แชร์

ข้าขอออกจากตระกูล

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-19 01:30:36

"รับเงินมาแล้วอย่างไร เจ้าก็คืนเงินพ่อหม้ายจงไปเสียก็สิ้นเรื่อง" ชาวบ้านพูดขึ้น

"เรื่องภายในครอบครัวของข้าพวกเจ้ายุ่งอันใดด้วย" นางกงซื่อเถียงขึ้นอย่างไม่ยินยอม

"ท่านปู่ผู้นำได้โปรดช่วยพวกข้าสองคนพี่น้องด้วยขอรับ" หนิงเฉิงคุกเข่าลงต่อหน้าผู้นำหมู่บ้าน

"หากท่านป้าสะใภ้ยังต้องการขายพี่สาวข้าให้พ่อหม้ายจง เช่นนั้นพวกข้าขอออกจากตระกูลจางและจะเปลี่ยนไปใช้แซ่จ้าวของท่านแม่แทนขอรับ" จือลู่เงยหน้ามามองน้องชายอย่างตกใจ มิใช่แค่นางทุกคนก็ตกใจ

เพราะไม่คิดว่าหนิงเฉิงจะกล้าพูดเรื่องออกจากตระกูลขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะเขาอดทนมามากพอแล้ว หรือสงสารที่พี่สาวต้องได้รับความอยุติธรรมจากคนในครอบครัว

"เจ้าคิดดีแล้วหรือเฉิงเออร์" ผู้นำหมู่บ้านถามเขาอย่างจริงจัง

เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือทั้งคู่ด้วยวิธีใด หากพูดถึงเรื่องแต่งงานก็สมควรจะเป็นผู้อาวุโสในเรือนเป็นคนจัดการ แต่นางกงซื่อก็ทำกับหลานเกินไปที่เลือกคนเช่นพ่อหม้ายให้นาง

"ข้าคิดดีแล้วขอรับ" หนิงเฉิงกัดฟันแน่นก่อนที่จะเอ่ยออกมา เขายอมให้พี่สาวแต่งออกไปกับพ่อหม้ายไม่ได้ 

"ได้ ไปเรียกต้าอู๋มา" นางกงซื่อจะเอ่ยแย้งก็ไม่กล้า เพราะสายตาที่เอาจริงของผู้นำหมู่บ้านคอยมองปรามนางไว้

หนิงเฉิงลุกขึ้นไปประคองจือลู่ แล้วเดินตามผู้นำหมู่บ้านไปที่เรือนของเขา เพื่อเขียนหนังสือตัดขาดจากครอบครัว ต้าอู๋ก็รีบร้อนมาทันทีเมื่อนางกงซื่อไปแจ้งเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

"เจ้าจะออกจากตระกูลจริงหรือเฉิงเออร์" ต้าอู๋ถามหลานชายอย่างไม่อยากเชื่อ 

"จริงขอรับ" หนิงเฉิงจ้องตาต้าอู๋อย่างจริงจัง

"แต่ข้าจะไม่แบ่งที่นาให้พวกเจ้าสองพี่น้องเด็ดขาด" นางกงซื่อตะโกนเสียงดังอยู่ด้านข้าง ตอนนี้ที่นาของบิดาก็ยังอยู่ในส่วนของบ้านใหญ่ยังไม่มีการแบ่งออกมา แม้จะแบ่งแยกกันทำแต่ก็ยังเป็นส่วนของบ้านใหญ่อยู่ดี

"ไม่เป็นไรขอรับ ขอเพียงพวกท่านอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับข้าสองพี่น้องอีกก็พอ" หนิงเฉิงพูดขึ้นอย่างไม่หลบสายตา ที่นาเพียงน้อยนิดเขาจะต้องการไปเพื่อสิ่งใด ที่อยากได้คือท่านลุงท่านป้าสะใภ้เลิกยุ่งกับพวกเขาสองพี่น้องเท่านั้น

"เช่นนั้นก็ได้" ต้าอู๋รีบรับคำ เพราะเขาไม่ต้องการจะแบ่งที่นาทำกินตั้งแต่แรก ในเมื่อสองพี่น้องต้องการออกจากตระกูลเขาจะรั้งไว้เพื่อสิ่งใด 

