บริเวณด้านหน้าจวน รถม้าสำหรับบรรทุกสิ่งของถูกจอดเรียงรายไม่ต่ำกว่าห้าคัน และมีรถม้าขนาดใหญ่ของท่านเจ้าเมืองหย่งอัน กำลังจอดรอเพื่อรับครอบครัวของเจ้าเมืองจากอูเจี๋ยนเดินทางกลับอย่างเร่งด่วน ทั้งๆ ที่เพิ่งเดินทางมาถึง และการเดินทางครั้งนี้ท่านชายหย่งไฉเดินทางไปพร้อมกันด้วย เพราะจะต้องเข้าไปรายงานตัวในราชสำนักหมิ่นเยว่ เพื่อรับตำแหน่งหมอหลวงประจำราชสำนักและพำนักอยู่ที่จวนเจ้าเมืองหยางผิงเป็นการชั่วคราว จนกว่าจวนส่วนตัวที่ท่านเจ้าเมืองหย่งอันจัดสร้างขึ้นให้แก่บุตรชายจะสร้างเสร็จรวมไปถึงสะสางเรื่องราวส่วนตัวให้เสร็จสิ้น สืบเนื่องมาจากข่าวการยกเลิกพิธีแต่งงานระหว่างท่านชายหวังหย่งไฉและท่านหญิงหม่าเฟยเซียน แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลิวนิง อีกทั้งท่านหญิงเอาแต่ใจกลับเมืองสุยอวี้ไปพล่ามพรรณนาฟ้องบิดา ว่าถูกยกเลิกการแต่งงานอย่างไม่ไว้หน้าเพราะท่านชายหนุ่มมีสตรีอื่น เป็นเหตุให้เจ้าเมืองหม่าซุยเจี๋ย โกรธสหายสนิทเป็นยิ่งนัก ต้องการคำอธิบายเพื่อให้หายข้อข้องใจและจะต้องรับผิดชอบกับการกระทำในครั้งนี้ ด้วยการจัดพิธีสมรสทันที ซึ่งท่านเจ้าเมืองหย่งอันล่วงรู้นิสัยสหายรักผู้นี้ดี จึงจัดการส่งบุตรชายให
สองวันผ่านไป ร่างงามระหงก้าวเดินออกมาจากห้องนอนอันเป็นส่วนหนึ่งของเรือนรับรองซึ่งถูกจัดให้เป็นที่พำนักของหวังฮูหยิน ด้วยนางจะเดินทางมาเยี่ยมผู้เป็นพี่ชายนั่นก็คือท่านเจ้าเมืองหย่งอันอยู่บ่อยครั้ง และในปีนี้จวนเจ้าเมืองก็ได้มีโอกาสต้อนรับครอบครัวของเจ้าเมืองหยางผิงจากอูเจี๋ยนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ภายหลังจากที่หวังฮูหยินได้สูญเสียหยางเฉียนเฉียน ธิดาเพียงคนเดียวของนางไปอย่างไม่มีวันหวนกลับคืนเมื่อหกปีก่อน ซึ่งทำให้นางมิค่อยได้เดินทางมาหาพี่ชายเป็นประจำทุกปีดั่งเช่นกาลก่อน หากแต่ปีนี้หวังฮูหยินได้เดินทางมาเยี่ยมพี่ชาย และได้พบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตของนาง ร่างระหงของสตรีสาวแสนสวยยืนสูดอากาศในยามเช้าด้วยความรู้สึกสดชื่นเป็นยิ่งนัก บนเรือนกายหญิงสาวสวมอาภรณ์สูงค่าซึ่งหวังฮูหยินระดมช่างมีฝีมือทั่วเมืองหลิวนิง เย็บเสื้อผ้าให้กับบุตรีคนสวยไม่ต่ำกว่าสิบชุด เนื้อผ้าแต่ละชุดถูกทอมาอย่างดีเยี่ยม ลงลายปักงดงามอย่างวิจิตรมีทั้งมาจากฝีมือของหวังฮูหยินและช่างเย็บภายในเมืองดังกล่าว อาภรณ์สีเหลืองนวลขับผิวผ่องอมชมพูนวลเนียนชวนมองอย่างน่าหลงใหล ดวงตากลมโตกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ ครั
