ส่วนจินเฟยเทียนก็ยังคงกล่าวต่อไปโดยไม่ได้หันมาสนใจปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กชายตรงหน้าเลย
“เด็กน้อยเจ้าหิวข้าวแล้วหรือไม่? หรือเจ้าจะไปอาบน้ำก่อน? แต่...เจ้าเพิ่งฟื้นตัวจากไข้ เจ้าก็คงยังอาบน้ำไม่ได้ งั้นข้าเช็ดตัวให้เจ้าก่อนดีกว่า...แล้วค่อยให้เจ้ากินข้าวกินยา” จินเฟยเทียนพูดเองตอบเอง แล้วจะลุกออกจากเตียงเพื่อไปเตรียมของ แต่ก็ถูกหยางหมิงเซียนเอื้อมมือมาดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้เสียก่อน
หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินที่เด็กชายตรงหน้าพูด เขาก็พยายามจะเอ่ยโต้แย้ง แต่ด้วยเสียงที่ออกมากลับแหบแห้งไม่เป็นคำ เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหน้า...แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมมองมาที่เขาเลย
“เด็กน้อย...ตอนนี้ร่างกายของเจ้ามีแต่เหงื่อ ยังไงเจ้าก็ต้องเช็ดตัวเปลี่ยนชุด เจ้าจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น หรือว่า...เจ้าอายข้า” จินเฟยเทียนเมื่อเห็นหยางหมิงเซียนพยายามปฏิเสธในสิ่งที่เขาจะทำให้ เขาจึงพยายามอธิบายและสังเกตปฏิกิริยาของเด็กชายตรงหน้าไปด้วย แล้วเขาก็ได้เห็นแก้มของเด็กชายที่เริ่มแดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วมันไม่น่าจะเกิดจากพิษไข้
หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ก้มหน้าลงจนแทบจะติดเตียง
‘หึๆ เด็กคนนี้ขี้อายด้วยแฮะ’
“เด็กน้อย...เจ้าจะอายข้าทำไม! เราเป็นบุรุษเหมือนกัน อีกอย่างเมื่อเช้าข้าก็เป็นคนเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้กับเจ้า ดังนั้นก็ไม่มีอะไรต้องอายข้าแล้ว!” กล่าวเย้าแหย่เด็กชายจบก็ต้องกลั้นขำ เมื่อเห็นเด็กชายตรงหน้าตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ไปเรียบร้อยแล้ว
จินเฟยเทียนลุกขึ้นไปเตรียมของสำหรับเช็ดตัวและเตรียมชุดใหม่ให้กับหยางหมิงเซียน จากนั้นเขาจึงเดินกลับมานั่งที่เตียง แล้วเขาก็ได้เห็นว่าเด็กชายบนเตียงยังคงก้มหน้าลง ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาเลยสักนิด
จินเฟยเทียนจึงวางของที่เตรียมมาไว้ข้างเตียง แล้วนำผ้าสะอาดไปชุบน้ำก่อนจะนำมาเช็ดตามหน้าตาและเนื้อตัวของเด็กชาย จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนชุดให้หยางหมิงเซียน โดยที่เจ้าตัวมีอาการขัดขืนบ้างเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ให้ความร่วมมือจนผ่านไปได้ด้วยดี
“เด็กน้อย เจ้ากินข้าวกินยาเองไหวหรือไม่?”
หยางหมิงเซียนพยักหน้ารับ ทั้งที่ยังคงก้มหน้าอยู่แบบนั้น จินเฟยเทียนจึงลุกไปยกข้าวต้มกับยามาให้เด็กชายบนเตียง
หยางหมิงเซียนรับชามข้าวต้มจากจินเฟยเทียนมาตักกิน เมื่อเห็นเด็กชายสามารถกินข้าวเองได้ จินเฟยเทียนจึงคิดจะลุกไปอาบน้ำ
“เด็กน้อย...กินข้าวกินยาให้หมดนะ ข้าขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะกลับมาดูแลเจ้าใหม่” พูดจบจินเฟยเทียนก็เอื้อมมือไปลูบหัวหยางหมิงเซียนอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่จะพาตัวเองลุกจากเตียงไปอาบน้ำ
เนื่องจากก่อนที่จินเฟยเทียนจะมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ และก่อนที่เขาจะสูญเสียน้องชายไป เขามักชอบลูบหัว และบีบแก้มน้องชายของเขา แล้วเมื่อมาเห็นเด็กชายตรงหน้ายามนี้มันก็ทำให้เขาอดที่จะคิดถึงน้องชายของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ แล้วด้วยแววตาของหยางหมิงเซียนยามนี้ช่างดูไร้เดียงสาและน่าเอ็นดูยิ่งนัก...มันช่างทำให้เขาอดที่จะคันไม้คันมือขึ้นมาไม่ได้จริงๆ
หยางหมิงเซียนเมื่อเห็นเด็กชายลุกออกจากเตียงไปแล้ว เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองตามหลังคนที่เพิ่งลูบหัวตัวเองไป
‘เด็กคนนี้ทำไมถึงเรียกข้าว่าเด็กน้อยทุกคำ? ทั้งที่ตัวเอง...อายุก็น่าจะห่างจากข้าไม่ถึงปี แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงต้องยิ้มให้ข้าด้วยล่ะ? แล้วไหนจะทั้งแววตา คำพูด และการกระทำของเจ้าตัว...ที่คอยดูแลข้าแบบนั้นอีก เด็กคนนี้ทำแบบนี้ไปทำไม?’
หยางหมิงเซียนที่ไม่เคยได้รับการกระทำที่ออกมาจากใจแบบนี้จากผู้ใดมาก่อน เพราะตั้งแต่จำความได้ มารดาจะดูแลเขา ลูบหัวเขา หรือโอบกอดเขาก็ต่อเมื่อบิดากลับเรือนเท่านั้น ส่วนบิดาของเขาด้วยนิสัยของชายชาติทหารยามอยู่เรือน อีกฝ่ายพูดคุยกับเขาก็แทบจะนับคำได้เลย
แต่ตอนนี้เขากลับได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากเด็กชายที่เขาไม่รู้จักคนนี้ มันจึงทำให้หยางหมิงเซียนเกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่คุ้นชิน แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจ มันกลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและรู้สึกดีด้วยซ้ำ...
หยางหมิงเซียนจ้องมองไปที่ฉากกั้นที่เด็กชายคนนั้นเดินเข้าไปได้สักพัก ก่อนจะถอนสายตากลับมานั่งกินข้าวและกินยาตามที่เด็กชายผู้นั้นสั่งไว้...
จินเฟยเทียนเมื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับมาที่เตียง ก็ยังคงเห็นหยางหมิงเซียนที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาเหมือนเดิม
‘สงสัยจะยังอายข้าอยู่ เพิ่งรู้นะเนี้ยว่าตัวร้ายวัยเยาว์ของข้าช่างน่าเอ็นดู’
จินเฟยเทียนจึงเดินเลยไปดูชามข้าวกับถ้วยยา ก็เห็นว่า...เด็กชายทำตามที่ตนเองได้บอกเอาไว้ เขาจึงเอื้อมมือไปลูบหัวและบีบแก้มเด็กชายเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปากชม...
“เก่งมาก เด็กดี” จากนั้นจินเฟยเทียนจึงจับบ่าเด็กชายให้กลับลงไปนอน
“นอนหลับได้แล้ว ข้าขอไปจัดการสำรับของตนเองก่อน เดี๋ยวจะขึ้นมานอนด้วย” จินเฟยเทียนพูดจบก็ลุกไปจัดการสำรับของตนเองทันที
หยางหมิงเซียนเมื่อได้รับคำชมแล้วโดนเด็กชายบีบแก้ม มันก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกแปลกๆ ขึ้นกว่าเดิม เมื่อก่อนเขาพยายามทำตามที่มารดาหรือบิดาสั่งทุกอย่าง แต่เขาไม่เคยได้รับคำชมเชยเลยสักครั้ง แต่กับคนผู้นี้...เขาก็แค่กินข้าวกินยาตามที่อีกฝ่ายสั่ง กลับได้รับคำชม... ‘มันช่างแปลก...แต่ก็รู้สึกดีจริงๆ’
จินเฟยเทียนหลังจากจัดการกับสำรับของตัวเองเสร็จ เขาก็เดินกลับมาที่เตียงนอน แล้วเห็นว่าหยางหมิงเซียนได้นอนหลับไปแล้ว เขาจึงขึ้นไปนอนข้างๆ เมื่อหนังท้องตึง...แล้วหัวถึงหมอนอีกครั้ง จินเฟยเทียนก็หลับลงไปอย่างง่ายดาย
หยางหมิงเซียนเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนข้างๆ เขาก็ลืมตาของตัวเองขึ้นมา...แล้วหันไปมองเด็กชายที่นอนอยู่ข้างตัวเขา จากนั้นเขาก็เอื้อมมือของตัวเองไปจับมือของเด็กชายผู้นี้เอาไว้ แล้วเขาผล็อยหลับตามคนข้างๆไป ด้วยความรู้สึกที่ว่า...
‘มือของคนผู้นี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน’
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช