“คุณพาฉันมาที่ไหน”
“แวะมาเอาของนิดหน่อยน่ะ”
อีกฝ่ายยังใส่แว่นดำ เธอมองไม่เห็นแววตาเขา ทว่าใบหน้ารกครึ้มของเขาไม่ได้ยิ้ม จะว่าไปก็นับแต่ที่เจอกันตรงทางออกสนามบินคนขับรถคนนี้ก็ตีหน้านิ่งแม้ในเวลาช่วยเธอยกกระเป๋า
นิชาดาพยักหน้ารับ และเขาก็ไม่ได้เดินมาท้ายรถ เพียงบอกเธอแล้วเดินไปยังประตูบ้านหลังนั้น ความไม่แน่ใจทำให้เธอดึงมือถือออกจากไม้เซลฟี่แล้วมาพิมพ์เสิร์ชหาไร่ชาดิฐวัฒน์ อยากรู้ว่าตนยังอยู่ในเส้นทางที่จะไปไร่หรือไม่
จากแผนที่บอกว่าเธออยู่ในพื้นที่ไร่ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ทว่านับแต่เห็นไร่ชาอยู่ไกลๆ แล้วเธอก็ยังไม่เห็นอีก แต่หากที่นี่เป็นบ้านคนขับรถก็เท่ากับว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้ไร่มากหรือไม่อาจจะอยู่ในไร่ อาจเป็นบ้านสวัสดิการพนักงานก็เป็นได้
“โทษทีที่ทำให้คุณเสียเวลา”
ร่างอรชรสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงเข้มเอ่ยขึ้น ไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายกลับมาแล้ว เขากำลังเดินมาใกล้รถเธอจึงส่ายหน้าพร้อมยิ้มบาง
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก เขากลับขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับอีกครั้ง
นิชาดาพยายามใจเย็นคิดว่าตนน่าจะไปถึงไร่ในเวลาไม่นาน ทว่าเสียงสตาร์ตรถซ้ำสี่ห้าครั้งแต่เครื่องกลับไม่ติด ใจหญิงสาวกลับมาเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อีกครั้ง ตอนขับมายังดีๆ ไม่มีปัญหาแล้วอยู่ๆ รถกลับไม่ติดขึ้นมาน่ะหรือ
“โธ่เว้ย!”
ได้ยินเสียงคนขับสบถ ขณะที่นิชาดาใส่มือถือในกระเป๋ากระโปรงของตน แล้วจับหูลากของกระเป๋าเดินทางมาใกล้ตัวอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่ลงจากรถ
“อยู่ๆ ไอ้แก่ก็เครื่องดับซะงั้น คุณรอหน่อยแล้วกันนะ คงต้องดูสักหน่อย”
บอกแล้วเขาก็เดินไปเปิดกระโปรงรถด้านหน้า ทว่านิชาดากลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายเธอตัดสินใจใส่หมวก ดึงกระเป๋าใบโตของตน พยายามเอาลงจากรถให้ได้ แม้จะพยายามทำทุกอย่างให้เกิดเสียงน้อยที่สุด แต่เมื่อเธอลงและตามด้วยกระเป๋าที่ท้ายรถแรงสะเทือนก็ส่งผลกับรถทั้งคันให้คนด้านหน้ารับรู้ อีกฝ่ายเดินอ้อมมา เธอก็รีบถอยห่างจากรถเช่นกัน
“จะไปไหนน่ะ”
เสียงเข้มถามราวติดจะดุ
“ฉันเห็นว่าเข้าเขตไร่แล้ว ฉันเดินไปต่อเองก็ได้ค่ะ คุณดูรถเถอะ ขอบคุณมากๆ นะคะ”
เธอพยายามยิ้มหากก็รู้ว่าตนดูฝืนมาก และการไม่เห็นแววตาภายใต้แว่นดำนั้นก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ หญิงสาวค่อยๆ ถอยหลังเมื่ออีกฝ่ายก้าวมาหา
“ไร่ไม่ใช่เล็กๆ นะ คุณเดินไม่ไหวหรอก”
“ฉันเดินได้ค่ะ”
นิชาดายืนยัน รู้สึกว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่ก้าวขายาวขึ้นพร้อมทั้งเร่งจังหวะให้เร็วเธอก็หันหลังลากกระเป๋ากึ่งวิ่งเท่าที่ตนจะสามารถทำได้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“เฮ้ย คุณ...”
เสียงเข้มดังตามหลังมาไม่ห่างนัก
หญิงสาวพยายามจะยกกระเป๋าของตนแต่ก็หนักเหลือเกิน เธอจะวิ่งให้เร็วก็ต้องทิ้งกระเป๋า แต่นิชาดายังไม่อยากทิ้งของของตน แต่แล้วก็ต้องกรีดร้องสะบัดมือที่หิ้วกระเป๋าเพราะถูกจับข้อมือเข้าให้
“กรี๊ด...”
ร่างอรชรสะดุ้งทั้งตัว ปัดมืออีกฝ่าย ลนลานวิ่งต่อโดยไม่หันมองกระเป๋าตนอีก
“จะวิ่งไปไหนคุณ”
เธอรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายยังไล่ตามมา นิชาดาเร่งฝีเท้าเต็มกำลังเท่าที่จะสามารถทำได้ หมวกปลิวหล่นไปก็ไม่สนใจ
“แค่จะบอกว่าช่วยหิ้วกระเป๋าไปส่งให้ก็ได้”
เสียงเข้มตะโกนบอกตามหลังมา
หญิงสาววิ่งไม่ลืมหูลืมตามาไกลรู้สึกเหมือนถูกไล่กวดมาติดๆ กระทั่งเป็นทางแยกสามทาง แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงลั่นเพราะร่างสูงใหญ่โผล่พรวดมาขวางหน้าจากทางหนึ่ง
“ว้าย!”
นิชาดาตกใจผงะจนล้มก้นกระแทก ในมือยังมีไม้เซลฟี่อยู่จึงยกขึ้นป้องกันตัว
“อย่าเข้ามานะ”
“คิดว่าจะหนีรอดเหรอ”
ชายหนุ่มพูดพร้อมย่างสามขุมเดินเข้ามา
“นายคิดไม่ดีกับฉันจริงๆ ด้วย”
เธอพยายามถอยพลางดันตัวเองลุกขึ้นเพื่อจะหนีให้ได้ และเห็นปากภายใต้หนวดเครากระตุกยิ้ม หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความตระหนก ไม่กล้าละสายตาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะกระโจนเข้าใส่ เมื่อลุกขึ้นได้ก็ยิ่งถอยกรูดเพราะคนตัวโตยังก้าวมาหาไม่ลดละ
“รู้ใจอย่างนี้ คุณก็คิดเรื่องเดียวกันอยู่สินะ”
“ฉันไม่ได้คิดอะไร”
“น่า ใจตรงกันจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไม ทำๆ ให้มันจบๆ ไป มันๆ สนุกๆ ทั้งคู่”
“บ้าน่ะสิ อย่ามายุ่งกับฉันนะ”
นิชาดาทำเสียงแข็งสู้ ทั้งที่ในใจกำลังหวาดกลัวอย่างที่สุดจนเสียงสั่น พร้อมเหวี่ยงไม้เซลฟี่ไปมาไม่ต้องการให้ร่างสูงใหญ่เข้าใกล้ตนได้
“หึ โวยวายกลบเกลื่อนหรือเปล่า อยากเหมือนกันก็ยอมรับมาเถอะน่า”
“ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไง”
เธอตะโกนสวนทั้งยังตวัดไม้เซลฟี่อย่างแรง พยายามจ้องผ่านแว่นดำของอีกฝ่ายให้รู้ว่าตนพร้อมสู้ ทว่าชายหนุ่มกลับยิ้มหยันพลางเดินมาจนเกือบถึงรัศมีของไม้อย่างไม่รู้สึกว่ามันอันตราย
ขณะนั้นเหมือนมีเสียงมอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่ดังเข้ามา นิชาดาได้โอกาสร้องขอความช่วยเหลือจนสุดเสียง
“ช่วยด้วย!! ช่วยด้วยค่ะ มีคนจะทำร้ายฉัน”
ร่างสูงใหญ่หยุดเท้า พร้อมเสียงใครคนหนึ่งตะโกนมา
“เสียงใครน่ะ”
เป็นเสียงผู้หญิงทำให้นิชาดาอุ่นใจขึ้น หากก็ยังไม่แน่ใจว่าคนมาใหม่จะสามารถช่วยตนได้หรือไม่ แต่เธอผวาวิ่งไปยังทางนั้นทันที
“ทางนี้ค่ะ ช่วยด้วยค่ะ”
เธอกลัวชายผู้คุกคามตนจะตามมาฉุดเข้าข้างทางที่มีป่ารกอยู่ด้านหนึ่ง จึงพยายามวิ่งสุดกำลังเท้าของตนโดยไม่เหลียวหลังกระทั่งเห็นรถมอเตอร์ไซค์และผู้ขี่ก็รีบโบกมือ
“ช่วยฉันด้วย”
อีกฝ่ายขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดใกล้ๆ มองเธอด้วยสีหน้างุนงง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคุณ”
“ผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายฉัน”
นิชาดารีบเข้าไปจับแขนของอีกฝ่ายขณะมือสั่นตัวสั่นพร้อมทั้งหอบด้วยความเหนื่อย สายตาของผู้มาใหม่มองผ่านเธอไปแล้วมองเธออีกครั้ง
“ไม่เห็นมีใครนี่”
เธอหันกลับไปมองด้านหลังอย่างแปลกใจเพราะคิดว่าผู้ชายคนนั้นไล่ตามตนมา ทว่าทุกอย่างว่างเปล่า
นายหนวดคนเถื่อนหายไปแล้ว...
นายหนวดคนเถื่อนหายไปแล้ว...
“เขาโผล่มาจากทางนั้น จริงๆ นะ”
ปลายนิ้วเรียวชี้ไปยังเส้นทางที่เจ้าของร่างสูงใหญ่โผล่ออกมาดักหน้าตนอย่างต้องการยืนยันคำพูดของตัวเอง
“น่าแปลก ที่นี่ไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนี้”
หญิงสาวผู้มาใหม่เอ่ย แม้จะยังงงอยู่ แต่ก็เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้า หน้าซีดเผือด เหงื่อท่วมตัว ท่าทางดูกลัวจริงๆ
“ว่าแต่คุณมาอยู่แถวนี้ได้ยังไง หรือมาเที่ยวไร่แล้วหลงทาง”
“ฉันมาสมัครทำงานที่ไร่น่ะค่ะ”
“อ๋อ แล้วมายังไงล่ะ ทำไมมาอยู่ท้ายไร่ได้ แล้ว...”
“เอ่อ เราไปจากที่นี่กันก่อนได้ไหม”
นิชาดาไม่อยากให้ตรงนี้อีกแล้ว เธอรู้สึกขนท้ายทอยลุกอย่างบอกไม่ถูก ราวกำลังถูกจับตามองอยู่ อาจเป็นไปได้ที่ผู้ชายคนนั้นแอบซ่อนและมองมาจากที่ใดที่หนึ่งในป่า
“ได้สิ ขึ้นซ้อนท้ายได้เลยคุณ”
เจ้าของร่างอรชรรีบขึ้นนั่งแล้วรวบกระโปรงยาวพลิ้วของตนให้เรียบร้อย ในมือยังไม่ทิ้งไม้เซลฟี่ ทั้งที่นึกห่วงกระเป๋าแต่ก็ไม่กล้าขอให้อีกฝ่ายช่วยพากลับไปทางที่ตนเพิ่งหนีมา เพราะอย่างไรก็เป็นผู้หญิงสองคน คิดว่าหากได้เจอคนในไร่เพิ่มขึ้นอาจพอจะขอความช่วยเหลือได้ ยังดีที่มือถือยังอยู่ แต่ในกระเป๋าเดินทางก็มีเครื่องมือทำมาหากินซึ่งเป็นเหมือนทุกอย่างของเธอเช่นกัน
======
มาถึงก็เจอเรื่องแบบนี้ ตกลงพี่ชายส่งหมอกมาที่ปลอดภัยจริงหรือเปล่า? ^^"
ปลายนิ้วแกร่งไล้แผ่วผิวตรงข้างเอวสูงขึ้นมาวนเวียนปลายยอดอกแล้วขยำเบาๆ ทำเอานิชาดาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นกลางดึก พร้อมกับที่ริมฝีปากอุ่นพรมไต่จากต้นแขนมายังไหล่มน ซอกคอจนถึงใบหูก่อนกระซิบ“หมอกจ๋า รักกันนะจ๊ะ”“คุณดนย์ นี่บ้านใหญ่นะคะ ลูกก็อยู่ด้วย”เธองัวเงียห้ามเสียงเบาเพราะเกรงจะทำให้ลูกชายตื่นและตนเองก็พึ่งหลับไปไม่นานหลังจากป้อนนมหนูน้อยจึงยังเพลียอยู่ ทั้งนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มนักอยู่แล้ว ยังดีที่เวลากลางวันมีคุณนายแสงหล้ากับเหมยช่วยดูลูกพอให้ได้งีบบ้าง“น่านะ รับรองเบ๊าเบา ลูกไม่ตื่นแน่”สามียังกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม มือก็เคล้าคลึงทรวงอกที่อวบอัดขึ้นของตนทำเอานิชาดาอกใจสั่นไหวไม่น้อย จะว่าไปตนก็คิดถึงสัมผัสจากชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน หากก็ยังกังวล“ได้ด้วยเหรอคะ”“เดี๋ยวทำให้ดู”พร้อมพูดชายหนุ่มก็เชยคางให้เธอหันกลับไปรับจูบนุ่มนวลก่อนจะค่อยเพิ่มแรงจูบเม้มและกัดกลีบปากอิ่มด้านล่างให้เธอเผยอรับลิ้นร้อน นิชาดาขยับตัวพลิกมาโอบรอบลำคอหนาตอบรับจูบลึกซึ้งอย่างไม่ยอมน้อยหน้าร่างสองสองขยับเสียดสีเบาๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างหากสอดรับกันอย่างลงตัว ลูกชายตัวน้อยนั้นนอนในเปลสี่เหลี่ยมไม่ต้องเกรงว่าแรงเคลื่อ
“คุณดนย์คะ”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากมาพักโรงแรมได้สองวันนิชาดาก็รู้สึกปวดท้องแล้วเหมือนมีบางอย่างไหลออกมา หญิงสาวพึมพำเรียก ชายหนุ่ม เพียงแตะแขนอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวแล้วขยับนั่งเปิดโคมไฟทันที“เจ็บท้องเหรอหมอก”“ค่ะ...น่าจะน้ำเดินแล้ว”เธอพูดจนแทบไม่มีเสียงเพราะเจ็บ“งั้นหมอกอยู่นิ่งๆ ก่อนนะ แป๊บเดียว”ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นใส่เสื้อโดยเร็วแล้วคว้ากระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ก่อนมาประคองร่างที่อุ้ยอ้ายขึ้นของภรรยา“เดินพอไหวไหม”“ค่ะ”นิชาดายังพอไหวจึงกัดฟันค่อยๆ เดินไปพร้อมกับที่ชายหนุ่มพยุง ธีรดนย์ตั้งใจเลือกห้องพักใกล้ลิฟต์จึงไม่ต้องเดินไกลมากหญิงสาวนอนรอเพื่อให้ปากมดลูกเปิดและปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสามีอยู่ข้างๆ เป็นทั้งคนปลอบใจให้กำลังใจและที่ระบายของตนเพราะบ่อยครั้งที่เธอมักจะจิกเล็บลงบนหลังมือหนาที่กุมมือตนไว้“อื้อ เจ็บจังค่ะ”ยิ่งเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือด เหงื่อผุดพราย ทรมานด้วยความเจ็บปวดชายหนุ่มก็ทุรนทุรายตาม เพราะหญิงสาวนอนอยู่แบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว ก้มลงไปจูบหน้าผากมนเช็ดเหงื่อให้ก่อนจะกระซิบ“ฉันจะตามพยาบาลอีกรอบนะ”นิชาดาปล่อยให้ชายหนุ่มไปโดยไม่แย้ง เธอรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่น
ไร่ชาดิฐวัฒน์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แห่งขุนเขา นอนในบ้านท่ามกลางไร่ชาเขียวชอุ่ม มองเห็นเมฆลอยต่ำปกคลุมยอดเขา การเก็บชาก็ได้รับความนิยม มีคนจองคิวเต็มจำนวนในทุกวันนิชาดาที่ออกมาเก็บภาพบรรยากาศวันหยุดเพื่อโพสต์ในเว็บและโซเชียลต่างๆ ของไร่ยืนมองผู้คนที่มีความสุขกับการได้มาไร่นี้อย่างภูมิใจ ตอนนี้นอกจากเพจแล้วเธอเปิดแอคเคาต์โซเชียลของไร่เพิ่มขึ้นจนครบถ้วน เพราะโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในยุคสมัยนี้“ชอบไหมเจ้า”ส้มที่เป็นคนถ่ายภาพให้เธอเปิดกล้องให้ดู ขณะที่นิชาดามากับมธุรินซึ่งยืนเป็นเพื่อนและคอยดูแลเธอที่ท้องแก่ใกล้คลอด ความจริงธีรดนย์ไม่อยากให้หญิงสาวมาทำงานแต่นิชาดาไม่อยากอยู่เฉยๆ การได้ขยับตัวเดินไปเดินมาจะช่วยให้เธอคลอดธรรมชาติได้ง่ายขึ้น หากก็ต้องดูว่าเด็กกลับหัวด้วยหรือไม่เหมือนกัน“อืม ชอบจ้ะ ไปเก็บภาพมุมโน้น ให้เห็นคาเฟ่กับร้านอาหารด้วยนะจ๊ะ”“เจ้า”“พี่ไปกับส้มเองก็ได้ หมอกเข้าไปนั่งพักในคาเฟ่ดีกว่า”มธุรินเอ่ยปากเพราะดูท่าเหมือนภรรยาเจ้าของไร่จะเดินไปอีกไกลกับส้ม“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่รินด้วยนะคะ แล้ว
“พอใจหรือยังเมียจ๋า”“อะไรคะ”“ก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้พลาดพลั้งเสียท่าคุณภัทร ฉันเป็นของหมอกคนเดียวมาตั้งแต่จดทะเบียนแล้วไงล่ะ”พร้อมกับถามใบหน้าคมเข้มก็ขยับมาชิด หน้าผากจรดแนบหน้าผากเธอ ส่งสายตาออดอ้อนก่อนจะดันตัวเธอให้ค่อยๆ ถอยไปชิดเตียง แต่เขาทิ้งตัวเองลงหงายหลังแล้วรั้งเธอให้นอนลงไปบนร่างแกร่งนิชาดายิ้มหวาน ไม่ได้ฝืนตัวเพราะตัวเองก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร เพียงแค่สงสัยเพราะธีรดนย์ไม่ได้กลับบ้านดึกนัก ยกเว้นช่วงก่อนจัดงานแต่ง“พอใจค่ะ”เธอตอบเสียงเบาชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก“ผัวเป็นคนดี ไม่วอกแวก รักเมียคนเดียว เมียไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอจ๊ะ”คนใต้ร่างอ้อนเสียงทุ้ม แววในดวงตาคู่คมเข้มนั้นหวานฉ่ำจนนิชาดารู้สึกว่าหัวใจตนกำลังละลายไปกับความหวานที่ส่งมาให้“อืม”ปลายนิ้วเรียวไล้วนเหนืออกกว้างพลางทำท่าทีราวครุ่นคิด“อยากได้รางวัลเล็กหรือรางวัลใหญ่คะ”“ชุดใหญ่สิจ๊ะเมียจ๋า”นิชาดาไม่ตอบรับทว่ามือบางเปลี่ยนเป็นลูบแผงอกหนาของคนไม่ใส่เสื้อ แล้วเห็นชายหนุ่มสูดหายใจลึก ยิ่งมือเธอลากลงต่ำ อีกฝ่ายก็ถึงกับกลืนน้ำลายมือนุ่มไม่ได้ต่ำลงไปอย่างที่เขาคาดหวังหากไล้แผ่วเพียงตรงช่วงเอว แต่ชายหนุ่มก็พอใจเพราะร่างหอ
ร่างอรชรออกมายืนหน้าระเบียง มองพระจันทร์ดวงโตผ่านแมกไม้แล้วก็เอาโทรศัพท์ถ่ายก่อนจะอัปโซเชียล ก็มีคนทักและพิมพ์คอมเม้นต์ว่าคิดถึงหลายคน ปกตินิชาดาอัปเดตบ่อยทว่านับแต่มาอยู่ที่นี่ก็ห่างหายเพราะปัญหาต่างๆ ที่รบกวนจิตใจและทุ่มเทความตั้งใจกับงานใหม่ของตน ทั้งยังไม่ได้ตัดวิดีโอที่ถ่ายขณะเดินทางมาไร่ดิฐวัฒน์ด้วย ช่องของเธอพร้อมโซเชียลหยุดเคลื่อนไหวมาสามเดือนแล้ว มานึกขึ้นได้ในตอนนี้ คิดว่าน่าจะพอมีเวลาทำงานตัวเองในวันหยุดได้ เพราะตอนนี้งานในไร่ลงตัวและมีกำหนดปล่อยคลิป Vlog เดือนละครั้ง“จะว่าไป เราไม่เคยชมจันทร์ด้วยกันเลยนะ ออกมาก็น่าจะรอฉันก่อน”เสียงเข้มดังขึ้นและผ้าคลุมที่มาพร้อมการโอบกอดจากด้านหลัง ธีรดนย์คุยงานกับวัชพลนิชาดาก็แวบไปอาบน้ำก่อนแล้วจำได้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งตนเองยังไม่เคยได้มองดูอย่างจริงจังว่าจะสวยดวงโตแค่ไหน ทั้งยังมีเรื่องให้คิดอยากให้ธรรมชาติยามค่ำคืนช่วยบำบัดความตึงเครียด จึงออกมาหน้าระเบียงในตอนชายหนุ่มอาบน้ำธีรดนย์วางคางบนบ่าเธอ กรุ่นกลิ่นครีมอาบน้ำอบอวลพร้อมไออุ่นจากร่างสูงใหญ่โอบล้อมทำให้หญิงสาวเอนอิงอีกฝ่ายราวต้องการความอบอุ่น“ก็เพราะเอะอะคุณดนย์ก็อุ้มเ
“ฉันเปล่า....”ภัทรดาส่ายหน้าพลางถอยหลังเสียงสั่นมากขึ้น“กลัวทุกคนจะรู้ว่าคุณมาถึงไร่หลังฉันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะ”นิชาดาจะไม่ไล่บี้อีกฝ่ายเลยหากเจ้าตัวไม่บอกว่าเธอใส่ร้าย“เธอเกิดเรื่องเมื่อไรฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่มาทำงาน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”“ไม่เป็นไร ดูกล้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะผมจำเวลาที่หมอกเกิดเรื่องได้ ถ้าคุณไม่รู้อะไรจริงก็รอให้การณ์กับตำรวจ”“คุณดนย์”คนที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งตาโต พึมพำพลางถอยหลังช้าๆ“ภัทรไม่ได้ทำนะคะคุณดนย์ ไม่ใช่ภัทรนะ เมียคุณใส่ร้ายภัทร”“ถ้าไม่ได้ทำคุณก็ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องห่วงไปหรอก ตำรวจก็แค่สอบถามเท่านั้น”ยิ่งธีรดนย์เอ่ยถึงตำรวจซ้ำอีกภัทรดายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น หญิงสาวรีบหันหลังจะกลับไปขึ้นรถ“ไม่ ภัทรไม่ผิด ภัทรไม่ได้ทำอะไร อย่ามายุ่งกับภัทร”ภัทรดาเหมือนสติหลุดขยับพรวดออกไปราวต้องการหนี ขณะนั้นมีรถคันหนึ่งขึ้นเนินมา ซึ่งก่อนหน้านี้แต่ละคนก็ไม่ทันได้สังเกตสิ่งอื่นเช่นกันเพราะรถของภัทรดาจอดบังทางที่จะเห็นได้ และต่างก็กำลังสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเห็นรถทั้งหมดก็ตะโกนรั้ง“คุณภัทร!”“กรี๊ดดด!”เอี๊ยด!!เสียงรถเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าภัทรดาก็ถูกเ