"นี่มันอะไรกัน ข้อแม้หรือพาไปขังคุกกันแน่"
"หนูพักพิง ฟังแม่ก่อนนะคะ" ฉันยืนตัวเกร็งแข็งทื่อไปทั้งตัว ด้วยความเดือดดาลอย่างสุดขีด คนอะไรไม่มีอิสระให้กันเลยแม้แต่น้อย "ฟังแม่ก่อนนะคะ" "..........." "ที่แม่ทำข้อตกลงขึ้นมา ก็เพราะ บ้านเราค่อนข้างมีฐานะ การจะออกไปไหนมาไหน มันค่อนข้างไม่ปลอดภัย เราทำธุรกิจหลายตัว คนอยากลงทุนกับเราก็มีเยอะ ส่วนคนอยากทำร้ายเราก็มีเยอะ แล้วถ้าหนูแต่งเข้าบ้าน แม่กลัวว่าหนูจะไม่ปลอดภัยเอานะลูก" "เฮอะ! หนูไม่แต่งค่ะ อย่างไงหนูก็ไม่แต่ง" "เธอต้องแต่ง" เสียงทุ้มต่ำ พูดแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนฉันต้องหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว พลางใช้มือกุมไปที่ท้องน้อยของฉัน "ถ้าเธอไม่แต่ง แล้วลูกล่ะ?" "หาาาา!" "ท้องเธอจะโตขึ้นทุกวันนะ เธอไม่อายคนอื่นเหรอ?" ฉันเหลือบสายตาจ้องมองไปที่แม่ของตัวเอง ที่นั่งอึ้งกับสิ่งที่กีต้าร์เอ่ยออกมา พลางเห็นเนื้อตัวของท่านสั่นเทาไปทั้งตัว ท่านคงตกใจมาก ผิดกับพ่อแม่ของกีต้าร์ ที่มีท่าทีนิ่งสงบ ราวกับเรื่องนี้ได้มีการวางแผนพูดคุยกันไว้แล้ว จนฉันทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เพราะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก มีเพียงเสียงลมหายใจนิ่งสงบ ของทุกคนในบ้าน "แต่งงานกันเถอะนะ ฉันสัญญา ฉันจะดูแลเธออย่างดีเลย" ฉันไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดออกมา มีเพียงแค่เสียงผ่อนลมหายใจอย่างแผ่วเบา พร้อมกับสายตาที่จ้องมองแม่ของตัวเอง ก่อนจะครุ่นคิดถึงเงินสินสอดที่แม่จะได้รับ หากไม่มีฉันอยู่กับท่านอีกแล้ว สายตาของแม่จ้องมองฉันกลับมา ด้วยความผิดหวัง เพราะท่านไม่รู้ว่าฉันถูกใส่ร้าย เรื่องที่กีต้าร์โกหกว่าฉันท้อง "จริงเหรอ พักพิง ลูกท้องจริงๆ เหรอ?" "ไม่จริง.." "จริงครับ ก่อนเข้า รพ. ผมมีอะไรกับพักพิงค์โดยไม่ได้ป้องกัน" เสียงที่พูดแทรกขึ้น ทำให้ฉันรู้สึกสับสนป่นความงวยงง เพราะทุกคนบอกว่า กีต้าร์ความจำเสื่อม แล้วจะรู้ได้อย่างไงว่ามีอะไรกับฉัน และซึ่งที่มันไม่ใช่เลยก็คือ ฉันไม่เคยมีอะไรกับกีต้าร์ เพราะกีต้าร์เห็นฉันเป็นเพียงคนทั่วๆ ไป เหมือนกับคนอื่นๆ ต่างหาก แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่กีต้าร์พูดจริงๆ ผู้หญิงคนนั้น คงจะต้องมีชื่อเหมือนกับฉัน หรือ อาจจะเอาชื่อฉันมาอ้าง เพื่อทำให้กีต้าร์เข้าใจผิดก็เป็นได้ การที่ฉันแต่งเข้าบ้านของกีต้าร์ บางทีมันอาจจะค่อยๆ เฉลยให้ฉันเห็นก็เป็นได้ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร "สรุป แต่งนะคับ ผมรับผิดชอบทุกอย่างและจะดูแลเธอเป็นอย่างดี" ฉันนิ่งเงียบไป ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา ทำได้เพียงก้มหน้าลง เหมือนยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ทั้งที่จริงแล้ว ฉันตั้งใจจะไม่ปฏิเสธเขา เพื่อจะเข้าไปสืบเรื่องของผู้หญิงคนนั้นต่างหาก เพราะจากที่ฉันคิดๆ ดูแล้ว ฉันว่า กีต้าร์ต้องเข้าใจอะไรฉันผิดแน่นอน และการที่ฉันได้เข้าไปอยู่ในบ้านของกีต้าร์ มันอาจจะทำให้ฉันรู้ความจริงก็เป็นได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นคือใคร ณ งานแต่ง ขันหมาก และเสียงดนตรีดังก้องไปทั่วบ้าน ฉันในชุดไทยสีเงิน นั่งรอขันหมากอย่างลังเลใจ ในหัวก็ครุ่นคิดตีกันวุ่นวาย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน กระทั่ง! พิธีได้เริ่มขึ้น งานแต่งงานทุกอย่างไปได้ดี ไม่มีอุปสรรคใดๆ ไม่มีแม้แต่เงาผู้หญิงคนไหนของกีต้าร์เลย ที่จะเข้ามาแสดงตัวว่าเป็นแฟนของกีต้าร์ หรือเป็นเพราะ งานแต่งงานของพวกเรามันดูเรียบง่ายเกินไป ไม่ได้หรูหราใหญ่โต แบบจัดในโรงแรมกันนะ แต่ก็ช่างเถอะ อย่างไรเสีย สักวันก็คงจะเจอเอง ไม่ช้าก็เร็ว "พักพิงๆ" เสียงเรียกของเพื่อนสาว ดังก้องออกมาจากหลังประตูห้องแต่งตัวของฉัน ก่อนที่ ฝีเท้าเล็ก จะก้าวเดินมาหาฉันอย่างลนลาน "อะไรเหรอ วาวา " "คืองี้ แก ฉันไปได้ยินข่าวลือในโรงเรียนเขาพูดกันโว้ย!" "เรื่องอะไรเหรอ?" เพื่อนสาวของฉันหันมองซ้ายมองขวา ราวกับว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นความลับสุดยอด ที่ เพื่อนสาวของฉันคงไม่อยากให้ใครรู้เลยนอกจากฉัน "คืองี้ ไอ้กีต้าร์อ่ะ ประวัติมันแปลกๆ ตั้งแต่เข้ามาเรียน แกจำได้ป่ะ!" "อื้มๆ ได้ดิ แล้วมันทำไมเหรอ?" "เอ้า! มีข่าวลือว่า กีต้าร์อ่ะ มันมีฝาแฝด แต่เพราะพ่อแม่มันเลิกกัน เขาเลยแบ่งลูกกัน โดยให้ กีต้าร์ อยู่กับแม่ ส่วนพี่ชายมันอ่ะ อยู่กับพ่อ ที่เป็นมหาเศรษฐี " ฉันฟังจากเพื่อนเล่า ตัวฉันเองก็รู้สึกลังเลใจอยู่ไม่น้อย ที่เบื้องหลังของกีต้าร์นั้น จริงๆ ก็ดูแปลก แต่เพราะ ถึงคิดไป มันก็คงไม่ได้ อะไรขึ้นมา เพราะข่าวลือ มันก็คือข่าวลือ มันก็สามารถใส่สีตีไข่ได้ "พิง มึงเชื่อกูเถอะ ผู้ชายคนนี้ กูว่า น่าจะเป็น พี่ชายของ ไอ้กีต้าร์ ไม่น่าใช่ไอ้กีต้าร์หรอก มึงลองสังเกตดูดิ คนบ้าที่ไหน โดนรถชน เข้าห้อง ICU แต่แค่ ไม่กี่อาทิตย์ กลับมาเรียนที่โรงเรียน ได้ตามปกติ แล้วเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนน่าตกใจ" "อื้ม น่าคิดนะ" "ใช่ป่ะ! แถมคนที่ถูกรถชน มันก็ต้องมี ร่องรอยบาดแผลกันบ้าง นี่อะไรอ่ะ รอยช้ำซักจุดยังไม่มีเลย" ฉันคิดตามเพื่อน จนฉันเองก็เริ่มรู้สึกลังเลใจ แต่ก็ยังคิดเข้าข้างตัวเอง ว่า ผู้ชายที่ฉันกำลังจะแต่งงานด้วยคือ กีต้าร์จริงๆ คือ ผู้ชายที่ฉันเคยแอบชอบจริงๆ ไม่ใช่คนอื่นที่ใคร "ไม่หรอก วาวา ถ้า พ่อกีต้าร์ รวยจริง ทำไมต้องแบ่งลูก แกอ่ะ คิดมาก ไปแล้ว คนเราอ่ะ พอโดนแกล้งบ่อยๆ อารมณ์ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนกันได้" "กูว่าละ กับคนแบบมึงเนี่ย พักพิง โลกสวยไปซะทุกอย่าง แม่ง กูไม่น่ามาเล่าให้ฟังเลย แต่แม่งก็ช่างเถอะ เอาที่มึงคิดละกัน" แล้วเพื่อนสาวของฉันก็ลุกจากเก้าอี้ เดินออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย เพราะคำพูด ที่ฉันยังคงคอยปกป้องกีต้าร์อีกตามเคย เห้อ! ก็ทำไงได้อ่ะ ฉันชอบกีต้าร์มาตั้งนานแล้ว ถึงแม้เขาจะถูก พวกหัวโจก แกล้งอยู่บ่อยครั้ง แต่สีหน้าของกีต้าร์ในทุกครั้ง ก็ไม่ได้ดูหวาดกลัวพวกนั้น แต่เป็นสีหน้าของคนที่ไม่ได้อยากมีเรื่องเสียมากกว่า กีต้าร์ในสายตาของฉัน เขาดูเป็นผู้ใหญ่ อ่อนโยน น่ารัก แถมยังเรียนดีอีก แต่ในตอนนั้น ที่มีข่าวลือว่ากีต้าร์มีแฟน อันที่จริงแล้ว หัวใจฉัน แทบสลายเลยล่ะ ฉันแอบไปนั่งร้องไห้ อยู่ในห้องน้ำ คนเดียวโง่ๆ อยู่ตั้งนาน แต่ก็นะ ฉันก็ยังคิดเข้าข้างตัวเอง ว่ากีต้าร์ ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรเลยสักคำ เรื่องที่เขามีแฟน มันไม่เป็นความจริงหรอกเมื่องานแต่งได้จบลง ตอนนี้คงเหลือแต่การเข้าหอ ให้ตายเถอะ! เขาจะทำอะไรอย่างว่ากับฉันหรือเปล่านะ หวังว่าคงจะไม่ทำนะ "พักพิง นั่งเหม่ออะไร กราบ พ่อแม่สิ" "อ่อๆ " ฉันและกีต้าร์ กราบพ่อและแม่ ตามธรรมเนียมเข้าหอ อย่างปกติ ก่อนจะได้รับคำอวยพรจากพวกท่าน"พ่อแม่ ขอให้ลูกๆ ทั้งสองรักกันนานๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุข อย่าได้มีสิ่งใดมาทำให้พรากจากกันนะลูก""ขอบพระคุณค่ะ พ่อแม่"เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่พวกท่านจะเดินออกจากห้องไป และ ปิดประตูห้องหอ เป็นอันเสร็จพิธี "เฮ้อ! " ฉันถอนหายใจฟอดใหญ่ออกมา แต่ลืมนึกไปว่า ยังมีภูเขาลูกใหญ่ อยู่ตรงหน้าอยู่ และภูเขาลูกนี้ ดูท่าจะหนักอึ้งกว่าสิ่งใดบนโลกซะด้วย "กะ...กีต้าร์" "ว่าไง?" "นายจะยังไม่ทำอะไร ฉันใช่ไหม?" "ทำอะไร คือ?" "ก็แบบ...." ร่างใหญ่ ที่กำลังถอดชุดสูทแต่งงาน ถึงกับหลุดขำออกมา "ฮ่าๆๆ" จนท้องแทบแข็ง ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา
ณ วันเกิดของ กีต้าร์ คลื่น~ คลื่น~ คลื่น~ !! "ฮัลโหล พักพิง" "คะ กีต้าร์ เตงอยู่ไหน?" เสียงเพลงและเสียงคนดังสนั่นผ่านมือถือเข้ามา จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดของคนปลายสาย ฉันทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้ว และเอามือถือแนบหูฟังอย่างใจจดจ่อ "ผมอยู่กับพวกเพื่อนๆ มหาลัย ที่ร้านเหล้า วันนี้ อาจจะกลับประมาณ ไม่น่าเกิน 5 ทุ่มนะคับ" " 5 ทุ่มเลยเหรอ?" ฉันเปรยตามองเค้กวันเกิดที่อยู่บนโต๊ะอาหารอย่างน้อยใจ แต่เพราะฉันรักเขาไปแล้ว และวันนี้ก็วันเกิดของเขาด้วย ฉันเองก็ไม่อยากจะทะเลาะ อะไรที่ปล่อยผ่านได้ก็ควรทำ "ใช่ครับ พอดี วันเกิดน่ะ พอเพื่อนๆ รู้ว่าเป็นวันเกิดผม เขาก็ดึงผมมาเที่ยวด้วยเลย ขอโทษนะ ที่ต้องกลับดึก" "ไม่เป็นไรคับ เตง เที่ยวให้สนุกนะ เราโอเค" "ขอบคุณนะ ที่เข้าใจ" "อื้ม เที่ยวเผื่อเราด้วยนะ" "คับ" เมื่อวางสายจากเขา น้ำตาแห่งความน้อยใจของฉันก็ไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่ฉันน้อยใจเขาขนาดนี้เลยเหร
นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขายอมกอดฉัน โดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ กีต้าร์นายจะรู้ไหม ว่าฉันดีใจขนาดไหน ที่นายยอมกอดฉัน เหมือนกับที่ฉันสัมผัสนาย "เราขอพรให้ พักพิงรักเรา และหายน้อยใจเราไง เราขอโทษนะ ที่เมื่อคืนผิดนัด พอดี เราเมามากไปหน่อย แต่ต่อไป เราจะปรับปรุงตัวนะคับ" โถ่!! หัวใจ แค่เขาขอโทษแค่นี้ ใจฉันก็บางจนไม่สามารถที่จะน้อยใจเขาต่อได้อีกแล้ว คนอะไร ทำให้ใจฉันบางได้ขนาดนี้นะ "พักพิง หันหน้ามาหน่อยได้ไหม?" ฉันหันหน้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับถูกต้องมนต์สะกด ก่อนที่ริมฝีปากหนา จะเข้ามาประกบจูบฉันอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ เริ่มดูดดื่มขึ้น "อื้ม" ฉันเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าครั้งนี้ ฉันอาจจะต้องให้ครั้งแรกกับเขาแล้วล่ะ เพราะในเมื่อเขาเริ่มเปิด และดูดดื่มขนาดนี้ มันก็คงเป็นอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว "กีต้าร์?" "ขึ้นห้องกันนะคับ" "อื้ม!" บนห้องนอนของกีต้าร์ ที่สุดแสนจะหรูหรา เขาได้วางฉันลงบนเตียงใหญ่สีขาว ที่อบอุ่นไปด้วยไออุ่น ที่เขาพึ่งตื่นนอน ริ
"ตายจริง ล้มทั้งยืนเลยเหรอคะ?" "ตายแล้ว คุณพักพิง ทำไมไปนั่งที่พื้นแบบนี้ละคะ" ฉันแทบทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายชาไปหมด มันขยับไปไหนไม่ได้เลย ทำได้เพียงนั่งจ้องหน้าชายตรงหน้า ที่ฉันรักสุดหัวใจ "อ๋อ นี่เหรอคะ ป้านายแม่บ้านของที่นี่ สวัสดีค่ะ หนูเป็นแฟน ของพี่กีต้าร์ ชื่อ เอมมี่ค่ะ " ป้านายรับไหว้ผู้หญิงคนนั้นอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะรีบมาประคองตัวฉันให้ลุกขึ้น "คุณพักพิงลุกขึ้นนะคะ เดี๋ยวป้าพากลับห้องค่ะ" "ค่ะ ป้านาย" ฉันพูดกับป้านายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ก่อนจะมีเสียงทุ้มแทรกขึ้น "ทำไม รับไม่ได้เหรอ?" ฉันไม่ได้หันหลังกลับไปมองตามเสียงนั้น แต่กลับรีบเดินตรงไปยังบันไดอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากทนเห็น คนที่ฉันรักมีคนอื่นแทนฉัน "ในเมื่อนายก็มีคนอื่นแทนฉันแล้ว งั้นฉันคงไม่มีอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีก" "เธอว่าไงนะ พักพิง" เสียงทุ้มตะคอกถามฉันอย่างดุดัน จนฉันเองก็เริ่มกลัวเขาเข้าแล้วเหมือนกัน มือใหญ่พุ่งตัวมากระชากแขนฉันอย่างแรง จนฉันตัวเซ เพื่อให้หันไปมองหน้าเขา ที่กำลังเดือดดาลก
กลับสู่ปัจจุบัน บรรยายแบบ Third person บุรุษที่ 3."โอ๊ย!!!! ไอ้คัง เบาๆ สิว่ะ เจ็บไอ้สัส" "ดีนะ นี่แค่หัวแตก เขาไม่เอาโซ่ล่ามขามัดคอมึงตายก็บุญแล้ว" คังเพื่อนสนิทของชายหนุ่มช่วยประคบเย็นแก้บวมช้ำให้กับเขาอย่างหัวเสีย เพราะไม่ชอบใจที่ ชายหนุ่มนั้นจับตัวเมียเก่าของตนเข้ามาขังไว้ "ไอ้เพื่อนโง่ มึงเป็นโรคประสาทอะไรเนี่ย ไปจับยัยนั่นมาทำไม แล้วงี้ ลูกๆ มึงจะอยู่อย่างไงก่อน" "ช่างกูเถอะ แม่งเมียหอบลูกหนี ใครจะไปทนรับได้ว่ะ" "เฮอะๆ นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่ามึงผิดอะไร เป็นกู ถ้ากูเป็นยัยพักพิง กูก็ทำเหมือนกันแหละ ไอ้ชิบหาย" "ไอ้เวร มึงควรจะช่วยกู ไม่ใช่ซ้ำเติม" "นี่ ยัยพักพิง ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฝดน้องมึงถูกรถชนเลยด้วยซ้ำ แล้วมึงก็ได้ทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มึงคิดว่าเขาจะยอมให้อภัยมึงง่ายๆ เลยเหรอ ไอ้เวร" "ก็กูไม่รู้ไง" "ก็เขาก็ไม่รู้ว่าผิดอะไรเหมือนกัน มึงควรง้อเขาดีๆ ไม่ใช่จับตัวเขามาแบบนี้ มึงมันโคตรเห็นแก่ตัวเลย" "เออ กูมันเห็นแก่ตัวก็กูรักเขา กูไม่อ
ทำไม ฉันจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ฉันไม่ได้เป็นคนทำร้ายเขาสักหน่อย ตอนถูกรถชน ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเขาถูกรถชนได้อย่างไง มารู้อีกที ก็มีข่าวลือ ทั่วโรงเรียนแล้วว่าเขาถูกรถชนแต่นี่อะไร ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่ใช่คนที่ทำให้เขาถูกรถชนก็ไม่เชื่อปึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!"พักพิง เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!""พี่กีต้าร์ ใจเย็นสิคะ เรากลับห้องไปสนุกด้วยกันเถอะ""ออกไป เอาเงินที่ห้องฉันแล้วออกไปซะ วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี""อ่าว! แล้วที่คุยกันว่าจะพาไปดูหนังล่ะ?""ก็บอกว่า วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีไง""ได้ค่ะ"เสียงเคาะประตูห้องฉัน พร้อมกับเสียงทะเลาะกันของสองคนนั้น ทำให้ฉันเริ่มจะหงุดหงิดใจ เอาว่ะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปเป็นขอทานข้างถนน มันก็คงไม่ได้แย่เท่าไหร่ กลับบ้านเถอะ แล้วค่อยทำงานใช้หนีไอ้เวรนี่อย่างน้อยมันอาจจะสบายใจกว่าอยู่ที่ๆ ทำให้ฉันทุกข์ใจแบบนี้ ก็ได้ พอคิดได้แบบนี้ ฉันก็ไม่รีรอ ที่จะรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองใส่กระเป๋า และทิ้งห้องที่หรูหรานี้เอาไว้อยู่เบื้องหลัง "พักพิง ฉันบอกให้เปิดประตูไง ไม่ได้ยินหรือไง!"
"คนอย่างมึง มันสมควรตายแทนน้องกู""คุณ ฉันขอโทษ""มึงรู้ไหม วันที่กูไปดูกล้องวงจรปิด ที่โรงเรียน กูต้องเห็นอะไรบ้าง กูนั่งอ่านไดอารี่ของน้องตัวเอง แล้วรู้สึกอย่างไงบ้าง! ""ฮึก! ฮึก!""กูต้องเห็นน้องชายตัวเองถูกแกล้งทุกวัน ถูกกระทืบ ถูกตี ถูกใช้ให้กราบตีนไอ้พวกเวรนั่น ถูกเขียนเต็มเสื้อผ้า ถูกประจานว่าเป็นผู้ชายขายตัว และ สุดท้าย ก็ถูกคนรักอย่างมึง หักหลัง จนต้องมานอนเป็นผักอยู่แบบเนี่ย แบบเนี่ย! มึงเห็นไหม"เขากระชากคอเสื้อฉัน ให้ลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมชี้มือไปที่คนบนเตียงอย่างเดือดดาล ดวงตาคม จ้องมองฉันด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้ ก่อนจะเดินไปหยิบ ไดอารี่ ของน้องชายตัวเองออกมาจากในลิ้นชักข้างเตียง"มึงลองดูสิ มันเขียนไดอารี่เล่มนี้ ทุกวัน ว่ามันถูกทำอะไรบ้าง ว่ามันโดนอะไรบ้าง ว่ามันรักมึงขนาดไหน?"ฉันรีบหยิบไดอารี่จากมือของเขามาเปิดอ่านดูอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมันดูเจ็บปวด ในไดอารี่เขาบอกว่า เขาอยากจะสู้พวกมัน แต่หากมีเรื่องแม่ของเขาจะเดือดร้อน เพราะลำพังแม่ของเขาก็หาเช้ากินค่ำ หลังจาก
เขาดึงท่อนแข็งหนาออก พร้อมกับรูดซิปกางเกงขึ้นในทันที และดึงกระเป๋าตังออกมา เอาเงินโยนใส่ตัวฉันที่นอนหมดสภาพอยู่บนโซฟา "เอาไปซื้อยาคุมกินซะ! ของฉันเข้าไปลึกขนาดนั้น ครั้งเดียวก็ทำให้เธอท้องได้แล้ว" ฉันที่ลุกขึ้นนั่งด้วยเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย ก็พยายามข่มน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเอาไว้ จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เหมือนเดิมมากที่สุด ก่อนจะลุกขึ้น ดึงกระโปรงลง "ฉันออกไปได้หรือยัง?" "ฮึก!" "ออกไปสิ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น พร้อมกับเอา แอลกอฮอล์ มาเช็ดมือและฉีดไปตามร่างกายของตัวเอง ฉันคงดูสกปรกสำหรับเขามากเลยสินะ ฉันพยายามข่มน้ำตาตัวเองไม่ให้มันไหลออกมา ก่อนจะเดินไป เปิดประตูห้องเพื่อจะได้ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ จะได้ชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในตัวฉัน"เดี๋ยวก่อน!" "ทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เข้ามาอยู่ดูแลน้องชายของฉัน เธอต้องนอนอยู่ในห้องนี้ จนกว่าน้องชายของฉันจะฟื้น พอน้องชายของฉันฟื้นแล้ว เธอก็ค่อยไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ แล้วอย่ากลับมาให้พวกเราเห็นหน้าอีก" "เข้าใจที่ฉันพูดไหม พักพิง" ฉันพยั
"ถ้ามึงไม่ยอมหย่าให้กู กูจะฟ้องหย่า!"เมื่อพูดจบ เขาก็ฉุดกระชากลากถูฉันขึ้นไปบนเตียงอย่างดุดัน ก่อนจะขึ้นคร่อมตัวฉัน ด้วยน้ำตาที่อาบหน้า"ฉันไม่หย่า ก็บอกแล้วว่าไม่หย่าไง ฟังกันหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?""ออกไปจากตัวกู กูขยะแขยงตัวมึง ไอ้ขยะ!"พูดจบ เขาก็ถลกเสื้อผ้าฉันจนขาดวิ่น และซุกไซร์ซอกคอขาวจนแดงเป็นจ้ำ ๆ"อ๊ายยยยยยยย! ไอ้สปรก ออกไปจากตัวกูนะ"ฉันสบถด่าเขาออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับดิ้นทุรนทุรายสู้เขาอย่างหนักหน่วง แต่ยิ่งฉันดิ้นสู้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกระชากเสื้อผ้าฉันออกให้เร็วมากขึ้นเท่านั้นกระทั่ง ฉันใช้เท้าถีบเข้ายอดอกหนาได้ จนเขาหงายหลัง เกือบตกเตียง ฉันจึงรีบหันหลังตะกายจะทรงตัวลุกขึ้น แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้วท่อนเอ็นหนา สอดใส่เข้ามาในร่องแคบจากด้านหลังจนมิดด้าม ทำให้ร่างกายทุกส่วนของฉันอ่อนแรงลงอย่างฉับพลันมือกำผ้าปูที่นอนไว้อย่างแน่นหนา พร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด"กรี๊ดดด
"เอิ่มมมมม!"ดวงตาคม ตาเบิกโพรงขึ้นด้วยความงัวงง เมื่อเห็นฉันนั่งมองขาตัวเอง ที่ถูกมัดติดไว้กับเขาอย่างแน่นหนา ก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง"ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ เธอหิวไหม?"ฉันดึงผ้าห่มมาคลุมกายไว้ และลงไปนอนตะแคงข้าง หันหนีเขาอย่างเงียบครึม ราวกับเขาเป็นเพียงอากาศที่ไร้ตัวตน"เกลียดฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ พักพิง!""ใช่"เสียงพูดเงียบลง เมื่อฉันเอ่ยตอบออกไปแบบนั้น ก่อนที่คนตัวใหญ่จะจุมพิตลงที่ไหล่ของฉันอย่างแผ่วเบา"พักพิง เธอให้อภัยกับความโง่ของฉันไม่ได้เลยเหรอ?"".........""พักพิง ตอบฉันหน่อย!""ตอบสิ""ตอบฉัน!"ฉันเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมตวาดเสียงใส่หน้าเขา อย่างเดือดดาล"ก็เพราะกูชอบกีต้าร์ กูไม่ได้ชอบมึง มึงหลอกให้กูแต่งงานกับมึง มึงสวมรอยเป็นกีต้าร์ แล้วมึงก็พรากครั้งแรกของกูไป แล้วมาวันนี้ มึงยังจะขังให้กูอยู่กับมึง โดยการจะให้กูมีลูกกับมึง อีกอย่างงั้นเหรอ?""ทุกอย่างตั้งแต่แรกเริ่ม มึงโกหกหลอกลวง
ฉันพูดโป้งออกไปขนาดนี้ ยังไม่มีเสียงตอบกลับมาอีก นายนิมันน่าทุบให้ตายคามือจริงๆ"ฉันอาบพอแล้ว เดี๋ยวต้องไปเช็ดอ้วกตัวเองบนเตียงอีก"แต่มือใหญ่กลับรั้งแขนของฉันเอาไว้อย่างแน่นหนา นัยน์ตาประกายไปด้วยความห่วงใย ที่มีต่อฉันอย่างมากล้น จนตัวฉันเผลอนั่งลงบนตักกว้างเขาดึงตัวฉันเข้าไปบรรจงจูบอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกอดรัดตัวฉันไว้ในอ้อมแขนแกร่ง จนยากที่จะอธิบายความรู้สึกนี้เป็นคำพูดได้"เปียโน!"ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไป ริมฝีปากอิ่ม ก็จู่โจมบรรจงจูบฉันอย่างดุดัน ปลายลิ้นร้อนสอดใส่เข้ามาในโพรงช่องปากเก็บกวาดข้างในนั้น อย่างไม่รังเกียจคือแบบว่า ฉันจะบอกเขาว่า กูพึ่งอ้วกเสร็จ มึงจะจูบทำไมมมมมม ><¡แต่มันก็คงไม่ทันแล้ว เพราะร่างกายของฉันในตอนนี้ มันกลับไม่ยอมต่อต้านเขาเลยมันยิ่งตอบสนองอยากให้เขาเข้ามาในร่างกายเสียอย่างนั้น ปลายลิ้นร้อนถอดออกจากกันอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะเลื่อนตัว มามุดซอกคอขาว"เอิ่มมมมม!"มือใหญ่ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาว ไล่ระดับมา
ฉันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เพื่อรอฟังคำตอบจากปากคนตัวใหญ่อย่างนิ่งเงียบ ก่อนที่เขาจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน จับมือฉันขึ้นมาแนบแก้มขาวอย่างอ่อนโยน"พักพิง เรามามีลูกกันเถอะ ต่อไปนี้ เธอไม่ต้องกินยาคุมแล้วนะ เราจะมีลูกที่น่ารัก ๆ ด้วยกัน สัก 2 - 3 คน ดีไหม?"เมื่อเขาพูดจบ ฉันก็ฉีกยิ้มออกพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งน้ำตาที่หลั่งไหลพรั่งพรูออกมากระทบจนเต็มแก้ม"ฮ่าาาาๆๆๆๆ"เพี้ยะ!ฉันตบหน้าเขาไป 1 ฉาก ให้กับความสกปรกโสโครกที่ฉันได้รับมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเขา อย่างเดือดดาล"พักพิง เธอตบฉันทำไม?""มึงต้องการให้กูมีลูก เพื่อที่มึงจะได้รั้งกู ให้อยู่กับมึงตลอดไปใช่ไหม เปียโน!"เขายืนขึ้น อย่างลนลาน ก่อนจะดึงมือฉันเข้าไปกุมไว้อีกครั้งแน่นหนา"มันไม่ใช่แบบนั้นนะ พักพิง ฟังเราก่อน""ปล่อยกู!"เสียงสั่นเครือของฉัน บ่งบอกชัดเจนแล้วว่า วันนี้ มันต้องจบ ไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"พักพิง คือ แบบนี้นะ เราไม่ได
สถานกักกันหญิง"สวัสดีค่ะ ฉันมาพบ นักโทษที่ชื่อฟ้าค่ะ""กรุณา บอกชื่อ นามสกุลของ นักโทษด้วยค่ะ เป็นอะไรกับนักโทษคะ?"ฉันทำได้เพียงแต่ เงียบลง เพราะจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเธอชื่ออะไร ก่อนจะ ดึงมือถือขึ้นมาเปิดรูปภาพของฟ้า ให้แก่ผู้คุมได้ดู"อ๋อ งั้นรับคิวแล้ว รอสัญญาณเรียกนะคะ วันนี้ ญาตินักโทษน้อย อาจจะใช้เวลาไม่นาน สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ ไม่เกิน 40 นาทีนะคะ หากหมดเวลา จะมีสัญญาณเตือน""ขอบคุณค่ะ"ฉันนั่งรอคิวอยู่นานพอสมควร ก่อนที่เสียงเตือนให้เข้าพบ คุณฟ้า จะดังขึ้นติ๊ดดดดดดดดดดดดดด!"ญาตินักโทษ คิวต่อไป เชิญค่ะ"ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอด พร้อมกับต่อแถวเดินเข้าไป ยังห้องเยี่ยมนักโทษด้วยใจที่ลังเลแต่เมื่อคุณฟ้า ได้พบหน้าฉัน เธอก็สะดุ้งสุดตัว ก่อนจะลนลาน และหยิบโทรศัพท์ข้างม่านกระจกขึ้นมาแนบหูอย่างหวาดหวั่น"สวัสดีค่ะ ฟ้า"ม่านกระจกใส ทำให้เห็นถึงร่างกายที่ผอมบางของเธอ อย่างชัดเจน ราวกับว่า เธอยังไม่สามารถปรับตัวเข
อ้วก! อ้วก! อ้วก!"พักพิง เธอเป็นอะไรน่ะ ทำไมตื่นเช้ามา ก็อ้วกแบบนี้ ไม่สบายเหรอ ไปหาหมอไหม?""ไม่เป็นไร ฉันโอเค""แต่ เธอหน้าซีดมากเลยนะ""เดี๋ยวมันก็หาย นายไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสายเอานะ""ไม่อ่ะ ถ้าเธอเป็นแบบนี้ เราหยุดงานดูแลเธอดีกว่า"คำพูดที่ดูห่วงใยตัวฉัน มันบ่งบอกถึงความใส่ใจที่เขามีให้ฉันมากมายเหลือเกิน แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่า มันก็เป็นแค่ เกมส์หลอกลวงเท่านั้นเมื่อกีต้าร์ฟื้นแล้ว สุดท้ายฉันก็ต้องออกไปจากบ้านหลังนี้อยู่ดี โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เขาทำกับฉันในวันนี้ และวันผ่าน ๆ มา ฉันจะไม่ยอมให้ใจของฉันต้องอ่อนแอเพราะเขาอีกต่อไปแล้วกระทั่ง 1 อาทิตย์ ต่อมา"พักพิง เราออกไปทำธุระก่อนนะ อยากกินอะไรไหม?"คำพูดเดิม โทนเสียงเดิม บ่งบอกให้ฉันรับรู้ว่า เขาจะออกไปที่ไหน วันนี้ ฉันจึงเลือกที่จะตามเขาไป เพราะจะได้หายจากข้
ยัยโง่พักพิง ย่นคิ้วใส่ฉันอีกครั้งอย่างงวยงง เธอคงมีสงสัยฉันบางแหละ เพราะตอนเรียนมัธยม เราไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ช่วงพัก ฉันก็จะต้องไปอยู่กับพี่บอม"พักพิง แกจำฉันได้ไหม?""ใครอ่ะ?""ฉันไง ฟ้า ที่เรียนห้องเดียวกับแกอ่ะ""ฟ้า"ยัยนี่ขี้ลืม หรือ จำฉันไม่ได้จริง ๆ กันนะ ห่างจากเรียนมัธยมได้ไม่กี่ปีเองนะ ลืมฉันแล้วเหรอ ฉันน่ะ ฮอตจะตาย จะมาลืมกันแบบนี้ได้ไง"อ๋อ เราจำได้แล้ว ฟ้าที่หายไปช่วงเทอมสองใช่ป้ะ""อื้ม ใช่ ๆ "ในที่สุดก็จำฉันได้สักทีนะ ยัยนี่แอ๊บหรือเรื่องจริงกันแน่เนี่ย"เป็นไงบ้าง ทำไมถึงพึ่งมาหากันตอนนี้!""คือเรา"ฉันเหลือบตามองหน้าลูกสาวของฉันอย่างร้ายกาจ ก่อนจะเอ่ยออกมา ด้วยเสียงสั่นเครือ"ตอนนั้นเราท้องน่ะ เลยพักการเรียน"พักบ้าบออะไร ฉันเรียนจบม.6 แล้วยะ แค่เลี้ยงลูกไม่ได้เรียนต่อ มหาลัยแบบพวกแกเฉยๆ แหละ ถ้าฉันเร
ฉันสติแตก จนคลั่งออกมา วิ่งไปทุบร่างของไอ้กีต้าร์ที่นอนโคม่าอยู่ เพื่อให้มันตื่นมาช่วยฉัน แต่ที่ไหนได้ กีต้าร์มันกลับ นอนนิ่งเป็นผัก ราวกับรอความตายเพียงเท่านั้นณ โรงพัก"จ่า เอาตัวไปฝากขังได้เลย""คับ ท่าน"ฉันเอาแต่ เหม่อลอยน้ำตาซึมอยู่ตลอดเวลา ที่อยู่ในโรงพัก ก่อนจะเดินตามจ่าเข้าไปยังห้องขัง ที่เหม็นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของเสียจนอยากอ้วก"ทางผู้กองเขาไม่ให้ประกันตัวนะ พรุ่งนี้จะส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำใหญ่ เพื่อรอขึ้นศาล""สวัสดีค่ะ ฉันมาเยี่ยม คนที่ชื่อ พิงฟ้าค่ะ"เสียงนั่น คือเสียงของแม่กีต้าร์อย่างแน่นอน เพราะเมื่อเช้า ฉันได้ยินเสียงของท่านและได้เห็นหน้าพวกเขาแล้วด้วยฉันรีบลุกขึ้นยืน มองตามเสียงนั่นอย่างฉับพลัน ก่อนที่คนตัวใหญ่ จะเดินเข้ามาหาฉัน ที่ห้องฝากขัง"ฮึก! ปะ.....เปียโน""ฉันพา น้องพราวมาหา""อะไรนะ!"&nb
บรรยาย First person#พักพิงเมื่อฉันส่งพ่อแม่และน้องพราวขึ้นเครื่องไปอังกฤษแล้ว ฉันกับอี่ตาเปียโน ก็นั่งเงียบกันมาตลอดทาง ราวกับไม่มีสิ่งใดจะโต้ตอบกันอีกกระทั่ง เขาเริ่มเปิดพูดขึ้นมาก่อน"เออคือ!""ว่าไง?""พักพิง เธอมีความคิดเห็นอย่างไงกับน้องพราวเหรอ?""จริงๆ มันก็แปลกๆ นะ ที่อยู่ดีๆ พ่อแม่นายก็รับน้องพราวเป็นหลานซะงั้น ว่าแต่ ฟ้าเขาไปไหนเหรอ?"ร่างใหญ่ที่กำลังนั่งขับรถอยู่ทำท่าทางเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน พร้อมกับใช้มือลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบา"เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยยัยพิง เฮ้ย! ยัยคนชื่อฟ้า คงอยากให้ลูกของเธอมีชีวิตที่ดีมั้ง""อ่อ แบบนี้เอง"ฉันรู้ดีว่าเขาโกหก แต่ฉันก็ยังทำตัวปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันรู้สึกว่า เปียโนมีอะไรปิดบังฉันอยู่ราวกับไม่ต้องการให้ฉันรู้เรื่องนี้เป็นอันขาดเสียอ