ณ วันเกิดของ กีต้าร์
คลื่น~ คลื่น~ คลื่น~ !! "ฮัลโหล พักพิง" "คะ กีต้าร์ เตงอยู่ไหน?" เสียงเพลงและเสียงคนดังสนั่นผ่านมือถือเข้ามา จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดของคนปลายสาย ฉันทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้ว และเอามือถือแนบหูฟังอย่างใจจดจ่อ "ผมอยู่กับพวกเพื่อนๆ มหาลัย ที่ร้านเหล้า วันนี้ อาจจะกลับประมาณ ไม่น่าเกิน 5 ทุ่มนะคับ" " 5 ทุ่มเลยเหรอ?" ฉันเปรยตามองเค้กวันเกิดที่อยู่บนโต๊ะอาหารอย่างน้อยใจ แต่เพราะฉันรักเขาไปแล้ว และวันนี้ก็วันเกิดของเขาด้วย ฉันเองก็ไม่อยากจะทะเลาะ อะไรที่ปล่อยผ่านได้ก็ควรทำ "ใช่ครับ พอดี วันเกิดน่ะ พอเพื่อนๆ รู้ว่าเป็นวันเกิดผม เขาก็ดึงผมมาเที่ยวด้วยเลย ขอโทษนะ ที่ต้องกลับดึก" "ไม่เป็นไรคับ เตง เที่ยวให้สนุกนะ เราโอเค" "ขอบคุณนะ ที่เข้าใจ" "อื้ม เที่ยวเผื่อเราด้วยนะ" "คับ" เมื่อวางสายจากเขา น้ำตาแห่งความน้อยใจของฉันก็ไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่ฉันน้อยใจเขาขนาดนี้เลยเหรอ ทำเซอร์ไพรส์เอาไว้ขนาดนี้ แต่เขากลับไปเที่ยวกับเพื่อนซะงั้น ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยๆ เขาก็บอกอยู่ว่าจะกลับบ้าน ไม่เกิน 5 ทุ่มหนิ อย่างไง ก็รอให้เขามาก่อนแล้วกัน ค่อยจุดไฟให้เขาเป่าเค้ก ก็ยังได้ เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉันก็เอา เค้ก ปิดฝาไว้ แล้วเอาไปแช่ตู้เย็น เหมือนเดิม ก่อนจะไปนั่งรอเขาบนโซฟา ห้องรับแขก ที่อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าบ้าน 5 ทุ่ม ติ๊งต๊อง คลื่น~ คลื่น~ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น จนฉันสะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ "5 ทุ่มแล้วนะ ทำไมยังไม่มาอีก" ฉันลุกขึ้นเดินไปยังประตูหน้าต่างอย่างงัวเงีย เพื่อไปส่องดูว่ารถของเขาเข้ามาหรือยัง แต่เปล่าเลย มันเงียบมาก มันไม่มีแม้แต่วี่แววของรถคันไหน เข้ามาเลย แม้แต่ผ่านถนนหน้าบ้านก็ยังไม่มี "5 ทุ่มแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับมาอีก เราอุตสาห์นั่งรอ หรือว่าเมากันนะ" ฉันหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดโทรมาเขา ด้วยความเป็นห่วง บวกกับมันใกล้จะเลยเวลาที่เขาบอกไว้แล้ว "เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้" "ปิดเครื่องเหรอ นี่วันเกิดนายนะ ทำไมถึงต้องปิดเครื่องด้วย" ฉันเปรยตามองนาฬิกาบนโต๊ะ ห้องโถงอย่างรู้สึกน้อยใจ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา เหมือนอย่างเก่า ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดผสมผสานกับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จนเผลอหลับไปอีกครั้ง โดยไม่รู้ตัว เช้าวันรุ่งขึ้น ติ๊งต๊อง คลื่น~ คลื่น~ ถึงเวลาที่ฉันจะต้องอาบน้ำแต่งตัวไป มหาลัยแล้วสินะ แล้วเขาเองก็ยังไม่กลับมา จะทำไงดีนะ จะรอเขา หรือ ตามเขาดีนะ แต่ที่แน่ๆ ฉันเองก็ไม่รู้จักเพื่อนๆ เขาสักคน เพราะฉันเป็นคนไม่ค่อยเข้าสังคม เขาเองก็ไม่เคยพาฉันไปแนะนำให้เพื่อนคนไหนรู้จักเลยด้วยซ้ำ แบบนี้ฉันจะไปตามเขาอย่างไงกัน ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจมากยิ่งขึ้น นี่สินะ ผู้ชาย ต้องเที่ยวต้องเข้าสังคม สนุกสนาน อยู่กับเพื่อนๆ แล้วแบบนี้ จะพยายามแต่งงานกับฉันทำไมกัน ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเขาก็คงกลับมา ไปอาบน้ำแต่งตัว ไป มหาลัยดีกว่า ปึก! เสียงประตูรถปิดลง พร้อมชายร่างใหม่ ในชุดเที่ยวจากเมื่อคืน เดินตรงเข้าบ้านมา ในขณะที่ฉัน อาบน้ำแต่งตัวกำลังจะออกไปมหาลัยแล้ว "อ๋อ กำลังจะออกไป มหาลัยแล้วเหรอ วันนี้ให้คนขับรถไปส่งนะครับ เราไม่ไปอ่ะ พอดี เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย" ฉันไม่ได้อ้าปากเอ่ยพูด หรือ ถามอะไรออกไป ได้แต่เก็บความน้อยใจเอาไว้ ไม่ให้มันพรั่งพรูออกมา "อื้ม ได้สิ เราไปเรียนก่อนนะ เตง" "คับ บาย" ฉันเดินเข้าไปหาเขาเพื่อที่จะเข้าไปหอมแก้ม แต่เขากลับเดินหลบฉัน พร้อมกับเดินผ่านตัวฉันไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลอออกมานั่น ไม่ใช่ที่เขาเดินหนีฉัน แต่เป็นรอยลิปสติก และกลิ่นน้ำหอม ที่ติดอยู่บนตัวเขาต่างหาก ที่ทำให้ฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก และได้แต่ยืนมองเขาเดินผ่านตัวฉันไปอย่างเฉยชา ก็แค่นั้น แต่ฉันก็ยังพูดปลอบใจตัวเอง ว่าเขานั้น เมา ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับใครสักหน่อย ตอนเย็นหลังกลับมาจาก มหาลัย ฉันตรงกลับบ้านมาทันที โดยไม่ลืมที่จะ ซื้อกับข้าวของโปรดเขา ติดไม้ติดมือเข้ามาด้วย เพราะต้องการจัดโต๊ะอาหาร และเอาเค้กจากเมื่อคืน มาให้เขาเป่าด้วย แต่แล้ว ฉันก็ต้องรู้สึก เสียใจอีกครั้ง เมื่อเห็นเค้ก ปอนด์ใหญ่ ที่ซื้อไว้ให้เขา ถูกทิ้งไว้ในถังขยะ "ป้านายคะ ป้านาย" "คะ....