Se connecter
เสียงรถเคลื่อนตัวจอดหน้าบ้านทำให้หญิงสาวรูปร่างอรชร ที่วุ่นวายกับการปรุงอาหารในห้องครัวรีบเอื้อมมือปิดเตาแก๊ส จากนั้นวิ่งไปหาใครคนหนึ่งด้วยอาการดีใจบริเวณหน้าบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอคะ พี่เมฆ” ว่าแล้ว ส่งยิ้มหวานให้แก่ชายหนุ่ม
“มีตาไม่ใช่เหรอ ไม่น่าถาม” เอ่ยพูดเสียงเย็นทำเอาคนฟังถึงกับจุกอกทีเดียว ถึงกระนั้นก็ยังแสร้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
“พี่เมฆหิวไหมคะ”
“เดือนฉาย...” ช้อนตามองเธอซึ่งไม่ต้องเปล่งประโยคใดมากมาย หญิงสาวรับรู้ได้ทันทีอีกคนกำลังจะสื่อถึงอะไร
“งั้นฉายไปเตรียมอาหารให้นะคะ” คนตัวเล็กกำลังจะหมุนตัวก้าวเดินไปข้างในเป็นอันหยุดชะงักกับเสียงทุ้ม
“ไม่ต้อง ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำก่อน”
“อ๋อค่ะ”
“ทำไมฉันต้องมาแต่งงานกับคนอย่างเธอด้วยวะ” พึมพำอย่างหัวเสียก่อนเดินจากไป ทิ้งคนตัวเล็กเจ็บจี๊ดกับถ้อยคำนั้นที่ยังคงดังก้องใบหูขาวสะอาดคอยตอกย้ำความรู้สึกผิดได้เป็นอย่างดี
“ขอโทษ” ชำเลืองมองแผ่นหลังกว้างของภูเมฆหรือพ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่ส้มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่แปลกใจเลยเขาจะรังเกียจผู้หญิงอย่างเธอ เพราะเธอเป็นต้นเหตุทำลายความรักของเขา
ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก เธอกับเขาแต่งงานกันจะเข้าปีที่สองแล้ว ทว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิด เขายังคงเกลียดเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณฉาย”
“คะ” เสียงเรียกของแม่บ้านวัยกลางคนดังขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ปรายตามองบุคคลมาใหม่ด้วยสีหน้างุนงง
“จะให้ป้าจัดโต๊ะเลยไหม”
“ป้าบัวไปพักเถอะ ที่เหลือฉายจัดการเอง”
“ค่ะ”
พ้นร่างป้าบัวไม่กี่นาที เดือนฉายยกเท้าเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะทำอาหารที่ยังค้างคาต่อให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นนำไปยกขึ้นโต๊ะซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันภูเมฆเข้ามาในห้องอาหารพอดี
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
“เสร็จแล้วค่ะ พี่เมฆจะกินข้าวเลยไหม”
“ถามมาได้ ฉันเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็จะกินนะสิ!!” บอกอย่างไม่สบอารมณ์ ฝ่ามือหยาบกร้านลากเก้าอี้พร้อมนั่งลง “ตักข้าวสิ”
“ค่ะ” เธอไม่ตอบโต้เขามากนักกลัวจะทะเลาะกันเปล่า ๆ ไม่รอช้าทำตามคำสั่งของอีกคน
“เธอนี่มันน่าเบื่อชะมัด ทำอะไรก็ชักช้า”
คนกำลังจะตักข้าวใส่จานพ่อเลี้ยงหนุ่มเป็นอันหยุดชะงัก นัยน์ตาคู่หวานเหลือบมองใบหน้าคมคาย
“พูดดี ๆ กับฉายบ้างไม่ได้เลยเหรอคะ” หลายครั้งแล้วที่เธอต้องทนฟังถ้อยคำแย่ ๆ จากเขา นับจากแต่งงานกันมาเกือบจะสองปี
“ทำไมฉันต้องพูดดี ๆ กับคนอย่างเธอด้วย ใครสั่งให้เธอแต่งงานกับฉันเองล่ะ”
“ถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้น พี่เมฆจะไม่พูดแบบนี้เลยใช่ไหม”
“แน่นอนสิ” ภูเมฆเงยหน้ามองคนตัวเล็กอย่างท้าทาย ยักไหล่ใส่อย่างไม่แยแสกับความรู้สึกของเธอ
“เชิญกินข้าวคนเดียวไปเลย หรือจะไปเรียกผู้หญิงคนนั้นมากินด้วยก็ได้” เดือนฉายวางทัพพีลงในโถข้าว จากไปทันใดด้วยความหัวเสีย ระหว่างเธอกับเขาพูดดีไม่ถึงนาทีเป็นอันทะเลาะกันตลอด ซึ่งเธอเริ่มจะชินแล้วแหละ
“เดือนฉายกลับมานี่ก่อน”
หญิงสาวไม่สนใจเสียงเรียกของคนตัวโต ยังคงเร่งฝีเท้าเดินไปห้องนอน
ทันทีที่มาถึงจุดหมายปลายทาง เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม มือเรียวกำผ้าปูเตียงแน่นและพยายามข่มน้ำตาไม่ให้ไหลรินประจานความโง่เขลา
“พี่เมฆคนนิสัยไม่ดี สักวันพี่จะเสียใจที่ทำแบบนี้กับฉาย”เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
“เดือนฉาย”
“อื้อ” ดวงตากลมโตลืมขึ้นชักช้า วินาทีถัดมาปะทะกับกายแกร่งของภูเมฆ
“พี่เมฆ” มือบางยันบนเตียงเพื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าจิ้มลิ้มแหงนมองคนตัวโตตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยอาการงัวเงีย
“หนีมานอนนี่เอง”
“พี่เมฆมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อย่าลืมเปลี่ยนผ้าปูด้วยล่ะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ” เอื้อมมือจับท่อนแขนของอีกคนซึ่งหลังพูดจบทำท่าจะก้าวเดินออกจากห้อง
“สกปรกไง” มองคนตัวเล็กด้วยแววตาเหยียดหยาม
“พี่เมฆ” ถ้อยคำของเขา ทำเอาเดือนฉายรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ ก่อนเผลอปล่อยมือจากท่อนแขนแกร่ง
“เธอรู้อะไรไหมเดือนฉาย สิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันคือการแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอนี่แหละ”
“พี่เมฆ!! มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
“แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ ที่เป็นตัวต้นเหตุทำลายความรักของฉัน”
“สักวันพี่เมฆจะเสียใจที่เคยพูดไม่ดีกับฉาย”
“ไม่มีวันนั้นหรอก!!” เน้นเสียงหนักด้วยความเชื่อมั่นว่าคนอย่างเขาจะไม่มีทางอ่อนข้อให้เธอเด็ดขาด
“แล้วฉายจะรอดู ถึงตอนนั้นเมื่อไรต่อให้พี่เมฆคุกเข่าอ้อนวอนฉายทั้งน้ำตา ฉายจะไม่ยกโทษให้พี่เด็ดขาด”
“งั้นเหรอ” ส่งยิ้มเยาะเย้ยให้แก่เธอ เขามั่นใจอย่างแน่นอนจะไม่มีทางเป็นอย่างที่เธอพูด
“ไปให้พ้นหน้าฉายเลย คืนนี้ไม่ต้องมานอนที่นี่เลย” หญิงสาวทนไม่ไหวอีกต่อไปกับท่าทางน่าหมั่นไส้ของภูเมฆ จึงหยิบหมอนใบใหญ่ปาใส่เขาอย่างจัง จนอีกคนยอมจากไปง่าย ๆ
