เมื่องานแต่งได้จบลง ตอนนี้คงเหลือแต่การเข้าหอ ให้ตายเถอะ! เขาจะทำอะไรอย่างว่ากับฉันหรือเปล่านะ หวังว่าคงจะไม่ทำนะ
"พักพิง นั่งเหม่ออะไร กราบ พ่อแม่สิ" "อ่อๆ " ฉันและกีต้าร์ กราบพ่อและแม่ ตามธรรมเนียมเข้าหอ อย่างปกติ ก่อนจะได้รับคำอวยพรจากพวกท่าน "พ่อแม่ ขอให้ลูกๆ ทั้งสองรักกันนานๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุข อย่าได้มีสิ่งใดมาทำให้พรากจากกันนะลูก" "ขอบพระคุณค่ะ พ่อแม่" เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่พวกท่านจะเดินออกจากห้องไป และ ปิดประตูห้องหอ เป็นอันเสร็จพิธี "เฮ้อ! " ฉันถอนหายใจฟอดใหญ่ออกมา แต่ลืมนึกไปว่า ยังมีภูเขาลูกใหญ่ อยู่ตรงหน้าอยู่ และภูเขาลูกนี้ ดูท่าจะหนักอึ้งกว่าสิ่งใดบนโลกซะด้วย "กะ...กีต้าร์" "ว่าไง?" "นายจะยังไม่ทำอะไร ฉันใช่ไหม?" "ทำอะไร คือ?" "ก็แบบ...." ร่างใหญ่ ที่กำลังถอดชุดสูทแต่งงาน ถึงกับหลุดขำออกมา "ฮ่าๆๆ" จนท้องแทบแข็ง ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา "นี่เธอคิดอะไรของเธออยู่น่ะ?" "เอ้า ก็นายบอกแม่ฉัน และครอบครัวนายว่าฉันท้อง ฉันก็กลัวนายจะทำแบบนั้นจริงๆ" "ยัยโง่ เราเป็นแฟนกันนะ ฉันแค่อยากจะทำให้มันถูกต้องเท่านั้นเอง ฉันสัญญาถ้าเธอไม่ยินยอม ฉันจะไม่ทำอะไรเธอเด็ดขาด จนกว่าเธอจะพร้อมให้ฉันเอง" "ฟะ....แฟนกัน?" ฉันขมวดคิ้วชนกันอย่างสงสัย เพราะฉันไม่รู้ว่า ตัวเองไปเป็นแฟนเขาตั้งแต่ตอนไหนเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ช่างเถอะ! ไม่มีผู้หญิงคนไหนโผล่หัวมา และไม่มีใครแย้งเรื่องงานแต่ง กีต้าร์คงคิดว่า ฉันเป็นแฟนเขาจริงๆ เพราะตอนนี้เขาความจำเสื่อม แถมตอนนั้น ฉันเองก็เคยคุยกับวาวา จนเผลอให้เขาได้ยินว่าฉันชอบเขา และชอบเขามากๆ ซะด้วย ก่อนที่เขาจะถูกรถชน ในวันนั้น เขาอาจจะหลงเหลือความทรงจำในวันนั้นก็เป็นได้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เมื่อได้แต่งงานกันมาขนาดนี้แล้ว ได้แต่งงานกับคนที่ชอบ แถมเขายังเอ่ยเรียกฉันออกมาเต็มปากเต็มคำ ว่าฉันเป็นแฟน งั้นฉันก็ขออนุญาตให้เขาเป็นแฟนของฉัน โดยไม่สงสัยหรือลังเลอะไรในตัวเขาก็แล้วกัน และ ฉันเองนี่แหละ ที่จะเป็นคนฟื้นความทรงจำดีๆ ของเขาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เขาได้รับรู้แต่สิ่งดีๆ และ ความรู้สึกดีๆ ที่ฉันมีให้ต่อเขา อย่างหมดหัวใจ "พิง?" "คะ?" "ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ? " "อ๋อ ขอโทษที พอดีฉันตกใจนิดหน่อยน่ะ" "ตกใจเรื่องอะไรเหรอ?" "อ๋อ เปล่าๆ ไม่มีอะไร ใช่ต่อไปนี้ เราจะเป็นแฟนของกีต้าร์นะ เราจะเป็นแฟนที่ดีที่สุดให้กีต้าร์เอง และเราก็จะฟื้นแต่ความทรงจำดีๆ ให้กีต้าร์นะ" "ฟื้นความทรงจำ?" "ใช่ๆ เราขอกอดกีต้าร์ได้ไหม?" "กอด?" ฉันพุ่งตัวเข้าไปกอดเขาอย่างหายสงสัย ไม่มีความสงสัยหรือขัดขืนสิ่งใดในตัวเขาเลย ความชอบที่ทำให้ ฉันได้แต่งงานกับเขา มันเป็นความบังเอิญที่แสนวิเศษที่สุด ที่ฉันพบเจอมา และฉันคิดว่า จากความชอบของฉัน จะแปลเปลี่ยนเป็นความรักเข้าในสักวัน อย่างไม่มีอะไรมากั้นขวาง "กอดกันให้นานๆ นะ พักพิง กอดฉันให้นานที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้น มันจะทำให้เจ็บปวดมาก" มือที่สัมผัสกอดตอบฉัน และคำพูดนั้นมันช่างเย็นยะเยือกเข้าไปถึงในหัวใจอันบอบบางของฉัน แต่มันก็ช่างแสนอบอุ่นในเวลาเดียวกัน สักวันฉันจะต้องรักเขาให้มากกว่าที่ฉันชอบเขาให้ได้อย่างแน่นอน 6 เดือนต่อมา และนับตั้งแต่วันเข้าหอจนถึงวันนี้ ก็ผ่านมาถึง ครึ่งปีเต็ม ฉันก็เริ่มเข้าหา กีต้าร์มากขึ้น สนิทกับเขามากขึ้นถึงแม้ว่า เขาจะดูเย็นชาใส่ฉันไปหน่อย แต่พอเวลามันผ่านไป เขาก็เริ่มจะสดใสและดูรักฉันมากขึ้น "พิงคับ" "จ๋า ว่าไงจ๊ะที่รัก?" "หวานตลอดเลยนะ ไม่น่า ถึงทำให้ผมหลงคุณ" "ไม่หรอก เพราะกีต้าร์น่ารักต่างหาก" ฉันโอบกอดเขาจากด้านหลัง อย่างทุกครั้งที่เขาทำอาหารให้ฉัน ก่อนที่เราจะไปมหาลัยด้วยกัน ตอนนี้ ฉันรักเขามากกว่า ที่ฉันชอบเขาได้แล้วนะ เพราะเขาให้เกียรติฉันในทุกอย่าง ทั้งไม่เคยหอมฉันก่อน หรือ แตะเนื้อต้องตัวฉันก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาจะพูดเสมอ ว่ากลัวฉันจะไม่พอใจ และกลัวฉันอึดอัด เพราะแบบนี้ ฉันจึงต้องเป็นคนเข้าหาเขาก่อนเสมอ เพื่อให้เขารู้ว่า สามารถกอดและหอมฉันได้ตลอด ตามที่เขาต้องการ "กีต้าร์ " "คับผม" "เดือนหน้า วันเกิด เตงแล้วนะ อยากได้อะไรเหรอ?" "อืมมมม....อะไรดี?" "ถ้า เตงไม่รู้ งั้นเราจะเป็นคนขอเองนะ?" "หึ! แล้ว พักพิงอยากได้อะไรครับ?" ใบหน้าของฉันเปื้อนรอยยิ้มขึ้นมาในทันที ที่เขาถาม ก่อนที่ฉันจะหมุนตัวเขาให้หันมาหาฉัน "เราอยากมีคืนแรกกับเตง" ใบหน้าของกีต้าร์ดูตื่นตกใจมาก หน้าเขาซีดเผือดราวกับได้ยินคำพูดที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมาก่อน ออกจากปากฉัน "คืนแรกเหรอ? " "อื้มใช่ ได้ไหม กีต้าร์" ใบหน้าคม ฉีกยิ้มออกเพียงเล็กน้อยเหมือนลังเลใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่ฉันจะรีบเปลี่ยนเรื่อง "เออ คือ ช่างมันเถอะเนาะ เรารีบกินข้าว แล้วไป มหาลัยกันดีกว่านะคับ" "อื้ม ครับผม คุณนายของผม" พักพิง เธอรักเขาแหละ รักเขาจนลืมไปว่า ที่เขาแต่งมันไม่ใช่เพราะรัก แบร่! นี่แหละนะ ความรัก มันทำให้คนตาบอด#กีต้าร์"เป็นไงบ้าง พิงฟ้า""ก็เรื่อยๆ ตามประสาคนติดคุก""เราเอารูปลูกมาให้ ตอนนี้ลูกได้เรียนเต้นบรรเลย์ และ เล่นดนตรีด้วย ลูกเก่งมากเลยนะ เธอหัวดีมาก ""ขอบคุณนะ"ผมใช้มือแตะไปที่กระจกกั้นระหว่างผมกับพิงฟ้าด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ แต่ผมกลับได้เห็นสีหน้าเศร้าสลดของพิงฟ้า ที่มองมาทางผมแทนเสียอย่างนั้น"นะ....นาย""ว่าไง?""ฉันทำร้ายนาย ทำลายชีวิตนายถึงขนาดนี้ ทำไมนายถึงยังรักฉันอยู่ ทำไมถึงไม่หาแฟนใหม่ แล้วแต่งงานใหม่"ผมยกยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง ถึงแม้จะรู้ดีว่า พิงฟ้า ใช้ผมเป็นเครื่องมือสำหรับทุกอย่างเท่านั้น แต่ผมก็ยังรักเธอ"ก็เพราะ แม่ของน้องพราวมีแค่คนเดียวไง เราถึงไม่ให้ใครมาแทนแม่ของลูกเราได้""นะ...นายเป็นคนดีจริงๆ ดีจนฉันละอายแก่ใจ""พิงฟ้า เราจะรอเธอนะ รอวันที่เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก"10 ปีต่อมาศาลได้ยกคดีของพิงฟ้าขึ้นมาพูด
วินาทีนั้น ใจฉันกระตุกวูบ สับสนในความรู้สึกของตัวเองราวกับว่า มันเป็นอย่างที่กีต้าร์พูดจริงๆ"เกี่ยวก้อยกันนะ!""ห๊ะ?"เขาดึงมือฉันไปเกี่ยวก้อยอย่างเดียงสา จะว่าไปแล้ว กีต้าร์ก็ดูเหมือนเด็กน้อยอยู่เลยนะ หรืออาจเป็นเพราะเขาหลับไปนาน ตื่นขึ้นมาถึงได้ดูเหมือนเด็กน้อยแบบนี้ไปได้แต่ฉันก็ยิ้มรับเขาอย่างเอ็นดูนั่น อีกอย่างความคิดของฉันมันก็เปลี่ยนไป ราวกับได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่ติดค้างในใจมาอย่างยาวนานเสียอย่างนั้น"ตอนเรียน นายมองเราอยู่ตลอดเลยเหรอ?""ก็มองนะ ก็เธอโดดเด่นหนิ มีแต่เพื่อนๆ เข้าหา""ฮ่ะ ฮ่าๆ"ฉันพูดคุยกับกีต้าร์อย่างถูกคอเสียอย่างนั้น พอได้คุยกับเขาจริงๆ มันก็กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย นายนี่ไร้เดียงสาจริงๆ"นายไม่คิดจะหาแฟนใหม่เหรอ?""ไม่ล่ะ เราจะรอพิงฟ้าออกจากคุก อย่างไงเธอก็เป็นแม่ของลูกเรา เป็นแม่ของน้องพราว"แถมเขายังรักเดียวใจเดียวและมั่นคงในความรักอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้น ทำร้ายเขามาตั้งมากมายขนาดนั้
ห้องพักฟื้นฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยหัวใจที่แตกสลายจนละเอียดไม่มีชิ้นดีข้างตัวยังมีสายน้ำเกลือและชายร่างใหญ่ นอนอยู่ข้างเตียง"อื้มม!""อ่ะ! ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง?""นาย!"ฉันพยายามมองร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงอีกครั้งอย่างคิดพิเคราะห์ ถึงได้รู้ว่า คนที่นอนเฝ้าฉันอยู่ตรงนี้ คือ กีต้าร์ ไม่ใช่ เปียโน"เป็นไงบ้าง เวียนหัวอยู่ไหม เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาให้ ""นาย!"ท่าทีลนลานแบบนี้ ไม่ใช่อี่ตาเปียโนอย่างแน่นอน เพราะอี่ตาเปียโนจะดูเย็นชาและใจเย็นมีสติกว่ากีต้าร์เยอะ แต่ก็ช่างเถอะ จะใครฉันก็ไม่สนใจแล้วสิ่งที่ฉันสนใจตอนนี้ คือร่างที่ไร้วิญญาณของแม็กทิวมากกว่า ถ้าฉันไม่ได้เห็นร่างของเขาอีกครั้ง ฉันคงคิดว่าตัวเองฝันไปอยู่แน่นอน"แม็กทิวอยู่ไหน?""เปียโน มันไปทำเรื่องเอาศพออกโรงพยาบาลอยู่น่ะ!"ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาด้วยแววตาที่เศร้าหมอง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาทำเป็นอะไรท
เพี้ยะ!ฉันตบเข้าหน้าคมอย่างจัง จนหันไปอีกทาง ด้วยความเดือดดาลจนยากจะเอ่ย กล้าดีอย่างไงกัน ถึงได้พาลูกๆ ของฉันไปจากอกของฉัน"เธอตบฉัน ทั้งที่ฉันยังหัวแตกอยู่เนี่ยนะ?""ใช่! ฉันเกลียดนาย และฉันก็เหนื่อยมากด้วย ที่จะต้องเห็นหน้านาย"พูดจบ เขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปประกบจูบอย่างดุดัน แถมยังกดต้นคอฉันให้แนบชิดจนถอดฝีปากออกไม่ได้ปลายนิ้วมือฉันฟาดเข้าแก้มขาวย้ำๆ อยู่แบบนั้นถี่ๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะยอมถอดริมฝีปากออกจากโพรงช่องปากฉันเลย มันยิ่งแนบแน่นขึ้นไปอีก จนฉันหายใจไม่ออก"อ้า!"แต่เมื่อฉันเริ่มนิ่ง เขาจึงยอมถอดริมฝีปากออก และลูบแก้มฉันอย่างอ่อนโยน พลางจูบลงบนแก้มขาว เพื่อบ่งบอกถึงการยินยอมฉันในทุกๆ อย่าง"ฉันรักเธอมากนะ ฉันยอมเธอได้ทุกอย่าง ถึงเธอจะทำร้ายฉันให้เจ็บปางตายฉันก็ยอม แต่ขอร้อง เราอย่าหย่ากันเลยนะ เพื่อลูกๆ เพื่อฉัน""..........""ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเธอมาตลอด แต่ฉันขอร้องได้ไหม อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกเลย ชีวิตฉันต้องการเธอ บ้านก็ต้องการเธอ
แต่แล้ว เมื่อฉันคุยกับแม็กทิวจบ ใบหน้าของแม็กทิว ก็พยักหน้ารับราวกับส่งสารให้ใครบางคนอย่างน่าสงสัย นัยน์ตาของเขามีน้ำตาไหลออกมาก่อนที่เงาร่างกำยำ จะขยับตัวเข้าใกล้ฉันอย่างแผ่วเบา และใช้ผ้าสีขาวโปะเข้าจมูกฉันอย่างจัง มันกดจมูกฉันอย่างแรง จนร่างกายของฉันค่อยๆ อิดโรย และดับวูบไปเหลือไว้เพียงเสียงพูดคุยกันอย่างแผ่วเบา ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้ความ เหมือนมันพูดกันว่า จะพาฉันไปที่ไหนสักแห่ง แต่ยังไม่พากลับไทย อะไรประมาณนี้ปัง!แคร่ง!!!"ล่ามดีๆ ดิว่ะ! แม่งเดียวคุณชายก็ได้กระทืบเข้าให้หรอก""ว่าแต่ ไปเอาเมียเขามาไว้แบบนี้จะดีเหรอว่ะ?""หุบปากไป!"ฉันคืนสติมาแล้ว และได้ยินในสิ่งที่มันพูดกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดอยู่ที่ข้อเท้าเลยแต่ฉันก็ไม่สามารถขยับตัวได้ หากขยับตัวไปมา พวกมันอาจจะรู้ตัวว่าฉันฟื้นแล้ว และอาจจะเอาไอ้ผ้านั่น มาโปะฉันอีกก็เป็นได้ฉันเป็นห่วงเด็กๆ จัง ป่านนี้จะเป็นอย่างไงบ้างนะ ทำไมมันถึงเป็นแบบ
แกร๊ก!"มาแล้วเหรอคะ ที่รัก"ฉันเดินไปต้อนรับแม็กทิว และน้องฮันน่าอย่างทุกครั้ง ที่ทำเป็นประจำ ก่อนจะโผตัวเข้าไปกอดแม็กทิวอย่างปกติแต่วันนี้มันแปลกไป แม็กทิวดูผอมลง แถมสีผิวก็ยังคล้ำลงด้วยอีกต่างหาก ราวกับว่า เขาไม่ได้พักผ่อนมาอย่างไงอย่างงั้นและด้านข้างของเขา มีกระเป๋าใบใหญ่สีชมพูน่ารัก คาดว่าน่าจะเป็นของน้องฮันน่าอย่างแน่นอน"เออคือ แม็กทิว ทำไมเอากระเป๋าของน้องฮันน่ามาด้วยละคะ ปกติก็ใส่ชุดของน้องพะเพลงได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเอามาให้ยุ่งยากเลย""เออคือ!"แม็กทิวเม้มปากลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น"ไม่มีอะไรหรอกคับ ช่วงนี้ผมทำงานหนัก เลยไม่ได้พักเลย จึงอยากจะขอพักพิง ดูแลลูกสาวของผมหน่อย ในช่วงนี้ ผมอยากให้เธออยู่กับคุณตลอด เพื่อที่คุณกับเธอจะได้สนิทกันมากยิ่งขึ้น"ฉันไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่แม็กทิวพูดเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรต่อให้มันเป็นประเด็น ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาคงมีเรื่องเครียดอะไรบางอย่าง ที่บอกฉันไม่ได้ แต่ในสักวัน เขาคงกล้าที่