แชร์

บทที่2

ผู้เขียน: moonlight -mini
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-16 02:20:32

บทที่ 2

แต่แล้ว...

ลมแรงที่พัดดอกเหมยปลิวไปทั่วทั้งบริเวณจนเข้ามาถึงห้องนอนของฮูหยินของท่านเจ้าเมืองทำให้ดวงตาสวยที่ยังคงมีน้ำตาซึมค่อย ๆ เปิดขึ้นช้า ๆ แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้ห้องนอนที่เงียบสงัดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

หลี่อ้ายเฉินรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านทั่วร่างกายทำให้นางสะดุ้งตื่นจากความฝันอันเลวร้าย

รอยคราบน้ำตายังแห้งติดอยู่ข้างแก้ม ร่างบอบบางที่อยู่บนเตียงนอนค่อยๆ ลืมตาและพบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่

"ข้ายังไม่ตายหรือ" หลี่อ้ายเฉินขมวดคิ้วพูดกับตัวเองด้วยความสับสนและงุนงง สายตาส่องสำรวจไปรอบ ๆ ห้องนอนที่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะต่างออกไป

“ฮูหยินตื่นหรือยังเจ้าคะ ข้าจะเข้าไปแล้วนะเจ้าคะ” ใบหน้าของเชียงเชียงสาวใช้ที่ติดตามมาจากตระกูลของตนเดินเข้ามาในห้องนอนของนายหญิงตนเองอย่างยินดีไม่ใช่สิ่งที่ฝูหรงสังเกต

เมื่อลุกขึ้นจากเตียง ก็รู้สึกว่าร่างกายยังมีพลังและสดชื่นกว่าที่คาดคิด ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานนับสิบปีแล้ว แต่สิ่งแรกที่ทำและนึกถึง กลับเป็นบุตรชายอันเป็นที่รัก นางจึงรีบลุกเดินไปยังโต๊ะข้างเตียงที่วางภาพวาดของบุตรชายของนางอยู่

แต่กลับพบว่าไม่มีภาพวาดนั้นอยู่ บนโต๊ะนั่นวางเปล่าทำให้หลี่อ้ายเฉินสับสนและกังวลใจไม่น้อย

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างจึงดูแตกต่างไป" หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปหยิบกระจกที่วางอยู่ข้าง ๆ และส่องดูใบหน้าตัวเอง

เมื่อเห็นใบหน้าที่อ่อนวัยกว่าเดิมหลายปี นางเห็นสิ่งอื่นมากกว่า ใบหน้าที่ดูเยาว์วัยและท่าทางที่ยังสดใส ไม่ได้ดูเศร้าสร้อยตามนางที่ถูกสามีเมินเฉยหลายต่อหลายครั้งต่างหากที่ทำให้เกิดความสงสัย ก็ตกใจและตระหนักว่าตนเองอาจย้อนเวลากลับมาในอดีตแล้วนี่เอง

“แล้วศพของคุณชายน้อย”

เชียงเชียงมองนายหญิงของตนด้วยแววตาสงสัย “ศพอะไรกันเจ้าคะ ฮูหยินฝันร้ายหรือเจ้าคะ แล้วจวนหลังนี้ก็ไม่ได้มีคุณชายเสียหน่อย มีแต่ท่านเจ้าเมืองแล้วก็ฮูหยินอย่างไรล่ะเจ้าคะ”

ได้ฟังคำของสาวใช้ก็ยิ่งสร้างความสงสัย

“ท่านเจ้าเมืองหรือ แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ใดกัน”

เชียงเชียงทำหน้าไม่พอใจแทนนายหญิง “ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าคะ ทิ้งคุณหนูของข้าอยู่แต่ในจวนเสมอเลย”

“ไปที่ใดกัน” หลี่อ้ายเฉินแอบสอบถามเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้กับเมื่อวานมันดูไม่ปะติดปะต่อกันพิกล

“ไปต้อนรับผู้ตรวจการที่มาจากเมืองหลวงเจ้าคะ”

คิ้วของอ้ายเฉินขมวดแน่นด้วยความงุนงง

มิน่าทุกสิ่งจึงดูประหลาดไป ไม่เหมือนเดิม

ไม่มีคุณชายนั่นก็หมายความว่าลูกของนางยังไม่เกิดอย่างนั้นหรือ หรือว่านางหลับไปนานเพราะเสียใจเรื่องลูกจนทุกคนลืมเลือนเสี่ยวชิงของนางไปแล้ว

“เชียงเชียงนี่รัชศกที่เท่าใดกัน “

” รัศศกจินไห่ปีที่เจ็ดเจ้าคะ”

คำที่ได้ยินทำให้หลี่อ้ายเฉินสวยเบิกกว้าง “เจ้าว่าอะไรนะ” อ้ายเฉินถามซ้ำ เพราะนั่นเป็นปีหลังจากนางเข้าพิธีมงคลกับเจ้าเมืองเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น

"ข้ากลับมายังช่วงที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ๆ กับหยางพ่างชุน"

เมื่อมีข่าวของนางกับท่านเจ้าเมืองที่หนุ่มที่สุดในเมืองนี้เผยแพร่ออกไปทุกคนต่างยินดีและบอกว่านี่เป็นวาสนาของนาง เพราะเจ้าเมืองเฉิงนั้นเป็นคนดีที่หาได้ยากในรอบร้อยปี และคนคนนั้นมาอยู่ในมือของหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาอย่างหลี่อ้ายเฉิน

เมื่อก่อนนางก็เคยคิดเช่นนี้ คิดว่าเป็นโชคดีที่ได้คนที่ทั้งเก่งกาจทุกด้าน ทั้งยังหน้าตาดี และมีฐานะที่ไม่อับอายใครเป็นสามีแต่ใครจะคิดว่านี่คือโศกนาฏกรรมในชีวิตของนาง

แม้จะมิรู้ว่าเรื่องตอนนี้จะเป็นเรื่องเพ้อฝันของนางก่อนจะตายหรือไม่ แต่นางจะไม่ยอมเจ็บปวดเพราะใช้ชีวิตกับคนใจร้ายอีกแล้ว

“เชียงเชียง เตรียมชุดให้ข้าแล้วไปเอากระดาษกับที่ฝนหมึกมาให้หน่อยสิ”

ชีวิตที่ใช้กับหยางพ่านชุนนานนับปีคงเป็นเรื่องหลอกไปไม่ได้ เช่นนั้นแล้วนางคิดว่าสวรรค์คงให้โอกาสให้นางได้เลือกทางเดินใหม่ บุตรชายจะได้ไม่ต้องสิ้นชีพไปเช่นนั้น ตัดสินใจเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีที่สุดแล้ว แม้ว่าจะเจ็บปวดแต่ก็ยังดีกว่าต้องแหลกสลายเมื่อสูญเสียทุกอย่าง

อ้ายเฉินเดินมาล้างหน้าและเมื่อมองไปที่คันฉ่องคำตอบก็ยิ่งชัดทั้งหน้าตาและวิธีการม้วนผมของนางเหมือนกับหลายปีก่อนจริง ๆ

ถึงแม้ว่าใครจะบอกว่าหยางพ่านชุนเป็นเจ้าเมืองที่ดีมากมายแค่ไหน แต่นางคงรับคนดีขนาดนั้นเอาไว้ไม่ได้แล้ว ให้เขาไปเจอคนที่เหมาะกับเขาจะดีกว่า

หลี่อ้ายเฉินพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่เชื่อ แต่ทันใดนั้นเองนางก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ว่าโอกาสที่จะมีชีวิตใหม่อีกครั้งนี้จะต้องไม่สูญเปล่า

หลี่อ้ายเฉินตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ให้ชีวิตของนางต้องทนทุกข์อีกต่อไป นางจึงหยิบกระดาษพู่กัน เครื่องเขียนทั้งห้าขึ้นมา เพื่อเขียนจดหมายหย่าลงบนกระดาษขาว ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่เคยเผชิญและความหวังในการเริ่มต้นชีวิตใหม่

ก่อนดื่มยาพิษนางเขียนจดหมายลาตาย แต่เมื่อตื่นมาอีกครั้งราวกับได้ย้อนเวลามาแก้ไข คราวนี้นางได้เขียนหนังสือหย่า

ความรู้สึกช่างซ้อนทับกับช่วงเวลาที่ได้เขียนจดหมายเพื่อลาตายเหลือเกิน แต่บัดนี้มันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก เพราะนางมิได้ทำเช่นนี้เพื่อจบชีวิตลง แต่เพื่อจบชีวิตรักบัดซบที่กำลังจะเกิดขึ้นต่างหาก

“หยางพ่างชุน ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทนอยู่กับท่านอีกต่อไป ข้าจะกลับไปหาครอบครัวของข้า ข้าไม่อยากทนทุกข์กับความเย็นชาของท่านอีกแล้ว...”

นางจรดปลายพู่กันลงกระดาษด้วยใจที่มั่นคงและเด็ดเดี่ยวตัวอักษรจึงฉายความแน่วแน่และตั้งมั่น

เมื่อเขียนเสร็จนางตรวจสอบทุกตัวอักษรอย่างตั้งใจว่าหมึกแห้งสนิทดีแล้ว ก่อนจะวางจดหมายลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง และหันไปเก็บของใช้ส่วนตัวเพียงไม่กี่ชิ้นที่จำเป็น โดยไม่ได้สนใจสินสมรสอะไรเสียด้วยซ้ำ ตระกูลหลี่ของนางร่ำรวย ไม่สนใจของเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นหรอก

คิดแล้วก็หันมองไปรอบ ๆ ห้องเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงก้าวออกจากจวนที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของนางและหยางพ่างชุนด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวังและความกล้าหาญ

"ข้าจะไม่ทนทุกข์อีกต่อไป ข้าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่" นางพูดกับตัวเองด้วยความมุ่งมั่น และก้าวเดินไปสู่อนาคตที่นางตั้งใจจะสร้างขึ้นใหม่

นางเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังจวนของบิดามารดาของนาง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดในเมือง นางรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น สายตาของนางสะท้อนความมุ่งมั่นและความหวังในอนาคตอย่างเต็มเปี่ยม

ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรหลี่อ้ายเฉินไม่สนใจที่จะแสวงหาความกระจ่าง ขอเพียงนางได้เริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องใช้ชีวิตเป็นเพียงภรรยาเจ้าเมือง มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ในจวนเจ้าเมืองเพียงลำพังอยู่ท้ายจวนอีกแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 41

    บทที่ 41หลังจากการสอบสิ้นสุด จอหงวนใหม่ก็ถูกย้ายมาเป็นเจ้าเมือง แน่นอนว่าคนคนนั้น คือคนที่ทั้งเมืองแห่งนี้รู้จักดี เพราะคือบุตรชายของอดีตเจ้าเมือง ในยุคบิดาทำดีมาเช่นไร ยุคบุตรชายก็ทำดีไม่ต่างกัน เพียงแต่เพราะเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาและยังโสดแถมอายุก็ยังน้อยกว่ายามที่บิดาของตนมาเป็นเจ้าเมืองเสียอีก จึงยิ่งทำให้บรรดาคุณหนูทั้งหลายต่างหมายปองเจ้าเมืองหนุ่มผู้นี้ไม่ต่างจากสมัยบิดาและยิ่งทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มยังไม่ปักใจรักใคร่ใครเป็นพิเศษแล้ว ก็ต่างหวังว่าตนเองอาจจะมีสิทธิ์ แต่ดูเหมือนเชื้อจะไม่ทิ้งแถว ลูกไม้ย่อมไม่ตกไกลต้น เจ้าเมืองหนุ่มเอาแต่ทำงานจนบรรดาแม่นางทั้งหลายต่างเมินหน้าหนี“นิสัยเสียนี้ลูกดันไปเหมือนท่านได้อย่างไรกัน” เสียงตำหนิไม่จริงจังจากมารดา เสี่ยวชิงเพียงแค่ส่งยิ้มรับหยางพ่านชุนไม่ได้มองว่านี่ไม่ดี “เขายังเด็กกว่าข้า ทั้งยังไม่มีคนรัก อาจจะเหมือนข้าวัยเยาว์ที่เอาแต่อ่านตำราเพื่อสอบมากกว่า ที่สำคัญเพราะอาชิงใช้ความรักของพวกเราเลี้ยงมา เจ้าเห็นหรือไม่ ถึงเขาจะไม่กลับมาจวนทุกวันเพราะนอนที่จวนเจ้าเมือง แต่ก็กลับมาทุกอาทิตย์ หากเขามีคนรักข้าก็เชื่อว่าเขาจะทำได้ดี อีกทั้

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 40

    บทที่ 40“แม่ไม่อยากให้เจ้าไปเมืองหลวงเลย” วันเวลาผ่านไปยามนี้เสี่ยวชิงเป็นหนุ่มแล้ว แต่เพราะความสนิทสนมในครอบครัวจึงทำให้อ้ายเฉินตัดใจให้ลูกจากไปไกลตาได้ยาก “เจ้าก็ให้ลูกไปเถอะ เขาจะไปสอบเพื่อจะกลับมาเป็นเจ้าเมืองแทนข้าไม่ดีหรือ” เรื่องนั้นย่อมเป็นเรื่องดีแต่การต้องจากบุตรชายเกือบสามปีและถ้าสอบได้อาจจะนานกว่านั้นทำให้น้ำตาของอ้ายเฉินไหล“เจ้าไปเถอะเสี่ยวชิง ยื้อกันไว้เช่นนี้วันนี้ก็คงไม่ได้ไป” อาการของภรรยาในวันนี้ทำให้หยางพ่านชุนอดคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ถึงจะแทบตัดพ่อตัดลูกไปแล้วแต่อย่างไรก็ยังคงแอบคิดถึงตอนเขาไปที่ใดก็ตามมีเพียงท่านพ่อบ้านที่ตอนนี้ชราเต็มทีแล้วพอนึกได้ว่าอีกฝ่ายจะจากไปในเวลาอันใกล้นี้ก็ส่งจดหมายไปขอบคุณ แม้ชางเกิงจะหลงผิดไปบ้าง แต่ชางเกิงก็เป็นคนที่ดูแลเขามาตลอด หยางพ่านชุนส่งคนไปรับชายชรากลับมาอยู่ที่จวนเจ้าเมืองกับเขาอีกครั้ง ตอนนี้ชางเกิงคงชรามากแล้วคงไม่สามารถทำอะไรภรรยาของเขาได้อีก อีกทั้งอำนาจในจวนเจ้าเมืองตอนนี้ล้วนเป็นของภรรยาเขา“ภรรยารัก ลูกไปเพื่อความเจริญนะ เหมือนที่ท่านพ่อที่ท่านพี่ของเจ้าต้องเดินทางไกลไปหาสินค้าแปลก ๆ มาขาย” อ้ายเฉินพยักหน้