“จะมีสักครั้งไหมพี่เมฆจะรักฉาย” มือบางยกขึ้นกุมใบหน้าและถอนหายใจยืดยาว เธอเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ยังคงรักเขา ทั้งที่เขาทำให้เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“วันหนึ่งถ้าฉายทนไม่ไหว ฉายจะไปจากพี่เมฆเอง” ร่างเล็กเอนกายนอนลงบนที่นอนอีกครั้ง จ้องมองเพดานห้องสีขาวล้วนอย่างครุ่นคิด กระทั่งไม่นานความง่วงบวกกับความเหนื่อย ทำให้เธอเข้าสู่ห้วงนิทราอีกหน
เช้าวันต่อมา เธอตื่นสายกว่าปกติ กว่าจะลงมารับประทานอาหารก็เกือบจะแปดโมง ขณะกำลังจะตรงไปห้องอาหารบังเอิญปะทะกับภูเมฆ ทว่าเธอทำเป็นมองไม่เห็นอีกคนก่อนเลี่ยงไปอีกทาง
“นี่” ไม่พูดเปล่า พ่อเลี้ยงหนุ่มคว้าท่อนแขนเล็กอย่างรวดเร็วเพื่อรั้งไม่ให้เธอไปจากกัน
“มีอะไรคะ”
“ไม่เห็นฉันเหรอ”
“เห็นค่ะ”
“แล้ว”
“คะ” ถามเสียงสูงพลางเลิกคิ้วโก่งสวยขึ้นอย่างรอคอยว่าอีกคนจะเปล่งประโยคใด
“ช่างเหอะ!! เธอนี่มันน่ารำคาญชะมัด” สะบัดแขนเล็กออกจากมือหนาอย่างแรง ทำเอาเดือนฉายเจ็บไม่น้อย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉายขอตัว” อยู่ไปก็ทะเลาะกันเปล่า ๆ จึงขอเป็นฝ่ายไปเองดีกว่า
“ฉันอนุญาตให้เธอไปแล้วเหรอ”
“พี่เมฆมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเดาอารมณ์ของเขาไม่ถูกเลย สรุปจะเอายังไงกันแน่
“กินข้าวเสร็จก็รีบตามไปที่ไร่ด้วย วันนี้ฉันมีงานให้ทำ”
“ค่ะ” พยักหน้าหงึก ๆ อย่างเข้าใจในถ้อยคำนั้น
“น่าเบื่อชะมัด” จ้องมองคนตัวเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าพร้อมกับพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนหมุนตัวเตรียมจะจากไป
“พี่เมฆจะไปแล้วเหรอ รอฉายด้วยสิคะ” เดือนฉายรีบถามขึ้นทันทีที่เห็นอีกคนนำหน้าไปก่อน โดยไม่คอยกัน
“เธอก็ไปเองสิ”
“แล้วฉายจะไปยังไงคะ ที่บ้านมีรถของพี่เมฆแค่คันเดียวเองนะคะ” ตะโกนไล่หลังคนตัวโต
“เดินไปเองสิ เก่งนักไม่ใช่เหรอ”
“แต่มันไกลนะคะ”
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับจากพ่อเลี้ยงหนุ่ม ภูเมฆก้าวยาว ๆ จากไปจนลับหาย ทิ้งหญิงสาวไว้เพียงลำพังบริเวณนั้น
“ไอ้พี่เมฆคนนิสัยเสีย” ทำได้แค่บ่นอุบอิบ ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“คุณฉายครับ” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นกะทันหันเรียกความสนใจจากหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง
“อ้าวคุณนาวิน มีธุระอะไรหรือเปล่า” ส่งยิ้มแก่บุคคลมาใหม่
“พ่อเลี้ยงให้ผมมารับคุณฉายครับ”
“อ๋อค่ะ” คำตอบนาวินลูกน้องคนสนิทของภูเมฆ ส่งผลให้เดือนฉายรู้สึกดีขึ้นระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยภูเมฆไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นให้เธอเดินไปไร่ที่ค่อนข้างไกล
“คุณฉายจะไปเลยไหมครับ”
“ค่ะ ไปเลยก็ได้”
เดิมทีตั้งใจจะกินข้าวเช้าก่อนไป แต่ไม่อยากให้ภูเมฆรอนาน ยิ่งเขาเป็นพวกชอบจับผิดอยู่ด้วย ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตามมักจะโดนตำหนิอยู่เรื่อย ๆ
“พี่เมฆ” เรียกเขาด้วยเสียงสั่น ๆ ตอนนี้เจ็บกายไม่เท่าไรแต่เจ็บใจเหลือเกิน ผู้ชายตรงหน้าไม่เคยเชื่อคำพูดกันสักครั้ง“ลุกขึ้นแล้วไสหัวไปซะ อย่ามาทำตัวสำออยตรงนี้”“ฉายว่าคนที่ต้องพบจิตแพทย์ คือพี่เมฆต่างหากไม่ใช่ป้านีหรอก”เพียะ! ไม่ใช่ฝีมือของภูเมฆแต่เป็นฝีมือของมานีซึ่งบังเอิญมาได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี หญิงวัยกลางคนคร่อมร่างเดือนฉาย แล้วตบหน้าหญิงสาวแบบไม่ยั้ง“ป้านีครับ ใจเย็นก่อนเถอะ” ชายหนุ่มคว้าตัวผู้เป็นป้าแต่ช้าไปแล้วเพราะเดือนฉายถูกตบหน้าไปหลายที จนสภาพสะบักสะบอม“ปล่อยป้านะเมฆ ป้าจะตบสั่งสอนนังนั้น” มานีดิ้นพล่านไปมาหวังให้หลุด“พอเถอะครับ ผมขอร้อง”“เมฆ”“นะครับป้านี” เขามองมานีด้วยแววตาเว้าวอน“ก็ได้ ป้าจะยอมเพราะเห็นแก่เมฆหรอกนะ”“รีบไปสิ” ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับคนบนพื้นได้ยินดังนั้นเดือนฉายรีบพยุงกายลุกขึ้นวิ่งออกจากบ้านไป ทำภูเมฆตกใจไม่น้อย คาดไม่ถึงจะวิ่งไปข้างนอกแทนที่จะกลับห้องนอน“เดือนฉาย” เขาตั้งท่าจะตามเธอไป แต่ไม่วายถูกมานีรั้งไว้“อย่าไปนะเมฆ ปล่อยมันไปเถอะ”“แต่...”“ไม่ฟังคำพูดของป้าแล้วใช่ไหม ป้าคงทำอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม งั้นก็อย่าสนใจคนแก่คนนี้เลย” มานีสะบัดมือ
นับจากมานีเดินทางมาพักที่ไร่ส้มเกือบหนึ่งสัปดาห์ ไม่มีวันไหนเลยเดือนฉายจะไม่ถูกหญิงวัยกลางคนรังแกด้วยสารพัดวิธี บ่อยครั้งรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำชั่วร้ายของมานีแต่ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ ทำได้แค่ข่มความรู้สึกไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ“กาแฟค่ะ”วันนี้ก็เป็นอีกวัน เดือนฉายต้องคอยดูแลมานีตามคำสั่งของภูเมฆ แม้ไม่อยากทำมากแค่ไหนก็ต้องฝืนทน“วางสิ! ต้องให้บอกทุกอย่างเลยเหรอ”“ค่ะ”ระหว่างเดือนฉายกำลังจะย่างกรายนำเอาเครื่องดื่มไปวางบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้ามานีในห้องนั่งเล่น จู่ ๆ อีกคนยื่นขาออกมา ส่งผลให้หญิงสาวสะดุดเกือบล้มลง ทว่าโชคดีจับถาดกาแฟไว้แน่นจึงไม่ตกหล่นกระทบพื้น“ซุ่มซ่าม” ว่าแล้ว เบะปากใส่เดือนฉายอย่างสะใจหญิงสาวทำได้แค่ส่งยิ้มอ่อน ๆ วางของในมือลงอย่างใจเย็น พยายามระงับโทสะไม่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมออกไป“โอ๊ย!! กาแฟอะไรของเธอเนี่ย ขมชะมัด” ทันทีมานีลิ้มลองรสชาติกาแฟได้เพียงนิดหน่อยถึงขั้นพ่นออกมา แล้วหันไปตำหนิเดือนฉาย“กาแฟดำไงคะ แบบที่ป้านีต้องการ”“นี่แกเถียงฉันเหรอ” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไปประชันหน้ากับเดือนฉาย“ฉายแค่อธิบายเฉย ๆ ยังไม่ได้เถียงเลย”เพียะ! คนตัวเล็กพูดจบไม่ถึงน
ภูเมฆกระโดดลงจากเตียงเพื่อวิ่งตามหลังคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าเธอเข้าสู่วงแขนได้ทัน กระชับกอดเธอแน่นเพื่อรั้งไม่ให้หนีไปไหน“ปล่อยนะพี่เมฆ ฉายจะไปอาบน้ำ” พยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ ขณะนี้อยากเอาตัวเองออกห่างเขามากที่สุด เนื่องจากบทสนทนาระหว่างกันก่อนหน้ายังคงตอกย้ำความรู้สึกได้ดี เจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งใจ ไม่ต่างถูกเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทง “ที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง”“ก็อย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ”“เดือนฉาย!!” บีบท่อนแขนเล็กแน่น จ้องเขม็งคนในอ้อมกอดด้วยแววตาเกลียดชังปนขยะแขยงในถ้อยคำนั้น “ทำไมล่ะคะ ฉายจะให้เด็กที่พ่อไม่ต้องการเกิดมาทำไม”“ฉันไม่คิดเลยเธอจะจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ เลวที่สุด!!” ตะคอกใส่หน้าหวานเสียงดังสนั่น จนเธอสะดุ้งเฮือกหนึ่ง“ใช่ ฉายมันเลว เพราะฉายไม่เคยเป็นที่ต้องการของใครเลย” ประโยคท้ายเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ ตามด้วยเสียงสะอึก“ไม่ต้องมาแกล้งบีบน้ำตาหรอกนะ ฉันเคยบอกแล้วไงน้ำตาของเธอไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวสักนิดเดียว”“ทำไมฉายต้องรักคนอย่างพี่เมฆด้วยนะ ฉายเกลียดตัวเองเหลือเกิน” ยกหลังมือเล็กขึ้นซับน้ำตาบริเวณพวงแก้มนวลเธอไม่เข้าใจตัวเองสักนิด ทำไมถึงยังรักผู้ชายคนนี้ คนท
“ลุกขึ้นไปจากตัวฉายเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ฉายหนัก” คนตัวเล็กพยายามออกแรงผลักคนเหนือร่างไปพ้น แต่แรงอันน้อยนิดไม่ทำให้เขาขยับตัวแม้แต่น้อย“เมื่อกี้ฉันทำให้เธอมีความสุขแล้ว เธอต้องตอบแทนกันบ้างสิ” เขาเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่เธอต่อต้านไม่เลิก ก่อนถอดอาภรณ์ออกจากกายแกร่งจนหมดแล้วทาบกายลงบนร่างเล็กอีกครั้ง“ฉายไม่ได้ขอ พี่เมฆ...อุ๊บ” เสียงหวานกลืนหายลงในลำคอ เมื่อถูกริมฝีปากหยักได้รูปจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว คนตัวเล็กดิ้นพล่านไปมาใต้กายแกร่งหวังให้หลุดพ้นจากการกระทำดิบเถื่อนความปรารถนาของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พ่อเลี้ยงหนุ่มเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ลำคอขาวเนียน กลิ่นกายเฉพาะจากตัวเธอทำเอาหลงใหลยิ่งนัก ก่อนกดจูบอย่างหนักหน่วง ไม่วายทิ้งรอยแดงสีกุหลาบมากมาย“อื้อ พี่เมฆ”“หลังจากนี้ฉันจะไม่หยุดแล้วนะ” ฝ่ามือใหญ่ประคองแก้มนุ่มนิ่ม สบตาคู่งามของเธอพลางทาบริมฝีปากหยักบนหน้าผากมนภูเมฆคุกเข่าตรงหน้าคนตัวเล็ก จับขาเรียวชันขึ้นเป็นรูปตัวเอ็มพร้อมแยกออกกว้าง ๆ นำท่อนเอ็นขนาดใหญ่ถูไถร่องสวาทเปียกชื้น สอดเข้าข้างในโพรงอ่อนนุ่มจนสุดลำ“อ๊ะ พี่เมฆ” ร่างเล็กสะดุ้งตัวโหยงอย่างตกใจ เดือนฉายกำผ้าปูเตียงแน่น
เดือนฉายเหลือบมองคนตัวโตเดินกลับไปทำงานต่อ ซึ่งทิ้งเธอไว้กลางห้องบนพื้นแบบไม่สนใจไยดี หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเชื่องช้า พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลพรากไปมากกว่านี้ จากนั้นพยุงกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับหมุนตัวเดินออกจากห้องทันใด ไม่แม้เหลียวมองคนข้างหลัง “แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ” สายตาคมกริบมองประตูห้องที่พ้นร่างเล็กไม่นาน ก่อนเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ“ใจร้ายที่สุดเลย” เอ่ยขึ้นหลังจากเดินออกมา มือเล็กยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบริเวณพวงแก้มขาวเนียน แล้วตัดสินใจก้าวเดินไปเบื้องหน้าเพื่อตรงกลับบ้านหลายวันต่อมา นับจากเธอกับเขามีปากเสียงกันในครั้งนั้น ทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันเลย ทุกครั้งบังเอิญเจอหน้ากัน เดือนฉายจะทำเมินมองไม่เห็นเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ใส่ใจนักกับการกระทำของเธอในเมื่ออยากพยศดีนักเขาก็ไม่อยากแยแส แต่ความปรารถนาที่มีต่อเธอ ทำให้ยอมลดศักดิ์ศรีไปหาหญิงสาวช่วงกลางดึก“หลับยังนะ” เสียงทุ้มพึมพำพลางเอื้อมมือจับลูกบิดประตูและผลักเข้าข้างใน ก่อนพบว่าภายในห้องมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟสาดส่องใบหน้างดงามของคนตัวเล็กที่หลับปุ๋ยไปแล้วภูเมฆเดินย่องไปหาคนบนเตียง จากนั้นล้มตัวน
หลังจากมาถึงไร่ส้ม เดือนฉายก็ได้รับงานที่มอบหมายจากภูเมฆ ซึ่งเขาไม่สนใจเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำสั่งของตัวเอง นอกจากอยากสั่งสอนคนปากดีเช่นเธอ เดือนฉายเองไม่มีสิทธิ์โต้แย้งยอมทำตามอย่างว่าง่ายงานที่เขาให้เธอทำคือเก็บเกี่ยวผลส้มท่ามกลางแสงแดดจ้า หญิงสาวทำอย่างตั้งใจไม่ปริปากบ่นสักคำ“ฉาย”“อ้าวพี่หมอก” เสียงเรียกของคนมาใหม่เรียกความสนใจจากคนตัวเล็กหันมอง เธอส่งยิ้มให้แก่สายหมอกหรือผู้จัดการไร่ ที่มีศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทภูเมฆ“โดนไอ้เมฆใช้งานอีกแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดขึ้นเหมือนล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเดือนฉาย“...” หญิงสาวไม่ได้ตอบโต้ ทำได้แค่มองเขาแวบหนึ่งก่อนเก็บผลส้มต่อ“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้นะครับ”“ค่ะ” เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง จังหวะเดียวกันนัยน์ตาคู่งามเหลือบเห็นใครคนหนึ่งกำลังก้าวเดินมาทางนี้ด้วยใบหน้าบึ้งตึง“ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าไอ้เมฆกำลังมาทางนี้ใช่ไหม”“มาทำอะไรตรงนี้” ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะเอ่ยปากตอบคำถามผู้จัดการไร่ เสียงทุ้มของใครอีกคนแทรกขึ้น ก่อนตบบ่าบึกบึนของสายหมอกเบา ๆ ทว่าสายตาดันจับจ้องมองเดือนฉายอย่างคาดโทษ“กูแค่แวะมาคุยกับน้องฉาย”“มึงไม่มีงานทำเหรอ” ปากก