คะ คุณพักพิง" "ทำไมเค้กวันเกิดของกีต้าร์ ถึงอยู่ในขยะละคะ?" "อ่อ คุณกีต้าร์ เห็นว่ามันละลายแล้วค่ะ เลยให้ป้าเอามาทิ้ง" "อ๋อ ขอบคุณค่ะ ป้านาย" "แต่ป้า ซื้อปอนด์ใหม่มาให้ แล้วนะคะ อยู่ในตู้เย็นเหมือนเดิมเลยค่ะ" "เหรอคะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ" ฉันรีบตรงไปที่ตู้เย็น พร้อมกับหยิบเค้ก และกับข้าว ใส่จานไว้รอ กีต้าร์อีกครั้ง อย่างไรเสีย วันนี้ กีต้าร์ก็คงจะมากินกับฉัน คลื่น~ คลื่น~ "อืมมม~ ฮัลโหล ว่าไง พิง?" "กีต้าร์ ลงมาที่ห้องอาหารหน่อยสิ" "อื้มๆ ได้ เดี๋ยวลงไปนะคับ" กีต้าร์ที่ตื่นจากที่นอน ยังงัวเงียแต่ก็ยอมเดินตรงมายังห้องอาหารตามที่ฉันบอก ก่อนที่ฉันจะจุดเทียนวันเกิด และถือเค้กมาหยุด อยู่ตรงหน้าเขา "Happy Birthday to you คับ ที่รัก" ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขา ทำให้ฉันรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ถุงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเสียใจในตัวเขาเล็กน้อย แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมที่จะกลับบ้าน "โห่! นี่เค้กวันเกิดเหรอ น่ารักจัง งั้นเราขอพร และเป่าเลยนะ" "อื้ม ค่ะ" กีต้าร์ เอามือประสานกันพร้อมกับหลับตาลง และเป่าเค้กที่อยู่บนมือของฉันอย่างอ่อนโยน เขาทำทุกอย่างราวกับฉันเป็นเจ้าหญิงจริงๆ "อยากรู้ไหม เราขอพรอะไร?" "นั่นมันพรวันเกิดเตงนะ จะมาบอกเราทำไม" ฉันเขินจนต้องรีบหมุนตัว เอาเค้กมาวางไว้บนโต๊ะในทันที ก่อนที่มือใหญ่ จะขยับเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง#กีต้าร์"เป็นไงบ้าง พิงฟ้า""ก็เรื่อยๆ ตามประสาคนติดคุก""เราเอารูปลูกมาให้ ตอนนี้ลูกได้เรียนเต้นบรรเลย์ และ เล่นดนตรีด้วย ลูกเก่งมากเลยนะ เธอหัวดีมาก ""ขอบคุณนะ"ผมใช้มือแตะไปที่กระจกกั้นระหว่างผมกับพิงฟ้าด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ แต่ผมกลับได้เห็นสีหน้าเศร้าสลดของพิงฟ้า ที่มองมาทางผมแทนเสียอย่างนั้น"นะ....นาย""ว่าไง?""ฉันทำร้ายนาย ทำลายชีวิตนายถึงขนาดนี้ ทำไมนายถึงยังรักฉันอยู่ ทำไมถึงไม่หาแฟนใหม่ แล้วแต่งงานใหม่"ผมยกยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง ถึงแม้จะรู้ดีว่า พิงฟ้า ใช้ผมเป็นเครื่องมือสำหรับทุกอย่างเท่านั้น แต่ผมก็ยังรักเธอ"ก็เพราะ แม่ของน้องพราวมีแค่คนเดียวไง เราถึงไม่ให้ใครมาแทนแม่ของลูกเราได้""นะ...นายเป็นคนดีจริงๆ ดีจนฉันละอายแก่ใจ""พิงฟ้า เราจะรอเธอนะ รอวันที่เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก"10 ปีต่อมาศาลได้ยกคดีของพิงฟ้าขึ้นมาพูด
วินาทีนั้น ใจฉันกระตุกวูบ สับสนในความรู้สึกของตัวเองราวกับว่า มันเป็นอย่างที่กีต้าร์พูดจริงๆ"เกี่ยวก้อยกันนะ!""ห๊ะ?"เขาดึงมือฉันไปเกี่ยวก้อยอย่างเดียงสา จะว่าไปแล้ว กีต้าร์ก็ดูเหมือนเด็กน้อยอยู่เลยนะ หรืออาจเป็นเพราะเขาหลับไปนาน ตื่นขึ้นมาถึงได้ดูเหมือนเด็กน้อยแบบนี้ไปได้แต่ฉันก็ยิ้มรับเขาอย่างเอ็นดูนั่น อีกอย่างความคิดของฉันมันก็เปลี่ยนไป ราวกับได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่ติดค้างในใจมาอย่างยาวนานเสียอย่างนั้น"ตอนเรียน นายมองเราอยู่ตลอดเลยเหรอ?""ก็มองนะ ก็เธอโดดเด่นหนิ มีแต่เพื่อนๆ เข้าหา""ฮ่ะ ฮ่าๆ"ฉันพูดคุยกับกีต้าร์อย่างถูกคอเสียอย่างนั้น พอได้คุยกับเขาจริงๆ มันก็กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย นายนี่ไร้เดียงสาจริงๆ"นายไม่คิดจะหาแฟนใหม่เหรอ?""ไม่ล่ะ เราจะรอพิงฟ้าออกจากคุก อย่างไงเธอก็เป็นแม่ของลูกเรา เป็นแม่ของน้องพราว"แถมเขายังรักเดียวใจเดียวและมั่นคงในความรักอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้น ทำร้ายเขามาตั้งมากมายขนาดนั้
ห้องพักฟื้นฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยหัวใจที่แตกสลายจนละเอียดไม่มีชิ้นดีข้างตัวยังมีสายน้ำเกลือและชายร่างใหญ่ นอนอยู่ข้างเตียง"อื้มม!""อ่ะ! ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง?""นาย!"ฉันพยายามมองร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงอีกครั้งอย่างคิดพิเคราะห์ ถึงได้รู้ว่า คนที่นอนเฝ้าฉันอยู่ตรงนี้ คือ กีต้าร์ ไม่ใช่ เปียโน"เป็นไงบ้าง เวียนหัวอยู่ไหม เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาให้ ""นาย!"ท่าทีลนลานแบบนี้ ไม่ใช่อี่ตาเปียโนอย่างแน่นอน เพราะอี่ตาเปียโนจะดูเย็นชาและใจเย็นมีสติกว่ากีต้าร์เยอะ แต่ก็ช่างเถอะ จะใครฉันก็ไม่สนใจแล้วสิ่งที่ฉันสนใจตอนนี้ คือร่างที่ไร้วิญญาณของแม็กทิวมากกว่า ถ้าฉันไม่ได้เห็นร่างของเขาอีกครั้ง ฉันคงคิดว่าตัวเองฝันไปอยู่แน่นอน"แม็กทิวอยู่ไหน?""เปียโน มันไปทำเรื่องเอาศพออกโรงพยาบาลอยู่น่ะ!"ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาด้วยแววตาที่เศร้าหมอง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาทำเป็นอะไรท
เพี้ยะ!ฉันตบเข้าหน้าคมอย่างจัง จนหันไปอีกทาง ด้วยความเดือดดาลจนยากจะเอ่ย กล้าดีอย่างไงกัน ถึงได้พาลูกๆ ของฉันไปจากอกของฉัน"เธอตบฉัน ทั้งที่ฉันยังหัวแตกอยู่เนี่ยนะ?""ใช่! ฉันเกลียดนาย และฉันก็เหนื่อยมากด้วย ที่จะต้องเห็นหน้านาย"พูดจบ เขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปประกบจูบอย่างดุดัน แถมยังกดต้นคอฉันให้แนบชิดจนถอดฝีปากออกไม่ได้ปลายนิ้วมือฉันฟาดเข้าแก้มขาวย้ำๆ อยู่แบบนั้นถี่ๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะยอมถอดริมฝีปากออกจากโพรงช่องปากฉันเลย มันยิ่งแนบแน่นขึ้นไปอีก จนฉันหายใจไม่ออก"อ้า!"แต่เมื่อฉันเริ่มนิ่ง เขาจึงยอมถอดริมฝีปากออก และลูบแก้มฉันอย่างอ่อนโยน พลางจูบลงบนแก้มขาว เพื่อบ่งบอกถึงการยินยอมฉันในทุกๆ อย่าง"ฉันรักเธอมากนะ ฉันยอมเธอได้ทุกอย่าง ถึงเธอจะทำร้ายฉันให้เจ็บปางตายฉันก็ยอม แต่ขอร้อง เราอย่าหย่ากันเลยนะ เพื่อลูกๆ เพื่อฉัน""..........""ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเธอมาตลอด แต่ฉันขอร้องได้ไหม อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกเลย ชีวิตฉันต้องการเธอ บ้านก็ต้องการเธอ
แต่แล้ว เมื่อฉันคุยกับแม็กทิวจบ ใบหน้าของแม็กทิว ก็พยักหน้ารับราวกับส่งสารให้ใครบางคนอย่างน่าสงสัย นัยน์ตาของเขามีน้ำตาไหลออกมาก่อนที่เงาร่างกำยำ จะขยับตัวเข้าใกล้ฉันอย่างแผ่วเบา และใช้ผ้าสีขาวโปะเข้าจมูกฉันอย่างจัง มันกดจมูกฉันอย่างแรง จนร่างกายของฉันค่อยๆ อิดโรย และดับวูบไปเหลือไว้เพียงเสียงพูดคุยกันอย่างแผ่วเบา ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้ความ เหมือนมันพูดกันว่า จะพาฉันไปที่ไหนสักแห่ง แต่ยังไม่พากลับไทย อะไรประมาณนี้ปัง!แคร่ง!!!"ล่ามดีๆ ดิว่ะ! แม่งเดียวคุณชายก็ได้กระทืบเข้าให้หรอก""ว่าแต่ ไปเอาเมียเขามาไว้แบบนี้จะดีเหรอว่ะ?""หุบปากไป!"ฉันคืนสติมาแล้ว และได้ยินในสิ่งที่มันพูดกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดอยู่ที่ข้อเท้าเลยแต่ฉันก็ไม่สามารถขยับตัวได้ หากขยับตัวไปมา พวกมันอาจจะรู้ตัวว่าฉันฟื้นแล้ว และอาจจะเอาไอ้ผ้านั่น มาโปะฉันอีกก็เป็นได้ฉันเป็นห่วงเด็กๆ จัง ป่านนี้จะเป็นอย่างไงบ้างนะ ทำไมมันถึงเป็นแบบ
แกร๊ก!"มาแล้วเหรอคะ ที่รัก"ฉันเดินไปต้อนรับแม็กทิว และน้องฮันน่าอย่างทุกครั้ง ที่ทำเป็นประจำ ก่อนจะโผตัวเข้าไปกอดแม็กทิวอย่างปกติแต่วันนี้มันแปลกไป แม็กทิวดูผอมลง แถมสีผิวก็ยังคล้ำลงด้วยอีกต่างหาก ราวกับว่า เขาไม่ได้พักผ่อนมาอย่างไงอย่างงั้นและด้านข้างของเขา มีกระเป๋าใบใหญ่สีชมพูน่ารัก คาดว่าน่าจะเป็นของน้องฮันน่าอย่างแน่นอน"เออคือ แม็กทิว ทำไมเอากระเป๋าของน้องฮันน่ามาด้วยละคะ ปกติก็ใส่ชุดของน้องพะเพลงได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเอามาให้ยุ่งยากเลย""เออคือ!"แม็กทิวเม้มปากลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น"ไม่มีอะไรหรอกคับ ช่วงนี้ผมทำงานหนัก เลยไม่ได้พักเลย จึงอยากจะขอพักพิง ดูแลลูกสาวของผมหน่อย ในช่วงนี้ ผมอยากให้เธออยู่กับคุณตลอด เพื่อที่คุณกับเธอจะได้สนิทกันมากยิ่งขึ้น"ฉันไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่แม็กทิวพูดเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรต่อให้มันเป็นประเด็น ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาคงมีเรื่องเครียดอะไรบางอย่าง ที่บอกฉันไม่ได้ แต่ในสักวัน เขาคงกล้าที่