LOGINบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่
“อ๊ะ เสียว”
เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ
“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็ว
ตับ ตับ ตับ
“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่า
เธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่า
และเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หากเกิดว่ามีใครขึ้นมาบนนี้ อาจรับรู้ได้แน่ว่าเขากับเธอกำลังทำเรื่องน่าอายอะไรกันอยู่
“รีบทำเถอะ จะได้รีบลงไปเดี๋ยวคนจะสงสัยเอานะ”
“ครับ อ๊า...” เขาตอบรับด้วยวาจาที่สุภาพ ก่อนที่จะเริ่มตอกสะโพกอัดใส่เธอไม่ยั้งอีกครั้ง เพราะจะได้รีบปลดปล่อยแล้วรีบลงไป เกรงว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะให้คนขึ้นมาตามอีก หากว่ายังไม่เห็นเขาและเธอลงไปสักที
“ไม่ไหวแล้ว” เธอเอาส่ายหน้าไปมา พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“พร้อมกันนะ”
เขาหลับหูหลับตาสาดแรงใส่เธออย่างบ้าคลั่ง เมื่ออารมณ์เตลิดถึงขีดสุด เสียงหัวเตียงชนกับผนังกั้นห้องดังตึงตังปนเสียงครวญครางของคนทั้งคู่ หากว่ามีคนขึ้นมาในเวลานี้ คงต้องได้รู้กันแน่ว่าที่ห้องนี้กำลังเล่นสงครามบนเตียงกันอยู่
แต่คนหน้ามึนแบบเขาหากได้สนใจอะไรไม่ ไม่สนแล้วว่าจะมีใครมาได้ยินหรือเปล่า เพราะอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นใกล้ถึงจุดสูงสุดในตอนนี้นั้น ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งเขาเอาไว้ได้อีกแล้ว
ตับ ตับ ตับ
“อ๊าย...”
“โอ้ว...แป้ง อืมมม”
เมื่อทั้งคู่เสร็จสมอารมณ์หมายพร้อมกัน จึงได้แต่รีบพากันไปเข้าห้องน้ำและชำระร่างกายให้เสร็จสับ ก่อนที่ปกรณ์กิตติ์นั้นจะเป็นคนเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาด้วยร่างกายที่มีเพียงผ้าขนหนูนุ่งไว้อย่างหมิ่นแหม่เพียงผืนเดียว
และเขาก็เดินกลับไปใส่เสื้อผ้าที่ห้องของตัวเองทันที โดยไม่ได้สนใจที่จะเก็บเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาใส่มาก่อนหน้านี้นั้นกลับไปด้วยเลย ถึงแม้จะกระจายอยู่เต็มพื้นห้องก็ตาม
*
*
“ทำไมพึ่งลงมาเอาป่านนี้ ลุงให้ปิ่นขึ้นไปตามเราตั้งนานแล้ว เหนื่อยมากเลยเหรอแป้ง” สุทัศน์ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงทันที ที่เห็นศิรดาเดินลงมา
“มีอะไรกินบ้างครับป้าแก้ว”
ศิรดาที่เดินลงมาแบบเงียบ ๆ กลับไม่ได้ตอบในสิ่งที่สุทัศน์เอ่ยถาม แต่กลับมีเสียงทุ้มของร่างสูงที่เดินลงมาตามหลัง เอ่ยถามแม่บ้านขึ้นมา แล้วเดินผ่านหน้าเธอไปที่โต๊ะอาหารทันที
“ไปกินข้าวพร้อมพี่เขาสิ ลุงเห็นเรายังไม่กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอตั้งแต่กลับมา” สุทัศน์จึงเอ่ยพูดกับเธออีกครั้ง แล้วยังบอกให้เธอไปร่วมโต๊ะอาหารกับลูกชายอีกด้วย เพราะเห็นว่าทั้งคู่ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่ที่กลับมาถึงแล้ว