ผู้นำหมู่บ้านเขียนหนังสือตัดขาดขึ้นมาสามฉบับ ตอนที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่หนิงเฉิงยังได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่เล็ก เพราะมารดาของเขาต้องการให้เขาสองพี่น้องรู้ตำรา เขาเพิ่งหยุดเรียนเมื่อไม่กี่เดือนที่บิดามารดาเสียนี้เอง 

ทำให้หนิงเฉิงระบุลงไปอย่างละเอียด ว่าตระกูลจางไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาสองคนพี่น้อง แม้จะยากดีมีจนก็ไม่อาจจะมาขอความช่วยเหลือต่อกันได้ นับว่าเรื่องนี้ต้าอู๋กับนางกงซื่อก็ต้องการเช่นกัน

"หากพวกเจ้ายังวุ่นวายกับสองพี่น้องอีกต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินสามร้อยตำลึง พวกเจ้าสองพี่น้องก็เช่นกันหากไปขอความช่วยเหลือท่านลุงของเจ้าก็ต้องเสียค่าปรับ พวกเจ้าทั้งหมดเข้าใจใช่หรือไม่"ผู้นำหมู่บ้านพูดทวนให้ทั้งหมดเข้าใจอีกครั้ง

"ข้าเข้าใจขอรับ/เจ้าค่ะ" หนิงเฉิงกับจือลู่พูดขึ้น

"ต้องเป็นเช่นนั้น" ต้าอู๋พูดขึ้นอย่างได้ใจ เพราะเขาคิดว่าสองพี่น้องจะเอาตัวรอดไปได้เช่นไร อย่างไรก็ต้องมาขอความช่วยเหลือจากตน เมื่อถึงตอนนั้นตนจะเรียกค่าปรับให้ทั้งคู่เป็นวัวเป็นม้าไปตลอดชีวิต นางกงซื่อก็เห็นดีเห็นงามตามไปด้วย

เมื่อเป็นตามที่ตกลง ผู้นำหมู่บ้านก็ส่งหนังสือสัญญาให้ครอบครัวละหนึ่งฉบับเขาเก็บไว้เองหนึ่งฉบับ และยังรับปากสองพี่น้องว่าจะช่วยจัดการเรื่องเปลี่ยนแซ่ให้พวกเขาในวันพรุ่งนี้อีกด้วย โดนหนิงเฉิงต้องรับเป็นเจ้าบ้านในวัยเพียงสิบสองหนาวเท่านั้น

ชาวบ้านที่ติดตามาดูเรื่องสนุก และบางคนที่ตามมาช่วยสองพี่น้อง เห็นเรื่องจบลงด้วยดีต่างก็แยกย้ายกันกลับ คงมีแต่พ่อหม้ายจงที่ยังโวยวายกับหมู่นำหมู่บ้านไม่เลิก เรื่องที่เขาจ่ายเงินซื้อตัวจือลู่ไว้แล้วแต่ไม่ได้คนกลับไป

ผู้นำหมู่บ้านจึงให้ต้าอู๋กับนางกงซื่อนำเงินที่รับมาคืนไป แต่พ่อหม้ายจงกับขอค่าเสียเวลาเพิ่มจากต้าอู๋อีกสองตำลึง นางกงซื่อจะไม่ยอมคืนก็ไม่ได้มิเช่นนั้นต้องให้บุตรสาวของตนที่วัยเดียวกันกับจือลู่แต่งออกไปแทน แล้วนางจะยอมได้เช่นใด

หนิงเฉิงประคองจือลู่กลับเรือน เมื่อพ้นสายตาของคนอื่นจือลู่ก็จัดผม จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วรับเดินกลับเรือน เพราะทั้งคู่ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยหลังจากที่ลงจากเขา นางกงซื่อก็เข้ามาหาเรื่องที่เรือนเสียก่อน 

จือลู่กลับถึงเรือนก็รีบต้มน้ำ เพื่ออาบน้ำ ระหว่างที่ต้มน้ำ นางก็พาหนิงเฉิงเข้าไปกินอาหารในห้องของนาง นางมองน้องชายอย่างเอ็นดู เพราะต้องการปกป้องนางน้องชายถึงยอมตัดขาดจากตระกูลแล้วเปลี่ยนมาใช้แซ่ของท่านแม่

ท่านพ่อพาท่านแม่กลับมาจากเมืองหลวงเพื่อมาอยู่ที่บ้านเดิมของเขา ตอนนั้นก็มีนางแล้ว ในท้องของมารดายังมีหนิงเฉิงแล้วด้วย เพียงความทรงจำของนางจำได้เลือนลางเท่านั้น

แม้แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงว่าเหตุใดบิดามารดาถึงกลับมาอยู่เป้ยหาน นางก็จำไม่ได้เสียแล้ว

หมู่บ้านที่พวกนางอยู่ก็ห่างจากตัวเมืองเป่ยหานถึงยี่สิบลี้ หากจะเข้าเมืองต้องนั่งเกวียนถึงสองชั่วยาม ถ้าเดินเข้าเมืองคงจะต้องพักที่เมืองเสียหนึ่งคืนไม่เช่นนั้นไปกลับก็คงมืดระหว่างทาง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ตอนจบ

    ภายในคุกที่ว่าการเมืองเป่ยหาน ต้าอู๋และนางกงซื่อมิรู้ว่าพวกตนถูกจับมาได้อย่างไร ชินอ๋องที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ภายนอก ก็เดินปรากฏตัวเขาไปด้านในต้าอู๋และกงซื่อเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคนใหม่คือชินอ๋องสามีที่แท้จริงของจ้าวเหยียนก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะอย่างร้อนตัวชินอ๋องพูดเรื่องที่ทั้งคู่ทุบตีจือลู่และหนิงเฉิงทั้งยังจะยกจือลู่ให้พ่อหม้ายจง ต้าอู๋กับนางกงซื่อเงยหน้ามองชินอ๋องอย่างแปลกใจ แม้นางกงซื่อจะเคยคิดเช่นที่ชินอ๋องพูด แต่นางก็ไม่ได้ทำและไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มาก่อนชินอ๋องมิรอฟังคำแก้ตัวของต้าอู๋และนางกงซื่อ เขาสั่งให้ทหารโบยทั้งคู่คนละสามสิบไม้ก่อนจะเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองทางตอนใต้ของแคว้นขบวนเดินทางของชินอ๋องเสียเวลาอยู่ที่เมืองเป่ยหานเพียงห้าวันเท่านั้น นอกจากที่เขาจัดการเรื่องของต้าอู๋และนางกงซื่อแล้ว ยังให้จือลู่จัดการเรื่องร้านค้าของนาง และเติมสินค้าอย่างเต็มที่หลังจากออกเดินทางจากเมืองเป่ยหานมาได้ห้าวันก็ถึงเมืองเป่ยโจว จือลู่นางต้องไปอยู่ที่จวนของเว่ยหยาง แต่เพราะต้องปรับปรุงจวนเสียใหม่นางกับเว่ยหยางจึงอาศัยอยู่ในตำหนักเสียก่อนผ่านมาได้ครึ่งปีเรื่องมงคลของตำหนักอ๋องก็มีมาเยือน เ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   กลับเป่ยโจว

    วันต่อมา จือลู่ถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จ้าวเหยียนก็มาที่เรือนของนางเพื่อช่วยนางแต่งตัว วันงานจือลู่มิได้แต่งหน้าเอง แต่คนที่แต่งให้ก็เป็นมือหนึ่งในร้านอ้ายเสิ่นของนาง นับว่าฝีมือที่แต่งออกมาใกล้เคียงกับของจือลู่ยิ่งนักจ้าวเหยียนเป็นคนหวีผลให้จือลู่และสวมผ้าคลุมหน้าให้นาง จ้าวเหยียนหันไปปาดน้ำตา เพราะเป็นงานมงคลไม่อาจหลั่งน้ำตาออกมาได้"ลู่เออร์ ไม่ว่าเจ้าจะออกเรือนไปแล้ว อย่างไรก็เป็นลูกของข้าอยู่เสมอ" จือลู่เงยหน้ามองจ้าวเหยียนที่ดวงตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาไว้"ท่านแม่ ท่านก็คือมารดาของข้าเช่นกันเจ้าค่ะ" คำพูดของนางหากคนนอกฟังอาจจะดูแปลกๆ แต่สองคนแม่ลูกล้วนเข้าใจกันอย่างดี จือลู่กอดเอวของจ้าวเหยียนแน่น ก่อนจะปล่อยให้นางได้ออกไปจัดการเรื่องด้านหน้าตำหนักเสียงฆ้องดังมาแต่ไกล ขบวนเจ้าบ่าวที่มารับเจ้าสาวยาวเหยียดจะมองไม่เห็นท้ายขบวน สินเดิมของเจ้าสาวที่กองไว้เพื่อนำออกจากตำหนักก็มากมายเสียทำให้คนอิจฉาตาร้อนเว่ยหยางพาจือลู่คำนับชินอ๋องกับจ้าวเหยียนก่อนจะพานางออกไปจากตำหนัก หนิงเฉิงแบกพี่สาวไปส่งที่เกี้ยวแปดคนหามหลังงาม จ้าวเหยียนยืนมองส่งจือลู่ด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ชินอ๋องจึ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ข้าควรจะจัดการเจ้านานแล้ว