เปลือกตาที่ปิดสนิทมาโดยตลอดบัดนี้เริ่มเปิดขึ้นอย่างช้าๆ ขนตางามงอนเริ่มกะพริบขึ้นลงติดต่อกัน พร้อมกับภาพเลือนรางของชายหญิงวัยสูงวัยปรากฏให้เห็นบนม่านตา แค่ก! แค่ก! แค่ก! เสียงไอดังออกมาเบาๆ นำร่องกล่องเสียงพร้อมเปลือกตาเปิดขึ้นอย่างเต็มที่และเริ่มเห็นภาพปรากฎแจ่มชัดขึ้น พร้อมเสียงของท่านชายหนุ่มดังขึ้นทันใดครั้นหันกลับมาเห็นเข้าให้พอดี “ต้องรีบเทน้ำให้นางดื่ม คนเพิ่งฟื้นจะหิวน้ำมาก”ท่านชายหย่งไฉบอกพร้อมก้าวเดินตรงไปยังโต๊ะที่วางชุดน้ำชาเทน้ำสีเหลืองอำพันอ่อนๆ ลงในถ้วยเดินกลับไปมอบให้กับหวังฮูหยินอย่างรวดเร็ว “ให้นางดื่มจนหมดถ้วยเลยนะขอรับท่านอา”ท่านชายกำชับอาหญิงของตน หวังฮูหยินพยักหน้าขึ้นลง มืออวบอิ่มรีบรับถ้วยชาเอาไว้ทันใดพร้อมหันกลับไปประคองศีรษะของบุตรสาวค่อยๆ ยกขึ้นสูงนำน้ำชาให้นางจิบจนหมดถ้วย เฮ้อ! เสียงผ่อนลมหายใจดังออกมาเบาๆ พร้อมร่างๆ ค่อยถูกวางลงบนหมอนตามเดิม ดวงตากลมโตเห็นใบหน้าของชายหญิงสูงวัยที่กำลังนั่งมองนางอยู่บนขอบเตียง โดยมีร่างสูงของผู้ชายที่ดูภูมิฐานในวัย 20 สิบต้นๆ ยืนมองอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างกับบุรุษสูงวัยอีกผู้หนึ่งไว้เครายาวสีดำ “เฉียนเฉียน!เป็นอย่างไ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นท่านเจ้าเมืองรีบพลิกท่อนแขนด้านซ้ายหงายท้องแขนขึ้นมาโดยพลัน ก่อนจะเห็นรอยแผลเป็นดังกล่าวอยู่ตรงท้องแขนอย่างชัดเจน และตำแหน่งของแผลเป็นก็ยังถูกต้องตรงกัน ซึ่งทำให้หยางผิงเชื่อมั่นโดยสนิทใจมิมีข้อคลางแคลงใจใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป และทันทีที่พลิกท้องแขนขึ้นมาเพื่อสังเกตรอยแผลไฟลวกดังกล่าวทำให้หวังฮูหยินเอ่ยขึ้นโดยพลัน “บริเวณท้องแขนก็มีแผลเป็นตรงกัน นางคือเฉียนเฉียนลูกสาวของข้าไม่ผิดแน่นอน...ครานี้เชื่อกันหรือยังว่าคนเป็นแม่จำทุกสิ่งของลูกได้ทุกอย่าง”เสียงของหวังฮูหยินกล่าวออกมาด้วยความดีใจเป็นยิ่งนัก ในขณะที่เจ้าเมืองหยางผิงพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพลางจับท่อนแขนเรียวให้พลิกกลับมาดั่งเดิมพร้อมเอ่ยขึ้น “ร่างที่กำลังนอนอยู่ในขณะนี้คือเฉียนเฉียนลูกสาวของข้าตัวจริงอย่างแน่นอน ข้าจำรอยแผลเป็นตรงท้องแขนของนางได้ คนเป็นพ่อและแม่ล้วนจำตำหนิของลูกตัวเองได้เสมอ”หยางผิงกล่าวยืนยันกลับไป หากแต่เพียงครู่ดวงตาดำใหญ่กลับวาวโรจน์ขึ้นมาทันที ครั้นย้อนคิดถึงร่างที่อยู่ในโลงซึ่งเข้าใจมาโดยตลอดระยะเวลาหกปีที่ผ่านมาว่าเป็นบุตรีที่รักยิ่งของตน “และแน่นอนว่าศพที่อยู่ในโลงเป็นผู้อื่นมิใช่
เมืองหลิวนิง ณ.เรือนรับรองหวังฮูหยิน ในยามนี้หวังฉิงชวนยังคงนอนหมดสติอยู่ภายในห้องนอนใหญ่ของหวังฮูหยินเข้าสู่วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว โดยมีหวังฮูหยินเฝ้าคอยดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดเนื้อเช็ดตัวตลอดจนดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง หวังฮูหยินมั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าสตรีที่มีความงดงามลึกล้ำผู้นี้แท้จริงแล้วคือหยางเฉียนเฉียน ธิดาเพียงคนเดียวของนางที่ตายจากไปเมื่อหกปีก่อน ทว่าการปรากฏตัวของสตรีผู้นี้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและได้เห็นทำให้หวังฮูหยินปักใจเชื่อเป็นแม่นมั่นว่าจะต้องใช้สายเลือดของนางอย่างแน่นอน และกำลังเฝ้ารอคอยเจ้าเมืองหยางผิงซึ่งกำลังรีบเร่งเดินทางมาจากเมืองอูเจี๋ยนเป็นการด่วน ทันทีที่ได้รับจดหมายส่งข่าวจากเจ้าเมืองหย่งอันและหวังฮูหยินพร้อมกันเลยทีเดียว และเพื่อพิสูจน์ว่าสตรีผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่จึงมาสวมรอยแอบอ้างบุตรีผู้เป็นที่รัก ซึ่งตายจากไปนานแล้วถึงหกปีให้กลับมามีชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์เยี่ยงไร เจ้าเมืองหยางผิงจึงต้องเดินทางมาด้วยตัวเองเพื่อให้เห็นด้วยตาตัวเอง จึงจะลงความเห็นได้ว่าสมควรจะตัดสินเช่นไร นางเป็นเพียงแค่คนหน้าเหมือนหรือแท้จริงแล้วคือเฉียนเฉียนธิด
ในขณะที่อาหลงยืนสังเกตสถานการณ์รอบตัวที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป “ข้าสามารถจะไปได้หรือยัง”เสียงนั่นเลียบๆเคียงๆ ถามกลับไป “ยัง!”เฉินคังตอบกลับไปห้วนสั้น เล่นเอาอีกฝ่ายใจหล่นลงไปที่ตาตุ่มทันที “ข้าไม่ได้บอกว่าจบคำถามจะไปได้เยี่ยงไร ยังตอบในสิ่งที่ข้าอยากรู้ไม่หมด”จอมโจรหนุ่มตอบกลับไปพลางหรี่ตามองอีกฝ่ายเพื่อประเมินเหตุการณ์พร้อมเอ่ยขึ้น “นางถูกรับเข้าไปรักษาตัวที่จวนเจ้าเมืองที่ไหน..จงบอกข้ามา!”เฉินคังตะคอกกลับไป กายสันทัดสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเสียงตะคอกถามกลับมาเช่นนั้น “มะ...เมือง..เมืองหลิวนิง ก่อนที่ข้าจะออกเดินทางมาที่เมืองอันหยวนนั้น ฮูหยินของท่านเจ้าเมืองอูเจี๋ยนมาเยี่ยมพี่ชายของนางซึ่งเป็นเจ้าเมืองหลิวนิงเข้าให้พอดี และบังเอิญได้ยินมาว่าแท้จริงแล้วนางคือหยางเฉียนเฉียน ท่านหญิงรองจากเมืองอูเจี๋ยน” สิ้นเสียงของอาหลงดวงเนตรสีนิลกาฬเบิกค้างขึ้นมาทันใด “อะไรนะ!”เฉินคังถึงกับยืนนิ่งงันไปชั่วขณะครั้นได้ยินเช่นนั้น “ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังเหมือนกันอีกหรือนี่ ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมารูปลักษณ์ของเฉียนเฉียนแปรเปลี่ยนไปมากมายถึงเพียงใดกันเล่า หา