ธารดาราที่ยังคงตกใจ เพราะอยู่ดี ๆ เธอก็ได้รับคำตอบในเรื่องที่ตนเองสงสัยมาโดยตลอดอย่างไม่คาดคิด แต่เมื่อเธอได้ยินคำถามและได้เห็นสายตาที่แสดงออกว่าเจ้าตัวเริ่มไม่พอใจแล้วจากเตชินท์ เธอก็รีบดึงสติแล้วตอบคำถามเด็กหนุ่มกลับไปว่า
“เปล่าค่ะ พี่ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น! แต่ทำไมเตถึงคิดว่า...พี่จะต้องคิดแบบนั้นกับเตด้วยล่ะคะ?”
“ก็อาจจะเป็นเพราะผมหน้าหวาน แล้วคนที่เพิ่งรู้จักกับผมส่วนใหญ่ก็มักจะคิด และมองผมว่าเป็นแบบนั้นด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้คนภายนอกคิดแบบนั้นกับผม...มันก็อาจจะมาจากตัวผมเอง เพราะที่ผ่านมาผมยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนมั้งครับ”
“แล้วทำไมเตถึงยังไม่เคยมีแฟนเลยล่ะคะ?” ถามจบ ธารดาราก็เห็นความสั่นไหวในแววตาของเตชินท์ เธอจึงรีบพูดต่อทันทีว่า
“เออ...ถ้าไม่สะดวกที่จะตอบ เตไม่ต้องตอบพี่ก็ได้นะคะ”
“เพราะผมมีคนที่ตัวเองรักอยู่ในใจแล้วครับ แต่ที่ผ่านมาผมไม่กล้าเดินเข้าไปสารภาพความรู้สึกที่ตัวเองมีกับเธอ เนื่องจากเธอคนนั้นเคยบอกกับผมว่า...เธอชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า แล้วในสายตาของเธอ...ผมก็คงเป็นได้แค่เพียงน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นน่ะครับ
โดยที่ผ่านมาผมเคยคิดเอาไว้ว่าจะรอให้ตัวเองเรียนจบก่อน จากนั้นผมก็จะรีบเข้าไปเรียนรู้งานในบริษัทจากแม่ ซึ่งผมก็เชื่อว่าถ้าผมมุ่งมั่นและตั้งใจพอ ไม่เกินสองปีผมก็น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของบริษัทได้
แล้วในวันที่ผมประสบความสำเร็จ ผมก็จะเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนั้น แล้วบอกกับเธอว่า...ผมรักคุณ”
“ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดีนะคะ แต่พี่ว่า....”
“แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะครับ”
“เปลี่ยน...เปลี่ยนแล้วหรือคะ?” ถามจบ ธารดาราก็รีบเบือนหน้าหนี เนื่องจากสายตาของเตชินท์ที่ใช้มองมาที่เธอเวลานี้ มันทำให้เธอรู้สึกสั่นไหวขึ้นมาในใจแปลก ๆ
“ครับ อาจเป็นเพราะผมเริ่มโตขึ้น มันจึงทำความคิดรวมไปถึงการมองโลกของผมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผมก็เลยไม่อยากคอยเฝ้ามองเธอคนนั้นอยู่ห่าง ๆ เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วล่ะครับ
ตอนนี้ผมก็เลย...อยากจะเดินเข้าไปบอกความรู้สึกที่ผมมีกับเธอ อยากเข้าไปขอเธอเป็นแฟน เพราะผมอยากเปลี่ยนสถานะไปเป็นคนรักของเธอ และผมก็อยากจะเป็นคนที่เธอรักด้วยครับ”
“อืม...พี่เห็นด้วยกับความคิดของเตในตอนนี้นะคะ จะว่าอย่างไรดีล่ะ...หลังจากผ่านวิกฤตโรคระบาดมา การมองโลกของพี่มันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเหมือนกันค่ะ พี่เริ่มมองว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้ มันไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยค่ะ
แล้วยิ่งในตอนนี้เธอคนนั้นของเต ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เหมาะสมกับเธออยู่ หากมองตามหลักความเป็นจริงไม่แน่ว่า...ในวันที่เตประสบความสำเร็จ แล้วเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนั้น ในช่วงเวลานั้นเธอก็อาจจะแต่งงานมีสามีและมีลูกไปแล้วก็ได้นะคะ”
“ดังนั้นพี่จึงไม่เห็นด้วยกับการที่เตปล่อยเวลาให้มันผ่านเลยไปแบบสูญเปล่า จนสุดท้ายเตก็อาจจะต้องไปเผชิญหน้ากับคำว่า ‘สายเกินไป’หรือไม่ก็คำว่า ‘หากรู้แบบนี้’ซึ่งหากถึงวันที่เตต้องเผชิญหน้ากับสองคำนี้ขึ้นมาจริง ๆ ในวันนั้นเตก็จะรู้สึกเสียดายเวลาที่มันผ่านมา เพราะเตไม่อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้วค่ะ
และที่สำคัญ...การที่เราได้บอกความรู้สึกกับคนที่เรารัก โอกาสที่เราจะได้คบหากับคนคนนั้นมีถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะคะ แต่ถ้าหากเราไม่กล้าแม้แต่จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป ก็เท่ากับว่าเราหมดโอกาสที่จะได้คบหากับคนคนนั้นทันทีเลยค่ะ” พูดจบ ธารดาราก็ส่งยิ้มเพื่อให้กำลังใจเด็กหนุ่มตรงหน้า
“เอาเข้าจริงผมว่า...ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วล่ะ ทำไมวันนั้นผมถึงไม่โกรธไอ้คิม แต่...พี่น้ำหวานครับ ก็อย่างที่บอกกับพี่ไปเมื่อครู่ว่าผมยังไม่เคยมีแฟน ผมก็เลยไม่รู้ว่า...ผมควรจะต้องเข้าหาเธออย่างไร? แล้วถ้าหากผมกับเธอคนนั้นตกลงคบหาเป็นแฟนกันขึ้นมา...หลังจากนั้นผมจะต้องทำตัวอย่างไร? หรือผมจะทำอะไรกับเธอต่อ...
คือ...ผมเคยได้ยินจากเพื่อนในกลุ่มมันพูดกันน่ะครับว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะรอให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเริ่มทำทุกอย่างก่อนเสมอ”
“เออ...” ธารดาราถึงกับพูดอะไรต่อไม่ออก เวลานี้เธอก็เริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่ใบหน้าและใบหูของตัวเองแล้ว เธอจึงรีบก้มหน้าลงแล้วพยายามรวบรวมสติด้วยการดึงแบบทดสอบที่อยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มกลับมาตรวจคำตอบ
“พี่น้ำหวานครับ ตอนนี้พี่มีแฟนหรือยังครับ?”
“ยังค่ะ”
“แล้วพี่เคยมีแฟนไหมครับ?”
“เคยมีค่ะ”
เป็นเพราะตอนนี้ธารดาราเพ่งความสนใจไปที่แบบทดสอบ เธอจึงไม่ทันได้เห็นความรู้สึกไม่พอใจที่ปรากฎขึ้นบนสีหน้าและดวงตาสีนิลของเด็กหนุ่มในชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วเวลาที่พี่น้ำหวานอยู่กับแฟนที่เคยคบหากัน! พวกพี่ทำอะไรกันบ้างหรือครับ? คือ...ผมหมายถึงพวกพี่เคยไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลงด้วยกันบ้างหรือเปล่าน่ะครับ”
ธารดาราถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เพราะด้วยคำถามนี้ของเตชินท์ในประโยคแรก ๆ มันได้ทำให้ธารดาราเผลอคิดเตลิดไปไกล...
“ก็มีไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง แล้วก็ไปร้องคาราโอเกะด้วยกันบ้างค่ะ”
“แล้วพี่เคยจับมือกับแฟนไหมครับ?”
“เคยค่ะ”
“ผมก็เคยจับมือกับเธอคนนั้นด้วยนะครับ ตอนนั้นผมทั้งรู้สึกอบอุ่นหัวใจและรู้สึกดีมาก ๆ เลยล่ะครับ แล้วตอนที่พี่น้ำหวานจับมือกับแฟนที่เคยคบหากัน พี่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือครับ?”
“ก็...ดีค่ะ” ‘จริงหรือ?’ ธารดาราแอบก้มมองมือของตัวเอง
“แล้วพี่เคยทำอย่างอื่นกับแฟนอีกไหมครับ? อย่างเช่น...จูบ พี่น้ำหวานเคยจูบกับแฟนที่เคยคบหากันบ้างไหมครับ?”
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
“เตคะ พรุ่งนี้เตต้องเข้าไปที่โรงงานกี่โมงหรือคะ?” ธารดาราเอ่ยถามเตชินท์ แต่มือทั้งสองข้างกับดวงตาก็ไล่ตรวจดูของใช้ในตะกร้า และกระเป๋าเสื้อผ้าให้กับบุตรทั้งสอง “ไม่เข้าครับ เพราะผมสั่งให้ไอ้นัฐเข้าไปตรวจดูการติดตั้งแทนผมแล้ว” “อย่างนั้นวันพรุ่งนี้...” พูดยังไม่ทันจบ เสียงของบุตรชายก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน “คุณแม่ครับ น้าซูซี่โทรมาครับ” “ขอบคุณครับลูก” จากนั้นธารดาราก็เดินไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสาว แต่ผ่านไปไม่ถึงสองนาที เธอก็เดินกลับมาหาเตชินท์ แล้วก็คงจะด้วยเพราะระยะเวลาในการพูดคุยที่ไม่ปกติ รวมกับความไม่พอใจเล็กน้อยที่เธอน่าจะเผลอแสดงออกทางสีหน้า เตชินท์จึงเอ่ยถามออกมาว่า “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือปล่าครับ?”
ธารดารานั่งมองความวุ่นวายในห้องรับแขก เนื่องจากตอนนี้พี่ธีร์หรือเด็กชายธีร์ธาดางามรุ่งวัยห้าขวบกำลังรับบทลงโทษจากผู้เป็นพ่อด้วยการไปนั่งเข้ามุมเป็นเวลาสามนาที หลังจากที่เจ้าตัวกระชากหุ่นยนต์ตัวโปรดออกมาจากมือของน้องฟ้าหรือเด็กหญิงเนตรนภา งามรุ่งวัยสามขวบครึ่ง เป็นเหตุให้น้องฟ้าล้มก้นกระแทกพื้นร้องไห้จ้า ซึ่งเหตุผลที่พี่ธีร์กระชากหุ่นยนต์ออกมาจากมือน้องฟ้าก็เพราะว่า น้องฟ้าจับหุ่นยนต์ตัวโปรดของพี่ธีร์ฟาดลงกับพื้นไปแล้วสองครั้ง ธารดาราก้มมองบุตรสาวตัวน้อยบนตัก เมื่อครู่เจ้าตัวเพิ่งจะร้องไห้ฟ้องพ่อว่าโดนพี่ชายแกล้ง แต่เวลานี้กลับนั่งอมยิ้มกินขนมอยู่บนตักของเธอเสียแล้ว นี่ขนาดเธอกับเตชินท์มีบุตรด้วยกันเพียงแค่สองคนนะเนี่ย! แล้วถ้าหากในวันนั้นชายหนุ่มไม่ยอมเปลี่ยนความคิดของตัวเอง แล้วยังคงยืนยันที่จะมีลูกด้วยกันให้ได้หกคนตามความคิดของเธอ
เตชินท์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ไม่เห็นธารดารานั่งรออยู่บนเตียง หรือที่โต๊ะเครื่องแป้งเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แล้วเมื่อเขาหันไปมองแถวโถงทางเดิน เขาก็เห็นหญิงสาวกำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์น้ำ ‘ผึ้งดื่มเบียร์!’ ตั้งแต่รู้จักกันมาธารดาราไม่ใช่คนดื่ม หากไม่ใช่ในงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์ หญิงสาวไม่เคยหยิบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ขึ้นมาดื่มให้เห็นเลยสักครั้ง ‘แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?’ เตชินท์เดินเข้าไปหาธารดาราพร้อมกับเอ่ยเรียก และเอื้อมมือไปเขย่าที่ต้นแขนของหญิงสาวเบา ๆ “ผึ้งครับ” “เตอาบน้ำเสร็จแล้วหรือคะ?” “ครับ เออ...ผึ้งเป็นหรือเปล่าครับ? หรือว่ามี...” ถามยังไม่ทันจบ ธารดาราก็ลากเตชินท์
“เตคะ ตื่น! วันนี้เรามีแพลนที่ต้องไปทำกันหลายอย่างเลยนะคะ” ธารดาราเขย่าแขนคนที่โอบกอดร่างกายของเธอเอาไว้ จนเธอไม่สามารถขยับตัวออกมาได้ “ตอนนี้กี่โมงแล้วหรือครับ?” “สิบโมงค่ะ” “เมื่อรู้สึกตัว...ก็รีบปล่อยผึ้งได้แล้วค่ะ ผึ้งจะได้ลุกไปอาบน้ำ” “แต่ผมยังไม่อยากลุกเลยนี่ครับ” ธารดารามองสามีของตัวเองอย่างระอา เวลานี้อ้อมแขนของอีกฝ่ายก็ยังคงกอดรัดร่างกายเธอเอาไว้จนแน่น แถมเตชินท์ก็ยังขยับใบหน้าเข้ามาซุกไซร้ที่ซอกคอของเธออีก ธารดาราจึงกล่าวเสียงเข้มขึ้นว่า “เตคะ เราคุยกันไว้แล้วไม่ใช่หรือคะ? และวันนี้...มันก็วันที่ห้าแล้วนะคะ ที่ผึ้งยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านพักไปไหนเลย” “ขอโทษครับ” 
แล้วเมื่อเตชินท์ได้รับอนุญาต เขาก็กระตุกปมสายผูกเอวของหญิงสาวใต้ร่างพร้อมกับแหวกชุดคลุมออกทันที “อ่ะ! เตคะ!” ธารดาราตกใจจนเผลอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าอกพร้อมกับหนีบขาของตนเองเอาไว้ “ผึ้งสวยขนาดนี้ อย่าปิดเลยนะครับ” พูดจบ เตชินท์ก็ยกมือทั้งสองข้างของธารดาราขึ้นมาจูบ ก่อนจะจับกางออก จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปาก ก่อนจะผละออกมาไล่เลียพร้อมกับขบเม้มไปตามร่างกายขาวผ่องของอีกฝ่าย ซึ่งในขณะเดียวกันฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างของเตชินท์ก็ขยับกลับเข้ามาบีบขยำหน้าอกพอดีตัวของธารดารา แล้วเพียงไม่นานริมฝีปากหนาก็ก้มลงไปครอบครองยอดอกของหญิงสาวใต้ร่างทันที “อื้อ...เตคะ เต...” ธารดาราสั่นสะท้านเมื่อต้องรับสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่เข้ามาบดคลึงอยู่ที่ทรวงอกของเธอ ไปพร้อมกับปลายลิ้นร้ายและริมฝีปากของคนบนร่างที่ทั้งไล่เลีย ขบกัด ดูดดึงยอดอกทั้งสองข้างของเธอสลับกันไปมา ซึ่งบางทีก็คล้ายกับว่าจะ
หลังจากวันที่ธารดารารับปากเรื่องแต่งงานกับเตชินท์ พ่อกับแม่ของเธอและแม่ของเตชินท์ก็นัดกันไปดูฤกษ์แต่งงานให้กับพวกเธอทันที ซึ่งวันมงคลสมรสที่ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวหามาได้มีทั้งหมดสามวัน โดยเตชินท์กับธารดาราตกลงใจเลือกวันมงคลที่อยู่ในช่วงเดือนสิบสองของปีนี้ แล้วหลังจากนั้นความวุ่นวายจากการจัดเตรียมงานแต่งก็เริ่มต้นขึ้นทันที แต่ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยหรืออาจจะมีบางเรื่องที่มันดูติดขัดไปบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ตลอดจนถึงวันแต่งงาน... วันงานมงคลสมรส... ในช่วงเช้าเริ่มต้นด้วยฝ่ายเจ้าบ่าวอย่างเตชินท์เดินทางมาจัดเตรียมขบวนขันหมาก ก่อนจะเคลื่อนขบวนตั้งแต่ปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งพอมาถึงประตูบ้านเจ้าสาว...ขบวนเจ้าบ่าวก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเจอเข้ากับเพื่อนเจ้าสาวของธารดารา รวมไปถึงบรรดาคุณครูในสถาบันสอนภาษายิ้มรับที่มาช่วยกันกั้นประตูเงินประตูทอง แต่ขบวนเจ้าบ