    ชินอ๋องเมื่อเห็นจ้าวเหยียนปลอดภัยแล้ว นางเพียงหลับไปเพราะอ่อนเพลียจึงได้ออกมาดูบุตรทั้งสาม ก็เห็นว่าจือลู่และหนิงเฉิงเฝ้าน้องของพวกเขาอยู่"ท่านพ่อ ดูน้องของข้า เหตุใดถึงได้น่าเกลียดเช่นนี้ขอรับ" หนิงเฉิงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าน้องสาวคนเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ส่วนน้องชายทั้งสองล้วนแล้วแต่น่าเกลียดในสายตาของเขา"ตอนเจ้าเกิดเจ้าก็น่าเกลียดเช่นนี้" จือลู่หยอกเย้าน้องชายของตน นางก็กำลังเขี่ยแก้มของเด็กแฝดทั้งสามชินอ๋องมองลูกทั้งสามที่นอนหลับอยู่อย่างรักใคร่ ก่อนที่เขาจะอุ้มบุตรสาวคนเล็กขึ้นมา "ฉีซิงเยียน""ซิงเยียน น้องต้องงดงามกว่าพี่หญิงแน่นอนขอรับ" หนิงเฉิงพูดขึ้น จือลู่หันไปมองสองพ่อลูกที่เห่อน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างเอือมๆแฝดคนโตชื่อ หนิงเทียน คนรองชื่อหนิงหวง ทั้งคู่มีคำว่าหนิงเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา"ท่านพี่ ลูกเล่าเจ้าคะ" กว่าจ้าวเหยียนจะตื่นก็เข้าสู่อีกวันแล้ว นางลืมตาก็ถามหาบุตรทั้งสามที่นางเพิ่งคลอด เพราะก่อนที่จะหมดสติไปนางรู้เพียงว่าเด็กทั้งสามล้วนแล้วแต่แข็งแรงดีชินอ๋องให้แม่นมพาบุตรทั้งสามเข้ามาให้จ้าวเหยียนได้ดู และบอกนางถึงชื่อที่เขาตั้งให้บุตรทั้งสาม"เจ้าพักผ่อนเสียให้

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   คลอดบุตร

    เว่ยหยางรีบกลับจวนพร้อมนำข่าวไปแจ้งให้บิดามารดาส่งแม่สื่อไปที่ตำหนักอ๋องข่าวเรื่องที่ตระกูลเว่ยส่งแม่สื่อล่วงรู้ไปถึงองค์ชายรอง ก่อนที่เขาจะออกจากวังไปจัดการกับเว่ยหยางก็โดนฮ่องเต้เรียกตัวเข้าพบ"เจ้ารอง เจ้ามั่นใจมากเพียงใดที่จะจัดการกับแม่ทัพเว่ย" ฮ่องเต้ยกชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น เหมือนเรื่องที่พระองค์ถามบุตรเป็นเพียงเรื่องดินฟ้าอากาศ"เสด็จพ่อ ท่านพระราชทานสมรสให้ลูกได้" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ"เจ้ากล้ามีเรื่องกับชินอ๋องใช่หรือไม่" ฮ่องเต้จ้องบุตรชายอย่างดุดัน"ลูก ลูก เสด็จพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ ชินอ๋องจะมีอำนาจมากกว่าท่านได้อย่างไร""โง่เขลานัก" ฮ่องเต้ขว้างถ้วยน้ำชาลงพื้นอย่างมีโทสะ"หากน้องห้าต้องการบัลลังก์ เจ้าคิดหรือว่าเจิ้นจะได้นั่งเช่นทุกวันนี้" เพราะน้องชายของเขามิคิดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และช่วยเหลือเขาจนได้นั่งบัลลังก์เช่นทุกวันนี้ เรื่องทุกเรื่องชินอ๋องไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่ง หากพระองค์เข้าไปจัดการเรื่องในตำหนักคงได้เกิดปัญหาแน่"หากเจ้ายังคิดว่าตนเองต่อกรได้ เจิ้นก็ไม่ห้าม ไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นเจิ้นมิอาจช่วยเหลือเจ้าได้""เสด็จพ่อ" องค์ชายรองตกใจ เพราะไม่ว่าสิ่งใดเสด็จพ่อเสด็จแ