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 39

    บทที่ 39หลี่อ้ายเฉินกลับมาดูแลสามีของนางที่จวน เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้นางเกือบลืมเรื่องก่อนหน้านี้ที่คุยกับบิดา“ข้ากังวลแทบแย่คิดว่าท่านจะเป็นอะไรไปแล้ว” หยางพ่านชุนดึงคนรักเข้ามากอด “ข้าจะไม่ทำอะไรไม่ระวังตัวเช่นนี้อีก ครั้งนี้เพราะเด็กคนนั้นเขาเหมือนเสี่ยวชิงมากจริง ๆ ข้าที่กำลังกังวลหลาย ๆ เรื่องอยู่จึงเผลอกระโดดตามเด็กไป และที่จริงตอนแรกมันก็ไม่อันตราย แต่หลังจากข้าส่งเด็กขึ้นมาฝายก็พังทำให้น้ำไหลแรง จนดึงขึ้นฝั่งไม่ได้” หลี่อ้ายเฉินมองสามีด้วยสายตาไม่พอใจ“เมื่อก่อนก็ทำตัวเสี่ยงตายเช่นนี้ใช่หรือไม่” แม้จะอยากตอบว่าไม่แต่เขาก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ “ท่านพี่ต้องนึกว่าที่จวนมีข้ากับลูกรออยู่สิเจ้าคะ จะได้ระมัดระวังตัวเองมากกว่่านี้” หยางพ่านชุนเห็นภรรยาเป็นห่วงก็รู้สึกผิดเหมือนกัน “ต่อไปข้าจะระวังตัวตลอดเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ที่จริงเรื่องนี้ข้าไม่ต้องไปดูเองก็ได้ แต่ไหน ๆ ก็ผ่านไปเลยแวะดูไม่นึกว่าจะมีปัญหา”“ของหลาย ๆ อย่างทำเอาไว้แล้วก็ต้องหาคนเฝ้า หาคนบูรณะ ไม่เช่นนั้นก็พังไปตามเวลา” แม้จะรู้ข้อที่ภรรยาบอกเป็นอย่างดี แต่พอมีเรื่องยุ่งหลาย ๆ อย่างจึงลืมที่จะส่งคนไปดูแลเป็นพิเศษ “ท่านพ

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 38

    บทที่ 38“สามีของลูกเขาเป็นอะไรหรือเปล่าช่วงนี้เขาดูแปลก ๆ ไปนะ” บิดาของอ้ายเฉินถามบุตรสาว เพราะเป็นคนที่ทำการค้าจึงมองคนต่างจากคนอื่น และสัมผัสได้ไวกว่า“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนว่าเขายังคงติดอยู่กับความผิดครั้งก่อน” อ้ายเฉินพูดออกไปคล้ายจะเป็นการคาดเดาแต่จริง ๆ นางรู้ว่านี่แหละคือต้นตอของปัญหาในจิตใจของสามีของนางแม้ว่าหยางพ่านชุนจะทำทุกอย่างได้ดีแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกส่วนหนึ่งที่อีกฝ่ายยังทิ้งไปไม่ได้“คุยกันบ้างหรือยังลูก เกี่ยวกับเรื่องครั้งก่อน” มารดาเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยนอ้ายเฉินพยักหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ หลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี” คนเป็นพ่อได้ฟังก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อีกอย่างเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่หนักอกหนักใจทั้งบุตรสาวและลูกเขยนั่นคืออะไร “ลองเปิดใจคุยรายละเอียดกันดูอีกครั้ง แม้ว่าจะทำให้เจ็บแต่นั่นก็สามารถช่วยทำให้แผลที่มีสมานได้” มารดาเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้นางจะพูดน้อย นิ่งสงบในทุกเรื่อง แต่ยามใดที่ติดใจและสงสัย นางก็จะเรียกสามีมาคุยจนกว่าจะเข้าใจกัน ไม่เคยปล่อยผ่านให้เรื่องราวข้ามคืนเลยสักครั้ง จึงรักษาชีวิตคู่ที่สงบสุขมาได้จนถึ