“แล้วลุงทัศน์ล่ะจ้ะ” เธอหันมาถามทางสุทัศน์กลับบ้าง
“ลุงเรียบร้อยจนมานั่งให้อาหารย่อยนี่แหละ เดี๋ยวก็จะขึ้นห้องแล้ว” สุทัศน์บอกเธอออกไปตามตรง แล้วหันไปสนใจเอกสารอะไรบางอย่างอยู่ในมือต่อ
“มากินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าที่นี่มันไกลจากโรงพยาบาลมาก” ปกรณ์กิตติ์ตะโกนเสียงขึ้นมาพูดกับเธอ เมื่อเห็นว่าศิรดาไม่ยอมเดินตามไปร่วมโต๊ะสักที
“ไปได้แล้ว ขืนให้มันเรียกเป็นครั้งที่สอง เดี๋ยวระเบิดจะลงเอานะแป้ง” สุทัศน์จึงเอ่ยบอกกับเธอ เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี
“ผมได้ยินนะพ่อ” ปกรณ์กิตติ์สวนขึ้นมาทันควัน เมื่อได้ยินในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูดกับศิรดาว่าเกี่ยวกับเขา
ศิรดาจึงต้องยอมไปนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันกับปกรณ์กิตติ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ครั้งนี้ก็เป็นการร่วมโต๊ะอาหารกันเพียงแค่สองคน เพราะสุทัศน์นั้นจัดการตัวเองเรียบร้อยไปก่อนแล้ว
และทุกครั้ง หากว่าเหลือเธอแค่กับปกรณ์กิตติ์ที่ยังไม่ได้รับประทานอาหาร เขาก็มักจะหาข้ออ้างไปทางอื่นตลอด เพื่อไม่อยากมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกับเธอ
แต่ครั้งนี้กลับมาแปลกกว่าทุกครั้งเป็นไหน ๆ เพราะปกณ์กิตติ์นั้นเป็นฝ่ายเอ่ยปากเรียกเธอไปร่วมโต๊ะด้วยตัวเอง
“ชักช้า ป้าแก้วตักข้าวให้แป้งด้วยครับ” ทันทีที่ศิรดานั่งลง เขาก็เอ่ยแหนบแนมเธอขึ้นมา แล้วค่อยหันไปบอกกับป้าแม่บ้านอย่างแก้วตา
“ปิ่นล่ะจ้ะป้าแก้ว” ศิรดาถามแก้วตาออกไป เพราะหมู่นี้เธอมักไม่ค่อยได้เห็นหน้าปิ่นมุกเอาเสียเลย
“คงจะอยู่ที่บ้านนั่นแหละ ช่วงนี้มันติดซีรีย์จนเอาแต่อุดอู้ไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับใครเลย”
“ตั้งแต่เรียนจบมา เหมือนแป้งกับปิ่นจะเริ่มห่างกันยังไงก็ไม่รู้เนอะ”
“หยุดพร่ำก่อน แล้วก็กินข้าว มันดึกมากจะรบกวนเวลาป้าแก้วเขาเสียเปล่า” ปกรณ์กิตติ์แทรกบทสนทนาขึ้นอย่างกลางคัน
“ป้าไปนอนเถอะ ทีเหลือเดี๋ยวแป้งเก็บเองจ้ะ” ศิรดาจึงหันมาบอกกับแก้วตาให้กลับไปพักผ่อน เพราะเวลานี้ก็หมดหน้าที่ของแม่บ้านแล้ว
“แต่ว่า...”
“กลับไปพักผ่อนเถอะครับป้าแก้ว” ปกรณ์กิตติ์จึงช่วยเอ่ยเสริม เมื่อเห็นว่าแก้วตายังคงไม่ยอมกลับไปพักเสียที
เมื่ออยู่กันตามลำพังเพียงแค่สองคน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เข้ามาปกคลุม เพราะศิรดาไม่ยอมพูดหรือตักอะไรใส่จานข้าวตัวเองเลย แม้แต่ใบหน้าเขาเธอก็ยังไม่อยากมอง
“ทำไมไม่กินข้าว” เขาถามขึ้นมาทันที
“ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มที่กดต่ำ พร้อมกับใช้สายตาดุร้ายมองเธอเพื่อเป็นการข่มขู่อย่างน่าเกรงขาม
“เผด็จการ!”
“หึ...” เขาได้แต่แค่นขำออกมาอย่างนึกเอ็นดูเธอ นานวันเข้าเธอก็ยิ่งแต่ทำตัวอ่อนโยนขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงแม้จะมักพูดจาห้วน ๆ ไม่มีหางเสียงก็ตาม แต่เธอจะรู้ตัวบ้างไหม ว่าปฏิกิริยาที่เธอแสดงออกอยู่ในตอนนี้ มันช่างดูน่ารักมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว
“ขำอะไร”
ปกรณ์กิตติ์หุบยิ้มฉับไว เมื่อเธอใช้สายตามองมาทางเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วกระซิบบอกกับเธอ
“คืนนี้ไปห้องฉันนะ”
เคว้ง!!!
ช้อนในมือที่เธอถืออยู่หลุดล่วงลงกระทบกับจานข้าว จนเกิดเป็นเสียงดันขึ้นทันที เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูด
“คุณกิตติ์”
“ฉันไปห้องเธอเองก็ได้ แต่ว่าห้ามล็อคประตูเด็ดขาด ขืนเธอล็อคฉันเข้าไปได้เมื่อไหร่ เธอจะโดนทำโทษข้ามวันข้ามคืนแน่” เขาพูดบอกกับเธออย่างคาดโทษทันที ก่อนที่จะหันมาจัดการกับอาหารตรงหน้าตกเข้าปากเคี้ยวตุยอย่างเอร็ดอร่อย
หวงหรือไง“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ” สุทัศน์ที่พึ่งจะลงมาจากชั้นบนของบ้านนั้นเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายตนที่หายหน้าหายตาไปนานเพราะไปเรียนที่ต่างประเทศกัน“อาทัศน์สวัสดีครับ”สองแฝดหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม เมื่อเห็นเป็นผู้อาวุโสของที่นี่เดินมาทันทายพวกตน“ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน หน้าออกไปทางฝรั่งเสียแล้วสองแฝด ตามสบายเลยนะ อาไม่อยู่รบกวนวัยรุ่นอย่างพวกเราแล้ว” สุทัศน์ได้แต่เอ่ยแซวสองแฝดเพื่อนลูกชายอย่างนึกเอ็นดู“พ่อจะไปไหนครับ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยถามคนเป็นพ่อขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดาของเขานั้นแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน คงต้องมีธุระออกไปข้างนอกแน่“ไปทำธุระนิดหน่อยแล้วแป้งกับปิ่นขอไปด้วย แกมีอะไรหรือเปล่าไอ้กิตติ์” สุทัศน์ตอบลูกชายออกไปตามตรง เพราะเขาพาหญิงสาวสองคนไปด้วยกันจริง แล้วถามลูกชายอย่างนึกจับผิด เพราะร้อยวันพันรปีเจ้าลูกชายไม่เคยถามไถ่เลยว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะไปไหน“เปล่าครับ”ปกรณ์กิตติ์รีบปฏิเสธทันควัน เมื่อเจอสายตาคู่นั้นของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างจับผิด และสุทัศน์ก็เดินออกไปทันที เพราะรู้ว่าสองสาวรออยู่ที่รถแล้ว“น้องคนนั้นชื่ออะไรห
กูชอบน้องแป้ง“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกคร
อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นรุ่งเช้า“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองจากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อน
ต้องทำเวลา NCบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่“อ๊ะ เสียว”เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็วตับ ตับ ตับ“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่าเธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าและเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หาก
ไม่ใช่น้องสาวตกเย็น“หาววว...คุณกิตติ์!!!”หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้างแถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอี
คนคุ้นเคยบ่ายคล้อยของวันต่อมาสวนปกรณ์กิตติ์“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันทีรสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรักหญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธ







