจนถึงใบหูก่อนกระซิบ“หมอกจ๋า รักกันนะจ๊ะ”“คุณดนย์ นี่บ้านใหญ่นะคะ ลูกก็อยู่ด้วย”เธองัวเงียห้ามเสียงเบาเพราะเกรงจะทำให้ลูกชายตื่นและตนเองก็พึ่งหลับไปไม่นานหลังจากป้อนนมหนูน้อยจึงยังเพลียอยู่ ทั้งนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มนักอยู่แล้ว ยังดีที่เวลากลางวันมีคุณนายแสงหล้ากับเหมยช่วยดูลูกพอให้ได้งีบบ้าง“น่านะ รับรองเบ๊าเบา ลูกไม่ตื่นแน่”สามียังกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม มือก็เคล้าคลึงทรวงอกที่อวบอัดขึ้นของตนทำเอานิชาดาอกใจสั่นไหวไม่น้อย จะว่าไปตนก็คิดถึงสัมผัสจากชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน หากก็ยังกังวล“ได้ด้วยเหรอคะ”“เดี๋ยวทำให้ดู”พร้อมพูดชายหนุ่มก็เชยคางให้เธอหันกลับไปรับจูบนุ่มนวลก่อนจะค่อยเพิ่มแรงจูบเม้มและกัดกลีบปากอิ่มด้านล่างให้เธอเผยอรับลิ้นร้อน นิชาดาขยับตัวพลิกมาโอบรอบลำคอหนาตอบรับจูบลึกซึ้งอย่างไม่ยอมน้อยหน้าร่างสองสองขยับเสียดสีเบาๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างหากสอดรับกันอย่างลงตัว ลูกชายตัวน้อยนั้นนอนในเปลสี่เหลี่ยมไม่ต้องเกรงว่าแรงเคลื่อ
“คุณดนย์คะ”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากมาพักโรงแรมได้สองวันนิชาดาก็รู้สึกปวดท้องแล้วเหมือนมีบางอย่างไหลออกมา หญิงสาวพึมพำเรียก ชายหนุ่ม เพียงแตะแขนอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวแล้วขยับนั่งเปิดโคมไฟทันที“เจ็บท้องเหรอหมอก”“ค่ะ...น่าจะน้ำเดินแล้ว”เธอพูดจนแทบไม่มีเสียงเพราะเจ็บ“งั้นหมอกอยู่นิ่งๆ ก่อนนะ แป๊บเดียว”ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นใส่เสื้อโดยเร็วแล้วคว้ากระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ก่อนมาประคองร่างที่อุ้ยอ้ายขึ้นของภรรยา“เดินพอไหวไหม”“ค่ะ”นิชาดายังพอไหวจึงกัดฟันค่อยๆ เดินไปพร้อมกับที่ชายหนุ่มพยุง ธีรดนย์ตั้งใจเลือกห้องพักใกล้ลิฟต์จึงไม่ต้องเดินไกลมากหญิงสาวนอนรอเพื่อให้ปากมดลูกเปิดและปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสามีอยู่ข้างๆ เป็นทั้งคนปลอบใจให้กำลังใจและที่ระบายของตนเพราะบ่อยครั้งที่เธอมักจะจิกเล็บลงบนหลังมือหนาที่กุมมือตนไว้“อื้อ เจ็บจังค่ะ”ยิ่งเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือด เหงื่อผุดพราย ทรมานด้วยความเจ็บปวดชายหนุ่มก็ทุรนทุรายตาม เพราะหญิงสาวนอนอยู่แบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว ก้มลงไปจูบหน้าผากมนเช็ดเหงื่อให้ก่อนจะกระซิบ“ฉันจะตามพยาบาลอีกรอบนะ”นิชาดาปล่อยให้ชายหนุ่มไปโดยไม่แย้ง เธอรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่น
ไร่ชาดิฐวัฒน์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แห่งขุนเขา นอนในบ้านท่ามกลางไร่ชาเขียวชอุ่ม มองเห็นเมฆลอยต่ำปกคลุมยอดเขา การเก็บชาก็ได้รับความนิยม มีคนจองคิวเต็มจำนวนในทุกวันนิชาดาที่ออกมาเก็บภาพบรรยากาศวันหยุดเพื่อโพสต์ในเว็บและโซเชียลต่างๆ ของไร่ยืนมองผู้คนที่มีความสุขกับการได้มาไร่นี้อย่างภูมิใจ ตอนนี้นอกจากเพจแล้วเธอเปิดแอคเคาต์โซเชียลของไร่เพิ่มขึ้นจนครบถ้วน เพราะโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในยุคสมัยนี้“ชอบไหมเจ้า”ส้มที่เป็นคนถ่ายภาพให้เธอเปิดกล้องให้ดู ขณะที่นิชาดามากับมธุรินซึ่งยืนเป็นเพื่อนและคอยดูแลเธอที่ท้องแก่ใกล้คลอด ความจริงธีรดนย์ไม่อยากให้หญิงสาวมาทำงานแต่นิชาดาไม่อยากอยู่เฉยๆ การได้ขยับตัวเดินไปเดินมาจะช่วยให้เธอคลอดธรรมชาติได้ง่ายขึ้น หากก็ต้องดูว่าเด็กกลับหัวด้วยหรือไม่เหมือนกัน“อืม ชอบจ้ะ ไปเก็บภาพมุมโน้น ให้เห็นคาเฟ่กับร้านอาหารด้วยนะจ๊ะ”“เจ้า”“พี่ไปกับส้มเองก็ได้ หมอกเข้าไปนั่งพักในคาเฟ่ดีกว่า”มธุรินเอ่ยปากเพราะดูท่าเหมือนภรรยาเจ้าของไร่จะเดินไปอีกไกลกับส้ม“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่รินด้วยนะคะ แล้ว
“พอใจหรือยังเมียจ๋า”“อะไรคะ”“ก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้พลาดพลั้งเสียท่าคุณภัทร ฉันเป็นของหมอกคนเดียวมาตั้งแต่จดทะเบียนแล้วไงล่ะ”พร้อมกับถามใบหน้าคมเข้มก็ขยับมาชิด หน้าผากจรดแนบหน้าผากเธอ ส่งสายตาออดอ้อนก่อนจะดันตัวเธอให้ค่อยๆ ถอยไปชิดเตียง แต่เขาทิ้งตัวเองลงหงายหลังแล้วรั้งเธอให้นอนลงไปบนร่างแกร่งนิชาดายิ้มหวาน ไม่ได้ฝืนตัวเพราะตัวเองก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร เพียงแค่สงสัยเพราะธีรดนย์ไม่ได้กลับบ้านดึกนัก ยกเว้นช่วงก่อนจัดงานแต่ง“พอใจค่ะ”เธอตอบเสียงเบาชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก“ผัวเป็นคนดี ไม่วอกแวก รักเมียคนเดียว เมียไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอจ๊ะ”คนใต้ร่างอ้อนเสียงทุ้ม แววในดวงตาคู่คมเข้มนั้นหวานฉ่ำจนนิชาดารู้สึกว่าหัวใจตนกำลังละลายไปกับความหวานที่ส่งมาให้“อืม”ปลายนิ้วเรียวไล้วนเหนืออกกว้างพลางทำท่าทีราวครุ่นคิด“อยากได้รางวัลเล็กหรือรางวัลใหญ่คะ”“ชุดใหญ่สิจ๊ะเมียจ๋า”นิชาดาไม่ตอบรับทว่ามือบางเปลี่ยนเป็นลูบแผงอกหนาของคนไม่ใส่เสื้อ แล้วเห็นชายหนุ่มสูดหายใจลึก ยิ่งมือเธอลากลงต่ำ อีกฝ่ายก็ถึงกับกลืนน้ำลายมือนุ่มไม่ได้ต่ำลงไปอย่างที่เขาคาดหวังหากไล้แผ่วเพียงตรงช่วงเอว แต่ชายหนุ่มก็พอใจเพราะร่างหอ
ร่างอรชรออกมายืนหน้าระเบียง มองพระจันทร์ดวงโตผ่านแมกไม้แล้วก็เอาโทรศัพท์ถ่ายก่อนจะอัปโซเชียล ก็มีคนทักและพิมพ์คอมเม้นต์ว่าคิดถึงหลายคน ปกตินิชาดาอัปเดตบ่อยทว่านับแต่มาอยู่ที่นี่ก็ห่างหายเพราะปัญหาต่างๆ ที่รบกวนจิตใจและทุ่มเทความตั้งใจกับงานใหม่ของตน ทั้งยังไม่ได้ตัดวิดีโอที่ถ่ายขณะเดินทางมาไร่ดิฐวัฒน์ด้วย ช่องของเธอพร้อมโซเชียลหยุดเคลื่อนไหวมาสามเดือนแล้ว มานึกขึ้นได้ในตอนนี้ คิดว่าน่าจะพอมีเวลาทำงานตัวเองในวันหยุดได้ เพราะตอนนี้งานในไร่ลงตัวและมีกำหนดปล่อยคลิป Vlog เดือนละครั้ง“จะว่าไป เราไม่เคยชมจันทร์ด้วยกันเลยนะ ออกมาก็น่าจะรอฉันก่อน”เสียงเข้มดังขึ้นและผ้าคลุมที่มาพร้อมการโอบกอดจากด้านหลัง ธีรดนย์คุยงานกับวัชพลนิชาดาก็แวบไปอาบน้ำก่อนแล้วจำได้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งตนเองยังไม่เคยได้มองดูอย่างจริงจังว่าจะสวยดวงโตแค่ไหน ทั้งยังมีเรื่องให้คิดอยากให้ธรรมชาติยามค่ำคืนช่วยบำบัดความตึงเครียด จึงออกมาหน้าระเบียงในตอนชายหนุ่มอาบน้ำธีรดนย์วางคางบนบ่าเธอ กรุ่นกลิ่นครีมอาบน้ำอบอวลพร้อมไออุ่นจากร่างสูงใหญ่โอบล้อมทำให้หญิงสาวเอนอิงอีกฝ่ายราวต้องการความอบอุ่น“ก็เพราะเอะอะคุณดนย์ก็อุ้มเ
“ฉันเปล่า....”ภัทรดาส่ายหน้าพลางถอยหลังเสียงสั่นมากขึ้น“กลัวทุกคนจะรู้ว่าคุณมาถึงไร่หลังฉันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะ”นิชาดาจะไม่ไล่บี้อีกฝ่ายเลยหากเจ้าตัวไม่บอกว่าเธอใส่ร้าย“เธอเกิดเรื่องเมื่อไรฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่มาทำงาน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”“ไม่เป็นไร ดูกล้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะผมจำเวลาที่หมอกเกิดเรื่องได้ ถ้าคุณไม่รู้อะไรจริงก็รอให้การณ์กับตำรวจ”“คุณดนย์”คนที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งตาโต พึมพำพลางถอยหลังช้าๆ“ภัทรไม่ได้ทำนะคะคุณดนย์ ไม่ใช่ภัทรนะ เมียคุณใส่ร้ายภัทร”“ถ้าไม่ได้ทำคุณก็ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องห่วงไปหรอก ตำรวจก็แค่สอบถามเท่านั้น”ยิ่งธีรดนย์เอ่ยถึงตำรวจซ้ำอีกภัทรดายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น หญิงสาวรีบหันหลังจะกลับไปขึ้นรถ“ไม่ ภัทรไม่ผิด ภัทรไม่ได้ทำอะไร อย่ามายุ่งกับภัทร”ภัทรดาเหมือนสติหลุดขยับพรวดออกไปราวต้องการหนี ขณะนั้นมีรถคันหนึ่งขึ้นเนินมา ซึ่งก่อนหน้านี้แต่ละคนก็ไม่ทันได้สังเกตสิ่งอื่นเช่นกันเพราะรถของภัทรดาจอดบังทางที่จะเห็นได้ และต่างก็กำลังสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเห็นรถทั้งหมดก็ตะโกนรั้ง“คุณภัทร!”“กรี๊ดดด!”เอี๊ยด!!เสียงรถเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าภัทรดาก็ถูกเ