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 37

    บทที่ 37หลังจากอ้ายเฉินคลอดลูกคนแรกจวนทั้งสองก็ถูกทุบกำแพงเพื่อเปิดหากันตอนนี้หยางพ่านชุนถือว่าบิดาของภรรยากับพี่ชายภรรยาเป็นคนในครอบครัวมากกว่า ตระกูลใหญ่ของเขาซะอีก หลังจากเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ผ่านไป เขาก็ไม่ได้กลับไปร่วมพิธีไหว้บรรพบุรุษที่เมืองหลวงอีกเลย แม้จะรู้สึกผิดแต่หากต้องเสี่ยงชีวิตลูกเมียเขายอมที่จะเป็นคนอกตัญญูวันเวลาหมุนผ่านไปจนเสี่ยวชิงโตจนวิ่งได้ เป็นบุตรชายของพวกเขามาเกิดใหม่อย่างแน่นอนเพราะใบหน้าที่คงยังเหมือนเดิมทุกประการ แต่นิสัยกลับไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย คงเป็นเพราะการเลี้ยงดูและลุงกับท่านตาที่ตามใจจนบางทีหยางพ่านชุนก็กลัวบุตรชายคนโตจะเสียคนและตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีบุตรชายเพียงแค่คนเดียวแต่ยังมีบุตรสาวอย่างอี้อี้ด้วย เสี่ยวชิงเป็นพี่ชายที่ดีคอยดูแลน้องสาว ไม่ได้เหงาโดดเดี่ยวเหมือนชาติก่อน ความสัมพันธ์ของครอบครัวตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับชาติก่อน ทุกคนต่างมีรอยยิ้มให้กัน และอยู่กันอย่างมีความสุข อะไรที่ไม่ดีก็ถูกตัดไปจากชีวิต พ่อบ้านที่เคยช่วยเหลือหยางพ่านชุนมาตั้งแต่เด็กก็ถูกส่งกลับไปอยู่ที่เมืองหลวง เขาจ้างคนใหม่ให้คอยดูแลคุณหนูและคุณชายน้อยต่อไปเด็กทั้งสองไม่เคยได

  • ตัดบัวไม่ให้เหลือใย ตัดใจไม่ให้เหลือรัก   บทที่ 36

    บทที่ 36การปราบโจรได้ทำให้การค้าในเมืองคึกคักขึ้นเพราะไม่ต้องกลัวว่าจะถูกปล้นระหว่างเดินทางข้ามเมือง ทุกอย่างค่อย ๆ เป็นไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องนี้ทำให้ทั้งตระกูลหลี่ และเจ้าเมืองอย่างหยางพ่านชุนเจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก ต่างจากตระกูลใหญ่ของเจ้าเมืองหนุ่มที่หลังจากชิงเอ๋อร์กลับไปที่ตระกูลตน บิดาของเขาและบิดาของหญิงสาวก็ไม่ติดต่อกันอีกเนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวทางตระกูลใหญ่ที่มักจะชอบใช้วิธีรวมหมู่รวมก๊ก พอพันธมิตรหลักไม่อยู่ซะแล้ว คนอื่น ๆ ก็เริ่มหนีหน้า จากที่เคยกร่างได้ก็ต้องหลบอยู่แต่ในมุมของตนเอง เพราะถึงทุกคนจะรู้ว่ามีบุตรชายเป็นเจ้าเมืองและเป็นถึงขุนนางขั้นสามแต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าทั้งสองไม่ถูกกัน นั่นไม่ใช่เพราะใครแต่เพราะความปากมากของบิดาของหยางพ่านชุนเอง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเอ่ยกับสหายสนิทว่าเขาไม่ได้คาดหวังกับบุตรชายคนนี้ อีกทั้งเขายังไม่ใช่คนโปรดและตอนที่หยางพ่านชุนได้ดี ก็ไม่เห็นขุนนางเฒ่าผู้นี้จะเอาเรื่องของบุตรชายมาโอ้อวดซึ่งแปลกจึงทำให้ทุกคนคิดว่าเรื่องที่บาดหมางกันนั้นคงจะเป็นจริง แน่ ๆถึงแม้ว่ายามนี้หยางพ่านชุนจะกลับมาทำงานเป็นเจ้าเมืองเหมือนเดิมแล้ว แต่เขาก็ยังคงมาพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status