LOGINรุ่งเช้า
“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง
“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู
“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน
“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด
“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”
“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเอง
จากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อนจะเดินไปแงมประตูออกเพียงเล็กน้อย เพื่อดูว่าเป็นใครที่มาเคาะประตูห้องเธอตั้งแต่เช้าแบบนี้
“ลุงทัศน์” ศิรดาเบิกตากว้างตกใจแทบจะทำตัวไม่ถูก เมื่อรู้ว่าคนที่เคาะประตูห้อง และยืนอยู่ตอนนี้นั้นเป็นใคร
“ลุงเอง”
“ลุงทัศน์มาเคาะห้องแป้งแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าจ้ะ พอดีแป้งเข้าห้องน้ำเลยไม่ได้ยินว่ามีคนมาเคาะประตู” เธอรวบรวมสติ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ ก่อนที่จจะถามสุทัศน์ออกไป
“ไอ้กิตติ์มันมีงานที่ไหนหรือเปล่า” สุทัศน์ถามขึ้นมาทันที
“แป้งก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ คุณกิตติ์ไม่ได้บอก” ศิรดาตอบออกไปตามตรง เพราะเธอไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับปกรณ์กิตติ์อยู่แล้ว หากว่าเขาไม่บอกเธอ
“แปลก”
“ทำไมหรือจ้ะ” เธอตัดใจสินใจถามคนตรงหน้าออกไปอย่างนึกแปลกใจเหมือนกัน ว่าทำไมผู้พระคุณถึงมาถามเธอ หรือว่าท่านจะรู้ว่าลูกชายท่านและเธอมีความสัมพันธ์เกินเลยกันแล้ว
“ก็ปกติไอ้กิตติ์มันมักจะไม่ตื่นแต่เช้าถ้าตรงกับเสาร์อาทิตย์ แต่เมื่อกี้นี้ลุงไปดูที่ห้องมันมา ไม่เห็นมันอยู่ เลยนึกแปลกใจว่ามันไปไหนแต่เช้าตรู่ขนาดนี้”
“...” ศิรดาเงียบไม่กล้าที่จะออกความคิดเห็นใด ๆ เพราะกลัวว่าจะเผยพิรุธออกมาแล้วถูกคนตรงหน้าสงสัยเอาได้ เลยต้องแกล้งยกมือขึ้นปิดปากหาวราวกับว่ายังคงง่วงนอนอยู่
“ลุงขอโทษนะ ที่มารบกวนเราแต่เช้าเลย ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปนอนต่อเถอะ ดูหน้าเหมือนยังซีด ๆ อยู่เลย”
“คงจจะไม่นอนต่อแล้วจ้ะลุงทัศน์”
ศิรดาจึงปิดประตูไว้คืนเมื่อสุทัศน์จากไปแล้ว เธอเดินมายืนมองคนที่กำลังนอนยิ้มหน้าระรื่นหัวเราะบนที่นอนอย่างนึกโล่งอกที่ไม่ถูกคนเป็นพ่อของเขาจับได้
“ฮึ...”
“คุณขำอะไรของคุณ?” เธอยืนกอดอกถามเขาขึ้นมาทันที ที่เขามองหน้าเธอแล้วขำออกมา เหมือนกับว่าตอนนี้กำลังล้อเลียนเธออยู่เสียอย่างนั้นแหละ
“ฉันไม่ได้ขำเธอหรอกน่า ขำพ่อฉันมากกว่า” พูดตอบและนอนลงอย่างสบายใจ โดยไม่สนใจอะไรอีกเลย
“มีเรื่องอะไรน่าขำกัน กลับห้องคุณไปได้แล้วคุณกิตติ์” เธอเอ่ยปากไล่เขาขึ้นมาทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ก็เช้าแล้ว
“ไม่กลับ ไม่ต้องมาไล่ด้วย มานี้เลย...” เขาตีหน้ามึนตอบ พร้อมกับดึงเธอเข้ามาหาตัว และพลิกตัวขึ้นคร่อมเธออย่างไว
“จะทำอะไร”
“มันตื่นแล้ว เธอเป็นคนปลุกมันขึ้นเธอก็ต้องรับผิดชอบสิแป้ง” เขาได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนมองเธอด้วยความปปรารถนา
“รับผิดชอบอะไร เมื่อคืนคุณก็ทำไปแล้ว ตั้งหลายรอบ ปล่อยได้แล้วฉันจะไปอาบน้ำ” เธอรู้ดีว่าเขากำลังสื่อถึงเรื่องอะไร น้ำเสียงสายตาแบบนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ
“ปล่อยน้ำนี้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปอาบพร้อมกัน” พูดแล้วเขาก็ดึงเชือกผูกเสื้อคลุมที่เธอสวมไว้ออกทันทีอย่างไว้
“มะ ไม่ อื้อ...” ยังไม่ทันทีเธอจะได้ห้ามอะไรไว้ทัน เสียงประท้วงของเธอก็ถูกกลืนลงคอคืนทันที เพราะเขาใช้ความไวปิดปากของเธอไว้เสียแล้ว
จากนั้นบทรักก็ได้เริ่มขึ้นทันที โดยที่ศิรดาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธธหรือกล้าที่ขัดใจคนเอาแต่ใจแบบปกรณ์กิตติ์ได้เลย เพราะเธอเองก็เผลอตัวไปกับการเล้าโลมของเขาเช่นกัน
*
*
ช่วงสายของวัน
“ไอ้กิตติ์...อย่าบอกนะว่าแกพึ่งตื่น” สุทัศน์ถามขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านในช่วงสายของวัน หลังจากที่ตัวเขาเองออกไปตรวจดูงานมา กลับเจอลูกชายพึ่งจะลงมาจากบันไดด้วยสภาพที่ใครก็มองออกว่าพึ่งจะตื่นจากการนอน
“ครับ พ่อถามทำไม” ปกรณ์กิตติ์พยักหน้าตอบผู้เป็นออกไปตามตรง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด ที่จริงแล้วเขานั้นตื่นตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ที่เห็นใบหน้าไม่ค่อยสู้ดีนี้เพราะเพลียจากการหักโหมจับลูกสาวบุญธรรมของท่านกินต่างหากละ
“ฉันแค่นึกแปลกใจ”
“แปลกใจอะไร เสาร์อาทิตย์ผมก็ลงมาเวลานี้ตลอดไหมพ่อ” เพียงแต่ว่าวันนี้นั้นเขาแค่เรทไปกว่าทุกครั้งแค่นั้นเอง
“...” จะไม่ให้คนเป็นพ่อแปลกใจได้อย่างไร ก็เมื่อเช้าไปเคาะแถมยังถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปดู แต่ไม่เห็นเจ้าลูกชายตัวดีอยู่ในห้องเลย แถมที่นอนยังเรียบราวกับว่าไม่ได้ถูกใช้งานเสียอย่างนั้นแหละ
“พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ...”
“ไม่มี...”
“เสียงรถใคร พ่อมีแขกเหรอ”
สองพ่อลูกต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงเมื่อได้ยินเสียงรถขับเข้ามาในบริเวณของบ้าน เพราะว่าพวกเขามักไม่เคยนัดหรือใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาง่าย ๆ นอกเสียจากญาติสนิทมิตรสหายเท่านั้น และน้อยคนนักที่จะมีคนมาหาถึงที่นี่
“ไม่มี พ่อไม่ได้นัดใครมาหาที่นี่หรอก ว่าแต่แกเถอะ ไปโปรยเสน่ห์ไว้จนสาว ๆ ตามมาถึงที่อีกหรือเปล่า” สุทัศน์ปฏิเสธทันควัน แล้วถามลูกชายกลับด้วยวาจาที่ดูประชดประชัน เพราะเมื่อวานนั้นมีหญิงสาวมาหาลูกชายถึงที่นี่
“โปรยเสน่ห์ที่ไหนกันละพ่อ นาน ๆ ทีได้เข้าเมือง แถมไปแต่ละครั้งก็ไม่เคยได้ไปคนเดียว มีลูกสาวพ่อคอยติดตามไปด้วยตลอด แล้วแบบนี้ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปโปรยเสน่ห์ใส่ใครล่ะ”
“ก็แป้งพึ่งจะเรียนจบมากเอง ประสบการณ์อะไรก็ยังไม่มี แกก็ช่วย ๆ สอนงานให้น้องด้วยละกัน เผื่อวันไหนที่น้องมีครอบครัวน้องก็ต้องแยกไปใช้ชีวิตอยู่แล้ว แป้งจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้แบบนี้ไม่ดีหรือไง”
“ไม่ดีครับ” เขาสวนขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อพูดแบบนี้
“ขี้เกียจจจะเถียงกับแกแล้ว เมื่อก่อนก็ไม่เห็นอยากให้น้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเลย พอมาตอนนี้กลับไม่อยากให้น้องไปอยู่ที่อื่นเสียอย่างนั้น นี้แกคิดจะแกล้งน้องไปถึงไหนกัน” ก่อนที่จจะเดินไป ก็ไม่ลืมที่จะเหน็บแหนมลูกชาย
“ที่พ่อส่งแป้งมาตามติดผม เพื่อที่จะได้เรียนรู้อะไรแล้วแยกตัวออกไปมีครอบครัวอย่างนั้นนะหรือครับ ผมบอกตรงนี้เลยว่าไม่มีทาง ที่ลูกสาวพ่อจะไปมีครอบครัวหรือไปอยู่ที่อื่นได้หรอกครับ” เขาพูดขึ้นทันทีที่บิดานั้นเดินจากไปแล้ว ด้วยความไม่พอใจ
หวงหรือไง“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ” สุทัศน์ที่พึ่งจะลงมาจากชั้นบนของบ้านนั้นเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายตนที่หายหน้าหายตาไปนานเพราะไปเรียนที่ต่างประเทศกัน“อาทัศน์สวัสดีครับ”สองแฝดหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม เมื่อเห็นเป็นผู้อาวุโสของที่นี่เดินมาทันทายพวกตน“ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน หน้าออกไปทางฝรั่งเสียแล้วสองแฝด ตามสบายเลยนะ อาไม่อยู่รบกวนวัยรุ่นอย่างพวกเราแล้ว” สุทัศน์ได้แต่เอ่ยแซวสองแฝดเพื่อนลูกชายอย่างนึกเอ็นดู“พ่อจะไปไหนครับ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยถามคนเป็นพ่อขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดาของเขานั้นแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน คงต้องมีธุระออกไปข้างนอกแน่“ไปทำธุระนิดหน่อยแล้วแป้งกับปิ่นขอไปด้วย แกมีอะไรหรือเปล่าไอ้กิตติ์” สุทัศน์ตอบลูกชายออกไปตามตรง เพราะเขาพาหญิงสาวสองคนไปด้วยกันจริง แล้วถามลูกชายอย่างนึกจับผิด เพราะร้อยวันพันรปีเจ้าลูกชายไม่เคยถามไถ่เลยว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะไปไหน“เปล่าครับ”ปกรณ์กิตติ์รีบปฏิเสธทันควัน เมื่อเจอสายตาคู่นั้นของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างจับผิด และสุทัศน์ก็เดินออกไปทันที เพราะรู้ว่าสองสาวรออยู่ที่รถแล้ว“น้องคนนั้นชื่ออะไรห
กูชอบน้องแป้ง“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกคร
อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นรุ่งเช้า“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองจากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อน
ต้องทำเวลา NCบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่“อ๊ะ เสียว”เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็วตับ ตับ ตับ“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่าเธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าและเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หาก
ไม่ใช่น้องสาวตกเย็น“หาววว...คุณกิตติ์!!!”หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้างแถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอี
คนคุ้นเคยบ่ายคล้อยของวันต่อมาสวนปกรณ์กิตติ์“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันทีรสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรักหญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธ