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   ข้าสาบานด้วยชีวิต

    ฮองเฮาที่ต้องการผูกสัมพันธ์กับชินอ๋องจึงอยากได้จือลู่มาเป็นพระชายาให้กับองค์ชายรอง เพราะฮ่องเต้ย่อมถามความคิดเห็นของชินอ๋องเรื่องแต่งตั้งองค์รัชทายาทหากองค์ชายรองได้แต่งจือลู่ ชินอ๋องย่อมต้องเข้าข้างบุตรเขยของตนเพื่อให้บุตรสาวได้ขึ้นเป็นฮองเฮาในอนาคต เมื่อเห็นว่าชินอ๋องจะขอตัวกลับแล้ว ฮองเฮาจึงพูดเรื่องหมั้นหมายขึ้นมาอีกครั้ง"กระหม่อมยังมิคิดให้ลู่เออร์ออกเรือนพ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนจะพาจ้าวเหยียนและบุตรทั้งสองกลับตำหนัก"ท่านพี่ข้าคิดว่าฮองเฮาคงไม่ยอมหยุดเรื่องของลู่เออร์" จ้าวเหยียนเอ่ยด้วยความกังวล"มีข้าอยู่นางจะทำอันใดได้" ชินอ๋องกอดปลอบจ้าวเหยียน เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้าอย่างใช่ความคิดเว่ยหยางที่รู้เรื่องฮองเฮาต้องการทาบทามจือลู่ให้องค์ชายรองก็ร้อนใจจนมาที่ตำหนักอ๋องแต่เช้า"เปิ่นหวางไม่ได้เรียกเจ้ามิใช่หรือท่านแม่ทัพเว่ย" เขาปรายตามองบุรุษหน้าหนาที่ร้อนใจมาที่ตำหนักแต่เช้า"กระหม่อมมีเรื่องอยากทูลพระองค์พ่ะย่ะค่ะ" ชินอ๋องเดินนำเว่ยหยางไปที่ห้องตำรา เพราะเขารู้ดีว่าเว่ยหยางมาด้วยเรื่องอันใด"ว่ามา" ชินอ๋องนั่งลงแล้วเอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมองเว่ย

  • ตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย   จัดการตระกูลเซี่ย

    วิญญาณดวงใหม่เข้ามาแทนที่ ชินอ๋องจ้องมองภาพตรงหน้าอยากแปลกใจ เมื่อจือลู่ที่มาจากอีกภพลืมตาขึ้น สิ่งที่นางพึมพำออกมาชินอ๋องรู้ได้ทันทีว่านี่คือจือลู่ที่มาอีกภพหนึ่ง"ท่านพี่ ท่านพี่" เสียงเรียกของจ้าวเหยียนปลุกให้ชินอ๋องตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายของเขา"เหยียนเหยียน" ชินอ๋องลูบไปที่ใบหน้าของนาง ก่อนจะดึงนางเข้ามาสวมกอดแล้วร้องไห้เงียบๆ"ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ ฝันเรื่องอันใดถึงได้เป็นเช่นนี้" จ้าวเหยียนมองชินอ๋องอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนจึงทำให้นางตื่นขึ้นมาชินอ๋องเล่าเรื่องความฝันของเขาให้จ้าวเหยียนฟัง พอถึงตอนที่ต้องเสียน้องและจือลู่เสียงของเขาสั่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะเป็นเรื่องจริง"ท่านพี่หากข้าบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่ท่านฝันคือเรื่องจริงท่านจะเชื่อหรือไม่" จ้าวเหยียนจับใบหน้าของชินอ๋องแล้วจ้องมองเขาอย่างจริงจังนางเล่าเรื่องที่นางเสียชีวิตลง และได้ไปอยู่ที่ภพใหม่ แม้ชินอ๋องจะรู้แล้ว แต่เรื่องที่นางรู้ว่าเรื่องทั้งหมดของพวกเขาเป็นเพียงแค่นิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางจบชีวิตลงเป็นเช่นที่เขาเห็นความรันทดของบุตรทั้งสองเป็นเรื่องจริง ที่ครั้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status