LOGINเรื่องเล่าจากครัวที่มีอะไรดีมากกว่าอาหารในเมนู ต้องตามดูว่า ในร้านไทยเล็ก ๆ ใจกลางเมืองตั้งเวทีเงียบ 10 วินาทีให้รสพูดก่อนกล้อง เชฟ “ปรุง” และนักเขียน “รุ่ง” ร่วมกันวางเส้นเทาและกติกาคำ เพื่อให้ความรัก–งาน–ชุมชนปลอดภัยกว่าคำไวรัลล่าแชร์ พวกเขาจะยืนในที่สว่างแบบไฟกลางได้ไหม เมื่ออดีต–สื่อ–และความดังเคาะประตูพร้อมกัน
View Moreฝนเย็นปลายฤดูสาดซอยเก่าเป็นเส้นยาวเหมือนเส้นดินสอเข้ม วัดอีกฟากคลองกำลังตีระฆังหกโมง รุ่ง—นักเขียนนามปากกา กำเนิดรสเงา—ยืนใต้ปีกตึกมองไฟนีออนหน้าร้านอาหารไทยชื่อ “ขิม” กระพริบทีละจังหวะ เขาพกสมุดปกผ้าเล่มหนึ่ง มีประโยคที่เพิ่งเขียนค้างไว้จากบทใหม่: “ให้ไฟพูดก่อน” คำสั้น ๆ ที่เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นภาษาของครัว หรือภาษาของหัวใจ
ประตูไม้บานคู่เปิด รัศมีครัวอุ่นลอดมาจนรู้สึกถึงกลิ่นหอมแดงเจียวแตะลมหายใจ รุ่งก้าวเข้าไป เจ้าของสายตาแรกที่รับเขาคือหญิงผมรวบเรียบ—นิก ผู้จัดการร้าน “มาคนเดียวไหมคะ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่สุภาพ
“ครับ” รุ่งยิ้มบาง “ขอที่ที่มองเห็นไฟ…ได้ยินเสียงฉ่าหน่อย”
นิกชะงักนิดเดียว ก่อนยิ้ม “มุมซ้ายติดบาร์ค่ะ แต่มีเส้นเทาบนพื้น—ขอให้ยืนหลังเส้นเวลาครัวเข้าจังหวะ” เธอพูดคำว่า “เส้น” เหมือนคนตั้งกติกาที่ผ่านศึกมาแล้ว
รุ่งวางสมุดบนบาร์ไม้เก่า โต๊ะรอบข้างค่อย ๆ เต็ม เสียงฝนตีกระจกเป็นทำนองรองพื้น เขาเหลือบไปเห็นผู้ชายในชุดเชฟขาว ผ้าเช็ดมือผูกเอว—ไหล่กว้างและการเคลื่อนไหวแบบคนที่คุยกับไฟมานาน นั่นคือ ปรุง—เชฟวัยสามสิบต้น ๆ ที่ชื่อดังในหมู่คนชอบอาหารจริงจังพอ ๆ กับที่นิ่งกับกล้อง
นิกเคาะขอบแก้วเบา ๆ เหมือนสัญญาณลับ “ห้องนี้จะเริ่ม…เงียบ สิบวินาที” เธอไม่ได้ประกาศเป็นพิธี แค่วางจังหวะให้ทุกคนหายใจตรงกัน สายตาหลายคู่ชะลอ เพลาโทรศัพท์ลงโดยอัตโนมัติ
สิบนับล่วงผ่าน ในครัวปรุงเอียงกระทะ เปลวไฟเลียขอบสั้น ๆ แล้วถอยตามมือที่กวักลมอย่างรู้กัน หัวกะทิหยดเดียวตกใส่หม้อเหมือนหยดเสียงในดนตรี รุ่งเขียนในสมุด ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน เส้นหมึกเข้มพอ ๆ กับฝนข้างนอก
คอร์สแรกเป็นคำเล็ก ๆ บนช้อนเงิน—มะเขือเผาราดน้ำยำใส ควันบางเปิดประตู แล้วเค็มกลมกับหวานจากหอมแดงเจียวก็ยืดความทรงจำออกได้จริง ๆ แทบไม่มีร่องรอยของน้ำตาล รุ่งหลับตาชั่วครั้ง เหมือนเห็นบ้านในวัยเด็กผ่านไอ
อินฟลูเอนเซอร์สองคนข้างหน้าต่างยกกล้องขึ้นสูง นิกเหลือบตา รุ่งเขียนโพสต์อิทสั้น ๆ ส่งผ่านบาร์ “ถ่ายหลังฟัง—ไฟจะสวยกว่า” ทั้งคู่ชะงัก แล้วยิ้ม—ยอมวางมือถือไว้ข้างจาน
ปรุงไม่ได้มองใครนาน เขาให้หลังมือกับห้องมากกว่าใบหน้า พูดแค่คำสั่ง “ลวก—ยก” “ซุป—ชิม” แต่ทุกคำเหมือนตั้งเข็มทิศ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ห้องทั้งห้อง “ฟัง” มากกว่าพูด รุ่งก้มดูบันทึกตัวเองมีแต่ประโยคสั้น ๆ ที่นิ่งขึ้นจนน่าประหลาด
พักไฟช่วงหนึ่ง ปรุงก้าวมาที่ขอบบาร์ ไหล่ยังมีละอองไอร้อนเกาะอยู่ เขาวางถ้วยซุปเล็กข้างสมุดของรุ่ง “อันนี้ไม่อยู่ในเมนู—ซุปกระดูกไก่พักไฟยาว”
รุ่งช้อนชิม กลิ่นกระดูกที่เคี่ยวนานทำให้หัวใจช้าลงหนึ่งจังหวะ “คุณตั้งชื่อรสเป็นคำได้เก่ง”
ปรุงยิ้มเสี้ยวปาก “คำของคุณต่างหากที่ตั้งไฟดี—โพสต์ ‘ไฟพูดก่อน’ ใช่ไหม” รุ่งชะงัก—เขาไม่ค่อยชอบเวลาใครเชื่อมตัวจริงกับนามปากกา “คุณอ่าน?” “อ่านด้วยหู” ปรุงตอบเล่นคำ “บางคืนครัวดังไป ผมเลยอ่านอะไรที่ทำให้ห้องหายใจ”“คืนนี้ไฟของคุณ…ไม่ดังเกิน” รุ่งพูดช้า “มันอุ่นและชัด—แบบที่คำอยากเป็น”
ปรุงพยักหน้า ราวกับคำตอบนั้นไม่ใช่คำชม แต่เป็นข้อตกลงทางงาน “ผมอยากทดลอง ไฟเงียบ แบบจริงจัง—สามสิบวินาทีทุกคอร์สแรก แต่ต้องมีคำอธิบายที่ไม่บาดหู คุณช่วยวางประโยคได้ไหม”
“ได้ครับ” รุ่งพลิกหน้ากระดาษ พิมพ์หัวข้อด้วยดินสอ ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ ใต้ลงประโยค “เราหยุดสิบวินาทีเพื่อให้ลิ้นเริ่มทำงาน ก่อนกล้องจะทำงาน” แล้วเติมท้าย “ถ้าไฟดื้อ—เราจะพัก ไม่เร่งไฟเพื่อภาพ”
นิกยืนพิงเสา เหล่ดูบรรทัดนั้นแล้วชูนิ้วโป้ง “ได้ภาษาแล้ว ส่วนครัว—ได้ไฟอยู่แล้ว”
รอบถัดไป ห้องนิ่งอย่างสมัครใจ เสียงฉ่ากลายเป็นเมโทรนอมที่พาทั้งครัวเดิน ปรุงยืดหวานด้วยหอมแดงแทนน้ำตาล ใส่เปรี้ยวเพียงทางกลับบ้านของลิ้น เขาหันช้อนพักตรงขอบหม้อ เสียง แต๊ง เบา ๆ เหมือนกด save ให้ค่ำนี้
จบกะ คนเริ่มลุกทีละโต๊ะ ข้างประตูมีถาดไม้เล็กวางการ์ดกระดาษ “เขียนถึงเราได้—ฟังห้อง” รุ่งหยิบการ์ดหนึ่งใบ เขียน ขอบคุณที่ให้ไฟพูดก่อน แล้วใส่ลงไปอย่างตั้งใจ
ฝนหยุดแล้ว แต่พื้นตรอกยังชื้นเย็น ปรุงเปิดประตูหลังร้านให้ลมไหลผ่าน “คืนนี้คำกับไฟ…เข้ากันแปลกดี”
รุ่งหัวเราะเบา “ผมก็คิดแบบนั้น” เขายืนหลัง เส้นเทา ตามกติกาที่นิกวางไว้ สายตาสบกับปรุงแค่ครึ่งวินาที—พอให้รู้ว่าความเข้าใจบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ต้องเร่ง
“คุณ…รักษาเงาดี” ปรุงเริ่มก่อน “ผมจะไม่ยกใครขึ้นเวทีโดยไม่ยินยอม—รวมถึงคุณด้วย”
“ขอบคุณ” รุ่งพยักหน้า “ผมก็จะไม่ให้คำไปลากครัวขึ้นไฟที่มันไม่ได้ขอ”เงียบหนึ่งช่วงลมหายใจ เหมือนพักไฟในหม้อกะทิ รุ่งยื่นมือส่งผ้าขาวที่บ่าปรุงเผลอวางไว้ตอนมาคุย “อันนี้ของคุณ”
ปลายนิ้วแตะหลังมือกันชั่วกะพริบ—ความร้อนจากครัวแทรกผ่านผืนผ้าชั่ววินาทีเดียว ก่อนทั้งคู่จะถอยกลับอย่างสุภาพ
“พรุ่งนี้มีรอบสื่อย่อย จะลอง ไฟเงียบ จริงจัง” ปรุงบอก “ผมอยากให้ห้องมี เส้นเทา หลังบาร์—พื้นที่ฟังโดยไม่กวนมือครัว คุณ…อยากมายืนตรงนั้นไหม”
รุ่งลังเลเสี้ยววินาที แต่ความซื่อของคำชวนทำให้เขาพยักหน้า “ยินดี—ผมจะยืนหลังเส้นเทา ห้านาทีแรกหลังสัญญาณเงียบ แล้วค่อยถอย ไม่แตะงาน ไม่แตะความลับ”
“ตกลง” ปรุงยิ้ม—รอยยิ้มนั้นเล็กแต่จริงใจแบบคนเซ็นสัญญาด้วยมือเปล่า “ถ้าคืนไหนไฟดื้อ เราจะพัก ไม่โชว์”
นิกโผล่หน้าออกมาพอดี “กติกาล็อกแล้วนะคะ—ฉันจะทำป้าย ‘ไฟเงียบ 30 วินาที / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ’ วางทุกโต๊ะ และขีดเส้นเทาไว้ให้ชัด พรุ่งนี้เจอกัน” เธอหิ้วกล่องการ์ด “ฟังห้อง” เข้าไปเก็บ สะบัดผมหยดน้ำเล็กน้อยเหมือนนักกีฬาเก็บสนาม
โทรศัพท์ของรุ่งสั่น—แจ้งเตือนอีเมลใหม่จาก กวิน บรรณาธิการเว็บวรรณกรรม: “บท ‘ไฟพูดก่อน’ ยอดอ่านดีมาก อยากคุยงานรวมเล่ม—และสนใจทำ ‘เวทีเงียบ’ ให้คุณอ่าน ไม่ต้องเปิดหน้า ถ้าคุณสะดวก” เขาอ่านแล้วปิดหน้าจอ เงยหน้าพบสายตาปรุงรอคำตอบแบบไม่เร่ง
“มีคนชวนผมขึ้นเวที”—รุ่งยิ้ม—“เวทีเงียบด้วย”
ปรุงหัวเราะในลำคอ “ดี…เมืองจะได้รู้จักเงียบแบบมีเหตุผลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งที่”เสียงรองเท้าคู่หนึ่งกระทบแอ่งน้ำปลายตรอก—ธาม ลูกพี่ลูกน้องของนิกที่มาช่วยร้านยามฉุกเฉิน ยกมือไหว้ทุกคน “ไฟนอกถนนเริ่มปกติแล้ว พรุ่งนี้ไม่น่ามีปัญหา แต่เตาถ่านเผื่อไว้ดีไหมพี่”
ปรุงพยักหน้า “เผื่อไว้—ครัวคือสนามรบที่เราไม่ควรอวดดวง”ลมปลายฝนพัดกระดิ่งไม้เหนือประตู กริ๊ง เบา ๆ รุ่งก้มผูกเชือกรองเท้า เมื่อเงยหน้าขึ้น เขามองแสงครัวไล้ไหล่ของปรุงเป็นเส้นเงินบาง ๆ คล้ายมีใครเน้นข้อความสำคัญในหน้าโน้ต
“ขอบคุณสำหรับซุป” รุ่งเอ่ย “มันทำให้บท ‘ไฟพูดก่อน’ ของผม…มีกระดูก”
“แล้วคำของคุณก็ทำให้ครัวผม…มีปอด” ปรุงตอบ “หายใจยาวขึ้นนิดหนึ่ง”ทั้งคู่หัวเราะพร้อมกัน—เสียงไม่ดัง แต่พอให้ฝนที่เหลืออยู่ตามชายคาถอยไปครึ่งก้าว รุ่งหยิบสมุดขึ้นมาวงคำใหม่ รสที่ไม่ทิ้งกลางทาง เส้นวงกลมทาบกับรอยยิ้มของเขาเองในเงากระจก
ก่อนแยกย้าย นิกยื่นถุงผ้าเล็กให้รุ่ง “ในนี้มีการ์ดคำสามใบ—ฟังไฟด้วยกัน / ถ่ายหลังไฟฟังเสร็จ / ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน เอาไปลองจัดวางประโยคบนโต๊ะพรุ่งนี้ ถ้าไม่ชอบ…โยนทิ้งใส่ฉันได้”
รุ่งหัวเราะ “เก็บทุกใบ—เพราะมันคือโต๊ะสนทนาที่เรายังไม่ได้ตั้ง แต่จะได้ตั้ง”
ฟ้าย้อมเข้มจนซอยเกือบกลายเป็นภาพขาวดำ รุ่งยืนเคียงป้ายไม้หน้าร้าน เขาเขียนบรรทัดสุดท้ายของคืนนี้ลงในสมุด “เมื่อไฟพูดก่อน คำก็ไม่ต้องตะโกน” แล้วปิดเล่มอย่างนุ่ม
ปรุงปลดผ้าขาวจากเอว สะบัดให้แห้งครั้งหนึ่งเหมือนปิดซีน เขามองไปทางบาร์ที่ว่างเปล่าตอนนี้ เห็น “เส้นเทา” โผล่ลาง ๆ จากเทปผ้าบนพื้น—เส้นบาง ๆ ที่อาจกลายเป็นสะพานเชื่อมภาษากับไฟในฤดูกาลนี้
“พรุ่งนี้เจอกัน” ปรุงว่า
“พรุ่งนี้เจอกัน” รุ่งตอบข้อความสั้น ๆ เด้งเข้ามาในโทรศัพท์ของรุ่งจากหมายเลขไม่บันทึก—เพียงตัวอักษรตัวเดียว “ส.” และลิงก์โพสต์กระทู้แซะ “ไฟเงียบ = โชว์?” รุ่งสูดลมหายใจเท่าตั้งไฟกลาง—เขียนตอบในโน้ต “คำที่ปกป้อง” ก่อนเก็บมือถือเข้ากระเป๋า แล้วก้าวออกจากตรอกด้วยประโยคเดิมที่เพิ่งตกลงกับเชฟ: “พรุ่งนี้—ยืนหลังบาร์ 5 นาที ‘หลังไฟเงียบ’”
เช้าวันอาทิตย์ แสงแรกคลี่คลุมคลองเป็นฟิล์มสีชา ตรอกหน้าร้าน “ขิม” คล้ายหายใจลึกพร้อมกันทั้งซอย นิกยืนกลางห้องถือเช็กลิสต์ “ลานศาลา” เสียงเมโทรนอมช้อนของธาม ติ๊ก–ติ๊ก–ติ๊ก เบากว่าทุกวัน เหมือนบอกให้ใจทีมค่อย ๆ ตั้งไฟ ป้ายผ้าผืนใหม่ที่ขึงกับคานไม้เขียนคำคุ้น “กติกาบ้าน—ฟังก่อนถ่าย / สุกก่อนสวย / เส้นเทา = พื้นที่เคารพ” ถัดไปเป็นโพสเตอร์สีน้ำตาลอุ่น—โลโก้ ช้อนกับปากกา คู่กับชื่อเล่ม เรื่องเล่าจากครัว — เมืองที่ฟังมากกว่าดัง มุมล่างติดสติกเกอร์เล็ก “รายได้ส่วนหนึ่ง: ข้าวกล่องวันฝน”ปรุงตรวจลิสต์ของกินที่จะย้ายไปลานศาลา “ข้าวต้มปลา—ซุปพักไฟยาว, ฉู่ฉี่ปลาดุก—ไฟกลางหนึ่งคำ, หอมแดงเจียวเล่าเรื่อง—โรยมือ, น้ำขิง—อุ่นคอ” รุ่งยืนข้าง ๆ ถือแฟ้ม “บทอ่านกลางลาน” ที่เขียนเพิ่มเมื่อคืน—หัวข้อ บ้านเดินได้ กับ เมโทรนอมกลางเมือง เขาพับจดหมายของพ่อแม่ไว้ในช่องหน้าปก ใกล้การ์ด “ไข่เจียวฟูของบ้านเรา” ที่พ่อส่งสูตรมา ชายตามิได้ตั้งใจ แต่หัวใจตั้งมั่นแล้ว“ขอให้ย้าย ‘กติกาบ้าน’ ไปทั้งแผ่น ไม่ใช่ย้ายแค่ป้าย” นิกอ่านบันทึกจากซองสีน้ำตาลเมื่อวาน แล้วเงยหน้ามองทีม “เราจะย้าย ‘วิธีหายใจ’ ไปด้วย—ไม่ใช่แค่คำ” “โอเ
เช้าพุธ ลมจากคลองพัดกลิ่นดินชื้นเข้ามาในครัว “ขิม” ผิวสเตนเลสสะท้อนเงาป้ายไม้ ความหลากหลายคือบ้าน เป็นริ้วอุ่น ๆ นิกติดแถบกระดาษใต้ป้ายเพิ่มอีกหนึ่งบรรทัด “ยินดีต้อนรับบ้านทุกหลัง” ตัวหนังสือกลมมนเหมือนมือที่โอบ รุ่งยืนหลังเส้นเทา เปิดจดหมายจากพ่อแม่ซ้ำอีกครั้ง—ตัวอักษรเรียบง่าย เราจะไปฟังไฟเงียบกับลูก เขายิ้มเงียบ ๆ ก่อนพับจดหมายใส่ซองเก็บในสมุด“วันนี้ตั้งโต๊ะครอบครัวไว้ตรงหน้าต่างนะ” ปรุงบอกทีม “ป้ายเล็กสองป้าย—ฟังก่อนถ่าย กับ พื้นที่ครอบครัว” เขาถือเมนูที่จดด้วยลายมือให้ดู ข้าวต้มปลากะพงน้ำใส—ใบขึ้นฉ่ายหั่นเท่าลมหายใจ, แกงจืดฟัก—พริกไทยหนึ่งฝน, ฉู่ฉี่ปลาดุกไฟกลาง—คำเดียวพอดี, น้ำขิงอุ่น—สำหรับคอที่สั่น “เพิ่ม ‘หอมแดงเจียวเล่าเรื่อง’ ให้แม่ครับ” รุ่งว่า “เธอชอบหวานที่เกิดจากงาน ไม่ใช่จากการเติม” นิกยิ้ม “ฟังแล้วหิวตั้งแต่ยังไม่เปิดร้าน”ธามเคาะเมโทรนอมช้อน ติ๊ก–ติ๊ก–ติ๊ก เข้าจังหวะ แผนผังคืนนี้เขียนบนไวต์บอร์ดชัดเจน ไฟเงียบ–ชิม–คุย–พักไฟ–ยืดใจดี อรุณติดกระดาษแข็ง “เส้นเทา” ตรงพื้นหน้าบาร์เพิ่มอีกชั้น—เพื่อกันคนมองใกล้เกิน ส่วนข้าวฟ่างไปยืนหน้าร้านคอยอธิบายกติกาบ้านให้คนที่เพิ่งมา
เช้าอังคาร ฟ้าสีครีมอ่อนคลุมตรอกเหมือนผ้าขาวที่เพิ่งพับเรียบ ป้ายไม้หน้าร้าน “ขิม”—ความหลากหลายคือบ้าน และ ความปลอดภัยคือบ้าน: วันฝน เราเลือกสุกก่อนสวย—สะท้อนแสงเงียบ ๆ ราวกับรู้ว่าจะมี “พิธีในบ้าน” วันนี้ นิกปูโต๊ะไม้ยาวตรงหน้าต่าง จัดกระถางโหระพาเล็กสองกระถาง วางลำโพงตัวเล็กหนึ่งอันและไมค์หนึ่งตัว ข้าง ๆ มีแฟ้มสีน้ำตาลเขียนปก แถลงบนโต๊ะไม้ ด้วยลายมือของเธอเอง“หัวข้อใหญ่ชัดนะ—ช้อนกับปากกา = พาร์ตเนอร์โปร่งใส” นิกทบทวนกับทีม “อ่านให้ครบ RCII ก่อนลงชื่อ” เธอเปิดหน้ากระดาษแถลงที่จัดวางแบบเรียบง่ายR — Result (ผลลัพธ์): ทำให้ “เรื่องเล่าจากครัว: เมืองที่ฟังมากกว่าดัง” ออกเล่มจริง และตั้งกองทุน ข้าวกล่องวันฝน อย่างยืนระยะC — Capability (ความสามารถ): ครัว “ขิม” ดูแลรส งานสุขอนามัย การฝึกทีม; สำนักพิมพ์ดูแลบรรณาธิการ การพิมพ์ การกระจาย และเวทีอ่านI — Intent (เจตนา): ไม่ใช้ความหลากหลายเป็นพร็อพ ไม่ใช้ดราม่าเป็นเชื้อไฟ แต่ใช้การฟังเป็นความร้อนหลักI — Integrity (ความซื่อสัตย์): ประกาศขอบเขต “เส้นเทา” ให้เห็นเสมอ—คำวิจารณ์งานของสำนักพิมพ์เป็นอิสระจากครัว และครัวมีสิทธิ์ปฏิเสธคอนเทนต์ที่ละเม
เช้าอาทิตย์ฟ้าเทานวล ตรอกหน้าร้าน “ขิม” เหมือนหายใจยาวหลังคืนครู ป้ายไม้สองแผ่น—ความหลากหลายคือบ้าน กับ ความปลอดภัยคือบ้าน: วันฝน เราเลือกสุกก่อนสวย—สะท้อนแสงคลองเป็นริ้วอุ่น นิกขยับเก้าอี้พับเรียงสามแถว เว้นทางเดินกลางเหมือนช่องไฟในประโยคสั้น ๆ ปลายแถวติดป้าย “วันอ่านออกเสียง: ช้อนกับปากกา — ฟัง 10 วินาทีแรก ก่อนยกกล้อง” ใต้ป้ายมีสัญลักษณ์ช้อนหนึ่งคันคู่เครื่องหมายคำพูดสองเส้นราวใบมะกรูดด้านในครัว ปรุงยืนคุมลิสต์ “เมนูวงคุย” ที่ย่อลงเพื่อให้ห้องมีที่ยืนให้คำ—แกงไตปลาพักไฟ (ถ้วยเล็ก), ฉู่ฉี่ปลาดุกนาไฟกลาง (คำเดียวพอดี), หอมแดงเจียวเล่าเรื่อง (โรยมือ) และน้ำขิงอุ่นสำหรับคอที่สั่น รุ่งก้มตรวจสคริปต์อ่าน—บทผสมระหว่าง สุกก่อนสวย กับ คืนครู เขาขีดเส้นใต้คำว่า บ้าน ฟัง ยืนด้วยกัน แล้วเว้นหน้าว่างท้ายสุดไว้ให้คำที่เกิดขึ้นหน้างาน“วันนี้อยากให้คำยืนข้างครัว…ไม่ยืนทับ” รุ่งว่าเบา ๆ “เราจะกวักลมให้คำ เหมือนกวักให้ไฟ” ปรุงยิ้มด้วยตา เขาเอียงกระทะทดสอบเสียงฉ่า—ไม่ดัง ไม่เบา “เมโทรนอมช้อน” ของธามเคาะ ติ๊ก–ติ๊ก–ติ๊ก สม่ำเสมอ ข้าวฟ่างผูกผ้ากันเปื้อนแน่นขึ้นเหมือนนักเรียนก่อนเข้าห้องสอบ อรุณเขียน
![What is a divorce? [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)










