LOGINตกเย็น
“หาววว...คุณกิตติ์!!!”
หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว
“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห
“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา
“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้าง
แถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอีกครั้ง เมื่อดันเข้ามาประตัวแล้วร่างแกร่งก็ตามมาทาบทับเธอไว้
“ทะ ทำอะไร” เธอถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะกำลังรู้สึกประหม่าที่ถูกเขาจู่โจมเธอออกมาแบบนี้
“อยู่เฉย ๆ ฉันแค่จะแตะดูว่าตัวเธอร้อนมีไข้ขึ้นอีกหรือเปล่า ก็แค่นั้นเอง” ปกรณ์กิตติ์ยื่นมือขึ้นไปแตะที่่หน้าผากมนของเธอ และแตะสลับกับหน้าผากของตัวเขาเอง เพื่อเป็นการเทียบอุณหภูมิในร่างกายเธอ
“...” ศิรดาเอาแต่เม้มปากแน่น มองดูการกระทำของเขาที่ปฏิบัติต่อเธอในตอนนี้ มันช่างอ่อนโยนเสียเหลือเกิน ทำเอาใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนแล้วนะ แต่ทำไมหน้าเธอถึงได้แดงขนาดนี้” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยแซวขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งไปของเธอ
“ก็ อื้อ...”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยประท้วงอะไรขึ้น ปากหยักก็ก้มลงมาประกบจูบปิดปากของเธอเข้าเสียแล้ว และเธอเองก็ยอมเผยอปากขึ้นรับจูบจากเขาอย่างรู้งาน โดยที่ไม่ต้องรอให้เขาบอก
“อื้ม...” เสียงครางสุขสมเปล่งอยู่ในลำคอของคนเหนือร่างอย่างพึงพอใจ เมื่อได้เข้าไปกวาดชิมความหวานจากโพรงปากนุ่มนี้อีกครั้ง
จนกระทั่ง!!!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ทำให้จูบแสนหวังของทั้งคู่ต้องชะงักลงไม่เป็นท่า และปกรณ์กิตติ์ก็ยอมผละจูบออกอย่างแสนเสียดาย ทั้งคู่หันไปมองที่ทางประตูพร้อมกัน
“แป้ง...ตื่นหรือยัง? ลุงทัศน์แกให้มาตามลงไปกินข้าวพร้อมกัน” เป็นเสียงของปิ่นมุกที่ดังเข้ามาจากทางด้านนอกห้อง
“ตะ ตื่นแล้วปิ่น กำลังจะอาบน้ำ ปิ่นบอกลุงทัศน์ให้กินไปก่อนได้เลยนะไม่ต้องรอ เดี๋ยวเสร็จแล้วเราจะตามลงไปทีหลังนะ” ศิรดาตะโกนบอกออกไปกับคนที่อยู่ด้านนอก
“...” ปกรณ์กิตติ์ไม่พูดอะไร แต่กับจ้องมองคนใต้ร่างที่กำลังเลิกลั่กทำตัวไม่ถูกอย่างนึกชอบใจ เธอเป็นแบบนี้แล้วดูเป็นสาวน้อยผู้น่ารักขึ้นมาทันที
“มะ มองทำไม ลุกออกไปได้แล้ว เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาเห็นหรอก ว่าคุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉัน” เธอดันอกแกร่งเอาไว้ แล้วบอกให้เขาลุกออกไปจากตัวเธอ
นอกจากปกรณ์กิตติ์ยังไม่ยอมทำตามที่เธอบอกแล้ว เขายังตีมึนจับมือของเธอไปสัมผัสที่เป้าของเขา ที่ตอนนี้ตัวตนกำลังพองขยายอยู่ภายใต้กางเกงบอกเซอร์เนื้อดีที่เขานุ่งเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขอเธอออกไปตามตรง แบบไม่สนแล้วว่าเธอจะมองเขาเป็นคนแบบไหน
“สักรอบก่อนได้หรือเปล่าแป้ง ตอนนี้มันแข็งแล้ว” เสียงกระเส่าเอ่ยขึ้นราวพร้อมกับสายตาที่จ้องมองหน้าเธอด้วยความปรารถนา
“นี่คุณ...จะบ้าหรือไง” ศิรดาเบิกตากว้าง ต่อว่าเขาออกไปทันที คนอะไรหื่นกามได้ตลอดเวลา
“ใช่! ฉันมันบ้าไปแล้วแป้ง” เขายอมรับออกไปตามตรง เพราะเขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ หลังจากที่คืนนั้นเขามีความสัมพันธ์กับเธอ ร่างกายของเขาก็เอาแต่เรียกร้องหาอยู่ตลอดเวลา
“คุณไปตายอดตายอยากมาจากไหนกัน ทำไมถึงได้หื่นขนาดนี้” ศิรดายังคงต่อว่าเขาออกมา
“เพราะเธอนั่นแหละแป้ง”
“ฉัน?” เธอได้แต่เลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ ที่เขาบอกว่าเธอเป็นสาเหตุให้เขาต้องเป็นแบบนี้ แล้วเธอไปทำอะไรให้ ทำไมเขาต้องมาโทษแต่เธอ
“ฉันยอมรับนะ ว่าเมื่อก่อนฉันก็ไม่เป็นคนติดเซ็กส์ถึงขนาดนี้ แต่พอฉันมีอะไรกับเธอตั้งแต่คืนนั้น ร่างกายของฉันมันก็มีแต่ความต้องการอยู่ตลอดเวลาที่เห็นหน้าเธอ เพราะฉะนั้น เธอต้องรับผิดชอบฉันนะแป้ง” เขายอมบอกเธอออกไปตามตรง โดยไม่กลัวที่่จะอายอะไรแล้ว เพราะเขามีความต้องการมากจริง เมื่ออยู่ใกล้กับเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสดใส หรือว่าจาการห่างหายไปนาน ถึงทำให้เขาติดรสเซ็กส์ได้มากถึงเพียงนี้ เขาถึงต้องอยากพิสูจน์ตัวเขาเองว่าสิ่งที่เขาต้องการนี้คืออะไรกันแน่
“ระ รับผิดชอบอะไร”
“นอนกับฉัน ให้ฉันเอาเมื่อไหร่ก็ได้เท่าที่ฉันต้องการ” เขาพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เธอฟังออกไปทันที
“บ้าไปแล้วหรือไงคุณกิตติ์ คุณไม่ทำการทำงานบ้างหรือไง ในสมองถึงเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องพวกนี้ อีกอย่างฉันว่าเราควรยุติเรื่องราวทุกอย่างลงเพียงเท่านี้จะดีกว่านะคุณกิตติ์”
ศิรดาที่ได้ยินดังนั้น ก็เอาแต่ต่อว่าเขาออกไปเสียยกใหญ่ แล้วเธอจึงบอกถึงความต้องการของเธอบ้าง เพราะเธอไม่อยากเป็นคนที่ไม่รู้บุญคุณคน
“ทำไมล่ะแป้ง” เขาถามอย่างตัดพ้อ ที่เธอกำลังจะขอยุติความสัมพันธ์ทางกายนี้ลง
“เพราะฉันเป็นลูกบุญธรรมของพ่อคุณไงคุณกิตติ์”
“ลูกบุญธรรมบ้าบออะไรว่ะ เอกสารเซ็นรับรองบุตรอะไรก็ไม่มีสักอย่าง มันเป็นเพียงแค่ลมปากที่มาจากปากของพ่อฉันเพียงคนเดียวแค่นั้นแหละ เพราะฉันเองไม่เคยเห็นด้วยที่จะเอาเธอมาเป็นน้องบุญธรรมตั้งแต่แรกแล้วไหม” เขาสวนเธอขึ้นมาทันควัน เพราะเขาเองไม่เคยยอมรับเธอเป็นน้องสาวบุญธรรมตั้งแต่แรกแล้ว และอีกอย่างเขาและเธอก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน คงไม่ผิดที่เขาจะมีอะไรกับเธอ เขายอมรับว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะว่าเขาต้องการร่างกายของเธอจริง
“ไม่ให้เป็นน้องบุญธรรม แล้วคุณจะให้ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณล่ะ คุณกิตติ์” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เป็น? เอ่อ เป็น? จ๊วบบบบ”
ปกรณ์กิตติ์ได้แต่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก จึงได้ตัดสินใจก้มลงประกบจูบปากนุ่มของเธอในทันที เพราะไม่ชอบใจเอาเสียเลย ที่เธอชอบพูดแต่คำเดิม ๆ ประโยคเดิม ๆ ที่เขาไม่ค่อยอยากได้ยินมันนัก
“เป็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่น้องสาวของฉัน” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นราวกับกระซิบ
“คุณกิตติ์...”
ปากหยักก้มลงประกบจูบปากของเธออีกครั้ง จนทั้งคู่ไม่อาจจะต้านความต้องการ ความโหยหาของกันและกันได้อีด กระทั่งบทเพลงรักก็เริ่มขึ้นในเวลาต่อมา...
หวงหรือไง“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ” สุทัศน์ที่พึ่งจะลงมาจากชั้นบนของบ้านนั้นเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายตนที่หายหน้าหายตาไปนานเพราะไปเรียนที่ต่างประเทศกัน“อาทัศน์สวัสดีครับ”สองแฝดหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม เมื่อเห็นเป็นผู้อาวุโสของที่นี่เดินมาทันทายพวกตน“ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน หน้าออกไปทางฝรั่งเสียแล้วสองแฝด ตามสบายเลยนะ อาไม่อยู่รบกวนวัยรุ่นอย่างพวกเราแล้ว” สุทัศน์ได้แต่เอ่ยแซวสองแฝดเพื่อนลูกชายอย่างนึกเอ็นดู“พ่อจะไปไหนครับ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยถามคนเป็นพ่อขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดาของเขานั้นแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน คงต้องมีธุระออกไปข้างนอกแน่“ไปทำธุระนิดหน่อยแล้วแป้งกับปิ่นขอไปด้วย แกมีอะไรหรือเปล่าไอ้กิตติ์” สุทัศน์ตอบลูกชายออกไปตามตรง เพราะเขาพาหญิงสาวสองคนไปด้วยกันจริง แล้วถามลูกชายอย่างนึกจับผิด เพราะร้อยวันพันรปีเจ้าลูกชายไม่เคยถามไถ่เลยว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะไปไหน“เปล่าครับ”ปกรณ์กิตติ์รีบปฏิเสธทันควัน เมื่อเจอสายตาคู่นั้นของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างจับผิด และสุทัศน์ก็เดินออกไปทันที เพราะรู้ว่าสองสาวรออยู่ที่รถแล้ว“น้องคนนั้นชื่ออะไรห
กูชอบน้องแป้ง“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกคร
อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นรุ่งเช้า“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองจากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อน
ต้องทำเวลา NCบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่“อ๊ะ เสียว”เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็วตับ ตับ ตับ“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่าเธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าและเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หาก
ไม่ใช่น้องสาวตกเย็น“หาววว...คุณกิตติ์!!!”หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้างแถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอี
คนคุ้นเคยบ่ายคล้อยของวันต่อมาสวนปกรณ์กิตติ์“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันทีรสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรักหญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธ







