ฟิ้ว! ปึก! เคร้งๆๆ
เสียงต่อสู้ที่ดังขึ้นมาจากภายนอกห้อง ปลุกจินเฟยเทียนกับหยางหมิงเซียนให้ตื่นจากการหลับไหล
ด้วยเรือนของหยงหม่าอยู่ห่างจากเรือนหลังอื่นๆ ในหมู่บ้าน และด้านหลังเรือนหลังนี้ก็ยังติดกับป่าจึงไม่ค่อยมีใครผ่านมาทางนี้บ่อยนัก จะมีบ้างก็นานๆ ครั้งที่ชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่าออกมาขาย ดังนั้นเสียงที่ดังขึ้นในตอนนี้จึงทำให้จินเฟยเทียนอดที่จะแปลกใจไม่ได้
‘ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?’
แต่ยังไม่ทันที่จินเฟยเทียนจะได้หาคำตอบ หยงหม่าและชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็เปิดประตูห้องแล้วรีบเดินเข้ามาหาเขาที่เตียง ในมือของคนทั้งสองต่างก็ถือดาบกันคนละเล่ม
“คุณชายใหญ่ขอรับ! แย่แล้วขอรับ พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้วขอรับ ตอนนี้พวกองครักษ์กำลังต้านพวกมันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาภายในเรือนขอรับ” หยงหม่าพูดพร้อมกับยื่นเสื้อคลุมตัวนอกให้ผู้เป็นนายกับเด็กชายที่อยู่บนเตียงข้างนายตน
“คุณชายใหญ่ขอรับ เราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้วขอรับ เท่าที่บ่าวสังเกตฝีมือของพวกนักฆ่าน่าจะเป็นพวกมืออาชีพเลยขอรับ พวกองครักษ์อาจจะต้านเอาไว้ได้ไม่นานขอรับ”
“พวกนักฆ่าตามหาพวกเราเจอแล้ว และบุกเข้ามาถึงที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ขอรับ เดี๋ยวอาไห่กับบ่าวจะพาคุณชายใหญ่หนีออกไปทางด้านหลังเรือนนะขอรับ พวกเราจะได้ลอบหนีออกไปทางป่าท้ายหมู่บ้านได้ขอรับ”
จินเฟยเทียนพยักหน้าแล้วดึงมือหยางหมิงเซียนให้ลุกเดินตามหยงหม่ากับองครักษ์ที่ชื่ออาไห่ออกไปจากห้อง
จินเฟยเทียนแม้จะยังงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่เขาก็พยายามทำตัวให้ไหลไปตามสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น...
เนื่องจากในนิยายเขาได้เขียนเอาไว้ว่า...นักฆ่าได้บุกเข้ามาฆ่าพวกจินเฟยเทียนในป่าระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางหลบหนีออกจากหมู่บ้านในวันพรุ่งนี้
ระหว่างทางที่จินเฟยเทียนจูงมือหยางหมิงเซียนเดินตามหยงหม่ากับไห่เฟิง พวกเขาได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากภายนอกเรือนและยังมีควันไฟที่ลอยเข้ามาด้านในเรือนเป็นระยะ ทั้งสี่คนจึงพยายามเดินลัดเลาะไปตามตัวเรือนจนมาถึงห้องครัว
“ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้มีใครเหลือรอดไปได้ แล้วจุดไฟเผาที่นี่ทิ้งเสีย อย่าได้เหลือทิ้งไว้แม้แต่ซาก!”
หยงหม่าและไห่เฟิงเมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้านักฆ่าที่ตะโกนสั่งการลูกน้องของพวกมันจากภายนอก พวกเขาก็รีบพาผู้เป็นนายและเด็กอีกคนเดินเข้าไปในห้องครัว เพื่อไปยังทางเชื่อมที่สามารถทะลุออกไปยังป่าท้ายหมู่บ้านทันที
ไห่เฟิงและหยงหม่าที่กำลังจะพาผู้เป็นนายเดินเข้าไปยังทางเชื่อม...ก็ต้องรีบถอยหลังมารับการปะทะจากพวกนักฆ่าที่พุ่งตัวเข้ามาหาพวกเขา
นักฆ่าที่พุ่งเข้ามาทำร้ายพวกเขามีกันสามคน และทั้งสามคนก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ไห่เฟิงเข้าไปรับมือกับนักฆ่าสองคนพร้อมกัน ส่วนหยงหม่ารับมือกับนักฆ่าอีกหนึ่งคนที่เหลือ...
หยงหม่าแม้จะเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายจินเฟยเทียน แต่เขาก็โดนท่านแม่ทัพใหญ่จับให้ไปฝึกวรยุทธ์ ตั้งแต่ตอนที่เขาถูกจัดให้มาอยู่รับใช้ผู้เป็นนาย เนื่องจากฮูหยินเอก 'ฟางซืออ้าย' ตอนที่ตั้งครรภ์คุณชายใหญ่ได้ถูกวางยาพิษ ถึงแม้จะสามารถขับพิษออกมาได้ในทันที แต่พิษที่มารดาได้รับก็ยังคงส่งผลต่อเด็กในครรภ์ จึงทำให้คุณชายใหญ่เกิดมามีร่างกายอ่อนแอไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ ซึ่งตัวหยงหม่าเองก็เต็มใจที่จะรับหน้าที่นี้ด้วย
แต่ด้วยหยงหม่าที่ตอนนี้ยังฝึกวรยุทธ์ถึงเพียงแค่ขั้นกลาง เมื่อต้องมารับมือกับนักฆ่ามืออาชีพแบบนี้ จึงค่อนข้างจะเป็นรองอีกฝ่าย
จินเฟยเทียนรู้สึกตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่ที่เขาเกิดมาเขายังไม่เคยเห็นคนลงมือฟาดฟันกันแบบที่หมายจะเอาชีวิตแบบนี้มาก่อน ตัวเขาก่อนที่จะทะลุมิติเข้ามาอยู่ที่นี่ เขาเคยเห็นแค่คนชกต่อยกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนการต่อสู้แบบรบราฆ่าฟันกันแบบนี้ เขาเคยเห็นแต่ในข่าว ในละคร และในหนัง
แต่ถึงแม้จะตื่นตกใจ...จินเฟยเทียนก็รีบดึงหยางหมิงเซียนให้มาหลบอยู่ข้างหลังตนเอง
“เด็กน้อย เจ้ามาหลบข้างหลังข้าไว้นะ”
หยางหมิงเซียนแม้จะตื่นกลัว แต่พอได้ยินสิ่งที่เด็กชายตรงหน้าพูด และการกระทำที่อีกฝ่ายพยายามปกป้องเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด ถึงแม้มือของอีกฝ่ายที่กำลังจับจูงเขาจะสั่นอยู่ก็ตาม
พวกจินเฟยเทียนโดนนักฆ่าทั้งสามคนต้อนให้ต้องถอยหลัง จนกลับเข้ามายังห้องที่จินเฟยเทียนเคยพักอยู่...
หยงหม่าแม้จะมีวรยุทธ์แต่ด้วยร่ายกายที่ยังเป็นเด็ก และฝีมือดาบที่ยังด้อยซึ่งประสบการณ์ จึงทำให้เขาพลาด...โดนซัดฝ่ามือใส่และโดนฟันเข้าที่กลางหลัง จนทำให้เขากระอักเลือดออกมาอึกใหญ่
และเมื่อนักฆ่าเห็นหยงหม่าเปิดช่องว่าง...อีกฝ่ายจึงซัดฝ่ามือใส่หยงหม่าอย่างแรงอีกครั้ง จนร่างของหยงหม่ากระเด็นข้ามไปอีกฝั่งของห้อง
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
“เจ้ามาอีกแล้วหรือหลวนคุน พักนี้เจ้ามาที่นี่บ่อยเกินไปหรือไม่?” “พักนี้ข้าว่างเลยแวะมาเยี่ยมสหายอย่างพวกเจ้าไม่ได้หรือ...” จินเฟยเทียนหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหน้าห้องพักของเขา เขาจึงเดินออกมาดูที่หน้าห้องก็เห็นหยางหมิงเซียนกำลังยืนกันชิงหลวนคุนไม่ให้อีกฝ่ายเดินมาหาเขาที่ห้องพัก จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าลูกกวางแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้กับหลงจิ้นเปียวที่กำลังยืนแอบมองพวกเขาทั้งสองคนจากหน้าห้องผู้ป่วย ด้วยเจ้าตัวแสบหลงจิ้นเปียวยามนี้ได้ขออยู่เล่นกับเกาเล่อและเกาเผิงที่โรงหมอต่อ หลังจากที่ราชครูหลงจิ้นสิงและจางเลี่ยงซูพาอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่ “องค์ชายสิบสองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ช่วยมาดูอะไรกับกระหม่อมสักครู่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลงจิ้นเปียววัยเจ็ดหนาวเดินเข้ามาพูดพร้อมกับกระตุกชุดคลุมของชิงหลวนคุน “เพียงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ มันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เองพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ เราจะไปดูก
จินเฟยเทียนลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่...ใบหน้าแรกที่เขาได้เจอก็คือใบหน้าของหยางหมิงเซียน จินเฟยเทียนจึงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของคนที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายเขา... หากนึกย้อนไปในวันแรกที่เขาทะลุเข้ามาอยู่ในโลกแห่งนี้ โดยไม่นับรวมชาติที่เขาตายจากโลกแห่งนี้ไป คนแรกที่เขาเจอก็คือหยางหมิงเซียน และไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข ยามที่เขาหัวเราะหรือแม้แต่ในยามที่เขาร้องไห้ คนที่อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอดก็คือหยางหมิงเซียน แม้แต่ในเวลาที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด เขาก็มีอีกฝ่ายเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ... “ขอบคุณนะที่รักกัน” “ขอรับ ข้ารักเฟยเกอนะขอรับ” หยางหมิงเซียนเอ่ยตอบอีกฝ่ายพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองคนรักของเขา ที่จริงเขารู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาแล้ว “ข้าก็รักเจ้าหมิงเซียน เจ้าลูกกวางของข้า” “ขอรับ ข้าเป็นเจ้าลูกกวางของเฟยเกอ แต่..
หยางหมิงเซียนรีบประคองจินเฟยเทียนกลับมาที่เรือนของพวกเขา ดีที่พวกเขาสร้างโรงหมอไม่ไกลจากเรือนของพวกเขามากนัก และดีที่ตอนปรับปรุงเรือนหลังเก่าให้กลายเป็นเรือนหอของพวกเขา...ได้สร้างเรือนหลังเล็กแยกไปอีกสามหลัง เพื่อให้เกาเล่อกับเกาเผิงและบ่าวคนอื่นๆ ที่จินเฟยหมิงและราชครูหลงจิ้นสิงส่งมาให้อยู่ดูแลพวกเขาไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อที่ทุกคนจะได้มีที่พักเป็นสัดส่วนของตัวเอง ดังนั้นในเรือนใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงแค่พวกเขาที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน หยางหมิงเซียนประคองจินเฟยเทียนเข้ามานั่งพักในห้องนอนของพวกเขา ก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่าและมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ที่ในยามนี้ทั้งผิวหน้าและผิวกายของอีกฝ่ายมีสีแดงไม่ต่างไปจากผลผิงกั่ว ดวงตาของอีกฝ่ายยามนี้ก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก็กำลังขบเม้มกันแน่น...คนตรงหน้ายามนี้คงกำลังพยายามฝืนความต้องการของตัวเองอยู่เป็นแน่ “เฟยเกอเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ข้าขอโทษนะขอรับ ยาที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปไม่ใช่ยาแก้ปวดต
“อาเล่อเจ้ากำลังทำอะไร?” หยางหมิงเซียนเข้ามาในห้องปรุงยา หลังจากไปส่งยาสมานแผลที่ค่ายทหาร ก็เจอเข้ากับเกาเล่อที่มาก้มๆเงยๆ อยู่แถวชั้นปรุงยาของเขา “ข้าน้อยกำลังจะต้มยาแก้ปวดตัวให้คุณชายใหญ่จินขอรับ” “เฟยเกอเป็นอะไร?” หยางหมิงเซียนรีบเอ่ยถาม เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ออกมาจากเรือนพักพร้อมกันเหมือนทุกวัน อีกฝ่ายก็ยังปกติดีไม่เห็นมีอาการปวดตัวอะไรให้เห็น “วันนี้คุณชายใหญ่จินมีตรวจรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้าเลยขอรับ และวันนี้ก็มีท่านป้าท่านหนึ่งที่ขยับตัวค่อนข้างจะลำบากเข้ามาขอรับการรักษา คุณชายใหญ่จินจึงต้องคอยช่วยนางขยับตัวตอนตรวจรักษาด้วยขอรับ ยามนี้คุณชายใหญ่จินเลยให้ข้าน้อยมาต้มยาแก้ปวดตัวให้ขอรับ” “เจ้ากลับไปช่วยเฟยเกอดูคนไข้ต่อเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเรื่องยาของเฟยเกอให้เอง อีกสักพักเจ้าค่อยกลับออกมาเอา และข้าฝากบอกเฟยเกอด้วยว่า...ข้ากลับมาแล้ว และเดี๋ยวถ้าข้าต้มยาให้ท่านลุงเจียงเสร็จ ข้าจะรีบเข้าไปหา” “ได้ขอรับ”
หยางหมิงเซียนเฝ้ามองตัวเขาในที่แห่งนี้เริ่มทำเรื่องเลวร้ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้ตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมแล้ว และตัวเขาในที่แห่งนี้ก็มีเกาเล่อเป็นลูกน้องคนสนิทและยังมีเสี่ยวเปากับเสี่ยวปิงเป็นดั่งมือและเท้าคอยออกไปทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้เขา พวกเขาทำตัวไม่ต่างอะไรจากโจร...ทั้งยักยอกของหลวง ทั้งติดสินบน ทั้งตัดเสบียงอาหารและยาที่จะส่งไปยังค่ายทหาร...เพียงเพื่อต้องการกลั่นแกล้งรองแม่ทัพจินเฟยหลง ด้วยเพราะอีกฝ่ายเข้ามาติดพันกับสตรีที่ตัวเขาในที่แห่งนี้กำลังลุ่มหลง จนวันหนึ่งหยางหมิงเซียนเห็นตัวเขาในที่แห่งนี้ได้เจอกับผู้เป็นมารดา จากนั้นชีวิตของตัวเขาในที่แห่งนี้ก็เริ่มเลวร้ายลงไปจากเดิมเป็นเท่าตัว หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ถูกมารดาชักจูงให้ทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่การดึงตัวเขาในที่แห่งนี้เข้าไปร่วมมือกับหานเฟิง ตอนนี้หยางหมิงเซียนมองตัวเขาในที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเลวคนหนึ่ง ทั้งลงมือทำร้ายผู้คนอย่างไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เคยทำร้ายจิตใจตัวเองด้
“ข้าขอร้องได้หรือไม่ ช่วยปล่อยเด็กคนนั้นไป เด็กคนนั้น...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย หากคนที่จ้างเจ้าต้องการให้เจ้ามาเอาชีวิตข้า อย่างนั้นเจ้าก็เข้ามาเอาชีวิตข้าไปเสียเถอะ แต่ข้าขออย่างเดียว...ช่วยปล่อยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องคนนั้นไป” จินเฟยเทียนยามนี้เจ็บปวดใจยิ่งนัก เพียงเพราะชีวิตตัวภาระอย่างเขา ทำให้ผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือตัวภาระเช่นเขาแบบนี้ หากไม่มีเขาสักคนทุกคนคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เป็นแน่... ‘ชีวิตของข้ามันช่างดูไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่นอย่างที่ฮูหยินรองพูดไว้จริงๆด้วย’ นักฆ่าคนนั้นเดินเข้าไปหาจินเฟยเทียนแล้วก้มลงหยิบดาบของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยนร่างของเด็กชายไปยังจุดที่จินเฟยเทียนกำลังยืนอยู่ จินเฟยเทียนที่เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองเด็กชายให้กลับขึ้นมายืนข้างตัวเองทันที “ข้าคงทำแบบนั้นให้ท่านไม่ได้หรอกคุณช